3 สูตรทำบัวลอยมีไส้ อร่อยนุ่มหนึบซ่อนไส้หลากแบบรับวันหยุด

          ใครอยากกำจัดถั่วเขียวเราะเปลือกเหมือนกันบ้าง ลองจับมาทำเมนูบัวลอยถั่วเขียว โดยผสมถั่วเขียวเราะเปลือกกับแป้งข้าวเหนียว นวดจนแป้งเนียนแล้วปั้นเป็นก้อนกลม พอต้มจนสุกก็ราดกะทิให้ฉ่ำ ๆ ไปเลยจ้า

ส่วนผสม บัวลอยถั่วเขียว (สำหรับ 3 ที่)
          • แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
          • ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 1/3 ถ้วย
          • กะทิ 2 ถ้วย
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          • น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลโตนด 1/2 ถ้วย
          • น้ำ 1/4 ถ้วย

วิธีทำบัวลอยไส้ถั่วเขียวน้ำกะทิ
          1. ล้างถั่วเขียวให้สะอาดแล้วแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้นนำไปนึ่งให้สุกแล้วบดให้ละเอียด
          2. ใส่แป้งข้าวเหนียวลงในส่วนผสมถั่วบด ค่อย ๆ เทน้ำใส่ลงไปทีละน้อย นวดแป้งจนนุ่มพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ เตรียมไว้
          3. ผสมกะทิ 1/2 ถ้วยกับน้ำตาลปี๊บและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด หมั่นคนอย่าให้จับตัวเป็นก้อน ยกลงจากเตา เตรียมไว้
          4. ต้มน้ำด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่บัวลอยถั่วเขียวที่ปั้นไว้ลงต้มพอสุกจะลอยขึ้นมา จากนั้นตักใส่ในส่วนผสมกะทิเมื่อครู่ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กะทิที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ต้มให้เดือดอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ บัวลอยถั่วเขียว เพิ่มเติมคลิก

          จากที่เคยซื้อบัวลอยงาดำน้ำขิงถุงหนึ่งมีแค่ไม่กี่ลูก แม้จะอร่อยแต่ปริมาณไม่จุใจ ถ้าทำกินเองคงอิ่มแปล้กว่าแน่นอน สูตรนี้ไส้งาดำใส่เนยถั่วผสมกับน้ำตาลทราย ส่วนน้ำขิงก็มีรสเผ็ดร้อนและมีกลิ่นหอมจากเพราะใช้ขิงแก่เผาไฟ

ส่วนผสม แป้งบัวลอย
          • แป้งข้าวเหนียว (ตราช้างสามเศียร) 1 ถ้วย
          • แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
          • ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย

ส่วนผสม ไส้งาดำ
          • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          • งาดำป่น 1 ถ้วย
          • เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม

ส่วนผสม น้ำขิง
          • น้ำเปล่า 5 ถ้วย
          • ขิงแก่เผาไฟ 3-4 ชิ้น
          • น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำแป้งบัวลอย
          เทแป้งข้าวเหนียวและแป้งถั่วเขียวลงใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อย

วิธีทำไส้งาดำ
          1. เทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยงาดำป่น ใส่เนยถั่ว คลุกส่วนผสมให้เข้ากัน ถ้าไม่ชอบหวาน ลดน้ำตาลได้
          2. ปั้นส่วนผสมเป็นลูกกลม (เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม.) จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้

วิธีทำบัวลอยน้ำขิง
          1. ปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น จะฝานเป็นแผ่น หรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ขิงลงไป ตามด้วยน้ำตาลอ้อยแล้วปล่อยให้เดือดสัก 5 นาที ยกลง เตรียมไว้
          2. ปั้นแป้งกลม ๆ แล้วกดให้แบน ใช้มือแตะผงแป้งข้าวเหนียวเพื่อไม่ให้แป้งปั้นติดมือ วางไส้ขนมลงไปตรงกลางแผ่นแป้งห่อให้มิดชิด เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก แล้วนำไปคลุกกับผงแป้งข้าวเหนียว เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกัน ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมด
          3. เมื่อปั้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ พอน้ำขิงเดือด นำขนมลงต้มจนสุก สังเกตจากตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ชามเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ บัวลอยงาดำน้ำขิง เพิ่มเติมคลิก

          บัวลอยงาดำน้ำขิงคงไม่เหมาะสำหรับคนไม่กินเผ็ด ดังนั้นขอเสนอทางเลือกนั่นคือ บัวลอยงาดำน้ำกะทิ ปั้นแป้งบัวลอยเป็นก้อนกลมใหญ่ห่อหุ้มไส้งาดำ สุดท้ายราดกะทิใส่น้ำตาลปี๊บ ใครจะใส่ใบเตยเพิ่มกลิ่นหอมก็ตามสบายจ้า  

ส่วนผสม แป้งบัวลอย
          • แป้งข้าวเหนียว (ตราช้างสามเศียร) 1 ถ้วย
          • แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
          • ผงแป้งข้าวเหนียวเล็กน้อย

ส่วนผสม ไส้งาดำ
          • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
          • งาดำป่น 1 ถ้วย
          • เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม

ส่วนผสม น้ำกะทิ
          • กะทิ 2 ถ้วย
          • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          • น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลโตนด 1/2 ถ้วย

วิธีทำไส้งาดำ
          1. เทน้ำตาลทรายใส่อ่างผสม ตามด้วยงาดำป่น ใส่เนยถั่ว คลุกส่วนผสมให้เข้ากัน
          2. ปั้นเป็นลูกกลม ๆ จากนั้นนำไปแช่ช่องแข็ง เตรียมไว้

วิธีทำแป้งบัวลอย
           ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว และน้ำเปล่า นวดจนแป้งเนียนและพอปั้นเป็นก้อนได้ (ถ้าแป้งแข็งมีรอยแตกให้ใส่น้ำเพิ่มลงไปเล็กน้อย)

วิธีทำบัวลอยน้ำกะทิ
          1. ใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือ นำขึ้นตั้งไฟพอเดือด ยกลงจากเตา เตรียมไว้
          2. ปั้นแป้งกลม ๆ แผ่แป้งให้เป็นแผ่น วางไส้ขนมลงไปตรงกลาง ห่อให้มิด ปั้นต่อจนไส้ขนมหมด
          3. ต้มน้ำด้วยไฟแรงจนเดือด ใส่บัวลอยงาดำที่ปั้นไว้ลงต้มจนสุกจะลอยขึ้นมา จากนั้นตักใส่ในส่วนผสมกะทิเมื่อครู่ ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่กะทิที่เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ต้มให้เดือดอีกครั้ง ตักใส่ชามเสิร์ฟ