เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ถ้าคุณเป็นคนไทยรับรองเลยว่าต้องคุ้นเคย และได้ยินชื่อขนมในหลุมชนิดนี้อย่างแน่นอนกับ "ขนมครก" แสนอร่อยนั่นเอง ขนมครกเป็นขนมไทยโบราณซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากเพราะหารับประทานได้ง่าย อย่างน้อย ๆ ก็คงหารับประทานได้ไม่เกิน 2 กิโลเมตรจากหน้าปากซอยบ้าน คงต้องมีขายให้เห็นบ้างล่ะ จริงไหม
หากจะย้อนประวัติศาสตร์ของขนมชนิดนี้ก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย จากข้อมูลระบุเอาไว้ว่า ขนมครกนั้นคาดว่าจะเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีหลักฐานระบุเอาไว้ว่า ถึงกับมีการปั้นเตาไว้ขายกันเป็นธุรกิจเลยทีเดียว และประเทศไทยสมัยนั้นมีข้าวเป็นอาหารหลัก ข้าวจึงถูกนำมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารทั้งคาวและหวานมากมาย ขนมครกก็เช่นเดียวกัน
แต่เดิมนั้นขนมครกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนแรกคือ ตัวขนม จะใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำโม่รวมกับหางกะทิ และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอยผสมเกลือเล็กน้อย อีกส่วนคือหน้าของขนมครก เป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครก เช่น หน้ากุ้ง หน้าไข่ หน้าหมู หน้าเผือก หน้าข้าวโพด และหน้าต้นหอม ซึ่งก็ยังมีให้เห็นอยู่บ้างในบางพื้นที่ ส่วนในปัจจุบันนั้นขนมครกทำมาจากแป้ง น้ำตาล และกะทิ จากนั้นเทลงบนเตาหลุม ใส่หน้าต่าง ๆ ลงไป รอจนสุก แคะออกจากเตา แล้วนำมาประกบกัน วางขายใส่กระทงใบตอง หอมกรุ่นชวนให้ชะงักทุกทีที่เดินผ่าน
ไม่ใช่เพียงประเทศไทยเท่านั้นที่มีขนมชนิดนี้ ในประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงของเราก็มีขนมที่ลักษณะคล้าย ๆ กัน อย่างของชาวมอญกล่าวไว้ว่า ขนมครกเป็นขนมเก่าแก่ ใช้ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำจนชุ่มมาละเลงในเบ้าขนมครก ใส่ไส้เป็นมะพร้าวทึนทึกขูด น้ำตาลทราย และงาคั่ว เคล้าให้เข้ากัน ซึ่งปัจจุบันเหลือให้รับประทานอยู่ที่ชุมชนมอญ ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ขนมกร๊วก หรือ ขนมครกเขมร ฟังดี ๆ แล้วก็ออกเสียงคล้ายกับคำว่าขนมครกบ้านเรานั่นเอง แถมรูปร่างยังคล้ายกันอีกด้วย แต่อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย จะเป็นก้อนกลมสองชิ้นติดกัน ทอดในเตาขนมครกจนเป็นก้อนกลม รับประทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ รสชาติจืด แต่กลิ่นหอมคล้ายกับขนมครกของไทย และนอกจากนี้ยังพบอีกว่ามีขนมชนิดคล้าย ๆ กันนี้ในประเทศพม่า ลาว และอินโดนีเซีย โดยชาวอินโดนีเซีย เรียกขนมชนิดนี้ว่า เซอราบี (Serabi)
ประเพณีตักบาตรขนมครก จากความอร่อยสู่งานบุญ
ประเพณีตักบาตรขนมครก-น้ำตาลทรายนั้นเป็นประเพณีเก่าแก่ตามความเชื่อของชาวไทยโบราณ เพื่อสืบทอดประเพณีทำบุญตักบาตรที่มีมาตั้งแต่พุทธกาล โดยเลียนแบบมาจากประเพณีการตักบาตรขนมเบื้องของพระราชพิธีในวังอันเป็นพระราชพิธีที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5)
ประเพณีตักบาตรขนมครกแสดงให้เห็นถึงการร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านที่นำข้าวสารมาหมักค้างคืนไว้ พอถึงรุ่งเช้าก็จะช่วยกันโม่แป้ง เก็บมะพร้าวมาคั้นกะทิ หลังจากนั้นก็ช่วยกันหยอดแป้งทำขนมครก และร่วมกันนำไปตักบาตรพระสงฆ์ ได้ทั้งบุญ และได้ทั้งความสามัคคีอีกด้วย โดยประเพณีตักบาตรขนมครกจัดขึ้นเป็นประจำที่วัดแก่นจันทร์ ต.บางพรม อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ในวันขึ้น 8 ค่ำเดือน10 ของทุกปี
เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย ได้แต่รับประทานขนมครก แต่ไม่เคยรู้ถึงเรื่องราวของขนมครกมาก่อน ต่อไปนี้การรับประทานขนมครกของคุณคงจะเพิ่มดีกรีความอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก คราวหน้าคราวหลังเดินผ่านรถเข็นขายขนมครกก็อย่าลืมที่จะสั่งมารับประทานสักกระทงสองกระทงพอให้รู้ถึงรสชาติความอร่อยของขนมไทยที่มีมาแต่โบราณชนิดนี้ แต่ก็ต้องรับประทานในปริมาณที่พอดี ประเดี๋ยวจะอ้วนฉุขึ้นมาไม่รู้ตัว
สูตรอาหาร เมนูอาหารแบบง่ายๆ เคล็ดลับการทำอาหาร คลิกเลย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
วิกีพีเดีย, ททท., hotsia.com
