10 สูตรขนมเทศกาลปีใหม่ หลากหลายไม่น่าเบื่อทำกินทำขายได้หมด

     1. นำเนยสดเค็มนิ่ม (วางไว้อุณหภูมิห้อง 30 นาที) ตีจนกระทั่งเนยแตกตัวดี เติมน้ำตาลไอซิ่งหรือน้ำตาลทรายป่น ตีต่ออีก 2-3 นาที จนกระทั่งเนยสดขึ้นฟูเล็กน้อยและสีของเนยอ่อนลง
     2. ร่อนแป้งเค้กและแป้งข้าวโพดใส่ลงไป ใช้ใบพายคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดีอย่างเบามือ (เทคนิคคือทำคุกกี้ต้องไม่คนนาน เนื้อคุกกี้จะแข็ง)
     3. ตักใส่ถุงบีบ หัวบีบวันนี้เป็น 8-10 แฉก บีบแป้งในลักษณะแนวตรง เพื่อทำกลีบเป็นชั้น 3-4 ชั้น (ตกแต่งหน้าตาตามชอบ) นำแป้งที่บีบเสร็จแล้ว แช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 10-15 นาที (ระหว่างนี้วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส)
     4. นำคุกกี้เข้าไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาที (วางถาดอบที่ชั้นกลาง และไม่เปิดพัดลม) ทุก 20 นาที ให้หมุนถาดอบ เพื่อความร้อนจะได้ทั่วถึง พอเวลาผ่านไป 40 นาที นำคุกกี้ออกมาพักไว้ให้เย็นบนตะแกรง
     5. จัดเก็บใส่ถุงซิปหรือขวดโหลกันอากาศเข้า เนื้อคุกกี้จะสัมผัสเบาและอร่อยมาก
 

     1. ผสมน้ำมะนาวในนมจืด ตั้งทิ้งไว้ 15 นาที
     2. บดกล้วยละเอียดหรือหยาบตามชอบ ตอกไข่ไก่ลงไปผสม ตามด้วยน้ำตาลทรายและกลิ่นเนยวานิลลา คนให้เข้ากัน นำนมจืดผสมมะนาวใส่ลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ รินน้ำมันรำข้าวใส่ลงไป คนจนเข้ากันดี
     3. ร่อนแป้งและผงฟูลงไป ประมาณ 2-3 สามรอบ ตะล่อมแป้งจนเข้ากัน พักไว้ 30 นาที
     4. เมื่อพักแป้งครบตามเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์สำหรับนึ่ง ใช้พิมพ์จีบรองด้วยพิมพ์กระดาษจีบเบอร์ 2818 โรยหน้าด้วยธัญพืชอบแห้ง นำไปนึ่งหลังน้ำเดือด ใช้ไฟปานกลาง นึ่งนาน 20 นาที
     5. วอร์มเตาอบ ตักใส่พิมพ์สำหรับอบ ใช้พิมพ์มัฟฟินขนาด 6 ชิ้น โรยหน้าด้วยธัญพืชอบแห้ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบนาน 20 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ได้เป็นเนื้อนุ่ม ๆ หน้าไม่กรอบ
 

     1. นำกล้วยหอมมาบดให้ละเอียด ใส่เนยถั่วลงไป คนให้เข้ากัน ชิมรสดูว่าหวานพอไหม จากนั้นเติมน้ำผึ้งลงไปหน่อย กรณีที่กล้วยงอมมากปรับลดความหวานได้ตามชอบ
     2. ร่อนผงโกโก้ลงไป คนให้เข้ากันจนเนียน ตักใส่พิมพ์ โรยหน้าด้วยอัลมอนด์สไลซ์
     3. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 10 นาที ขึ้นอยู่กับขนาดพิมพ์
 

     1. ทำไส้มันม่วงโดยนำมันม่วงปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นแล้วนำไปนึ่งจนสุก หลังจากสุกนำมาบดให้ละเอียด เติมน้ำตาลทราย และกะทิลงไป คนให้เข้ากัน เทใส่กระทะ กวนให้แห้ง พักให้เย็น แล้วปั้นเป็นก้อนกลม และคั่วงาให้หอม
     2. ทำแป้งขนมโดยแบ่งแป้งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกผสมแป้งและน้ำอัญชัน นวดให้แป้งนิ่มพร้อมปั้นก้อน อีกส่วนหนึ่งผสมแป้งและน้ำเปล่า นวดให้แป้งนิ่มพร้อมปั้นก้อน
     3. ปั้นแป้งเป็นก้อนแล้วกดให้แบน ใส่ไส้มันม่วงแล้วห่อไม่ให้แป้งแตกเห็นไส้
     4. ทำกะทิสดโดยต้มน้ำกะทิ ใส่น้ำตาลทรายกับเกลือลงไป ต้มด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลละลายแล้วปิดไฟ
     5. ต้มขนมโดยนำน้ำเปล่าใส่หม้อ ต้มจนเดือด แล้วใส่แป้งที่ปั้นไว้ต้มให้สุก สังเกตว่าถ้าแป้งลอยแสดงว่าสุกแล้ว ให้ตักใส่หม้อกะทิ ตักเสิร์ฟ โรยงา
 

     1. ทำบัวลอยแก้วฟักทองโดยนำฟักทองมาปอกเปลือก ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นลูกเต๋า นำไปนึ่งแล้วบดให้ละเอียด และนำแป้งมันใส่ลงชามผสม ใส่ฟักทองที่บดเสร็จแล้วลงไป นวดฟักทองและแป้งให้เข้ากัน ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำร้อนลงไป นวดจนแป้งและเนื้อฟักทองเป็นเนื้อเดียวกัน
     2. หลังจากนั้นใช้แป้งมันทำเป็นแป้งนวลทาลงบนเขียง และโรยลงในถาดเพื่อใช้สำหรับวางตัวบัวลอยไม่ให้ติดถาด นำแป้งบัวลอยที่นวดแล้วคลึงเป็นเส้นยาว ๆ ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ คลุกเม็ดบัวลอยด้วยแป้งนวล พักไว้
     3. ตั้งน้ำให้เดือด หลังจากน้ำเดือดให้นำแป้งลงไปต้ม รอจนแป้งลอยสักครู่จึงตักขึ้นใส่ลงในน้ำเย็น หลังจากนั้นเตรียมในส่วนของกะทิ ให้นำหัวกะทิกับใบเตยใส่ลงหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ตั้งไฟ หลังจากกะทิเริ่มเดือดขอบหม้อ ให้ใส่เม็ดบัวลอยลงไป แล้วปิดไฟ ตักเสิร์ฟ
 

     1. ทำน้ำกะทิโดยใส่กะทิ เกลือ และน้ำตาลทรายลงหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ พักให้เย็น
     2. ใส่แป้งทั้ง 3 อย่างลงในอ่างผสม ค่อย ๆ ทยอยตักน้ำกะทิที่เย็นแล้วใส่ลงในแป้ง โดยทยอยตักทีละทัพพี สลับกับการนวดด้วยมือ หรือใช้ทัพพีค่อย ๆ คนให้เข้ากัน จนน้ำกะทิหมด เติมกลิ่นมะลิ แล้วคนให้เข้ากัน นำไปกรอง แล้วแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
     3. ให้นำกะทิที่แบ่งไว้ 1 ส่วนผสมกับน้ำดอกอัญชัน และสีผสมอาหารสีม่วง คนให้เข้ากัน เพิ่มสีได้ตามชอบ
     4. ตักส่วนที่เป็นกะทิออกมา 2 ช้อนโต๊ะ ผสมสีผสมอาหารสีเหลืองเพื่อใช้ทำเกสร นำพิมพ์ใส่ซึ้งนึ่งประมาณ 2 นาที ตักกะทิสีเหลืองใส่ตรงเกสรดอกไม้ แล้วนึ่งประมาณ 2 นาที
     5. ตักกะทิสีม่วงประมาณ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงพิมพ์ นึ่งประมาณ 3 นาที
     6. ตักกะทิสีขาวประมาณ 1 ช้อนโต๊ะใส่ลงพิมพ์ นึ่งประมาณ 3 นาที ทำแบบนี้สลับกะทิสีม่วงและกะทิสีขาวจนเต็มพิมพ์
     7. เมื่อถึงชั้นสุดท้ายให้นึ่งประมาณ 10-15 นาที เมื่อสุกแล้วให้พักไว้จนกว่าขนมจะเย็นสนิท จึงแกะออกจากพิมพ์
 

     1. นำยีสต์ผสมกับน้ำอุ่น คนให้เข้ากันแล้วพักไว้
     2. นำแป้งขนมปัง แป้งข้าวเจ้า เกลือ ผงฟู และน้ำตาลทราย ใส่ลงชามผสมคนให้เข้ากัน แล้วทำหลุมตรงกลาง
     3. นำยีสต์ที่ผสมน้ำไว้ เทลงในหลุมแป้ง แล้วคนให้เข้ากัน เมื่อเข้ากันดีแล้วให้นำผ้าหรือพลาสติกมาคลุมบนชามแป้งแล้วพักไว้ประมาณ 20 นาที ระหว่างรอให้เตรียมฮอตดอก โดยผ่าเป็นแฉกแล้วเสียบไม้ไว้
     4.  หลังจากครบเวลาให้เทแป้งลงในแก้ว เพื่อให้ง่ายต่อการชุบฮอตดอก หลังจากนั้นนำฮอตดอกชุบลงในแป้งแล้วก็ชุบเกล็ดขนมปัง ทำจนเสร็จ
     5. นำกระทะใส่น้ำมันปาล์มตั้งไฟปานกลาง เมื่อน้ำมันร้อนนำลงทอดจนเหลืองกรอบ หลังจากนั้นราดด้วยซอสมะเขือเทศและมายองเนส พร้อมเสิร์ฟ
 

     1. เทน้ำมะพร้าวและน้ำเปล่าลงในหม้อ โรยผงวุ้นลงให้กระจายให้ทั่วหม้อ แล้วคนให้เข้ากัน พักให้วุ้นอิ่มน้ำประมาณ 20 นาที เพื่อจะได้ไม่คายน้ำหลังจากต้มเสร็จ
     2. นำขึ้นตั้งไฟกลาง ประมาณ 20 นาที เคี่ยวไปจนกว่าน้ำจะเดือดและวุ้นจะละลาย (คนตลอดการเคี่ยว) เมื่อวุ้นละลายดีแล้วให้ใส่น้ำตาลทราย แล้วคนให้น้ำตาลละลาย ใส่กะทิลงไปแล้วตั้งไฟอ่อนสักครู่ (เดี๋ยวกะทิจะแยกชั้น)
     3. พอกะทิเดือดตรงขอบ ๆ หม้อแล้วใส่เนื้อมะพร้าวลงไป คนสักครู่แล้วปิดไฟ ตั้งไว้ให้อุ่นสักครู่ ตักใส่พิมพ์ แล้วตั้งทิ้งไว้ให้วุ้นเซตตัวประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำเข้าตู้เย็น กินเย็น ๆ อร่อย
 

      1. นำไข่ขาวมาตีให้ขึ้นฟอง ใส่น้ำตาลลงไป ตีให้เข้ากันดี
      2. ใส่ผงโกโก้ที่ร่อนแล้ว น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากันดี
      3. ใส่แป้งอเนกประสงค์ เกลือ เบกกิ้งโซดาที่ร่อนแล้ว เเละนมผงลงไป ผสมให้เข้ากันดี
      4 เทแป้งลงในถาดที่รองกระดาษอบเตรียมไว้ ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 30x21 เซนติเมตร และเกลี่ยให้แป้งบางทั่วกัน โรยช็อกโกแลตชิพลงไปให้ทั่ว
      5. นำไปอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที นำออกมาตัดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สามารถใช้ที่ตัดพิซซ่า หรือมีดตัดก็ได้ค่ะ นำไปอบต่ออีก 5 นาที
      6. พอครบเวลานำออกจากเตามาพักไว้ให้เย็นก่อนจะตัดให้เป็นชิ้น
 

     1. เจียวหอมแดงด้วยน้ำมันมะพร้าวให้เหลืองกรอบ จากนั้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
     2. ทำน้ำกะทิโดยนำไข่เป็ด ไข่ไก่ เกลือชมพู และน้ำตาลอิริทริทอล (Erythritol) มาขยำด้วยใบเตยเพื่อดับคาว เมื่อส่วนผสมละลายดี เติมกะทิธัญพืชและขยำให้เข้ากันอีกครั้ง นำมากรองเอาใบเตยออก
     3. เตรียมเนื้ออะโวคาโด ส่วนตัวชอบแบบไม่ละเอียดมากเลยจะใช้ส้อมบดค่ะ ถ้าใครชอบแบบเนียน ๆ ก็สามารถนำไปปั่นได้เลย
     4. นำอะโวคาโดที่บดแล้วมาผสมในน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ตามด้วยอัลมอนด์ป่นและหอมเจียวเล็กน้อยเพิ่มความหอม
     5. นำไปกวนด้วยไฟอ่อน ๆ และต้องคนตลอดเวลา ห้ามละสายตาเลย ให้สุกและข้นประมาณ 30% ก็ยกลงจากเตาได้เลย
     6. ก่อนตักใส่พิมพ์ให้ทาพิมพ์ด้วยน้ำมันหอมเจียว และวอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นำเข้าเตาอบ ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 30 นาที
     7. พอครบ 30 นาที นำออกมาทาน้ำมันหอมเจียว และเอาเข้าไปอบต่อที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน ประมาณ 10 นาที พักไว้ให้เย็น โรยหน้าด้วยหอมเจียวและตกแต่งด้วยอะโวคาโด