x close

2 สูตรเต้าหู้เย็น เมนูขนมหวานสุดฮิตที่ต้องลองทำสักครั้ง

2 สูตรเต้าหู้เย็น เมนูขนมหวานสุดฮิตที่ต้องลองทำสักครั้ง

         ปังมาก ! เมนูเต้าหู้เย็น ขนมหวาน ที่ยังคงฮอตฮิตแรงดีไม่มีตก จากที่เคยเห็นคนเข้าคิวแวะเวียนไปกินที่ร้านดังจนแถวยาวเหยียด ตอนนี้กลายเป็นการแชร์ภาพอวดการทำเต้าหู้เย็นกินเองกันอย่างหนาตา เหมาะกับใครก็ตามที่ไม่สะดวกไปรอคิวก็มาลองทำเต้าหู้เย็นเองง่าย ๆ ในวันหยุดได้

          วันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีทำเต้าหู้เย็นมาฝาก 2 แบบด้วยกัน สูตรแรกเป็นแบบเนื้อเด้งดึ๋ง และอีกสูตรเป็นแบบเนื้อแข็งเหมือนวุ้น ซึ่งทั้ง 2 วิธีทำเต้าหู้เย็นนี้เป็นสูตรมาจากคุณจุ๋ม จากเพจเฟซบุ๊ก ว่างเป็นเข้าครัว ไม่ว่าสีไหนก็อร่อย เลือกทำเลือกหม่ำได้ตามสบาย ยิ่งวางเคียงกับท็อปปิ้งตามชอบก็ถูกใจเป็นสองเท่า

          ซึ่งคุณจุ๋มได้บอกไว้ว่า เต้าหู้เย็น 2 สูตรนี้จะต่างกัน ถ้าคนที่ชอบเนื้อเต้าหู้แข็งคล้ายทานวุ้นกะทิ ขอแนะนำสูตรสีเขียวแต่ถ้าคนไหนอยากทานเต้าหู้เย็นเนื้อนิ่มเด้งดุกดิกจะแนะนำให้ทำสูตรสีชมพูค่ะ

2 สูตรเต้าหู้เย็น เมนูขนมหวานสุดฮิตที่ต้องลองทำสักครั้ง

 เต้าหู้เย็นสูตรเนื้อแข็ง (ชาเขียว)

 ส่วนผสม

           น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย (หรือนมถั่วเหลืองแบบกล่อง)
          นมสด 1 ถ้วย (ถ้าต้องการเติมสีสันอื่น สามารถเลือกใช้น้ำใบเตยคั้น นมสดรสสตรอว์เบอร์รี นมสดรสช็อกโกแลต นมสดรสกาแฟ หรือรสอื่น ๆ ตามชอบ แต่ต้องปริมาณ 1 ถ้วย)
          ผงชาเขียว 2 ช้อนชา
          น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
          ผงวุ้น 2 ช้อนชา
          ท็อปปิ้ง เลือกตามชอบ เช่น บลูเบอร์รีสด, เชอร์รี, สตรอว์เบอร์รี, มาร์ชแมลโลว์

วิธีทำ

           1. ใส่น้ำเต้าหู้กับนมสดลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ต้มไม่ต้องเดือด

          2. ใส่ผงวุ้นลงไปคนให้ละลาย ใส่สีลงไปตามชอบ

          3. ใส่น้ำตาลทรายแดง (จะชิมรสชาติก่อนก็ได้ว่าอยากได้หวานมากหรือหวานน้อย เพิ่มน้ำตาลตามชอบ) และเติมผงชาเขียวคนต่อจนน้ำตาลทรายละลาย และผงชาเขียวละลายเป็นเนื้อเดียวกัน

          4. ยกลงจากเตา เทใส่ถ้วยพิมพ์ที่เตรียมไว้ รอให้ส่วนผสมเย็นลง นำแช่ตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง

          5. เตรียมท็อปปิ้งผลไม้สด เช่น บลูเบอร์รี เชอร์รี สตรอวเบอร์รี หรืออื่น ๆ ตามชอบ เช่น มาร์ชแมลโลว์

          6. เต้าหู้เซตตัวดีนำออกมาแล้วกดเบา ๆ รอบพิมพ์ เขย่าเบา ๆ คว่ำพิมพ์ลงก็หลุดแล้ว

          7. ใช้มีดกรีดอย่าให้ลึกจนขาด กรีดให้เป็นตัว V และทานราดด้วยนมข้นหวาน น้ำผึ้ง ซอสช็อกโกแลต หรือทานเปล่า ๆ ก็ได้ค่ะ



2 สูตรเต้าหู้เย็น เมนูขนมหวานสุดฮิตที่ต้องลองทำสักครั้ง

 วิธีทำเต้าหู้เย็นสูตรเด้งดึ๋ง (สูตรนี้สามารถทำได้ 3 สี คือ สีชมพู สีเขียว และสีขาวธรรมชาติ)

 ส่วนผสม

           นมถั่วเหลือง 1 1/2 ถ้วย (หรือแบบกล่องรสจืด)
          นมสด 1 ถ้วยตวง
          ผงวุ้น 1 1/2 ช้อนชา (ลดจากเดิมลงมา)
          น้ำตาลทรายแดง 3 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มจากเดิมเพราะชอบหวาน)
          น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย กลิ่นสละ (ผงชาเขียว หรือสีจากธรรมชาติ ตามชอบ)
          ท็อปปิ้ง เลือกตามชอบเลยค่ะ เช่น กีวีหั่นแว่น, บลูเบอร์รี, ส้มหั่นแบ่งครึ่งกลีบ, สตรอว์เบอร์รี, เชอร์รี

วิธีทำ

          1. ใส่นมถั่วเหลืองกับนมสดลงไปในหม้อ ตั้งไฟปานกลาง พอเริ่มมีควันร้อนขึ้นมาให้ใส่ผงวุ้นลงไป ค่อย ๆ คนให้ทั่วก้นหม้อ ระวังก้นหม้อไหม้
         2. พอผงวุ้นละลายไม่ติดทัพพีแล้ว ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้น้ำตาลละลาย ปิดไฟ (อย่าให้นมสดเดือดนะคะ เอาแค่ร้อน สังเกตจากขอบ ๆ ขึ้นฟองปุด ๆ เล็กน้อย)
         3. แยกน้ำนมใส่ถ้วยพิมพ์ตามสีที่ต้องการ 3 ถ้วย (ให้ไวอย่าช้าเด็ดขาด)
         4. ใส่ผงชาเขียวลงไปในน้ำนมถ้วยแรก (จะได้เต้าหู้เย็นสีเขียว) แล้วเอากลับไปตั้งไฟปานกลางและใช้ตะกร้อมือคนจนละลาย (อย่าให้เดือดนะคะ)
         5. หยดน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยลงไปในน้ำนมถ้วยที่สอง (จะได้เต้าหู้เย็นสีชมพู) แล้วใช้ตะกร้อมือคน ๆ ให้เข้ากัน
         6. อีกหนึ่งถ้วยไม่ต้องใส่สีใด ๆ ลงไปในถ้วย (จะได้เต้าหู้เย็นสีขาวธรรมชาติ)
         7. หลังจากเทส่วนผสมเต้าหู้เย็นเสร็จแล้วจึงนำเข้าตู้เย็น แช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของถ้วย (หากเป็นถ้วยสีขาวธรรมชาติแช่ตู้เย็นแค่ครึ่งชั่วโมงเพราะมันเล็กค่ะ)
         8. ค่อย ๆ แกะออกจากพิมพ์ จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผลไม้ เช่น กีวี บลูเบอร์รี ส้ม สตรอว์เบอร์รี เชอร์รี หรือท็อปปิ้งตามชอบ ทานคู่กับซอสช็อกโกแลต น้ำผึ้ง หรือนมข้นหวานก็ได้ค่ะ

          เมนูเต้าหู้เย็น 2 สี 2 รสชาติ ใครที่ชอบรสสัมผัสแบบไหนไม่ว่าจะแข็งคล้ายทานวุ้นกะทิ หรือเนื้อนิ่มเคี้ยวง่ายก็สามารถเลือกทำได้ตามชอบเลยค่ะ ถ้าได้กินเย็น ๆ ก็ยิ่งฟินมากเลยล่ะ เหมาะทำทานเป็นของหวานยามบ่ายเพิ่มความสดชื่นไปแบบเต็ม ๆ ค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เพจเฟซบุ๊ก ว่างเป็นเข้าครัว




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
2 สูตรเต้าหู้เย็น เมนูขนมหวานสุดฮิตที่ต้องลองทำสักครั้ง อัปเดตล่าสุด 12 พฤษภาคม 2562 เวลา 14:40:34 61,679 อ่าน
TOP