10 สูตรขนมจากชีส หอมอร่อยหลากสไตล์เพื่อความอ้วนที่ยั่งยืน

          คนรักชีสต้องเลิฟกับสูตรขนมจากชีสหลากสไตล์ แต่ละอย่างหน้าตาชวนหิวและอร่อยสุด ๆ เพื่อความอ้วนที่ยั่งยืนก็จัดเลย

          จากที่เคยทำเมนูชีสใส่ไข่ หรือเมนูมาม่าชีสเป็นอาหารหนักท้อง ลองแปลงร่างมาทำขนมจากชีสบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมเมนูชีส เช่น ชีสทาร์ต ชีสพาย ชีสทอด จะกินรองท้องหรือกินเอาอิ่มก็ตามสะดวกเลยค่ะ

          ใครซื้อกินไม่จุใจก็มาทำกินเองเลยสิคะ พบกับเมนูไข่นกกระทามันม่วงไส้ชีส หรือไข่เต่ามันม่วงชีส จับมันม่วงนึ่งบดกับแป้ง เติมกะทิและสอดไส้ชีส พอเอาไปทอดจนสุก กัดลงไปชีสเยิ้มเชียวทุกคน

ส่วนผสม ไข่นกกระทามันม่วง
          • มันม่วงนึ่ง 500 กรัม
          • แป้งมัน 50 กรัม
          • แป้งหมี่ 15 กรัม
          • ผงฟู 1 ช้อนชา
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 50 กรัม
          • กะทิ 2 ช้อนโต๊ะ
          • ไข่แดง 1 ฟอง
          • มอสซาเรลล่าชีส (หั่นเต๋า) ตามชอบ

วิธีทำไข่นกกระทามันม่วง
          1. เอามันม่วงไปนึ่งประมาณ 15-20 นาทีหรือจนสุกแล้วปอกเปลือกบดจนละเอียด ใส่ส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นชีส นวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
           2. นำมันม่วงบดห่อชีสแล้วปั้นเป็นก้อนกลมเอาไปทอดกับน้ำมันท่วม ๆ ระหว่างทอดคอยคนด้วย ทอดจนสุกกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

ดูวิธีทำ ไข่นกกระทามันม่วงไส้ชีส เพิ่มเติมคลิก

          ชีสทาร์ตตามร้านดังแม้จะอร่อยแต่ราคาแอบแพง ถ้าทำกินเองคุ้มกว่าแน่นอน พบกับเมนูชีสทาร์ตญี่ปุ่น (Cheese Tart) มาพร้อมวิธีทำทาร์ตและครีมชีสคัสตาร์ด สุดท้ายทาไข่แดงเพื่อความสวยงาม

ส่วนผสม แป้งทาร์ต
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 85 กรัม
          • น้ำตาลทราย 20 กรัม
          • เกลือ 1/4 ช้อนชา
          • เนยจืดเย็น 42 กรัม
          • ไข่แดง 1 ฟอง
          • นมสด 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม ครีมชีสคัสตาร์ด
          • ครีมชีส 110 กรัม
          • พาร์มีซานชีส 8 กรัม
          • เนยจืด 20 กรัม
          • นมสด 50 กรัม
          • แป้งข้าวโพด 4 กรัม
          • ไข่ไก่ 1/2 ฟอง
          • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
          • น้ำตาลทราย 25 กรัม

วิธีทำชีสทาร์ตญี่ปุ่น
          1. ทำแป้งทาร์ต โดยผสมแป้ง น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่เนยจืดเย็นลงไป คนให้เข้ากันจนออกร่วน ๆ แบบทราย ใส่ไข่แดงและนมจืด นวดให้เข้ากันจนเนียน แล้วห่อด้วยพลาสติก นำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 1 ชั่วโมง
          2. ทาพิมพ์ด้วยเนยจืดก่อน แล้วกรุด้วยแป้งทาร์ตประมาณ 25-30 กรัม แล้วแต่ขนาดของพิมพ์ พยายามเกลี่ยแป้งให้เท่า ๆ กันตลอดพิมพ์ หลังจากนั้นจึงจิ้มด้วยส้อม นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
          3. ทำครีมชีสคัสตาร์ด โดยทำบนอ่างน้ำร้อน ใส่ครีมชีส พาร์มีซานชีส และเนยจืดลงในอ่างผสม ใส่ไข่ครึ่งฟอง (ตีไข่ให้แตกก่อน) แล้วตีให้เข้ากัน
          4. ละลายแป้งข้าวโพดและนมสด แล้วเทผสมกับครีมชีส คนให้เนียน ใส่น้ำตาลทรายและกลิ่นวานิลลา คนต่อไปเรื่อย ๆ จนครีมเริ่มหนืด เอาครีมชีสใส่ถุงบีบ ถ้าใครไม่มีใช้ช้อนตักได้เลย บีบครีมลงบนแป้งทาร์ตที่อบแล้ว
          5. ทาหน้าขนมด้วยไข่แดง นำไปอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที หรือจนหน้าขนมเหลืองสวย

ดูวิธีทำ ชีสทาร์ตญี่ปุ่น เพิ่มเติมคลิก

          ใครอยากทำขนมเมนูชีสง่าย ๆ ขอนำเสนอเมนูสตรอว์เบอร์รีชีสพาย จับแครกเกอร์ผสมกับเนยละลายแล้วกรุลงในถ้วย ราดครีมชีสและแยมสตรอว์เบอร์รี พอแช่เย็นจนเซตตัวก็หม่ำกันเลยจ้า

ส่วนผสม สตรอว์เบอรรีชีสพาย
          • แครกเกอร์พร้อมชีส ตราจิตรลดา 3 กล่อง
          • เนยสดจิตรลดา ประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ
          • แยมสตรอว์เบอร์รี

วิธีทำสตรอว์เบอรรีชีสพาย
          1. ทุบ ตำ บี้ หรือขยี้ก็ได้ ให้แครกเกอร์ที่เป็นแผ่นอยู่นั้น แตกละเอียด
          2. นำเนยสดไปละลายในไมโครเวฟให้ละลายเป็นน้ำมัน ราดเนยละลายลงไปในแครกเกอร์ที่ทุบละเอียดไว้แล้ว พร้อมคลุกเคล้าให้เกาะตัวเป็นกลุ่มก้อน ตักแครกเกอร์ที่ผสมกับเนยละลายอัดใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ให้แน่น
          3. ตีชีสด้วยไม้พายพลาสติกที่ให้มาในแพ็กจนเป็นลักษณะครีมข้น ๆ แล้วตักใส่ถ้วย ราดแยมสตรอว์เบอร์รีลงไปตามชอบ นำไปแช่เย็นให้แครกเกอร์กับชีสเซตตัวสักครึ่งชั่วโมง

ดูวิธีทำ สตรอว์เบอร์รีชีสพาย เพิ่มเติมคลิก

          มื้อเช้ามารองท้องด้วยเมนูมัฟฟินชีส จับทุกอย่างลงไปคนผสมจนเข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ เสร็จแล้วเอาไปอบจนสุก

ส่วนผสม มัฟฟินชีส
          • พริกแดงหวาน 1 ลูก (สามารถใช้พริกหวานสีเหลืองมาผสมเพิ่มสีสันได้)  
          • นมสด 150 มิลลิลิตร
          • ไข่ไก่ 2 ฟอง
          • เนยเค็มละลาย 100 มิลลิลิตร
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ถ้วย
          • ผงฟู 3 ช้อนชา
          • เกลือ 1/2 ช้อนชา
          • ชีสขูด 225 กรัม
          • เมล็ดสน (Pine Nut) 50 กรัม
          • ออริกาโน่แห้ง 1 ช้อนชา

วิธีทำมัฟฟินชีส    
          1. เปิดเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส และวางเรียงพิมพ์มัฟฟินในถาดอบ เตรียมไว้
          2. นำพริกแดงหวานมาสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ
          3. ใส่นมสด ไข่ไก่ และเนยละลายในชามผสมแล้วใช้ตะกร้อมือคน จากนั้นใส่พริกหวานสับ ชีสขูด เมล็ดสน และออริกาโน่ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เตรียมไว้
          4. ร่อนแป้งสาลี ผงฟู และเกลือเข้าด้วยกันในชามผสม แล้วเทส่วนผสมเปียกลงไป คนพอเข้ากัน ตักส่วนผสมมัฟฟินใส่ในพิมพ์ อบประมาณ 15-20 นาทีหรือจนสุก นำออกมาวางพักให้เย็น

ดูวิธีทำ มัฟฟินชีสพริกหวานและเมล็ดสน เพิ่มเติมคลิก

          บ่าย ๆ แบบนี้ถ้าได้ขนมเมนูชีสสักชิ้นคงจะดี พบกับเมนูขนมปังชีสกรอบ ส่วนผสมมีแค่ชีสกับขนมปังแผ่น ใครจะกินกี่แผ่นก็จัดไปด่วน ๆ เลยจ้า

ส่วนผสม ขนมปังชีสกรอบ
          • พาร์มีซานชีสขูดฝอย
          • ขนมปังแบบหนา

วิธีทำขนมปังชีสกรอบ
          1. ตั้งกระทะเทฟลอนบนไฟอ่อนเกือบปานกลาง โรยพาร์มีซานชีสขูดฝอยลงไป
          2. พอชีสละลายเล็กน้อยแล้วนำขนมปังวางลงไป รอจนชีสเหลืองทองแล้วกลับอีกด้านขึ้น ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาทีหรือจนกรอบ ตักเสิร์ฟ

ดูวิธีทำ ขนมปังชีสกรอบ เพิ่มเติมคลิก

          ใครมีเตาอบเตรียมปัดฝุ่นรอเลยค่ะ จะได้ทำเมนูพิซซ่าโรลแฮมชีส สูตรนี้ใช้แป้งพิซซ่าสำเร็จรูปทาซอสมะเขือเทศแล้วใส่เครื่องเคราต่าง ๆ ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ชีส พอม้วนเป็นโรลก็หั่นชิ้นและเอาไปอบจนสุก

ส่วนผสม พิซซ่าโรล
          • แป้งพิซซ่าสำเร็จรูป
          • ซอสมะเขือเทศ
          • แฮม
          • สับปะรด
          • ต้นหอม
          • ชีสเชดดาร์
          • เกลือ
          • พริกไทย
          • ออริกาโน่
          • ไข่ไก่

วิธีทำพิซซ่าโรล
          1. นำแป้งพิซซ่ามาวางเตรียมไว้แล้วทาด้วยซอสมะเขือเทศให้ทั่ว
          2. ใส่แฮมกับสับปะรดลงไป โรยต้นหอมกับชีสเชดดาร์ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และออริกาโน่
          3. ค่อย ๆ ม้วนพิซซ่าเป็นโรลให้แน่นแล้วใช้มีดตัดพิซซ่าเป็นแว่น ๆ ชิ้นพอคำ จัดวางพิซซ่าโรลใส่ถาด โดยเว้นระยะห่างพอสมควร
          4. ทาหน้าพิซซ่าด้วยไข่ไก่แล้วนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที จัดใส่จาน

ดูวิธีทำ พิซซ่าโรลแฮมชีส เพิ่มเติมคลิก

          หน้าตาเจิดจรัสถูกใจสายชีสแน่นอน พบกับเมนูขนมปังเรนโบว์ชีส หรือขนมปังอบชีสสายรุ้ง ความพิเศษคือ ขนมปังสอดไส้ชีสหลากสีสัน กินกับซอสพริกหรือซอสมะเขือเทศตัดเลี่ยน

ส่วนผสม ขนมปังเรนโบว์ชีส
          • ขนมปัง 2 แผ่น
          • มอสซาเรลล่าชีส 1 แพ็ก
          • สีผสมอาหาร สีม่วง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง (หรือสีอื่น ๆ ตามชอบ)
          • เนยสด เล็กน้อย

วิธีทำขนมปังชีสสายรุ้ง
          1. แบ่งมอสซาเรลล่าชีสใส่ภาชนะ 6 ส่วน
          2. ใส่สีผสมอาหารลงในชีสแต่ละถ้วย ไม่ต้องใส่ให้สีเข้ม เพราะเวลาอบออกมาจะไม่น่ากิน
          3. ทาเนยลงบนขนมปังแผ่นด้านบนแล้วนำชีสมาเรียงทีละสีจนครบ
          4. นำขนมปังด้านที่ทาเนยลงไปปิ้งในกระทะใช้ไฟอ่อน ทาเนยลงบนขนมปังด้านบนอีกครั้ง ปิดฝาอบ 1 นาที จากนั้นกลับขนมปังอีกด้านลงไปปิ้ง ปิดฝาอบอีก 1 นาที เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

ดูวิธีทำ ขนมปังอบชีสสายรุ้ง เพิ่มเติมคลิก

          ใครไม่มีเตาอบก็ไม่ต้องซื้อ เพราะสามารถทำเมนูขนมปังชีส จับขนมปังทาเนยและสอดไส้ชีส พอทอดจนชีสเยิ้มก็จัดเสิร์ฟกันเลยค่ะ

ส่วนผสม ขนมปังชีส
          • ขนมปัง 2 แผ่น
          • เชดดาร์ชีสสีส้ม
          • อัพเพนเซลเลอร์ชีส (Appenzeller) หรือมอสซาเรลล่าชีส
          • เนย

วิธีทำขนมปังชีส
          1. นำขนมปังมาทาเนยให้ทั่วทั้ง 2 ด้าน และ 2 แผ่น เสร็จแล้วตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน อย่าใช้ไฟแรงเพราะเนยจะไหม้เป็นสีดำ นำขนมปังแผ่นล่างวางลงบนกระทะ โรยชีสที่เตรียมไว้ลงไป โดยเว้นขอบขนมปังเอาไว้ เพราะเวลาชีสละลายจะได้ไม่ล้นออกมา ประกบด้วยขนมปังอีกแผ่น ทอดจนขนมปังแผ่นล่างสุกเหลืองกรอบ พลิกกลับด้าน โรยชีสที่เตรียมไว้ลงไปบนแผ่นขนมปัง
          2. เสร็จแล้วพลิกกลับด้านทอดจนชีสละลาย เมื่อขนมปังแผ่นล่างกรอบได้ที่แล้วก็กลับด้านขนมปัง รอสักครู่ให้ขนมปังกรอบและชีสละลาย เมื่อชีสทั้งสองด้านกรอบได้ที่แล้วก็ตักเสิร์ฟ โรยหน้าเพิ่มรสด้วยเครื่องเทศ พริกป่นและพริกไทย

ดูวิธีทำ ขนมปังชีส เพิ่มเติม

          ใครชอบกินมัฟฟินไข่เป็นทุนเดิม ลองเติมชีสเพิ่มความฟินกันดีไหม พบกับเมนูมัฟฟินไข่อบชีส จับไข่ผสมกับผักและเนื้อสัตว์เอาไปอบจนสุก สุดท้ายโรยชีสแล้วเอาไปอบจนชีสละลาย

ส่วนผสม มัฟฟินไข่ทรงเครื่องอบชีส (สำหรับ 6 ชิ้น)
          • ไข่ไก่ 6 ฟอง
          • เนื้อหมูสับ 100 กรัม
          • ผักตามชอบหั่นชิ้นเล็ก เช่น ดอกโสน, แครอต, ใบเหลียง, ใบโหระพา (อาจดัดแปลงให้เป็นอาหารฝรั่งด้วยผักโขม หอมหัวใหญ่ แครอต และมะเขือเทศ)
          • กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
          • มอสซาเรลล่าชีส หั่นเต๋าเล็ก ประมาณ 20 ชิ้น
          • ซอสพริกศรีราชา หรือซอสมะเขือเทศ ตามชอบ
          • พริกไทย 1 ช้อนชา
          • น้ำปลาลดโซเดียม 2 ช้อนชา
          • ผงกระเทียม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช (สำหรับทาพิมพ์อบ)

วิธีทำมัฟฟินไข่
          1. วอร์มเตาไว้ที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
          2. ทาน้ำมันพืชให้ทั่วพิมพ์ (ใช้พิมพ์มัฟฟิน หรือพิมพ์ทาร์ต หรือถ้วยเซรามิก) เตรียมไว้
          3. ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำปลา และผงกระเทียม แล้วตีให้เนื้อไข่เนียนสวย
          4. นำผักที่เตรียมไว้จัดใส่ในพิมพ์อบ (ปริมาณ 1/3 ของพิมพ์อบ) และใส่หมูสับตามลงไปในพิมพ์อบให้ได้ประมาณ 2/3 ของพิมพ์อบ (ประมาณพิมพ์ละ 1-2 ช้อนโต๊ะ) โรยกระเทียม ใส่ไข่ปรุงรสให้เกือบเต็มพิมพ์อบ
          5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน 15 นาที หรือจนหน้าไข่สุกเหลืองไม่แฉะและไม่ติดมือ นำมาพักไว้ประมาณ 5 นาที กลับด้านไข่ขึ้นมา (เวลาวางเสิร์ฟจะได้ตั้งสวย ไม่ล้ม)  
          6. ทาหน้าไข่ที่กลับด้านแล้วด้วยซอสพริกศรีราชา และโรยชีสแต่งหน้า นำไปอบต่อแค่พอให้ชีสละลาย นำออกจากเตา พักไว้ให้อุ่น จัดเสิร์ฟ

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ มัฟฟินไข่อบชีส แคลอรีเบาอ้วนน้อยไร้ไขมันทรานส์

           ถ้าให้กินชีสเพียว ๆ คงเลี่ยนเกินไป ลองจับมาแปลงร่างทำเป็นเมนูชีสทอด จับชีสแผ่นคลุกเกล็ดขนมปังแล้วเอาไปทอดจนสีสวย แค่นี้ก็เรียบร้อย

ส่วนผสม ชีสทอด
          • ชีสแผ่น
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์  
          • ไข่ไก่ 1 ฟอง
          • เกล็ดขนมปัง

วิธีการทำชีสทอด
          1. ม้วนชีสเป็นแท่ง ๆ ไม่ให้แตก เสร็จแล้วนำไปแช่ไว้ที่ตู้เย็น พักทิ้งไว้ก่อน สักระยะหนึ่งเพื่อให้ชีสแข็งตัว
          2. ตีไข่ไก่จากนั้นเอาชีสมาชุบให้ทั่ว นำชีสไปชุบแป้งสาลีต่อ เสร็จแล้วนำไปชุบไข่ไก่อีกครั้งหนึ่ง
          3. จากนั้นทำชีสคลุกกับเกล็ดขนมปังให้หนาทั่ว (อย่าลืมคลุกปิดหัว-ท้ายชีสด้วยนะ)
          4. เตรียมน้ำมันสำหรับทอด เปิดไฟแรงให้น้ำมันร้อนจัด นำชีสลงไปทอดพอเกล็ดขนมปังเหลืองก็เอาขึ้นได้เลย

ดูวิธีทำ ชีสทอด เพิ่มเติมคลิก

          แอบหิวตงิด ๆ พอเห็นภาพขนมเมนูชีส เอาล่ะ… ขอทำไข่นกกระทามันม่วงไส้ชีสก่อนแล้วกัน เพราะอยากกินมานานแล้วแต่หาซื้อยากมากเลย ส่วนเมนูอื่น ๆ ค่อยทำวันหลังแล้วกันเนอะ