12 เมนูไข่แดงเค็ม ทั้งคาวหวานอร่อยเค็มมันไปทุกอณู

     1. ตอกไข่แล้วแยกไข่แดงกับไข่ขาว ใช้เฉพาะไข่แดง โดยเทไข่แดงกลับใส่ในเปลือก โรยเกลือทั้งด้านบนและด้านล่าง
     2. เทเหล้าตามลงไป ปิดฝาหรือผ้าขาวบาง พักไว้ 6-8 ชั่วโมง หรือพักทิ้งไว้ข้ามคืน หากอากาศร้อนจัดก็สามารถนำเข้าตู้เย็น พอครบเวลาไข่แดงก็เซตตัวแล้วก็เอาไปล้างน้ำ โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่านเพื่อล้างเอายางเยิ้ม ๆ ออก
     3. เรียงไข่แดงบนถาด นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 5-7 นาที

     1. เจียวกระเทียมให้เหลือง
     2. ใส่หมูลงผัด ใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง ตามด้วยไข่แดงของไข่เค็ม ผัดจนไข่แดงสุก
     3. ตักใส่จานโรยต้นหอมซอย

     1. ผสมน้ำเปล่ากับไข่เค็มให้เข้ากัน เตรียมไว้
     2. ใส่กระเทียมกับน้ำมันพืชลงในถ้วยทนความร้อน นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรง 800 วัตต์ ประมาณ 1-2 นาที
     3. ใส่ปลาหมึกลงไปในน้ำมันกระเทียม (ถ้าใช้ปลาหมึกสด ให้นำปลาหมึกไปเข้าไมโครเวฟให้สุกก่อนนำไปใส่น้ำมันกระเทียม) นำเข้าไมโครเวฟต่ออีก 1.30 นาที (ปลาหมึกแช่แข็งจะมีน้ำออกมาบ้าง ไม่ต้องตกใจให้ตักน้ำทิ้ง)
     4. เทส่วนผสมไข่แดงลงไป ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา น้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย คนให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมกับพริกชี้ฟ้าหั่น นำเข้าไมโครเวฟ 1.30 นาที เป็นอันเสร็จ

     1. ทำหมูหมักโดยผสมหมูสับ ไข่ไก่ รากผักชี กระเทียม และแป้งข้าวโพด ปรุงรสตามชอบ คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน หมักไว้ 30 นาที
     2. เจียวกระเทียมพอเหลือง พักไว้ สำหรับโรยหน้าขนมจีบ
     3. มาห่อขนมจีบโดยตัดมุมแผ่นเกี๊ยวทั้งสี่มุมออกเล็กน้อย กำมือพอหลวม วางแผ่นเกี๊ยวลงไปบนอุ้งมือ กดลงไปในรูกำปั้นใส่หมูหมักลงไป โปะไข่แดงเค็ม จับจีบโดยใช้น้ำทาให้รอบ ๆ แผ่นเกี๊ยว
     4. เตรียมนึ่ง รองซึ้งนึ่งด้วยใบตองทาน้ำมันกระเทียมเจียว นึ่งประมาณ 10-15 นาที โรยกระเทียมเจียว เสิร์ฟคู่กับผักชี จิ้มกับซอสพริกและซอสเปรี้ยว (จิ๊กโฉ่ว)

     1. หมักหมูสับด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทยตำ ตามด้วยแป้งมันสำปะหลัง ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย
     2. คลุกเคล้าส่วนผสมซอสกับหมูสับให้เข้ากัน
     3. นำหมูปรุงรสมาปั้นเป็นก้อนกลม จากนั้นวางไข่แดงเค็มที่หั่นครึ่งลงไปด้านบน นำฝามาครอบภาชนะ เอาเข้าไมโครเวฟประมาณ 4 นาที เป็นอันเสร็จ

     1. ยีไข่แดงเค็ม 1 ฟอง ผ่านกระชอน ส่วนอีก 1 ฟองหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเตรียมไว้
     2. ใส่กะทิกับไข่แดงที่ยีไว้ลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนเดือด
     3. ใส่กุ้งสด หอมแดงซอย และพริกชี้ฟ้าลงไป ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามเปียก เคี่ยวจนส่วนผสมข้น
     4. ใส่ไข่แดงหั่นเต๋าลงไป ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักสดต่าง ๆ ตามชอบ

     1. ผสมไข่แดงกับซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และรสดี บี้ไข่แดงให้ละลาย ถ้าเป็นไข่เค็มใหม่ สีของไข่แดงจะแดงสวย ไข่เก่าออกเหลืองคล้ำอาจจะดูไม่น่ากินนัก
     2. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันนิดหน่อย เอาไข่ลงไปผัด ใส่หมึกตามลงไป เร่งไฟ พอหมึกเห็นไฟก็ทำท่าสุก อย่าปล่อยให้หมึกสุกเกิน เพราะจะเหนียว เคี้ยวไม่อร่อย สังเกตดูพอหมึกเริ่มพองก็ใช้ได้ ตักใส่จาน

     1. เตรียมผักต่าง ๆ ไว้ให้พร้อม (ต้นหอมหั่นท่อน ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน หอมใหญ่ซอย พริกชี้ฟ้าแดง และกระเทียมสับ)
     2. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ปลาหมึกลงลวกในน้ำเดือดแค่พอสุก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
     3. บดไข่แดงเค็มให้ละเอียด เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย และน้ำพริกเผา คนผสมให้เข้ากัน พักไว้ (ในสูตรใช้ไข่เค็มสุกและดิบอย่างละฟอง ไม่ใช่เคล็ดลับ แต่มีไข่เค็มไม่พอ)
     4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่กระเทียมสับลงเจียวพอหอม ใส่หอมใหญ่ลงผัดพอสุก จากนั้นใส่ปลาหมึกลงไปผัด ตามด้วยส่วนผสมไข่เค็ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ
     5. ปรุงรสเสร็จแล้วใส่พริก ต้นหอม และขึ้นฉ่าย ลงผัดเร็ว ๆ เสร็จเรียบร้อย ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

     1. ทำปลาดุกฟู โดยซื้อมาจากช่องแช่แข็ง เพราะอยู่อเมริกาไม่มีปลาดุกย่าง ต้องมาทำเอง เริ่มจากล้างปลาด้วยน้ำเกลือจนหมดเมือก ต่อมาก็ทำการบั้งปลาแล้วเอาเข้าเตาอบ หรือใครจะนำไปย่างก็ได้ พอปลาสุกแล้วนำมาแกะเอาแต่เนื้อปลา ไม่เอาหนัง นำมาสับ ๆ แล้วผึ่งให้แห้งสนิท แล้วเอาไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ จนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้
     2. ทำน้ำพริกแกง โดยใส่พริกแห้งแช่น้ำลงในครก ตำกับเกลือหน่อยแล้วก็ใส่เครื่องพริกแกงเผ็ดอื่น ๆ ลงไปตำให้ละเอียด
     3. นำน้ำมันพืชใส่กระทะ เปิดเตาไฟอ่อน ใส่น้ำพริกแกงลงไป ผัดพริกแกงกับน้ำมันให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ รสชาติจะกลมกล่อมกว่าใส่น้ำตาลทราย ใส่น้ำปลานิดหน่อย เพราะจะใส่ไข่เค็มแดงลงด้วย เดี๋ยวจะเค็มมากไป ผัดต่อไป ใส่ถั่วฝักยาวหั่นท่อนเล็ก ๆ ผัดให้เข้ากันดี
     4. ใส่ปลาดุกทอดฟู ผัดพอแค่เข้ากัน ใส่ไข่เค็มหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ลงผัดด้วย ผัดแบบเบามือให้เข้ากันดี ชิมรสชาติตามชอบ
     5. ใส่ใบมะกรูดซอยลงไปเพิ่มความหอม การผัดพริกขิงแบบนี้ไม่ต้องใส่น้ำ จะผัดแบบแห้ง ๆ ถึงจะอร่อย ปลาจะได้กรอบด้วย หากใส่น้ำปลาจะเหนียวไม่กรอบ ใส่พริกชี้ฟ้าแดงซอยนิดหน่อย ตกแต่งสวยงาม ผัดอีกสักครู่ แค่นี้ก็เสร็จแล้ว

     1. แบ่งแป้งชั้นนอกออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 นะคะ จะได้ก้อนละประมาณ 38 กรัม)
     2. แบ่งแป้งชั้นในออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 18 กรัม)      แป้งที่ได้จะขาวและเนียน
     3. แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่นแล้ววางแป้งชั้นในไว้ตรงกลาง
     4. จับมุมแป้งชั้นนอกขึ้นมาก่อแป้งชั้นในให้มิด ใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) จะได้แป้งแบน ๆ ยาว ๆ
     5. พับแป้งด้านบนลงมาโดยให้ปลายมาจรดตรงกลางแผ่นแล้วพับปลายด้านล่างขึ้นไป จากนั้นหมุนแป้งที่พับไว้ 90 องศา
     6. จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลงอีกครั้ง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) ม้วนแป้งจากปลายด้านใดด้านหนึ่ง (เหมือนม้วนเสื่อ) ตัดแบ่งให้ได้ส่วนตามต้องการ (ในสูตรแบ่ง 4 ส่วน)
     7. วางแป้งให้ระนาบที่กลมลงบนพื้นโต๊ะ (แบบแถวซ้าย ส่วนด้านขวาเราจะทดลองดูว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร) แล้วกดแป้งลงไปให้แบนราบ
     8. จากนั้นนำมารีดเฉพาะขอบให้บางแล้ววางไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ลงไป
     9. ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ เก็บรอยบีบไว้ด้านล่าง (จะเห็นเป็นลายวน ๆ)
     10. วางเรียงแป้งใส่ถาดอบที่ทาน้ำมันไว้ เตรียมอบ (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นถาดที่ใช้ใส่แป้งชั้นนอกตอนพัก จึงไม่ต้องทาน้ำมันเพิ่มเลย เนื่องจากมีน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมาจากแป้งชั้นนอกแล้วบ้าง)
     11. ทาส่วนผสมไข่แดงผสมน้ำลงบนหน้าขนม แต้มสีผสมอาหารสีส้มลงบนหน้าขนมให้เป็นจุด ๆ
     12. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (อุ่นเตาไว้ก่อนแล้ว) ประมาณ 20-25 นาที (แล้วแต่ขนาดของขนม) อบเสร็จแป้งจะแห้ง ๆ หน่อย นำขนมออกจากถาดใส่ลงในหม้อสำหรับอบควันเทียน เอาไปอบจนข้ามคืน พร้อมเสิร์ฟ

     1. ทำแป้งชั้นนอกโดยผสมน้ำตาลทรายกับน้ำ แล้วคนให้ละลายเข้ากัน เทใส่แป้งแล้วคนจนแป้งจับตัวกัน จากนั้นใส่เนยกี (Ghee) ลงไป นวดแป้งจนเนื้อเนียน จากนั้นพักแป้งไว้ 10 นาที (เอาผ้าหมาด ๆ คลุมไว้)
     2. ทำแป้งชั้นในโดยผสมเนยกี (Ghee) กับแป้ง นวดจนแป้งเนียนเข้ากัน จากนั้นพักแป้งไว้ 10 นาที (เอาผ้าหมาด ๆ คลุมไว้)
     3. แบ่งแป้งชั้นนอกกับชั้นในให้ได้อย่างละ 10 ก้อน จากนั้นรวบแป้ง คลึงเป็นลูกกลม ๆ จากนั้นพักแป้งไว้ 10 นาที (เอาผ้าหมาด ๆ คลุมไว้)
     4. จากนั้นห่อแป้งชั้นนอกกับชั้นในเข้าด้วยกัน พักแป้งไว้อีก 10 นาที
     5. นำไข่แดงเค็มไปอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที
     6. ปั้นไส้ถั่วแดงกวนเป็นลูกกลม ๆ น้ำหนักประมาณ 30-35 กรัม
     7. นำไส้ถั่วกับไข่แดงเค็มมาห่อด้วยกัน
     8. นำแป้งมารีดให้เป็นแผ่นแล้วม้วน พักแป้งให้คลายตัวอีก 10 นาที จากนั้นนำมารีดให้เป็นแผ่นยาว จากนั้นม้วนแป้ง กดตรงกลาง แล้วพับด้านข้างเอามา รีดให้เป็นแผ่น นำไส้มาห่อให้แน่น ทาไข่แดงให้ทั่ว โรยด้วยงาดำ
     9. นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 25-30 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง พักให้เย็นบนตะแกรง หรือจะกินอุ่น ๆ เลยก็ได้ ถ้าชอบกลิ่นควันเทียนก็นำไปอบควันต่ออีก 1 คืน

     1. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำลงไปในหม้อต้ม เติมน้ำมะนาวและเปลือกเลมอนลงไป ต้มด้วยไฟอ่อนประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างต้มก็มาคนเป็นพัก ๆ พอผ่านไป 1 ชั่วโมง ลองตักมาเช็กดูว่า น้ำเชื่อมได้ที่หรือยัง น้ำเชื่อมที่ได้จะมีลักษณะข้นหนืดคล้าย ๆ น้ำผึ้ง พอน้ำเชื่อมได้ที่แล้วดับเตา ตักเปลือกเลมอนออก จากนั้นพักให้เย็นลง พอเย็นลงแล้วเทใส่ขวด เก็บไว้อย่างน้อย 1 อาทิตย์ ก่อนนำมาใช้
     2. ทำเปลือกขนมไหว้พระจันทร์โดยใส่น้ำเชื่อม น้ำมันถั่วลิสง และน้ำด่างลงไปในชามผสม แล้วคนให้เข้ากัน เทแป้งเค้ก (แป้งส่วนที่ 1) ใส่ลงไป แบ่งใส่ทีละครึ่ง จะได้ตะล่อมง่าย ๆ พักแป้งไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง หรือพักค้างคืนเลยก็ได้
     3. พอครบเวลาใส่แป้งขนมปัง (แป้งส่วนที่ 2) ลงไป นวดจนแป้งเนียนเข้ากัน จากนั้นพักแป้งอีกประมาณ 30 นาที (เอาผ้าคลุมไว้ด้วย)
     4. นำไข่แดงเค็มไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 5 นาที
     5. แบ่งแป้งเป็นก้อนละ 45-50 กรัม
     6. เตรียมไส้ทุเรียนกับไข่แดงเค็ม ชั่งรวมกันประมาณ 120-125 กรัม ใส่ไข่แดงลงไปในทุเรียนกวนแล้วห่อให้แน่น
     7. รีดแป้งเป็นแผ่น นำแป้งมาห่อไส้
     8. ทาน้ำมันลงไปในพิมพ์ให้ทั่ว กดพิมพ์ลงไปบนขนมไหว้พระจันทร์ พอกดเสร็จหมดแล้วก็พรมน้ำให้ทั่วก่อนนำไปอบ
     9. นำไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-15 นาที พออบเสร็จ พรมน้ำให้ทั่วแล้วพักให้อุ่นลง
     10. ใส่นมกับน้ำเชื่อมลงไปผสมในไข่ไก่กับไข่แดง (น้ำเชื่อมจะทำให้สีขนมเข้มสวยขึ้น) ทาไข่ให้ทั่ว อบต่อด้วยอุณหภูมิ 190-200 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 20 นาที อบเสร็จแล้ว แต่ยังกินไม่ได้เลยเพราะเปลือกขนมยังแข็งอยู่ พอพักให้ขนมเย็นแล้วก็เก็บไว้อีก 3 วัน ก่อนนำมารับประทาน

          ส่วนตัวชอบกินเมนูปลาหมึกผัดไข่เค็มมาก ๆ เคยทำกินเองก็ไม่ค่อยอร่อยเท่าไร ไหน ๆ ก็มีสูตรอยู่ในมือเห็นทีวันหยุดนี้ต้องลองทำกินเองสักหน่อยแล้วค่ะ