เค้กปีใหม่
1. เค้กปุยเมฆ
ส่วนผสม เค้กปุยเมฆ
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 12 กรัม
- น้ำตาลทราย 40 กรัม
- สีผสมอาหารสีเหลืองหรือสีตามชอบ
วิธีทำเค้กปุยเมฆ
1. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีจนขึ้นฟู ใส่แป้งข้าวโพดตีจนเข้ากัน
2. ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนตั้งยอดอ่อน ใส่สีผสมอาหารลงไป เลือกสีที่ชอบได้เลย
3. ตักใส่ถาด ปรับให้เรียบ นำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 40 นาที
2. ชีสเค้กมะม่วง Tom & Jerry
ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก
- แครกเกอร์ 90 กรัม
- เนยละลาย 50 กรัม
ส่วนผสม ครีมชีสมะม่วง
- เจลาตินแผ่น 8 กรัม
- น้ำเย็น
- มะม่วง (ผ่านการปั่นและกรองแล้ว) 80 กรัม
- ครีมชีส 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 60 กรัม
- น้ำมะนาว 150 กรัม
- สีผสมอาหารสีเหลือง
- วิปครีม 150 กรัม
วิธีทำชีสเค้กมะม่วง
1. ทำฐานกันก่อน โดยนำแครกเกอร์เข้าเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด หลังจากนั้นใส่เนยละลายลงไป ปั่นต่อให้เข้ากัน
2. เทส่วนผสมของฐานลงในพิมพ์ถอดก้นได้ ใครมีแบบพิมพ์สปริงฟอร์ม (Spring Form) สามารถใช้ได้เลย กดฐานให้แน่น ๆ เลย นำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 30 นาที
3. มาทำส่วนชีสเค้กกันโดยนำเจลาตินแบบแผ่นแช่ในน้ำเย็นอย่างน้อย 15 นาที ให้เจลาตินบวมเต็มที่
4. ปั่นมะม่วงสุกให้ละเอียด เสร็จแล้วนำไปกรองผ่านตะแกรง (ถ้าไม่กรองจะมีส่วนของเสี้ยนมะม่วง)
5. ตีครีมชีสให้เนียนแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนเป็นเดียวกัน ใส่มะม่วงปั่น น้ำมะนาว เจลาตินละลาย (เอาไปละลายในไมโครเวฟ ใช้ไฟอ่อน 30 วินาที) และสีผสมอาหารสีเหลือง ตามลำดับ โดยแต่ละขั้นตอนการใส่ส่วนผสมข้างต้น ให้ตีจนส่วนผสมเข้ากันก่อน จึงใส่ส่วนผสมถัดไป พักไว้
6. ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดกลาง ค่อย ๆ ทยอยใส่วิปครีมประมาณ 2 รอบลงในส่วนของครีมชีส และตะล่อมจนเนื้อเนียน เทลงบนฐานแครกเกอร์แล้วเกลี่ยหน้าให้เรียบ เอาไปแช่เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมงหรือข้ามคืน เมื่อครบเวลา ถอดพิมพ์โดยอาจจะวางพิมพ์บนแก้วหรือภาชนะทรงสูงเพื่อง่ายต่อการดึงพิมพ์ลง และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ประคบรอบพิมพ์ ค่อย ๆ ดึงพิมพ์ลง
7. ใช้ที่ตักผลไม้จุ่มลงในน้ำอุ่นแล้วเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันการติดของชีสเค้ก ค่อย ๆ ตักชีสเค้กออกเป็นครึ่งวงกลม จะเอาวงเล็กหรือวงใหญ่ตามสะดวก ทำตรงมุม ๆ และด้านข้างด้วย จะได้เหมือนของจริง
3. เค้กไข่ไต้หวัน
เค้กไข่ไต้หวัน สำหรับพิมพ์ขนาดกว้าง 7 x ยาว 11 x สูง 2 นิ้ว
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง (เบอร์ 2) 7 ฟอง
- แป้งเค้ก 150 กรัม
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- นมข้นจืด 145 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 100 กรัม
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว (เบอร์ 2) 7 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 100-120 กรัม (สามารถเพิ่ม-ลดน้ำตาลได้ค่ะ)
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน
1. แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
2. ทำส่วนผสมไข่แดงโดยร่อนแป้งเค้กกับเกลือป่น ถ้าอยากได้เค้กที่เนื้อละเอียดก็ร่อนสัก 2 รอบ การร่อนแป้งจะทำให้กรองเศษฝุ่น และระหว่างที่ร่อนแป้ง อากาศจะเข้าแทรกระหว่างเนื้อแป้งทำให้แป้งฟูและเบาขึ้นไปอีก
3. ตวงส่วนผสมที่เป็นของเหลว ได้แก่ นมข้นจืด และน้ำมันพืช น้ำตาลทราย และแยกไข่เอาไว้
4. เทน้ำมันพืชใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนน้ำมันร้อน เสร็จแล้วปิดเตา (หรือนำน้ำมันพืชเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที) จากนั้นนำแป้งเค้กใส่ลงไปผสมกับน้ำมัน (ขั้นตอนนี้ทำให้เค้กมีความนุ่มและเบาโดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเสริมใด ๆ ไขมันจะเคลือบแป้งไว้ ไม่ให้แป้งสัมผัสกับน้ำ เพราะเวลาที่แป้งสัมผัสกับน้ำหรือของเหลวจะทำให้เกิดกลูเตน กลูเตนจะมีความเหนียว ถ้าตะล่อมแป้งกับน้ำนาน ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กเหนียวได้) ใช้ไม้พายคนให้คลายร้อนลงบ้าง หลังจากนั้นใส่นมข้นจืด เพื่อเพิ่มความหอมนุ่มและรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น หลังจากนั้นคนหรือตะล่อมให้เข้ากัน
5. ใส่ไข่แดงลงไป เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นวานิลลา ตะล่อมให้เข้ากันและพักไว้
6. ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ หลังจากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ (ครีมออฟทาร์ทาร์จะช่วยทำให้ไข่ตีขึ้นฟูง่าย และทำให้ฟองอากาศที่ตีอัดเข้าไปมีความอยู่ตัวมากขึ้น ไม่ยุบตัวง่าย) ตีพอเข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพด (เพื่อเพิ่มความนุ่มและยืดหยุ่นให้กับเค้ก) ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป (น้ำตาลทรายแบ่งใส่สัก 3 รอบ ถ้าใส่ไปทีเดียวฟองอากาศอาจจะยุบตัวได้ และน้ำตาลก็จะละลายช้าด้วย) ตีจนตั้งยอด
7. ตักเมอแรงค์หรือไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดง (ถ้าใส่ไปทีเดียวหมดจะผสมเข้ากันยากกว่า และทำให้เสียฟองอากาศเยอะ เป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟู) ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
8. เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษไข ก่อนเอากระดาษไขรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) เคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก เค้กอบมาหน้าจะได้สวย ๆ ไม่มีรูพรุน
9. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส บนถาดน้ำร้อน อบเป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้านด้วยนะคะ บางเตาอาจจะอบนานถึง 50 นาที (การอบบนถาดน้ำร้อนจะทำให้เค้กมีความชุ่มชื้นขึ้น) เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม หลังจากนั้นอบไล่ความชื้นเอาถาดรองน้ำร้อนออก อบต่อด้วยอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8-10 นาที เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม (เช็กความสุกโดยเอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเศษเค้กแฉะ ๆ ติดออกมา แสดงว่าเค้กสุกดีแล้วค่ะ) ถ้าไม่สะดวกรองด้วยถาดน้ำก็สามารถอบแบบธรรมดาที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที
10. พออบเสร็จพักให้อุ่นลงประมาณ 10 นาที แล้วค่อยเอาเค้กออกจากพิมพ์ ลอกกระดาษไขออก พลิกเค้กอีกด้านขึ้นมา และตัดขนาดตามชอบใจ
4. เชดดาร์ชีสเค้ก
ส่วนผสม ไข่แดง
- นม 135 กรัม
- เชดดาร์ชีส 3 แผ่น
- เนยจืด 50 กรัม
- ไข่แดง (เบอร์ 2) 3 ฟอง
- น้ำเลมอน 1+1/2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 45 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว เบอร์ 2 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 50 กรัม
วิธีทำเชดดาร์ชีสเค้ก
2. ตีไข่แดงจนแตก แล้วค่อย ๆ เทนมที่ต้มแล้วลงไป คนด้วยความเร็วจนเข้ากัน ใส่น้ำเลมอนลงไป แล้วคนให้เข้ากัน
3. ร่อนแป้งลงไปผสม แล้วใช้ตะกร้อหรือไม้พายตะล่อมจนเข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลาลงไป
4. ตีไข่ขาวเป็นฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ตีพอเข้ากัน จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทราย แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อน ตักเมอร์แรงค์ไข่ขาวลงผสมกับส่วนผสมไข่แดง ประมาณ 1/3 ส่วน แล้วตะล่อมจนเข้ากัน พอเข้ากันดีแล้วก็ใส่ส่วนผสมไข่แดงที่เหลือลงไปทั้งหมด แล้วตะล่อมจนเนื้อเนียนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็เทใส่พิมพ์ เคาะไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง
5. นำไปอบที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที จากนั้นอบบนถาดใส่น้ำร้อน สูงประมาณ 1+1/2 เซนติเมตรของพิมพ์ ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม จากนั้นเพิ่มอุณหภูมิเป็น 150 องศาเซลเซียส อบต่อเป็นเวลา 15 นาที จากนั้นแง้มเตาอบประมาณ 10 วินาที เพื่อลดอุณหภูมิลง แล้วอบต่อที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 40 นาที พออบเสร็จก็แง้มเตาอบพักให้คลายร้อนในเตาอบ 10 นาที แล้วค่อยนำออกจากพิมพ์
6. ค่อย ๆ เคาะพิมพ์ด้านข้างเล็กน้อย แล้วนำขนมออกจากพิมพ์ พักให้เย็น ยิ่งเอาไปแช่เย็นตู้เย็นจะยิ่งอร่อย
5. คัพเค้กมงคล
ส่วนผสม คัพเค้กมงคล
- แป้งเค้ก 130 กรัม
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงฟู 1+1/4 ช้อนชา
- ไข่แดง 6 ฟอง
- น้ำตาลทราย (1) 60 กรัม
- น้ำมันพืช 60 กรัม
- น้ำใบเตยคั้นเข้ม ๆ 60 กรัม
- นมข้นจืด 35 กรัม
- เกลือป่นละเอียด 1/2 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีเขียวแอปเปิล
- ไข่ขาว 6 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย (2) 100 กรัม
ส่วนผสม ท็อปปิ้งสำหรับแต่ง
- ขนมเสน่ห์จันทน์
- ฝอยทอง
- ทองหยอด
- แผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์
- ใบเตย
ส่วนผสม ครีมชีส
- ครีมชีส (พักให้คลายความเย็น) 250 กรัม
- นมข้นหวาน 1/4 ถ้วยตวง
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- ใบเตยซอย (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำคัพเค้กมงคล
1. ร่อนแป้งเค้ก แป้งข้าวโพด และผงฟูเข้าด้วยกันใส่ลงในอ่างผสม
2. ผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำมันพืช น้ำใบเตย นมข้นจืด เกลือป่น และสีผสมอาหารสีเขียวเข้าด้วยกัน เทใส่ลงในส่วนผสมแป้งคนจนเข้ากันดี เตรียมไว้
3. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่อง พอไข่เริ่มฟูค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทราย (2) ลงไปทีละน้อยคนให้เข้ากันจนหมด ตีต่อจนตั้งยอดอ่อน
4. จากนั้นนำส่วนผสมไข่ขาวลงไปผสมกับส่วนผสมไข่แดง ใช้ตะกร้อมือและพายยางตะล่อมเบา ๆ
5. ตักส่วนผสมลงในถ้วยกระดาษประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 360 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 25-30 นาที หรือจนสุกเหลือง นำออกจากเตาอบ พักไว้ให้เย็นสนิท
6. ทำครีมชีส โดยคนครีมชีสด้วยตะกร้อมือจนอ่อนตัว ใส่นมข้นหวาน เติมน้ำมะนาวคนต่อจนเข้ากันดี เทใส่ลงในที่บีบ บีบลงบนหน้าคัพเค้ก ตกแต่งด้วยเสน่ห์จันทน์ ฝอยทอง ทองหยอด ใบเตย และแผ่นทองคำเปลวให้สวยงาม
6. เค้กกล้วยหอมธัญพืช
ส่วนผสม เค้กกล้วยหอมธัญพืช
- กล้วยหอม 1 ลูก (120 กรัม)
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย (74 กรัม)
- กลิ่นเนยวานิลลา 1/4 ช้อนชา
- นมจืด 100 มิลลิลิตร (88 กรัม)
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1/8 ถ้วย (50 กรัม หรือ 45 มิลลิลิตร)
- แป้งเค้ก ตรามงกุฎม่วง 136 กรัม (1 ถ้วย)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ธัญพืชอบแห้ง ได้แก่ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ แครนเบอร์รีอบแห้ง
วิธีทำเค้กกล้วยหอมธัญพืช
1. ผสมน้ำมะนาวในนมจืด ตั้งทิ้งไว้ 15 นาที
2. บดกล้วยละเอียดหรือหยาบตามชอบ แอนใช้กล้วยหอมที่งอมมาก ๆ
3. ตอกไข่ไก่ลงไปผสม ตามด้วยน้ำตาลทรายและกลิ่นเนยวานิลลา คนให้เข้ากัน นำนมจืดผสมมะนาวใส่ลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ รินน้ำมันรำข้าวใส่ลงไป คนจนเข้ากันดี ร่อนแป้งและผงฟูลงไป ประมาณ 2-3 สามรอบ ตะล่อมแป้งจนเข้ากัน พักไว้ 30 นาที
4. เมื่อพักแป้งครบตามเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์สำหรับนึ่ง ใช้พิมพ์จีบรองด้วยพิมพ์กระดาษจีบเบอร์ 2818 โรยหน้าด้วยธัญพืชอบแห้ง นำไปนึ่งหลังน้ำเดือด ใช้ไฟปานกลาง นึ่งนาน 20 นาที
5. วอร์มเตาอบ ตักใส่พิมพ์สำหรับอบ ใช้พิมพ์มัฟฟินขนาด 6 ชิ้น โรยหน้าด้วยธัญพืชอบแห้ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบนาน 20 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ได้เป็นเนื้อนุ่ม ๆ หน้าไม่กรอบ
7. ชีสเค้กหน้าไหม้
ส่วนผสม ชีสเค้กหน้าไหม้
- ครีมชีส 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- ไข่แดง 1 ฟอง
- ไข่ไก่ 100 กรัม
- วิปปิ้งครีม 115 มิลลิลิตร
- แป้งข้าวโพด 5 กรัม
วิธีทำชีสเค้กหน้าไหม้
1. เทน้ำตาลทรายป่นใส่ลงในครีมชีส และตีให้เข้ากันจนกระทั่งไม่มีเม็ดน้ำตาล จากนั้นใส่ไข่แดง 1 ฟอง คนให้ทุกอย่างเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน (แนะนำให้วางครีมชีสไว้อุณหภูมิห้องอย่างน้อย 20-30 นาที ก่อนใช้)
2. ตอกไข่ใส่ถ้วยและตีให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ ทยอยเติมลงส่วนผสมครีมชีส 3 รอบ เติมวิปปิ้งครีมลงไป คนให้เข้ากันดี ร่อนแป้งใส่ลงไป ตีให้เนียนไม่เป็นเม็ดแป้ง
3. เทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข สูตรวันนี้ใช้พิมพ์ทรงกลมขนาด 6 นิ้ว หรือ 1 ปอนด์ อบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน 190 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาที ถ้าต้องการหน้าไหม้กว่านี้ปรับไฟไปที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส พักให้เย็นสนิทก่อนจะคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง
4. นำออกจากตู้เย็นแกะกระดาษไขออก ตัดเป็นชิ้นเอาขนาดที่ต้องการ
8. ทอฟฟี่เค้ก
ถ้าเอียนกับเค้กปีใหม่หน้าตาซ้ำเดิม ไม่ว่าจะเป็นเค้กครีมสดหรือเค้กแยม ลองมาทำทอฟฟี่เค้กกันดีไหม เนื้อเค้กใส่ผงโกโก้และผงกาแฟ แต่งด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ราดซอสคาราเมล
ส่วนผสม ตัวเค้ก
- แป้งเค้ก 250 กรัม
- ผงฟู 4 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงกาแฟ 4 ช้อนโต๊ะ
- นมผง 2 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 8 ฟอง
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำตาลทราย 340 กรัม
- เนยจืดละลาย 300 กรัม
ส่วนผสม ซอสคาราเมล
- เนยจืด 300 กรัม
- นมข้นจืด 120 กรัม
- น้ำตาลทราย 140 กรัม
- เกลือเล็กน้อย
- ผงกาแฟ 2 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะ
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสุก 250 กรัม
วิธีทำทอฟฟี่เค้ก
2. เตรียมถาดสี่เหลี่ยม ขนาด 10x10 นิ้ว จำนวน 2 ถาด ปูกระดาษรองอบเตรียมไว้
3. ละลายเนยด้วยไมโครเวฟแล้วพักไว้พออุ่น
4. ตอกไข่ใส่อ่างผสม ตีผสมด้วยความเร็วสูงประมาณ 3-5 นาที จากนั้นเติมเกลือ ทยอยใส่น้ำตาลลงไป ตีต่อจนขึ้นฟูเป็นสีขาวเนื้อเนียน
5. เทส่วนผสมแป้งลงไปในส่วนผสมไข่ ตะล่อมส่วนผสมเบา ๆ จนเข้ากัน เทเนยละลายลงไป คนผสมจนเข้ากันอีกครั้ง
6. เทลงในถาด ใช้พายยางเกลี่ยให้หน้าเสมอกัน นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 30 นาทีหรือจนสุก
7. นำออกจากเตา ยกพิมพ์ขึ้นแล้วปล่อยพิมพ์กระแทกพื้นโต๊ะเบา ๆ ให้เค้กเซตตัว พักไว้จนเย็น นำออกจากถาด
วิธีทำหน้าทอฟฟี่
1. ใส่เนยสด น้ำตาลทราย นมข้นจืด และเกลือใส่ลงในหม้อ เปิดไฟอ่อน คนจนน้ำตาลละลาย
2. ใส่ผงกาแฟลงไปคนจนละลาย เติมแป้ง คนจนแป้งสุกเหนียวข้น ปิดไฟ
3. ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ลงไป คนพอเข้ากัน ราดลงบนหน้าเค้กที่เตรียมไว้
4. นำเค้กไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาทีหรือจนหน้าเค้กแห้งมีสีน้ำตาลสวย นำออกมาพักไว้จนเย็น ตัดเสิร์ฟ หรือเอาไปแช่เย็นก่อนตัดแบ่ง
9. นิวยอร์กชีสเค้ก
ส่วนผสม ตัวฐานชีสเค้ก
- บิสกิตไดเจสทีฟ 100 กรัม (1 ถ้วย)
- เนยจืด 60 กรัม
ส่วนผสม ชีสเค้ก
- ครีมชีส (Philadelphia Cheese) 625 กรัม
- น้ำตาลทราย 70 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
- โยเกิร์ต 135 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
ส่วนผสม สำหรับตกแต่งชีสเค้ก
- สตรอว์เบอร์รี 6-9 ลูก
- ราสป์เบอร์รี 6-9 ลูก
- แยมสตรอว์เบอร์รี 45 กรัม
วิธีทำตัวฐานชีสเค้ก
2. นำเนยไปละลายในไมโครเวฟ 20 วินาที หรือจนเนยละลาย แล้วนำมาผสมในบิสกิตให้เข้ากัน
3. นำไปกรุในพิมพ์เค้กทรงกลมถอดก้นได้ขนาด 8 นิ้ว กรุบิสกิตให้แน่น และนำไปอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที พักให้เย็น
วิธีทำชีสเค้ก
1. นำครีมชีส น้ำตาลทราย แป้งสาลีอเนกประสงค์ และกลิ่นวานิลลามาใส่ในชามผสม ตีให้เข้ากัน ใส่โยเกิร์ตลงไป ตีให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ลงไป โดยใส่ไข่ทีละฟอง ตีผสมกันจนเข้ากันดี เทลงในพิมพ์เค้กที่กรุบิสกิตไว้แล้ว
2. นำชีสเค้กไปเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 35 นาที หลังจากนั้นปรับอุณหภูมิเตาอบลงมาที่ 135 องศาเซลเซียส และอบต่ออีก 35 นาที หรือจนตรงกลางขนมใกล้เซตตัว จึงนำขนมออกจากเตาอบมาพัก แล้วนำเข้าตู้เย็นอย่างต่ำประมาณ 4 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำชีสเค้กออกจากพิมพ์ได้ค่ะ โดยใช้มีดปลายแหลมวนรอบพิมพ์เค้กก่อนถอดพิมพ์เค้ก
3. ตกแต่งหน้าชีสเค้กโดยนำสตรอว์เบอร์รีเเละราสป์เบอร์รีมาล้างทำความสะอาดและเช็ดให้แห้ง แล้วนำสตรอว์เบอร์รีมาหั่นครึ่ง
4. นำแยมสตรอว์เบอร์รีไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 20 วินาที
5. นำสตรอว์เบอร์รีและราสป์เบอร์รีใส่ลงไปในแยม แล้วคนผสมอย่างเบามือ เสร็จแล้วนำไปตกแต่งหน้าชีสเค้ก
10. เค้กส้ม
ส่วนผสม ไข่แดง
- ไข่แดง (เบอร์ 2) 4 ฟอง
- น้ำตาลทราย 40 กรัม
- เกลือป่น 1/8 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
- แป้งเค้ก 100 กรัม
- น้ำส้ม หรือน้ำเปล่า 75 กรัม
- น้ำมันพืช 45 กรัม
- กลิ่นส้ม 1 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีส้ม
ส่วนผสม ไข่ขาว
- ไข่ขาว (เบอร์ 2) 4 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
ส่วนผสม ของตกแต่งหน้าเค้ก
- แยมส้ม 80 กรัม
- ไตรแองเกิ้ลสแน็คชีส 4 ชิ้น
วิธีทำเค้กส้ม
1. ทำส่วนผสมไข่แดงโดยตีไข่แดง น้ำตาลทราย และเกลือป่นจนเข้ากัน แล้วใส่น้ำส้ม น้ำมันพืช และกลิ่นส้มลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้ว ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว หลังจากนั้นก็ใส่สีผสมอาหารสีส้ม ตะล่อมจนเข้ากัน
2. ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ตีพอเข้ากัน แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนถึงยอดปานกลาง
3. ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษไข ก่อนเอากระดาษไขรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) แล้วเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง แบ่งไตรแองเกิ้ลสแน็คชีสเป็น 2 ส่วน แล้วนำไปวางรอบ ๆ ด้านบนเค้ก นำไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม เป็นเวลาประมาณ 50-60 นาที
4. นำแยมส้มไปเข้าไปโครเวฟ ประมาณ 30 วินาที - 1 นาที ทาแยมให้ทั่วด้านหน้าเค้ก (ทาตอนเค้กอบเสร็จใหม่)
11. คัพเค้กดอกมะลิซ้อน
ส่วนผสม คัพเค้กดอกมะลิซ้อน
- คัพเค้กปาดหน้าเรียบ (รสชาติที่ชอบ)
- บัตเตอร์ครีมสีขาว
อุปกรณ์
- กรรไกร
- ก้านร่มพร้อมฐานเสียบ (ไม่มีฐานก็เสียบบนโฟม แต่ระวังตอนดึงขึ้นเพราะโฟมจะติดมาด้วยทั้งก้อน)
การเตรียมถุงบีบ หัวบีบ และการผสมสี
2. ถุงบีบครีมสีเขียวอ่อนกับหัวบีบเบอร์ 101 สำหรับบีบดอกแย้มบนดอกบานและดอกตูมที่กำลังจะบาน (ย้ำว่าต้องเขียวอ่อน ๆ)
3. ถุงบีบครีมสีขาวกับหัวบีบกลมเบอร์ 8 สำหรับบีบแกนดอก
4. ถุงบีบครีมสีขาวกับหัวบีบกลมเบอร์ 1 สำหรับบีบทำสีบนก้านดอกตูม
5. ถุงบีบครีมสีเขียวเข้มกับหัวบีบกลมเบอร์ 2 สำหรับบีบก้านดอกตูม
6. หัวบีบหญ้าสำหรับบีบเส้นตกแต่ง (ไม่ใช้ก็ได้ค่ะ หรือผสมสีตามชอบแล้วแต่การดีไซน์)
7. ถุงบีบครีมสีเขียวเข้มกับหัวบีบเบอร์ 352 สำหรับบีบใบ
วิธีทำคัพเค้กดอกมะลิซ้อน
- รูปที่ 1 : ใช้หัวบีบเบอร์ 8 บีบบัตเตอร์ครีมสีขาวขึ้นมาเป็นทรงสามเหลี่ยมคว่ำ สูงประมาณ 1.5-2 ซม.
- รูปที่ 2-3 : ใช้หัวบีบเบอร์ 101 บีบกลีบด้วยบัตเตอร์ครีมสีขาว โดยเอาด้านหนาจิ้มเข้าไปทำมุม 180 องศา แล้วบีบกลีบทำวนให้ครบรอบ จำนวน 2 ชั้น **องศาของกลีบจะชี้ขึ้นหรือลงบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะในธรรมชาติ มะลิเขาก็มีกลีบบานงอ ๆ หน่อยอยู่แล้ว
- รูปที่ 3-4 : เราจะทำกลีบแย้มบนดอกบานกัน คือดอกยังไม่บานเต็มที่ ใช้หัวบีบเบอร์ 101 บีบบัตเตอร์ครีมสีขาวหรือสีเขียวชอบแบบไหนเลือกได้เลย เล็กว่าก็สวยทั้งคู่ ก็บีบเติมกลีบไล่ระดับลงมา ทำจำนวนชั้นตามความสวยงาม แค่นี้ก็เสร็จแล้ว เราก็จะได้มะลิซ้อน 1 ดอก
- รูปที่ 5 : ดอกแย้มสีเขียวก็ทำเหมือนดอกแย้ม
- รูปที่ 6 : เราก็เอาหัวบีบหญ้ามาบีบวนบีบบัตเตอร์ครีมสีน้ำตาลหรือสีเขียว
- รูปที่ 7-8 : ขั้นตอนการตกแต่ง (จะเสร็จแล้ว) ใช้กรรไกรตัดดอกจากก้านร่มมาวางตามชอบ
- รูป 9-10 : แล้วเราก็ใช้หัวบีบกลมเบอร์ 2 บีบบัตเตอร์ครีมสีเขียวเข้มสำหรับก้านดอกตูม และใช้หัวบีบกลมเบอร์ 1 บีบบัตเตอร์ครีมสีขาวบนก้านดอกตูม
- รูปที่ 11-12 : เติมใบไม้ใช้หัวบีบเบอร์ 352 บีบบัตเตอร์ครีมสีเขียวเข้มไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม แล้วแต่เพื่อนจะดีไซน์เลย
- รูปที่ 13 : เสร็จแล้ว จัดลงบนเค้กปอนด์ ช่อเค้กบูเก้ หรือใส่ลงกระเช้าก็สวย
12. เค้กมะตูม
เค้กช็อกโกแลตก็ทำเป็นของขวัญปีใหม่บ่อยแล้ว ปีนี้ลองมาทำเค้กมะตูม เค้กผลไม้สีสวยกันเถอะ สูตรเค้กใส่โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ผสมกับเนื้อมะตูม สุดท้ายราดไอซิ่งเกลซ
ส่วนผสม เค้กมะตูม
- มะตูมหั่นเป็นชิ้นเล็ก 200 กรัม
- โยเกิร์ต 65 กรัม
- น้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 115 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง
- เนยสดจืด 110 กรัม
- น้ำตาลทรายขาว 50 กรัม
- น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสม ไอซิ่งเกลซ
- น้ำตาลไอซิ่ง 50 กรัม
- น้ำมะตูม 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กมะตูม
1. หั่นมะตูมเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่อ่างผสม ใส่โยเกิร์ตและน้ำผึ้งลงไป ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน
2. ร่อนแป้งกับผงฟู เบกกิ้งโซดา และเกลือเข้าด้วยกัน
3. แยกไข่แดงกับไข่ขาว เตรียมไว้
4. หั่นเนยสดเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นตีเนยให้กระจายตัว ทยอยใส่น้ำตาลทรายแดง ตีส่วนผสมให้ฟู และมีสีอ่อนลง จากนั้นค่อย ๆ ใส่ไข่ทีละฟอง ตีผสมต่อให้เข้ากัน เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ปาดอ่าง แล้วใส่แป้งลงไปตีให้เข้ากัน ใส่ส่วนผสมมะตูมที่เตรียมไว้ลงไปตีให้เข้ากัน ใส่สลับกันระหว่างแป้งกับนม
5. ใส่ไข่ขาวลงในชามสะอาด (ห้ามมีไขมันเด็ดขาด) จากนั้นตีไข่ขาวจนเป็นฟอง แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ทยอยใส่น้ำตาลทรายขาวลงไป ตีจนไข่ขาวตั้งยอด นำไข่ขาวมาผสมกับส่วนผสมแป้ง ใช้พายยางคนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์
6. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบนล่าง เป็นเวลา 25 นาทีหรือจนสุก นำออกจากเตาพักให้เย็นบนตะแกรงพักขนม โรยมะตูมสับลงบนหน้าขนม
7. ทำไอซิ่งเกลซโดยผสมน้ำตาลไอซิ่งกับน้ำมะตูม คนผสมให้เข้ากัน (ถ้าเหนียวไปเติมน้ำ) เตรียมไว้ (ถ้ากลัวหวานเกินไปไม่ต้องราดเกลซก็ได้) ราดตกแต่งหน้าขนมให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
13. เค้กแครอต
ส่วนผสม เค้กแครอต
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 2 ฟอง
- ผงซินนามอน (ผงอบเชย)1/4 ช้อนชา
- โยเกิร์ต (ริวอง รสออริจินัล) หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ช้อนชา
- น้ำตาลหญ้าหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
- แครอตหั่นฝอย 1/2 ถ้วย
- แป้งโฮลวีตเนื้อละเอียด 120 กรัม
- เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสม ซอสโยเกิร์ตราดหน้าขนม
- โยเกิร์ต (ริวอง รสออริจินัล) หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 100 กรัม
- น้ำตาลหญ้าหวาน 1 ช้อนโต๊ะ
- เมล็ดอัลมอนด์อบ
- เมล็ดทานตะวันอบ
- ซีเรียลตามชอบ
วิธีทำเค้กแครอต
1. ผสมไขไก่ ผงอบเชย โยเกิร์ต และน้ำตาลหญ้าหวาน ใส่แครอตสับละเอียด คนให้เข้ากัน ใส่เมล็ดเจียลงไปผสม
2. ร่อนแป้งโฮลวีตและเบกกิ้งโซดารวมกัน ใส่ลงไป คนให้แป้งละลายเข้ากัน
3. ตักใส่พิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 20 นาที หรือเอาไปนึ่งประมาณ 10-15 นาทีหรือจนขนมสุก
4. ระหว่างอบทำน้ำราดโดยนำโยเกิร์ตที่เหลือใส่ชามผสม เติมน้ำตาลหญ้าหวาน คนให้เข้ากัน ตักราดบนขนมที่อบแล้วโรยหน้าด้วยธัญพืช แช่ตู้เย็นให้เซตตัวแล้วจัดเสิร์ฟ
บทความ วันขึ้นปีใหม่ และเทศกาลวันปีใหม่ ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
- 10 สูตรขนมเทศกาลปีใหม่ หลากหลายไม่น่าเบื่อทำกินทำขายได้หมด
- 20 เมนูปีใหม่ ทำไรกินดี หลากเมนูอร่อยทำง่ายรับปาร์ตี้หยุดยาว
- 19 เมนูอาหารปีใหม่ยอดนิยม เสิร์ฟความอร่อยรับปาร์ตี้วันหยุดยาว
- คุกกี้ปีใหม่ คุกกี้คริสต์มาส สูตรขนมง่าย ๆ เป็นของขวัญช่วงเทศกาลส่งท้ายปี
- 13 สูตรขนมคลีน ทำเป็นของขวัญปีใหม่ใส่ใจสุขภาพคนพิเศษ