x close

16 สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม ชื่อคือใช่แต่ไฉนเป็นของคาว

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

          ทำไมอาหารไทยบางอย่างถึงเรียกว่าขนม ? แท้จริงคืออาหารคาว แต่ก็ช่างปะไร มาชวนทำอาหารไทยชื่อนำหน้าว่าขนมกันให้อิ่มหนำ ทั้งอาหารจานเดียวและอาหารว่าง หน้าตาคุ้นเคย จัดเลยลูกพี่ 

          เอ่ยถึงขนมนึกถึงขนมหวานกันใช่ไหมคะ แต่กระซิบว่ามีขนมที่เป็นของคาวด้วยนะ สงสัยกันล่ะสิ เอาล่ะ… เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้นขอยกตัวอย่าง เช่น ขนมจีน ขนมจีบ หรือขนมผักกาด ที่มีคำว่า "ขนม" ขึ้นต้นอาจเกิดจากการเพี้ยนเสียงจากคนสมัยก่อน หรือเหตุผลต่าง ๆ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุอะไรก็ช่างเถอะ ใครสนใจอยากทำขนมแบบคาว ๆ ไว้กินในครอบครัว กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 16 สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม เช่น ขนมจีนน้ำพริก ขนมช่อม่วง ขนมถ้วยจีน (จุ๋ยก๊วย) ขนมกุยช่าย และสูตรอาหารอื่น ๆ อีกเพียบ ตอนนี้ท้องร้องแล้วค่ะ ไปจดสูตรกันเลยดีกว่า

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

1. ขนมจีนน้ำยาปู

          สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนมเมนูแรกที่อยากให้ลองทำคือ เมนูขนมจีนน้ำยาปู สูตรจาก คุณ maekwansri สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) สูตรนี้เป็นน้ำยาปักษ์ใต้ ใส่เนื้อปูเน้น ๆ กินกับผักสดก็เริด เพิ่มไข่ต้มสักฟองก็เจิด เตรียมขนมจีนรอไว้เลยพวก

ส่วนผสม ขนมจีนน้ำยาปู

          • หัวกะทิกับหางกะทิ 2 กิโลกรัม
          • พริกแกงใต้ 500 กรัม
          • กรรเชียงปู 800-1,000 กรัม
          • น้ำตาลปี๊บ (ตามชอบ)
          • เกลือ (ตามชอบ)
          • ส้มแขก (ตามชอบ)
          • ขนมจีน
          • ผักซอย (ตามชอบ)
          • ไข่ต้ม

วิธีทำขนมจีน น้ำยาปู

          • 1. เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน จากนั้นใส่พริกแกงใต้ลงไปผัดให้หอม

          • 2. ใส่หางกะทิลงไปคนให้เข้ากัน ปรุงรสเค็มหวานตามชอบ ใส่ส้มแขกลงไปจะทำให้มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย ปล่อยให้เดือด

          • 3. ใส่เนื้อปูลงไปคนให้เข้ากันอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เนื้อปูแตก ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ปิดไฟ

          • 4. ตักราดขนมจีน กินพร้อมผักซอย ไข่ต้ม (มันดีงามมาก ๆ)

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีนน้ำยาปู สูตรปักษ์ใต้รสเด็ด เนื้อปูเน้นเต็มคำ

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

2. ขนมจีนแกงปูใบชะพลู

          อีกหนึ่งเมนูขนมที่ไม่ใช่ขนมสักนิด นั่นก็คือ ขนมจีนน้ำยาปูใบชะพลู ใครที่ชอบกลิ่นหอมของใบชะพลูจับมาทำเมนูขนมจีนแกงปูใบชะพลูกัน อีกหนึ่งสูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม ขอแนะนำสูตรจากคุณสาวนุ้ย@ภูเก็ต สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้น้ำแกงเข้มข้น ใส่กะปิเพิ่มความเค็ม จุดเด่นคือ ใส่ใบชะพลูเพิ่มกลิ่นหอม ถ้าเบื่อขนมจีนก็จับราดเส้นหมี่ได้นะคะ อร่อยเหมือนกันจ้า

ส่วนผสม ขนมจีนแกงปูใบชะพลู


          • น้ำพริกแกง 
          • กะปิ
          • เนื้อปู
          • กะทิ
          • ใบชะพลู
          • น้ำตาลทราย
          • เกลือ
          • ขนมจีน

วิธีทำขนมจีนแกงปูใบชะพลู


          • 1. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ใส่หัวกะทิ เครื่องแกง และกะปิ

          • 2. คนส่วนผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟอ่อน ๆ พอเดือด เริ่มมีกลิ่นหอมของเครื่องแกง ค่อย ๆ เติมหางกะทิ ต้มจนได้ที่แล้วปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือ ชิมให้ได้รสที่ต้องการนะคะ แนะนำว่าควรใช้น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลปึกนะ จะทำให้รสชาติน้ำแกงกลมกล่อมกว่า แต่ ณ เพลานั้น นุ้ยคว้าอะไรได้ก็จัดเลย

          • 3. หลังจากปรุงรสตามชอบแล้ว นุ้ยเลือกที่จะใส่เนื้อปูก่อนเนื่องจากว่าที่บ้านมีเด็กน้อยที่ไม่ชอบกลิ่นใบชะพลู จึงไว้ใส่ตอนท้าย

          • 4. หลังจากนั้นใส่ใบชะพลูตามลงไปได้เลยค่ะ คนอีกรอบ แบบเบามือหน่อย ระวังเนื้อปูจะเละค่ะ รอเดือดได้ที่ ตักใส่จานเสิร์ฟได้เลย

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีนแกงปูใบชะพลูกลิ่นหอมชวนหิว

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

3. ขนมจีนพะแนงเห็ด


          เห็ดซื้อมาเยอะแยะ ครั้นจะเอาไปทำเมนูผัดเห็ดน้ำมันหอยก็เยอะไป ลองจับมาทำขนมจีนพะแนงเห็ดอีกสักจาน สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ไม่ใส่เนื้อสัตว์ มีแต่เห็ดล้วน ๆ กับน้ำแกงพะแนง เพิ่มสีสันจากพริกชี้ฟ้าและใบโหระพา เสิร์ฟกับเส้นขนมจีน หรือข้าวสวยก็เหมาะค่ะ

ส่วนผสม ขนมจีนพะแนงเห็ด

          • น้ำพริกแกงพะแนง 2 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
          • หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
          • กะทิเข้มข้นปานกลาง 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
          • เห็ดฟาง (ผ่าครึ่งดอก) 100 กรัม
          • เห็ดออรินจิ (หั่นเป็นชิ้น) 50 กรัม
          • หน่อไม้ฝรั่ง (หั่นเป็นท่อน) 50 กรัม
          • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • พริกชี้ฟ้าสีแดง (หั่นเฉียง) 1 เม็ด
          • ใบโหระพา 1/2 ถ้วยตวง
          • ขนมจีนสีต่าง ๆ ตามชอบ

วิธีทำขนมจีนพะแนงเห็ด

          • 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่น้ำพริกแกงพะแนงลงไปผัดพอหอม แล้วค่อย ๆ ใส่หัวกะทิลงไปผัดจนแตกมัน

          • 2. เติมกะทิ เห็ดออรินจิ เห็ดฟาง และหน่อไม้ฝรั่งลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและซีอิ๊วขาว

          • 3. ใส่พริกชี้ฟ้าและใบโหระพาลงไปคนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย จัดเสิร์ฟพร้อมขนมจีนสีต่าง ๆ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีนพะแนงเห็ด เมนูมังสวิรัติแบบไทย ๆ ไม่จืดชืด

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

4. ขนมจีนน้ำพริก

          ใครไม่ชอบกินเผ็ดแต่อยากกินขนมจีน ขอแนะนำเมนู ขนมจีนน้ำพริก สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม อีกหนึ่งสูตรขนมจีนอร่อย ๆ น้ำพริกรสหวานหอมกลมกล่อม ใส่หมูสับกับกุ้ง เพิ่มกลิ่นหอมจากกระเทียมและหอมแดง แม้จะมีหลายขั้นตอนแต่ทำแล้วคุ้ม

ส่วนผสม ขนมจีนน้ำพริก

          • ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก
          • มะพร้าวขูด (ที่ยังไม่ได้คั้น) 100 กรัม
          • หอมแดงปอกเปลือก
          • กระเทียม
          • พริกแห้งเม็ดใหญ่ (แช่น้ำจนนิ่มทั้งเมล็ด)
          • หอมแดงซอย
          • กระเทียมฝานบาง
          • ข่าฝานเป็นแว่น
          • รากผักชี
          • กุ้ง (ปอกเปลือกผ่าหลัง)
          • กะทิ
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
          • หมูสับ
          • ถั่วลิสงคั่วป่น
          • น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
          • เกลือป่น
          • น้ำมะขามเปียก
          • น้ำมะนาว
          • น้ำมะกรูด
          • น้ำส้มซ่า

เครื่องเคียง

          • ขนมจีน
          • หัวปลีซอย
          • ผักสดตามชอบ

          หมายเหตุ : หาน้ำส้มซ่าไม่ได้ ก็ไม่ต้องใส่ใช้ความเปรี้ยวทั้งสามก็พอแล้ว ** จริง ๆ สูตรโบราณจะมีระกำฝานมาด้วยนะ แต่พอแค่นี้ก่อน อะไรที่หายากก็ละเว้นบ้างก็ได้

วิธีทำขนมจีนน้ำพริก

          • 1. นำถั่วเขียวไปคั่วในกระทะให้หอมและมีสีออกน้ำตาลนิด ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่นอาหาร ปั่นจนละเอียด (ใครจะศรัทธาใช้ครกหินก็ได้นะ แต่ว่าทำคนเดียวเองทั้งหมด หากมานั่งตำคงเสียเวลาไปนิด)

          • 2. นำมะพร้าวขูดไปคั่วในกระทะให้เหลือง

          • 3. เจียวกระเทียมและหอมแดงให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้สำหรับโรยหน้า

          • 4. นำพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วไปปั่น เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ปั่นจนละเอียด จากนั้นนำมากรองเอาเม็ดออก เอาเฉพาะน้ำพริกข้น ๆ (อันนี้แหละน้ำพริกของแท้และแน่นอน คั้นให้ได้ประมาณ 1 ถ้วยแกงโต ๆ)

          • 5. นำหอมแดง กระเทียม และข่าไปคั่วไฟให้หอม แล้วไปโขลกหรือปั่นรวมกับรากผักชี ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้

          • 6. นำกุ้งไปต้มในน้ำกะทิจนสุกแล้วนำมาปั่นหรือโขลกให้ละเอียด

          • 7. แบ่งน้ำพริกที่คั้นเอาไว้มาผัดกับน้ำมันพืชในกระทะจนหอม ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำกะทิ (ที่เหลือจากต้มกุ้ง) ลงไปเล็กน้อย ใส่เนื้อกุ้งลงไป ตามด้วยหมูสับลงไปผัดจนสุก ปิดไฟ เตรียมไว้

          • 8. ใส่กะทิที่เหลือลงในหม้ออีกหนึ่งใบ นำขึ้นตั้งไฟ จากนั้นเทส่วนผสมน้ำพริกที่ผัดไว้เมื่อครู่ลงไป ใส่มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสงป่น และถั่วเขียวป่นลงไป

          เคล็ดลับ : ถั่วเขียวป่นอย่าเพิ่งใส่มาก ใช้ประมาณ 1 ถ้วยข้าวต้มกุ๊ยก่อน เพราะถ้าใส่มากเวลาเย็นน้ำขนมจีนจะข้นเกินไป ส่วนถั่วลิสงให้ใส่เยอะกว่าเพื่อน กะ ๆ เอาประมาณ 4-5 ถ้วยข้าวต้มกุ๊ย จากปริมาณกะทิ มากกว่า 1/2 กก. เล็กน้อย แต่ไม่ถึง 1 กก. คือพูดง่าย ๆ ถ้ามันเหลวไปก็เติมภายหลังได้ แต่แรก ๆ อย่าเพิ่งใส่เยอะ


          • 9. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปประมาณ 1/2 กก. (ใส่ไปก่อน ค่อยมาเพิ่มทีหลังได้ ตอนชิม) ตามด้วยเกลือป่น (ใส่ประมาณนี้ บางคนเขาก็ใช้น้ำปลาก็มี แต่สูตรนี้ไม่ใส่น้ำปลา) น้ำมะขามเปียก น้ำมะนาว และน้ำมะกรูด (เราชอบกลิ่นมะกรูด เลยใส่ไปมากกว่าความเปรี้ยวชนิดอื่น ปรุงให้ได้รสเปรี้ยวนำนิด ๆ (แต่ไม่เปรี้ยวโด่ง) คู่ไปกับรสหวานที่ตามมาติด ๆ เค็มให้อยู่รั้งท้าย)

          • 10. นำน้ำพริกคั้นไปผัดกับน้ำมันพืชอีกครั้ง เทลงในหม้อน้ำพริก คนผสมให้เข้ากัน ใส่กระเทียมเจียว หอมแดงเจียวที่เตรียมไว้ลงไป ใส่ผิวมะกรูดลงไป (ลอยให้หอม ๆ)

          • 11. ซอยหัวปลีแล้วแช่ในน้ำ ใส่เปลือกมะกรูดลงไป (จะทำให้หัวปลีซอยไม่ดำและมีกลิ่นหอม)

          • 12. ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อม ขนมจีน และเครื่องเคียง

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมจีนน้ำพริก ความฟินสุดอร่อยที่คุณก็ทำได้

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

5. ขนมผักกาด

          ขนมผักกาด สูตรอาหารว่างไทย ๆ ที่ไม่ใช่ขนมเหมือนชื่อ หากินได้ตามร้านผัดไทย แต่ถ้าอยากทำเองก็ไม่ยากเย็นอะไร ขอแนะนำขนมผักกาด สูตรจาก คุณ Rin\'s Cookbook (#Rinscookbook) ส่วนผสมหลัก ๆ คือ ไช้เท้าและเครื่องเครา ได้แก่ กุ้งแห้ง ถั่วลิสง เห็ดหอม พอนึ่งเสร็จก็กินแบบนิ่ม ๆ ได้เลย หรือถ้าอยากกินแบบกรอบนอกนุ่มในต้องเอาไปทอด เสิร์ฟกับน้ำจิ้มรสเผ็ด ลองทำเป็นอาหารว่างสักมื้อสิคะ    

ส่วนผสม ขนมผักกาด

          • ไช้เท้าขูดฝอย 2.2 ปอนด์ (ประมาณ 1 กิโลกรัม)
          • กุ้งแห้ง 1/4 ถ้วยตวง
          • เห็ดหอม 18 ดอก
          • น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย ตวง
          • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
          • เกลือ 3 ช้อนชา
          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
          • แป้งมันสำปะหลัง 5 ช้อนชา
          • น้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง
          • ถั่วลิสงต้ม 1/4 ถ้วยตวง
          • ต้นหอมซอย 2 ต้น

ส่วนผสม น้ำจิ้มขนมผักกาด

          • ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
          • พริกตำซัมบัล
          • น้ำมันงา
          • น้ำตาลทราย
          • ซีอิ๊วขาว
          • น้ำส้มสายชู

วิธีทำขนมผักกาด


          • 1. นำไช้เท้ามาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด แล้วนำไปขูดฝอยด้วยเครื่องขูดอาหารไฟฟ้า (หรือที่ขูดมะละกอ) หรือสับหยาบ ๆ เตรียมไว้

          • 2. ล้างกุ้งแห้งให้สะอาด แช่น้ำเปล่าเล็กน้อยเพื่อให้นิ่มตัวลง แบ่งออกมาส่วนหนึ่งเพื่อสับหยาบ ๆ พักไว้

          • 3. นำเห็ดหอมไปแช่น้ำเปล่า พอนิ่มตัวลงแล้วแบ่งออกมาส่วนหนึ่งเอามาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ อีกส่วนหนึ่งหั่นเป็นเส้น ๆ พักไว้

          • 4. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางใส่น้ำมันพืชลงไป ใส่กระเทียมสับลงไปผัดจนมีกลิ่นหอมและเริ่มเปลี่ยนสี ใส่กุ้งแห้งและเห็ดหอมลงไปผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดจนมีกลิ่นหอม ปิดไฟ พักทิ้งไว้

          • 5. ใส่ไช้เท้าขูดฝอยลงในกระทะใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ผัดจนน้ำจากไช้เท้าออกมา น้ำจากไช้เท้าไม่ต้องทิ้งเพราะจะมีรสชาติหวาน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ ผัดประมาณ 5 นาที หรือจนใสและสุก 

          • 6. ระหว่างรอไช้เท้าสุกก็มาทำส่วนผสมแป้ง ด้วยการนำแป้งข้าวเจ้าและแป้งมันสำปะหลังใส่ลงในอ่างผสม เทน้ำอุ่นลงไปคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็เทลงไปในส่วนผสมไช้เท้าในกระทะ คนอย่างรวดเร็วไม่เช่นนั้นจะเป็นก้อน หลังจากนั้นทำการกวนตัวแป้งจนไช้เท้าร่อน และแป้งมีลักษณะใส

          • 7. ใส่กุ้งแห้งกับเห็ดหอมที่ผัดแล้วลงไปคนผสมจนเข้ากัน สุดท้ายแบ่งถั่วลิสงต้มใส่ลงไปส่วนหนึ่ง คนให้เข้ากันอีกครั้ง โรยน้ำมันพืชอีกเล็กน้อยเพื่อให้เนื้อเนียนและใสมากขึ้น ปิดไฟ

          • 8. ใส่ส่วนผสมขนมผักกาดลงไปในถาดทนความร้อนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6X7 นิ้ว ที่เตรียมไว้ ถ้าเกลี่ยแล้วหน้าแป้งไม่เรียบใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อยและใช้ช้อนปาดหน้าให้เรียบเนียน

          • 9. โรยหน้าด้วยถั่วลิสง เห็ดหอม และกุ้งแห้งที่เหลือไว้ พยายามกดท็อปปิ้งลงในตัวแป้ง เสร็จแล้วนำไปนึ่งประมาณ 40-45 นาที หรือจนสุก

          • 10. ถ้าต้องการกินนิ่ม ๆ จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ ถ้าต้องการนำไปทอดปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นสนิทประมาณ 1 ชั่วโมง หรือ 1 ชั่วโมง 30 นาที หรือนำไปแช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืนเพื่อนำมาทอดวันรุ่งขึ้น

          • 11. นำขนมผักกาดหั่นเป็นแผ่นหนาประมาณ 1 นิ้ว ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลางใส่น้ำมันพืชลงไป นำขนมผักกาดลงไปทอดประมาณ 5-7 นาทีต่อด้าน หรือจนเป็นสีน้ำตาลทอง

          • 12. ทำน้ำจิ้มโดยใส่ซีอิ๊วดำ พริกตำ น้ำมันงา น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และน้ำส้มสายชูคนผสมให้เข้ากัน เสิร์ฟคู่กับขนมผักกาด โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมผักกาด ครบรสเครื่อง แน่นอร่อยยามว่าง

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

6. ขนมผักกาด (สูตรใช้กระทะเทฟลอน)

          ถ้าสูตรขนมผักกาดด้านบนนั้นยากเกินไป มือใหม่หัดเข้าครัวคงต้องหันมาหาวิธีทำ ขนมผักกาดสูตรนี้จาก คุณ Swin สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ไม่ต้องนึ่งทำเสร็จพร้อมทอดทันที ขนมผักกาดแป้งบางเนื้อนุ่มผัดกับกุนเชียงทอด ถั่วงอก และใบกุยช่าย น้ำจิ้มไม่ต้อง มีแค่ช้อนกับส้อมก็พอ 

ส่วนผสม ขนมผักกาด

          • หัวไช้เท้า 1 หัว
          • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
          • แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำ 1 ถ้วย + 1/3 ถ้วย
          • เกลือป่น 1 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช
          • กุนเชียง
          • ไข่เป็ด
          • ซีอิ๊วดำ เล็กน้อย
          • ซีอิ๊วขาว เล็กน้อย
          • ถั่วงอก
          • ใบกุยช่าย

วิธีทำขนมผักกาด

          • 1. นำหัวไช้เท้าไปขูดให้เป็นเส้น ๆ ด้วยเครื่องผสมอาหาร (Food Processor)

          • 2. ใส่เกลือลงไปในหัวไช้เท้าที่ขูดไว้ คลุกผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ 10 นาที หรือจนหัวไช้เท้าคายน้ำออกมา จากนั้นใช้มือบีบน้ำออกจนหมด จะได้เนื้อหัวไช้เท้าประมาณ 1 ถ้วย

          • 3. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง น้ำ และเกลือป่นลงในเครื่องผสมอาหาร (วิธีนี้จะทำให้เนื้อแป้งซับน้ำได้เต็มที่ และไม่ต้องเสียเวลาแบบใช้มือผสม) จากนั้นเทใส่อ่างผสม เตรียมไว้

          • 4. ใส่หัวไช้เท้าที่บีบน้ำออกแล้ว 1 ถ้วยลงในส่วนผสมแป้ง คนผสมให้เข้ากัน จะได้แป้งขนมผักกาดสด เตรียมไว้

          • 5. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟกลาง-อ่อน ทาน้ำมันเคลือบผิวกระทะบาง ๆ พอกระทะร้อนตักส่วนผสมแป้งใส่ลงไป เกลี่ยให้ทั่วกระทะ โดยกะให้แป้งบางประมาณ 5 มิลลิเมตร (ถ้าหนาเกินไป แป้งด้านในจะไม่สุก) ทอดนานประมาณ 5 นาทีจนผิวด้านล่างสุก

          • 6. กลับด้านแป้งแล้วทอดต่ออีก 2 นาที จากนั้นเติมน้ำลงไป 3/4 ถ้วย น้ำจะเดือดเป็นไอขึ้นมาแล้วปิดฝา อบไว้ประมาณ 2 นาที จนน้ำแห้ง (วิธีนี้จะทำให้ขนมผักกาดสุก และเนื้อนิ่มเพราะอบด้วยไอน้ำ)

          • 7. ตักขนมขึ้นจากกระทะ หั่นเป็นชิ้น ๆ ขนาดพอดีคำตามชอบ เตรียมไว้

          • 8. นำกุนเชียงไปทอดให้สุก ตักขึ้น เตรียมไว้

          • 9. ใส่น้ำมันลงในกระทะ พอร้อนใส่ไข่เป็ดลงไป เกลี่ยให้ไข่กระจายทั่ว ๆ

          • 10. พอไข่เริ่มสุก ประมาณ 50% ใส่แป้งลงไปผัดกับไข่ให้เข้ากัน ใส่ซีอิ๊วดำลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว

          • 11. ใส่กุนเชียงทอด ถั่วงอก และใบกุยช่ายลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมผักกาด สูตรทำง่ายได้ด้วยกระทะเทฟลอน

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

7. ขนมจีบกุ้ง

          ขนมจีบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อเรียกนำหน้าว่า "ขนม" แต่ดันไม่ใช่ขนมให้คนได้กังขากัน อาหารว่างไทยลูกครึ่งจีน หลายคนซื้อขนมจีบกุ้งมากินก็เจอแต่วิญญาณกุ้งและมันหมู ถ้าเป็นแบบนี้มาทำเองดีกว่าค่ะ ขอแนะนำสูตรจาก คุณ KP Do Eat Their Own สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้หมักเนื้อกุ้งกับหมูสับด้วยน้ำมันงา ใส่ต้นหอมและแครอทลงไปเพิ่มสีสัน เสร็จแล้วก็จัดการจีบให้สวยงาม นำไปนึ่งจนสุก กินเปล่า ๆ หรือกับน้ำจิ้มไก่ก็เข้ากันค่ะ

ส่วนผสม ขนมจีบกุ้ง


          • กุ้งสด (แกะเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 6 ขีด
          • หมูเด้ง 1 ถุง (แพรใช้หมดถุงเลยค่ะ)
          • น้ำมันงา 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
          • ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ (ตรารสดีหมู)
          • ต้นหอม ซอย
          • แครอทหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
          • แผ่นเกี๊ยว 1 ถุง (แพรใช้แค่ 3/4 ของถุงค่ะ)
          • กระเทียมเจียว
          • น้ำมันพืช (สำหรับทาใบตอง)
          • ใบตอง หรือแผ่นรองนึ่ง

วิธีทำขนมจีบกุ้ง


          • 1. นำกุ้งมาสับแล้วนำไปใส่อ่างผสมรวมกับหมูเด้งค่ะ ใส่น้ำมันงา น้ำตาลทราย และผงปรุงรส ลงไปผสมให้เข้ากัน

          • 2. ใส่ต้นหอมและแครอทลงไป ปริมาณกะ ๆ เอา ชอบมากใส่มาก ชอบน้อยใส่น้อย ผสมให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ค่ะ

          • 3. มาทดสอบรสชาติกันค่ะ โดยตักไส้ขนมจีบ 1 ช้อนเล็ก ๆ มาใส่ถ้วยแล้วนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที แล้วชิมรสดูค่ะ ถ้ายังไม่ถูกปากให้เติมเพิ่ม

          • 4. ถ้าทดสอบรสแล้วโอเค ก็มาตัดมุมแผ่นเกี๊ยวเลยค่ะ ตัดเป็น 4 มุม

          • 5. นำใบตองมาเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาด ๆ จากนั้นวางบนซึ้ง แล้วทาน้ำมันพืช ให้ทั่วค่ะ

          • 6. นำแผ่นเกี๊ยวที่เตรียมไว้มา 1 แผ่น ตักไส้ขนมจีบ 1 ช้อนโต๊ะพูน ๆ แล้วจัดการจีบค่ะ

          • 7. ตกแต่งได้ตามชอบนะคะ แพรแต่งหน้าด้วยเนื้อกุ้ง แครอท และต้นหอมซอยเพิ่มค่ะ

          • 8. เมื่อเรียงจนเต็มซึ้งแล้ว ให้เราตั้งหม้อใส่น้ำเปล่าลงไปครึ่งหม้อ เตรียมนึ่งค่ะ เมื่อน้ำเดือดจัด ให้นำซึ้งที่เราวางขนมจีบไว้ไปวางบนหม้อแล้วเอาฝาปิด

          ป.ล. อันนี้พี่สาวแนะนำมาสามารถใช้ฟ็อกกี้พ่นน้ำลงบนขนมจีบก่อนเพื่อล้างแป้งออกก็ได้นะคะ ถ้าไม่มีให้เอาไปจุ่มน้ำก่อนวางบนซึ้งค่ะ

          • 9. นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 12-15 นาที เมื่อสุกให้ตักเรียงใส่จานโรยด้วยกระเทียมเจียว แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ ทานคู่กับน้ำจิ้มไก่ อร่อยสุด ๆ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีบกุ้งหมู เด้ง สูตรโฮมเมดไส้ทะลักทำง่ายไม่ต้องซื้อ

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

8. ขนมจีบหมู

          เปิดตู้เย็นเจอหมูสับเป็นกิโลฯ ไหน ๆ วันหยุดก็ว่างมาทำติ่มซำกินเล่น ๆ กันดีกว่า ขอแนะนำเมนูขนมจีบหมู สูตรจาก คุณอยากให้โลกนี้มีรอยยิ้มเรื่อยไป สมาชิ กเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรง่ายไม่ต้องห่อแค่รวบจับจีบเท่านั้น เริ่มจากหมักหมูสับกับรากผักชี และไข่ไก่ ปรุงรสตามชอบ พอนึ่งเรียบร้อยก็จิ้มกับซอสพริก หรือซอสมะเขือเทศได้เลยจ้า

ส่วนผสม ขนมจีบหมู

          • หมูสับ
          • รากผักชีโขลก
          • ไข่ไก่
          • น้ำมันงา
          • พริกไทยป่น
          • น้ำปลา
          • น้ำตาลทราย
          • ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
          • แครอทหั่นเต๋าเล็ก
          • แผ่นเกี๊ยว
          • กระเทียมสับ

วิธีทำขนมจีบหมู

          • 1. นวดผสมหมูสับกับรากผักชีโขลก ไข่ไก่ น้ำมันงา พริกไทยป่น น้ำปลา น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาวเห็ดหอมให้เข้ากันดี เตรียมไว้

          • 2. ตัดแผ่นเกี๊ยวเป็นแผ่นวงกลม โดยใช้แก้วครอบเป็นตัวช่วย เตรียมไว้

          • 3. เตรียมส่วนผสมสำหรับห่อ และเตรียมน้ำเปล่าใส่ถ้วยไว้เล็กน้อย

          • 4. วางแผ่นเกี๊ยวลงบนมือ ตักส่วนผสมหมูใส่ประมาณ 2 ช้อนชา รวบจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด

          • 5. วางขนมจีบลงในหม้อนึ่ง พรมน้ำให้ทั่ว นำไปนึ่ง ใช้ไฟปานกลางจนสุก จัดใส่จาน โรยกระเทียมเจียวและผักชี พร้อมเสิร์ฟ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมจีบ ฉบับสอนมือใหม่ทำง่าย ๆ ใครก็ทำได้

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

9. ขนมจีบกุ้งผสมไก่ (อิสลามทานได้)

          ใครกำลังลดน้ำหนักกินขนมจีบหมูคงไม่เหมาะ ถ้าอย่างนั้นขอแนะนำเมนูขนมจีบกุ้งผสมไก่ สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 2228164 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม (#maekwansri) จับเนื้อไก่และเนื้อกุ้งหมักกับกระเทียมและรากผักชี ใส่แป้งข้าวโพดเล็กน้อยเพื่อทำให้ไส้มีความเหนียวนุ่มและเด้ง ก่อนเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียวสักหน่อย อูย... น่าหม่ำอย่างแรง สูตรนี้อิสลามทานได้ด้วยจ้า

ส่วนผสม ขนมจีบกุ้งผสมไก่

          • เนื้อไก่ส่วนสะโพก (เลาะหนังออก)
          • เนื้อกุ้งสด
          • ไข่ขาว
          • แผ่นเกี๊ยว
          • แป้งข้าวโพด
          • กระเทียม
          • พริกไทย
          • รากผักชี
          • น้ำมันหอย
          • ซีอิ๊วขาว
          • น้ำมันงา
          • น้ำตาลทราย
          • น้ำมันพืช
          • น้ำเปล่า

วิธีทำขนมจีบกุ้งผสมไก่

          • 1. สับไก่ให้ละเอียด พักไว้

          • 2. แบ่งกระเทียมออกมาส่วนหนึ่ง นำไปโขลกกับพริกไทยและรากผักชีให้ละเอียด พักไว้

          • 3. แบ่งกุ้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกนำไปตำให้ละเอียด ส่วนที่ 2 หั่นกุ้งเป็นท่อน ๆ

          • 4. นำส่วนผสมในข้อ 1-3 มาผสมรวมกัน จากนั้นใส่ไข่ขาว แป้งข้าวโพด น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และน้ำตาลทราย แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน

          • 5. ตัดแผ่นเกี๊ยวเป็นวงกลม หรือตัดมุมทั้ง 4 มุม จากนั้นตักไส้ใส่ลงไปแล้วพับจีบไปทางเดียวกันให้สวยงาม แล้วพรมน้ำให้ทั่ว นำไปนึ่งในน้ำเดือด ประมาณ 8-10 นาที

          • 6. นำกระเทียมส่วนที่เหลือไปเจียวในน้ำมันพืช เสร็จแล้วตักขึ้นเตรียมไว้โรยหน้าขนมจีบ

          • 7. นำขนมจีบมาจัดจานกินคู่กับน้ำจิ้มไก่ผสมกับซอสพริกและผักสด แค่นี้ก็อร่อยล้ำแล้วจ้า

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมจีบกุ้งผสมไก่ เนื้อ เด้งชุ่มฉ่ำไม่ง้อหมู กลิ่นหอมฉุย

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

10. ขนมจีบนกไทย

          ขนมจีบนกไทย ถึงแม้หน้าตาจะพอชวนให้คิดว่าเป็นขนมได้ แต่ก็ยังไม่ใช่อยู่ดี ถ้าในเมื่อขนมจีบทั่วไปดูไม่ฟรุ้งฟริ้งเหมาะกับคนสวยพริ้งอย่างเรา ต้องนี่เลยขนมจีบนกไทย อาหารว่างไทยโบราณหากินยาก ใครสนใจขอแนะนำสูตรจาก คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตัวไส้เป็นเนื้อกุ้ง ใส่ถั่วลิสง คั่วกับหอมใหญ่ ตัวแป้งมีหลากสีสันตามชอบ วิธีการขึ้นรูปเป็นนกต้องอาศัยความประณีตสักหน่อย แต่เชื่อเถอะทำเสร็จแล้วจะภูมิใจแน่นอนจ้า

ส่วนผสม ไส้ขนมจีบ

          • รากผักชี 4-5 ราก
          • กระเทียม 3 กลีบ
          • พริกไทย (ปริมาณมาก-น้อยตามชอบ)
          • หอมใหญ่ (ขนาดกลาง) สับละเอียด 1 หัว
          • เนื้อกุ้งสับละเอียด 400-500 กรัม
          • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือ 1 ช้อนชา
          • ถั่วลิสงคั่ว บดหยาบ

ส่วนผสม แป้ง

          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
          • แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ
          • แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
          • หัวกะทิ 3 ช้อน โต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1 ถ้วย
          • สีผสมอาหารสีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า, สีม่วง

          หมายเหตุ : แป้งน้อยกว่าไส้ไปหน่อยค่ะ ก็เลยทำเบิ้ลสูตรค่ะ ได้ออกมาพอดีค่ะ ถ้าใครไม่อยากทำเยอะก็ลดไส้ลงได้ค่ะ

อุปกรณ์


          • ชุดนึ่ง
          • ใบตอง
          • แหนบ (สำหรับจับจีบขนม)

อื่น ๆ

          • แครอท
          • งาดำ
          • น้ำมันกระเทียมเจียว
          • ผักกาดหอม
          • ผักชี
          • พริกชี้ฟ้าแดง

วิธีผัดไส้ขนมจีบ

          • 1. โขลก รากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

          • 2. ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่ หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุกเล็กน้อย

          • 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ ผัดผสมให้เข้ากันจนเริ่มงวด ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไปผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นได้ ตักใส่จาน พักทิ้งไว้จนเย็น

          • 4. ระหว่างที่รอไส้เย็น เตรียมผักทั้งหมดให้พร้อม หั่นแครอทเป็นสามเหลี่ยมสำหรับทำเป็นปากนก และเตรียมงาดำสำหรับทำเป็นตาเอาไว้

          • 5. พอส่วนผสมไส้เย็นแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้

วิธีทำแป้งขนมจีบ


          • 1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิลงไป นวดผสมด้วยมือ

          • 2. เติมน้ำเปล่าลงไปใช้มือนวดผสมจนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด (เคล็ดลับ : การใช้มือผสมสำคัญนะ จะได้รู้สึกถึงส่วนผสม ว่าละลายดีไหม แป้งไม่เป็นเม็ดก็ใช้ได้) เมื่อแป้งละลายเข้ากันดีแล้ว เทกรองผ่านผ้าขาวบาง

          • 3. เทส่วนผสมแป้งลงกวนในกระทะทองด้วยไฟอ่อน กวนจนแป้งร่อนออกจากกระทะ นำมานวดโดยโรยแป้งมันลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติดด้วย ใช้ตัวช่วยนวดแป้งป้องกันมือพอง พอแป้งอุ่นแล้วก็ใช้มือนวดแป้งตามปกติ

          • 4. แบ่งแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารทั้ง 4 สี (ผสมสีกับแป้งนิดเดียวพอ สีจะได้ออกมาแบบธรรมชาติ

          • 5. ห่อแป้งแต่ละสีด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (แป้งจะได้ไม่แห้ง) จากนั้นตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้นิดหนึ่ง

          • 6. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึก (พอให้ใส่ไส้ได้) นำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้งแล้วห่อปิดแป้งให้มิด จากนั้นทำรูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากแครอท ติดตางาดำ เตรียมไว้

          • 7. ใช้แหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนกให้สวยงาม

          • 8. ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไป จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไฟแรง นาน 5 นาที

          • 9. เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นทาน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วขนม จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม ผักชี และพริกชี้ฟ้าแดง

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีบนกไทย อาหารว่างไทยโบราณหากินยาก

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

11. ขนมขาหมู (ตือคาโค)

          เมื่อเทศกาลกินเจที่ผ่านมาเห็นชื่อเมนูขนมขาหมูนึกว่าเป็นของหวาน พอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ กลายเป็นของทอดเสียอย่างนั้น ซึ่งขนมขาหมูนี้ถ้าไม่ใช่ช่วงกินเจจะหากินยากสักนิด ทำกินเองก็ได้เนอะ ขอแนะนำสูตร จาก คุณ TaYo76 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ส่วนผสมไม่เยอะ แค่ผสมแป้ง เผือกเส้น ถั่วดำต้ม กับกะทิให้เข้ากัน เสร็จแล้วก็นำลงไปทอด เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มถั่วลิสง ดูเลอค่าน่าทานสุด ๆ

ส่วนผสม ขนมขาหมู

          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
          • น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
          • กะทิ 1 ถ้วยตวง
          • เผือกหั่นเป็นเส้น 1/2 หัว
          • ถั่วดำต้มสุก 3/4 ถ้วยตวง
          • เกลือ 1 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

ส่วนผสม น้ำจิ้มขนมขาหมู

          • น้ำเปล่า 1 ถ้วย ตวง
          • น้ำมะขามเปียกเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปี๊บ 3-4 ช้อนโต๊ะพูน
          • พริกแดงโขลกหยาบ 4-5 เม็ด
          • ถั่วลิสงคั่วโขลก 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำขนมขาหมู


          • 1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำเปล่า กะทิ เผือกหั่น และถั่วดำต้มสุก ใส่ลงไปในภาชนะ ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่เกลือลงไป

          • 2. ตักส่วนผสมใส่กระบวยแล้วนำลงไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ประมาณ 5-7 นาที จนสุกเหลือง ตักขึ้นมาใส่ภาชนะ

วิธีทำน้ำจิ้มตือคาโค

          • ใส่น้ำเปล่าลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ และพริกแดงโขลก คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย แล้วใส่ถั่วลิสง

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ตือคาโค ขนมขาหมู เมนูของ ทอดเจหากินยากพร้อมน้ำจิ้มสูตรเด็ด

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

12. ขนมช่อม่วง

          ขนมช่อม่วง สูตรอาหารว่างไทยโบราณ ที่มีจุดเด่นคือ ตัวแป้งคล้ายดอกไม้ ใส่น้ำ ดอกอัญชันทำให้กลายเป็นสีม่วง ส่วนตัวไส้ใส่เนื้อสัตว์ อย่างสูตรนี้ใส่หมูสามชั้น หรือจะใส่กุ้ง หรือไก่ก็ได้นะคะ ผัดรวมกับฟักเชื่อม งาขาว ถั่วลิสงคั่ว ลองทำให้คนพิเศษชิมดูนะคะ

ส่วนผสม ไส้ช่อม่วง


          • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
          • หมูสามชั้นต้มสุก 1/4 ถ้วย (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
          • ฟักเชื่อมแห้ง 150 กรัม (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
          • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          • งาขาวคั่ว 50 กรัม
          • ถั่วลิสงคั่ว 50 กรัม

ส่วนผสม แป้งช่อม่วง

          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
          • แป้งท้าวยายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
          • ดอกอัญชัน 10 ดอก
          • แป้งมันสำปะหลัง เล็กน้อย (สำหรับทาแหนบตอนจับจีบขนม)
          • ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
          • กระเทียมเจียว (โรยหน้า)
          • พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)

อุปกรณ์ที่ควรมี

          • กระทะทองเหลือง
          • แหนบทองเหลืองสำหรับจับจีบ
          • ชุดนึ่ง

วิธีทำไส้ขนมช่อม่วง

          • 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป เอาหมูสามชั้นที่หั่นไว้ลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำมันหมูออกมาและหมูเริ่มสุกสีเหลือง

          • 2. ใส่ฟักเชื่อมลงไปผัดใช้ไฟอ่อน ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ใส่งาขาว และถั่วลิสงลงไป ผัดให้เข้ากันดีจนแห้ง ตักใส่ชาม เตรียมไว้
 
วิธีทำแป้งขนมช่อม่วง

          • 1. ร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน 2-3 รอบจนเนียนละเอียด

          • 2. ใส่น้ำมันพืชลงไป ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าและน้ำดอกมะลิลงไปจนหมด ใช้มือขยำคนนวด ส่วนผสมแป้งให้ละเอียดเข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน

          • 3. คั้นน้ำดอกอัญชันแล้วบีบน้ำมะนาวลงไป เทใส่ลงในส่วนผสมแป้ง 1 ถ้วยคลุกเคล้าให้เข้ากัน

          • 4. ใส่ส่วนผสมแป้งลงในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมร่อนจากกระทะ ประมาณ 5-10 นาที ตักใส่ภาชนะ พักไว้จนแป้งเริ่มอุ่น

          • 5. โรยแป้งนวลลงไปเล็กน้อยแล้วลงมือนวดแป้งให้เนียนแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางหมาด ๆ เพื่อไม่ให้แป้งแห้ง

วิธีทำดอกช่อม่วง

          • 1. เริ่มทำดอกช่อม่วงโดยปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 3/4 นิ้ว แล้วแผ่แป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ กะพอให้หุ้มไส้ได้จนมิด ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงไปแล้วห่อจากมุมเข้าหากัน จากนั้นใช้มือคลึงให้แป้งหุ้มไส้จนมิด ทำจนหมด เตรียมไว้

          • 2. เริ่มทำจีบ โดยเอาทาแป้งข้าวเจ้าที่ปลายแหนบทองเหลืองเล็กน้อย เริ่มจับจีบชั้นที่ 1 โดยจับจากกึ่งกลางของขนม จับจีบวนไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ (อย่าจับจีบให้ ติดกันมาก)

          • 3. เริ่มชั้นที่ 2 โดยจับจีบให้เอียงจากชั้นแรกเล็กน้อย (ประมาณ 45 องศา) และสับหว่างกันกับชั้นแรก จับจีบจนครบรอบ

          • 4. เริ่มจับจีบชั้นที่ 3 ประมาณ 2-3 จีบและสับหว่างกันกับกลีบชั้นที่ 2

          • 5. นำไปเรียงบนใบตองที่ทาน้ำมันแล้วในชุดนึ่ง โดยวางเรียงห่างกันเล็กน้อยเวลา สุกจะได้ไม่ติดกัน

          • 6. ตั้งชุดนึ่งใช้ไฟแรง รอจนน้ำเดือดจัดจึงนำขนมไปนึ่งนานประมาณ 5 นาที

          • 7. พอสุกแล้วนำช้อนจุ่มน้ำมันพืชตักช่อม่วง ใส่จาน เสิร์ฟคู่กับผักกาดหอม และพริกขี้หนูสวน

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมช่อม่วง อาหารว่างไทยแท้ ดอกไม้สีม่วงงดงามเลอค่าน่าลิ้มลอง

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

13. ขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง

          วันหยุดนี้อยากทำขนมให้คุณแม่ทาน แต่กลัวแม่ทานขนมแบบฝรั่งไม่เป็น ขอแนะนำเมนูขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง สูตรจาก คุณคุ้มข้าวกล้อง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จุดเด่นอยู่ที่ตัวแป้งที่ทำเป็นรูปดอกมะลิซ้อน ตัวไส้เป็นกุ้งสับผัดกับหอมใหญ่ พอนึ่งเสร็จแล้วก่อนเสิร์ฟก็ราดกะทิ โรยกระเทียมเจียวพอให้สวยงาม รับรองคุณแม่ต้องประทับใจแน่นอนค่ะ

ส่วนผสม ขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง

          • แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
          • แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
          • แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
          • กุ้งสับ
          • น้ำมันพืช
          • รากผักชี
          • กระเทียม
          • พริกไทย
          • หอมหัวใหญ่
          • เกลือ
          • ซีอิ๊วขาว
          • พริกไทย
          • น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย (หรือจะใช้ดอกชมนาด หรือกระดังงาลนไฟก็ได้ค่ะ)
          • น้ำกะทิ
          • กระเทียมเจียว

วิธีทำขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง

          • 1. เริ่มจากนำแป้งข้าวเจ้า แป้งท้าวยายม่อม และแป้งมันสำปะหลังใส่ลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วอบควันเทียนเอาไว้ โดยจุดเทียนอบให้ไฟลุกละลายถึงเนื้อเทียน แล้วค่อยดับไฟ ปิดฝาให้ควันกรุ่นอยู่ในหม้อ พอควันหมดก็จุดใหม่ ทำซ้ำเช่นนี้สักสอง-สามรอบ

          • 2. ระหว่างที่รออบควันเทียน ก็มานั่งแกะกุ้งกันดีกว่าค่ะ โดยรีดมันกุ้งเก็บไว้ด้วย จากนั้นก็นำกุ้งไปสับ แล้วใส่มันกุ้งที่รีดไว้ลงไปสับผสมด้วยกัน

          • 3. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย เตรียมไว้ให้เรียบร้อย

          • 4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อยพอให้เคลือบกระทะ นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยที่โขลกไว้แล้วลงไปผัดให้หอม ใส่หอมหัวใหญ่สับลงไปผัดจนเหลือง

          • 5. ใส่กุ้งสับลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว และพริกไทย ให้มีรสเค็มกว่าปกตินิดหน่อย เพื่อที่กินกับแป้งจะได้อร่อยพอดีกัน ผัดจนส่วนผสมแห้งเล็กน้อยให้พอปั้้นหรือจับตัวเป็นก้อนได้ พักส่วนผสมไว้

          • 6. กลับมาเตรียมแป้งห่อไส้กัน โดยน แป้งที่อบควันเทียนแล้วใส่ในภาชนะ ผสมน้ำลอยดอกมะลิ รอให้ละลายเข้ากันจะได้น้ำแป้งสีขาวข้น จากนั้นก็นำน้ำแป้งมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปกวนกับไฟอ่อน ๆ ค่ะ (เทใส่กระทะทอง หรือหม้อเคลือบกวนก็ได้)

          • 7. กวนน้ำแป้งด้วยไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มแห้ง และล่อนออกจากหม้อเอง จากนั้นก็นำออกมานวดต่ออีกสักพัก

          • 8. เมื่อได้แป้งพร้อมแล้ว ก็ให้แบ่งแป้งเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน (เตรียมอ่างใส่น้ำไว้ล้างมือ กับผ้าเช็ดมือวางไว้ใกล้ ๆ ตัวด้วยก็ดีนะคะ)

          • 9. แผ่ก้อนแป้งกลม ๆ เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วใช้มือคลึงให้เป็นรูปหม้อขึ้นมา ตักไส้กุ้งที่เตรียมไว้ใส่ตรงกลางแป้ง (กะให้พอดีอย่าให้ไส้มากเกิน เดี๋ยวไส้จะแตกได้ค่ะ) แล้วห่อให้มิดไส้ คลึงไว้ให้เป็นลูกกลม ๆ

          • 10. ใช้แหนบทองเหลืองหัวแบนจีบรอบ ๆ ขนม เพื่อที่จะทำให้เป็นรูปดอกมะลิ โดยจับจีบวน ๆ ไปให้เป็นดอกขึ้นมา (จะจีบจากด้านล่างหรือด้านบนก็ได้ตามถนัด)

          • 11. จากนั้นก็เตรียมนำขนมไปนึ่งได้เลยค่ะ โดยทาน้ำมันที่ขนมสักเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ติดกระทะ แล้วนำไปนึ่ง โดยใช้ไฟแรง นึ่งประมาณไม่เกิน 10 นาที (หากทิ้งไว้นานกว่านี้ ขนมอาจจะเละได้ค่ะ)

          • 12. พอขนมเริ่มสุก นิ่ม และใสขึ้นมาแล้วก็ยกลง แล้วจัดใส่จาน ราดกะทิ โรยกระเทียมเจียวสักหน่อย ก็จะได้ขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้งที่น่าทานสุด ๆ แล้วล่ะ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง เมนูเด็ดบอกรักคุณแม่

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

14. ขนมถ้วยจีน (จุ๋ยก๊วย)

          ขนมถ้วยจีน ชื่อเป็นขนม แต่ตัวเป็นของคาวชัด ๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ถ้าจะให้อร่อยต้องย่านตลาดเยาวราช แต่ถ้าแดดร้อนไม่อยากออกไปไหนก็ทำเองได้เลย ขอแนะนำสูตรจาก คุณเนินน้ำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้พิเศษตรงที่ตัวแป้งมีสีสันคัลเลอร์ฟูล พอนึ่งเสร็จแล้วก็ตักไส้เค็มวางลงไปตรงรูบุ๋ม ตัวไส้เค็มมีส่วนผสมของเนื้อสัตว์หรือใส่เต้าหู้ก็ได้ค่ะ ผัดกับเห็ดและไชโป๊หวาน เที่ยงนี้รับสักกี่ถ้วยดีคะ

ส่วนผสม แป้งจุ๋ยก๊วย (ประมาณ 25 ถ้วย)

          • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
          • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
          • สีผสมอาหารตามชอบ

ส่วนผสม ไส้จุ๋ยก๊วย (ไส้เค็ม)

          • เห็ดฟางหั่นชิ้นเล็ก 100 กรัม (ถ้าไม่มีใช้เห็ดหอมสดแทน)
          • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
          • เต้าหู้ ขาวแข็งหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย (หรือใช้เนื้อสัตว์แทน)
          • หัวไชโป๊หวานสับ 1/4 ถ้วย (ถ้าใช้หัวไชโป๊เค็ม ต้องลดซีอิ๊วลงด้วยนะคะ)
          • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทรายไม่ฟอกขาว 1 ช้อนโต๊ะ
          • พริกไทยเล็กน้อย (เพิ่มจากสูตร)
          • พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเส้นและใบผักชีสำหรับตกแต่ง
          • พริกดอง (พริกชี้ฟ้าแดงไม่เอาเมล็ด ปั่นกับน้ำส้มสายชูและน้ำตาล ชิมรสตามชอบ)

วิธีทำไส้จุ๋ยก๊วย

          • 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ ใส่เห็ด ลงไปคั่วด้วยไฟอ่อนจนสุกหอม ตักใส่ถ้วยพักไว้

          • 2. ใส่น้ำมันที่เหลือ ตามด้วยกระเทียมสับ พอเจียวจนเหลืองหอมก็ใส่เนื้อสัตว์ลงผัดให้สุก

          • 3. ใส่หัวไชโป๊สับและเห็ดที่คั่วไว้ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย ตักใส่ถ้วยพักไว้

วิธีทำตัวขนมถ้วยจีน

          • 1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่น้ำลงนวดทีละน้อย

          • 2. จากนั้นจึงใส่น้ำที่เหลือทั้งหมดคนให้เข้ากัน ไม่จำเป็นต้องพักแป้งนะคะ เพราะเทคนิคอยู่ ที่การนวด แป้งที่ได้จะเหนียวนุ่มค่ะ

          • 3. แบ่งผสมสีตามชอบ จากนั้นนำถ้วยตะไลใส่ในชุดนึ่ง นำไปนึ่งบนหม้อน้ำเดือดด้วยไฟแรงจนร้อนจัด

          • 4. ตักแป้งหยอดลงถ้วยตะไล นึ่งนาน 20 นาที พอสุกยกลงพักให้เย็นแคะออกจากถ้วย สำหรับวิธีการนึ่งเหมือนกับการทำขนมน้ำดอกไม้ค่ะ อย่าลืมว่าต้องนึ่งถ้วยให้ร้อนจัดก่อน เมื่อใส่แป้งในถ้วยแล้วต้องนึ่งด้วยน้ำเดือดไฟแรง ขนมจะบุ๋มเป็นรูเองค่ะ

          • 5. ตักไส้เค็มวางตรงกลางขนมถ้วย ตกแต่งด้วย พริกชี้ฟ้าแดงและผักชี เสิร์ฟกับพริกดอง

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ จุ๋ยก๊วย ขนมถ้วยจีนไส้เค็ม เวอร์ชั่นคัลเลอร์ฟูล

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

15. ขนมกุยช่าย

          ขนมกุยช่าย อีกหนึ่งอาหารว่างที่ถูกเรียกว่า เป็นขนมอีกแล้ว ก้อนกลมดูหน้าตาพื้น ๆ ไป ถ้าอยากทำให้คนพิเศษทานขอแนะนำขนมกุยช่าย สูตรจาก คุณอุบลธชาติ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้โดดเด่นที่เนื้อแป้งจับจีบเป็นรูปดอกไม้ แถมสีสันยังงามเว่อร์ มาพร้อมวิธีทำไส้ผักและไส้ เผือก ที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำจิ้มรสเด็ด เอาล่ะ... มาแสดงฝีมือกันเลย

ส่วนผสม แป้งกุยช่าย


          • แป้งข้าวเจ้า (ช้างสามเศียร) 1/2 ถ้วย
          • แป้งท้าวยายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
          • สีผสมอาหารตามชอบ

วิธีทำแป้งกุยช่าย

          • 1. ผสมแป้งทั้งสามชนิด น้ำเปล่า และน้ำมันพืช จากนั้นคนให้ละลายเข้ากัน เทใส่กระทะใช้ไฟปานกลาง

          • 2. กวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวกันเป็นก้อน จึงหรี่ไฟลงและกวนต่อไปอีกสักพัก จนแป้งนิ่ม เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หลุดร่อนจากกระทะ เวลากวน ให้กดไม้พายลงบนตัวแป้งให้ติดกับกระทะ เพื่อแป้งที่กวนจะได้โดนความร้อนมาก ๆ ใช้มือจับแป้งที่กวน ถ้ามีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ แปลว่าใช้ได้ 

          • 3. ใส่น้ำมันเพิ่ม 1 ช้อนกินข้าว แล้วนำแป้งมานวดด้วยมือ นวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งแป้งใส่สีตามใจชอบ เมื่อนวดสีเข้ากันดีแล้ว เก็บใส่ภาชนะปิดฝาอย่าให้ลมเข้า

ส่วนผสม ไส้ผัก

          • ใบกุยช่ายหั่นซอย 200 กรัม
          • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา
          • โซเดียม 1/4 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
          • ใช้มือขยำสักแป๊บเดียว (ไม่ต้องนำไปผัด)

ส่วนผสม ไส้เผือก


          • เผือก (หั่นซอย ฝอย ๆ) 1/2 ถ้วย
          • แครอท (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ) 1 ช้อนโต๊ะ
          • หอมใหญ่ (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ) 1 ช้อนโต๊ะ
          • ถั่วลิสง (ซอยอบหรือคั่วสุก) 2 ช้อน โต๊ะ
          • กุ้งฝอย 1 ช้อนชา
          • รากผักชีและกระเทียม (ตำละเอียด) 1 ช้อนชา
          • พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
          • น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
          • ผงซุปปรุงรส 1/4 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
          • วิธีทำไส้เผือก
          • นำส่วนผสมทั้งหมดไปผัดรวมกัน แล้วแบ่งเป็นกอง ๆ จะได้ตักสะดวก

วิธีทำกุยช่าย


          • 1. กลิ้งแป้งให้เป็นแผ่น ขนาดพอเหมาะ หนาเล็กน้อยนะคะ

          • 2. ตักไส้ใส่แป้งแล้วจัดการห่อค่ะ พยายามห่อให้มิดชิด นำที่จับจีบดอกไม้ มาจับจีบแป้งให้เป็นดอกไม้ตามใจชอบ

          • 3. ฉีดพรมน้ำเล็กน้อย ขนมจะไม่แห้งเกินไปแล้วนำไปนึ่งจนสุก

ส่วนผสม น้ำจิ้มกุยช่าย


          • พริกเหลืองโขลกแล่นใบ 2 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้มกุยช่าย

          • นำส่วนผสมทุกอย่างคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลงวางไว้ให้เย็น พร้อมเสิร์ฟกับกุยช่าย

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมกุยช่าย แบบฉบับไฮโซ สวยสดใส คัลเลอร์ฟูลสุด ๆ

++++++++++++++++++++

สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม

16. ขนมกุยช่ายทอด

          กุยช่ายทอดทั่วไปรสชาติไม่ค่อยถูกปาก ทั้งแป้งเยอะ ใบกุยช่ายน้อย แถมน้ำจิ้มยังหวานเจี๊ยบ วันนี้ว่างจัดเลยขอทำเองสักครั้ง ใครสนใจขอแนะนำสูตรจากคุณเนินน้ำ เริ่มจากนำกุยช่ายไปหมักและบีบน้ำจนแห้งแล้วค่อยใส่ลงไปผสมกับแป้งให้เข้ากัน นำไปนึ่งจนสุกพักให้เย็น ก่อนกินก็นำไปทอดจนกรอบ เห็นแล้วหิวอย่างแรง

ส่วนผสม ขนมกุยช่าย


          • แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
          • แป้งมันสำปะหลัง 250 กรัม
          • แป้งท้าวยายม่อม 30 กรัม
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา + 1/2 ช้อนชา
          • น้ำสะอาด  2 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
          • กุยช่าย 800 กรัม
          • เกลือสมุทร 1 ช้อนชา + 1/4 ช้อนชา (ถ้าใช้เกลือป่นให้ลดปริมาณลงด้วยนะคะ)
          • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา + 1/2 ช้อน ชา
          • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืชสำหรับทาถาดและสำหรับทอดกุยช่าย

         หมายเหตุ : ** สูตรนี้ทำได้ 2 ถาด ขนาด 10 x 7 นิ้ว **

วิธีทำกุยช่ายทอด


          • 1. ล้างใบกุยช่ายแล้วหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ จากนั้นนำไปคลุกเคล้ากับเกลือสมุทร (ในปริมาณพอเหมาะ) น้ำตาลทราย เบกกิ้งโซดา และน้ำมันพืช พักไว้ 1 ชั่วโมง พอครบเวลาให้บีบคั้นน้ำใบกุยช่ายออกจนแห้ง

          • 2. ใส่แป้งมันสำปะหลัง แป้ง ท้าวยายม่อม แป้งข้าวเจ้า น้ำสะอาด เกลือสมุทร และน้ำตาลทรายลงในอ่างผสม คนผสมให้เข้ากันแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางตาห่าง ๆ 

          • 3. จากนั้นเทส่วนผสมใส่กระทะ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน หมั่นคนและกวนให้ส่วนผสมเข้ากันพอข้นเหนียว แต่ไม่ต้องถึงขนาดให้สุกดีจนเป็นก้อนนะคะ (เคล็ดลับ : ถ้าแป้งสุกเกินไปจะเป็นก้อน กุยช่ายจะไม่สามารถผสมเข้าในเนื้อแป้งได้ เพราะแป้งเซตตัวไปซะแล้ว) จากนั้นปิดไฟ ยกลงจากเตา

          • 4. ใส่ใบกุยช่ายที่บีบน้ำจนแห้งแล้วลงไป คนให้แป้งและกุยช่ายเข้ากันเป็นเนื้อเดียว

          • 5. เตรียมถาดสี่เหลี่ยม ทาน้ำมันพืชให้ทั่ว ตักส่วนผสมที่ทำใส่ลงไป เกลี่ยให้หน้าเรียบ หนาประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นนำไปนึ่งบนน้ำเดือดด้วยไฟปานกลางเวลาประมาณ 15 นาที หรือจนสุก ยกออกจากเตา พักให้เย็น

          • 6. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป (ใช้ไฟไม่ต้องแรงนะคะ) พอน้ำมันร้อนก็ตัดขนมกุยช่ายเป็นชิ้นลงทอดให้กรอบทั้งสองด้าน

          • 7. ตักขึ้นพัก ให้สะเด็ดน้ำมัน ตัดเป็นชิ้นขนาดพอคำ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มค่ะ

ส่วนผสม น้ำจิ้มกุยช่าย

          • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
          • ซีอิ๊วดำหวาน 1/2 ถ้วย
          • เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำสะอาด 1/4 ถ้วย
          • พริกขี้หนูสดบด 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำจิ้ม


          • ใส่น้ำสะอาดลงไปในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วดำหวาน น้ำส้มสายชู และเกลือสมุทร คนให้เข้ากันจนละลาย ปิดไฟพักไว้พออุ่นแล้วจึงใส่พริกขี้หนู เพียงแค่นี้ก็เสร็จเรียบร้อยค่ะ ถ้าจะให้น้ำจิ้มมีรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น ควรทำไว้ล่วงหน้าค่ะ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำกุยช่ายทอด สูตรแป้งกรอบนอกนุ่มใน ทำกินเองง่าย ๆ พร้อมน้ำจิ้มกุยช่ายสูตรเด็ด

          ใครที่กำลังมองหาสูตรขนมคงต้องข้ามไปก่อนนะคะ เพราะนี่เป็นสูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม แม้มีคำว่าขนมนำหน้าแต่ก็ไม่ใช่ขนมอยู่ดี อย่างขนมจีน ขนมจีบ ขนมกุยช่าย ทุกเมนูเป็นอาหารคาว หิวกันแล้วใช่ไหม ? ลุย !

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
16 สูตรขนมที่ไม่ใช่ขนม ชื่อคือใช่แต่ไฉนเป็นของคาว อัปเดตล่าสุด 18 พฤษภาคม 2559 เวลา 16:12:57 37,707 อ่าน
TOP