15 สูตรเค้กกล้วย เนรมิตขนมจากผลไม้ทำขายได้

ทำถั่วคั่ว โดยใช้ไฟอ่อนละลายเนย น้ำตาลทราย และเกลือ ให้เข้ากันค่ะ จากนั้นใส่ถั่วลงไปคั่วประมาณ 5 นาที จากนั้นให้พักทิ้งไว้ให้เย็น

ทำส่วนผสมเค้ก โดยใส่ส่วนผสมน้ำตาลทรายกับเกลือลงไป ผสมให้เข้ากันกับกล้วยบด

ใส่ส่วนผสมของเปียกที่เหลือ ได้แก่ น้ำมัน กลิ่นวานิลลา โยเกิร์ต และไข่ ผสมให้เข้ากัน

ร่อนส่วนผสมของแห้ง ได้แก่ แป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ลงในชามส่วนผสมของเปียก คนให้เข้ากัน หยุดมือเมื่อไม่เห็นแป้งขาว ๆ คนมากไปเนื้อเค้กจะไม่อร่อย

ใส่ถั่วที่คั่วแล้วลงไปผสม จากนั้นเทใส่แม่พิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที แต่งหน้าด้วยถั่วพีแคนและอัลมอนด์สไลซ์ตามชอบ ถ้าใครชอบเค้กหน้าแตกเยอะ ๆ แนะนำให้อบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส แค่ 10 นาทีแรก จากนั้นลดลงมาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อีก 20 นาทีที่เหลือ อบออกมาเสร็จใหม่ ๆ กรอบนอกนุ่มใน ถ้าเก็บไว้คืนหนึ่ง (ไม่แช่ตู้เย็น) แล้วมากินวันถัดไป รสชาติจะเข้มข้นกว่าตอนอบเสร็จ ลองทำกันดู ไม่ยากเลย
 

นำกล้วยหอมสุกงอมมาบี้ให้ละเอียดและเติมน้ำมะนาวลงไปเพื่อไม่ให้กล้วยเป็นสีดำ พักส่วนนี้ไว้

ตอกไข่ลงอ่างผสม เติมน้ำตาลทรายลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันดี เติมกลิ่นวานิลลาลงไป ตีผสมให้เข้ากัน

ร่อนส่วนผสมของแห้งลงอ่างผสมไข่ ประกอบด้วยแป้งเค้ก ผงฟู และเบกกิ้งโซดา คนส่วนผสมของแห้งกับของเหลวให้เข้ากันดี

เติมน้ำมันพืช คนส่วนผสมให้เข้ากันดีอีกครั้ง 

นำส่วนผสมกล้วยที่พักไว้เทใส่ส่วนผสมไข่ คนส่วนผสมให้เข้ากันดี พักแป้งก่อนอบ 20 นาที

วางกระดาษรองอบที่ก้นพิมพ์เค้ก แล้วเอาแปรงจุ่มน้ำมันทาพิมพ์เค้กให้ทั่ว จากนั้นเทแป้งเค้ก และนำไปอบในหม้อที่วอร์มไว้ด้วยไฟอ่อนอย่างน้อย 5-7 นาที

ใช้ทิชชูอุดรูและอบเค้กประมาณ 35-40 นาที พอครบเวลาใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มเค้กดู ถ้าไม่มีแป้งเหลวติดที่ปลายไม้แสดงว่าสุกแล้ว พักเค้กให้เย็นก่อนจะมาตัดเป็นชิ้นพอกิน เนื้อเค้กใช้ได้เลย และถ้าอบด้วยเตาแก๊สน่าจะมีการขึ้นฟูตรงกลางสวยกว่า
 

ยีกล้วยหอมสุกให้เละ ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ และเบกกิ้งโซดา 1 รอบ แล้วพักทิ้งไว้

ใส่ไข่ กลิ่นวานิลลา น้ำมัน นม โยเกิร์ต ลงในชามส่วนผสมกล้วย คนให้เข้ากัน

ร่อนน้ำตาลสำหรับทำขนมและส่วนผสมแห้งที่เตรียมไว้อีก 1 รอบ

เทส่วนผสมเปียกลงในชามที่ร่อนส่วนผสมแห้งเตรียมไว้ ผสมให้เข้ากันและพักแป้งเป็นเวลา 15 นาที ให้ผงฟูทำงาน

ตักหยอดใส่พิมพ์ ใช้ไฟปานกลางในการนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แค่นี้ก็เสร็จแล้ว แนะนำให้กินตอนร้อน ๆ จะอร่อย
 

บดกล้วยให้ละเอียด (ถ้าใช้กล้วยงอมเปลือกสีดำ ๆ จะยิ่งหอม ในสูตรกล้วยไม่ค่อยงอม ต้องหั่นเพื่อให้บดง่ายขึ้น) ใส่น้ำมะนาว คนให้เข้ากัน

ใส่กะทิสด (หรือกล่อง) เกลือ และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน

ใส่น้ำมันดอกทานตะวัน คนให้เข้ากัน พักไว้

ผสมแป้งกับเบกกิ้งโซดาและผงฟู หลังจากนั้นร่อนลงชามผสม คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยจีบเบอร์ 3219 เกือบเต็มถ้วย เพื่อเพิ่มความน่ากิน สามารถแต่งหน้าด้วยท็อปปิ้งตามชอบ

สำหรับอบในเตาอบ ให้นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่เตา) ขนมที่อบด้วยเตาอบ อบเสร็จเนื้อจะฟู นุ่มมาก

สำหรับอบในเตาแก๊ส ให้นำตะแกรงวางลงในหม้อ หลังจากนั้นนำพิมพ์เค้กลงไปวาง ปิดฝา เปิดไฟอ่อน ใช้เวลาอบประมาณ 30 นาที (แล้วแต่เตาเช่นกัน เปิดดูได้ว่าขนมเหลืองสวยหรือยัง) อบด้วยเตาแก๊ส ในหม้อแกงของเรา เนื้อจะนุ่มฟู สีสวยไม่ต่างกัน
 

ผสมส่วนผสมของแห้งทั้งหมดให้เข้ากัน ได้แก่ แป้ง เกลือ ผงฟู เบกกิ้งโซดา ผงโกโก้ และน้ำตาลทราย

ผสมส่วนผสมของเปียกทั้งหมดให้เข้ากัน ได้แก่ กล้วยสุกบด น้ำมัน ไข่ นม และโยเกิร์ต ขั้นตอนนี้คนให้ทุกอย่างผสมกัน

เทส่วนผสมของเปียกลงในชามส่วนผสมของแห้ง คนผสมให้เข้ากัน *ข้อควรระวังคืออย่าคนมากเกินไป เอาให้เข้ากันแบบไม่เห็นแป้งขาว ๆ ก็พอ คนมากไปเค้กจะไม่อร่อย

พักทิ้งไว้ 30 นาที ให้ผงฟูทำงาน (สิ่งนี้เป็นเคล็ดลับ ถ้าคนเสร็จแล้วเอาใส่เตาอบเลย เค้กจะไม่ฟูเท่าที่ควร) จากนั้นเทช็อกโกแลตชิพลงไปแล้วคนให้เข้ากัน ตักใส่แม่พิมพ์ แต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพ

นำไปอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที เพื่อให้เค้กหน้าแตก จากนั้นลดอุณหภูมิลงมาเหลือแค่ 180 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 15 นาทีก็เสร็จแล้ว

ถ้าใช้กระดาษอบธรรมดา ตอนอบเสร็จจะต้องตั้งให้เย็นสนิทจริง ๆ หรือทางที่ดีทิ้งไว้ข้ามคืนเนื้อเค้กถึงจะไม่ติดกระดาษ เพราะถ้าอบเสร็จแล้วดึงกระดาษออกเลย ตัวเค้กจะติดกับกระดาษหมด ในสูตรใช้กระดาษไข อบเสร็จแล้วสามารถดึงออกได้เลยไม่มีปัญหาเรื่องเนื้อเค้กติด
 

บดกล้วยสุกให้ละเอียด ใส่โยเกิร์ต นม กลิ่นวานิลลา น้ำมัน ไข่ และเนยละลาย จากนั้นผสมให้เข้ากัน พักไว้

ร่อนแป้ง เกลือ เบกกิ้งโซดา และผงฟู ลงในอ่างผสม ใส่น้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากันเช่นเคย

ล้างบลูเบอร์รีให้สะอาดและซับน้ำให้แห้ง จากนั้นนำส่วนผสมแห้งสัก 1-2 ช้อนโต๊ะ มาคลุกให้เคลือบผิวบลูเบอร์รี เพื่อไม่ให้บลูเบอร์รีจมใต้ก้นถ้วยเวลาอบ

เทส่วนผสมเปียกลงในชามที่มีส่วนผสมแห้ง คนผสมให้เข้ากัน เอาแบบคนจนไม่เห็นแป้งขาว ๆ แล้วหยุดเลยค่ะ อย่าคนเพลินเดี๋ยวเนื้อเค้กกล้วยหอมจะไม่อร่อย จากนั้นให้เทบลูเบอร์รีลงไป แล้วคนนิดหน่อยให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ผงฟูทำงาน ถ้าใครอยากจะเอาไปอบเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าชอบเค้กหน้าแตกแบบฟู ๆ ควรพักแป้ง

เทใส่แม่พิมพ์ให้เรียบร้อย อบในเตาอบที่วอร์มแล้วที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที เพื่อให้เค้กฟูหน้าแตก จากนั้นลดอุณหภูมิเหลือ 180 องศาเซลเซียส แล้วอบต่อประมาณ 15 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม แค่นี้ก็เสร็จแล้ว ถ้าไม่ได้ใช้กระดาษไขอบ แนะนำว่าควรรอให้เค้กเย็นสนิทก่อนแล้วค่อยแกะกิน ไม่เช่นนั้นตัวเค้กจะติดกับกระดาษตอนยังร้อน ๆ อยู่
 

บดกล้วยหอมให้พอละเอียด ละลายเนยใส่ลงไปในกล้วยบด คนให้เข้ากัน

ตอกไข่ใส่ชามผสม คนให้ไข่แตก แล้วใส่ลงในส่วนผสมเนย คนให้เข้ากัน เติมกลิ่นเนยวานิลลาและน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน 

ร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ตะล่อมแป้งพอเข้ากัน

เทใส่พิมพ์ นำกล้วยหอมผ่าครึ่งวางทับลงไป นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 40 นาที เพียงเท่านี้ก็ได้เค้กกล้วยหอมเนื้อนุ่มไว้กินแล้ว
 

ทำซอสคาราเมล โดยต้มน้ำกับน้ำตาลทราย ต้มด้วยไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลเปลี่ยนเป็นสีทองหรือสีน้ำตาลอ่อน พอมีกลิ่นไหม้นิด ๆ ก็ใส่น้ำร้อนลงไปเพื่อลดความร้อนลง

เทซอสคาราเมลใส่พิมพ์ กลิ้งคาราเมลให้ทั่ว แล้วพักให้คาราเมลเซตตัวหรือจนแข็งขึ้น ประมาณ 10 นาที

ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่นม น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา ลงไปตีจนเข้ากันดี

ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับเกลือป่น (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน

ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ แล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด

ตักไข่ขาวบางส่วนใส่ลงไปในชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน

ปอกกล้วยแล้วผ่าครึ่งตามแนวยาว วางกล้วยหอมลงในพิมพ์ให้เต็ม เทส่วนผสมแป้งใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เคาะไล่ฟองอากาศ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 35-40 นาที 

พออบเสร็จแล้วเอามีดแซะด้านข้างพิมพ์ ให้คว่ำพิมพ์ นำเค้กออกจากพิมพ์ทันที พักให้เย็นหรือจะกินแบบอุ่นก็ได้ ตัดขนาดตามใจชอบ
 

ใส่ไข่แดงลงใส่ในโถผสม ตีให้ไข่แดงให้กระจายตัว ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีผสมนานประมาณ 5 นาที

ใส่เกลือป่นและกล้วยน้ำว้าบดละเอียดลงไป

ใส่นมสดที่ผสมน้ำส้มสายชูลงไป ค่อย ๆ รินน้ำมันพืชใส่ลงไป ตีด้วยความเร็วต่ำ ค่อย ๆ ใส่แป้งเค้กลงไป คนผสมให้เข้ากันดี ปาดส่วนผสมที่ก้นโถขึ้นมาด้วย

ใส่ลูกเกดดำและถั่วลิสงคั่วบดลงไป ตักใส่ในพิมพ์กระดาษ (ถ้าอยากให้เค้กรูปทรงสูง ๆ ตักใส่ประมาณ 3/4 ของถ้วย แต่ถ้าชอบเค้กรูปทรงแบบไม่สูง ใส่ไปประมาณครึ่งถ้วย)

นำเข้าเตาอบด้วยไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบด้วยไฟล่างก่อนที่ 200 องศาเซลเซียส นานประมาณ 15 นาที 

จากนั้นปรับเป็นไฟบน-ล่างที่ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 5 นาที

สุดท้ายปรับเป็นไฟบนอย่างเดียว อบต่อประมาณ 5 นาที (อบออกมาเนื้อเค้กกำลังพอดี ขึ้นอยู่กับพิมพ์ที่ใช้อบด้วย) ใช้เวลาอบ 25 นาที นำออกจากเตา
 

ปั่นกล้วยน้ำว้า น้ำตาลทราย และสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต จนละเอียด เติมนมจืดลงไป ปั่นจนเข้ากันอีกครั้ง เทใส่อ่างผสม พักไว้

ร่อนแป้งบัวแดง ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ประมาณ 1-2 รอบ ลงในอ่างผสมอีกใบ

ใส่ส่วนผสมแป้งลงไปในส่วนผสมกล้วยโยเกิร์ต ประมาณ 3 รอบ ตะล่อมแป้งให้เข้ากัน เติมน้ำมะนาวลงไป จากนั้นคนให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 40 นาที

เมื่อพักแป้งครบตามเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์ เอาไปนึ่งโดยใช้ไฟแรงหลังน้ำเดือดจัดประมาณ 10 นาที
 

ทำคัพเค้กกล้วย โดยนำกล้วยมาปั่นรวมกันกับไข่ไก่ น้ำมันรำข้าว นมจืด เกลือป่น กลิ่นวานิลลา และน้ำตาลทราย ปั่นจนละเอียดเนียนเลยนะคะ เทใส่อ่างผสม

ร่อนแป้งและผงฟูลงในส่วนผสมกล้วย โดยแบ่งผสมประมาณ 3 รอบ คนจนแป้งละลาย พักแป้งไว้ 30 นาที

ทำคัพเค้กช็อกโกแลต โดยตอกไข่ไก่ลงในชามผสม เติมน้ำมันรำข้าว นมจืด เกลือ น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา คนจนน้ำตาลละลายพักไว้

ร่อนแป้ง ผงฟู และผงโกโก้ รวมกันเทลงในส่วนผสมไข่ โดยแบ่งผสมประมาณ 3 รอบ คนจนแป้งละลาย พักแป้งไว้ 30 นาที

เมื่อพักแป้งเค้กกล้วยน้ำว้ากับเค้กช็อกโกแลตจนครบเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์ให้ได้ลวดลายตามชอบเลย จากนั้นนำไปนึ่งไฟแรงหลังน้ำเดือด ใช้เวลานึ่งนาน 20 นาที เพียงเท่านี้ก็ได้เค้กนึ่งอร่อย ๆ ไว้กินแล้ว
 

ปั่นกล้วย น้ำตาลทราย นมจืด ไข่ไก่ และน้ำมันรำข้าว ปั่นจนเนียนละเอียด

ร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ใส่ชามผสมอีกใบ 

ค่อย ๆ ทยอยเทส่วนผสมของเหลวลงในแป้งที่ร่อนแล้ว คนจนแป้งละลาย เติมกลิ่นเนยวานิลลา คนให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 30 นาที 

เมื่อพักแป้งครบเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์

นำไปนึ่งหลังน้ำเดือด ใช้ไฟปานกลางนาน 15-20 นาที หรือจนขนมสุก
 

ตีเนยสด น้ำตาลทราย และเกลือป่น ให้ขึ้นฟูและสีเนยอ่อนลง

ใส่ไข่ไก่ลงไป (ใส่ไปทีละฟอง) เติมกลิ่นวานิลลา

ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู และเบกกิ้งโซดา ลงไปตีจนเข้ากัน ใส่กล้วยไข่บดลงไป

บีบส่วนผสมแป้งลงไปในพิมพ์ที่เตรียมไว้ ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ ใส่กล้วยไข่หั่นบาง ๆ วางตกแต่งด้านบน

นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 25-30 นาที ทิ้งไว้ข้ามคืนเค้กยิ่งฉ่ำอร่อย
 

เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้

ร่อนแป้ง โกโก้ ผงฟู และเบกกิ้งโซดา เข้าด้วยกัน 2-3 ครั้ง ใส่ลงในอ่างผสมแล้วทำหลุมตรงกลาง เตรียมไว้

ผสมกล้วยไข่บดกับกลิ่นวานิลาเข้าด้วยกัน เตรียมไว้

ตีไข่ไก่ให้เป็นฟองหยาบ ๆ ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปตีให้เข้ากัน ใส่นม น้ำมันพืช และน้ำ ลงไปตีให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมกล้วยลงไป ตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง

เทส่วนผสมกล้วยเมื่อครู่ลงในหลุมแป้ง ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

เทส่วนผสมใส่ลงพิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ โรยด้วยช็อกโกแลตชิพ นำเข้าอบประมาณ 20-25 นาที (ถ้าใช้ถ้วยใหญ่ อบประมาณ 24 นาทีก็จะสุกพอดี ถ้าถ้วยเล็กจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น) นำออกจากเตา พักทิ้งไว้บนตะแกรง พร้อมเสิร์ฟ
 

ผสมนมและเนยจืดที่ละลายแล้วให้เข้ากัน จากนั้นให้ใส่แป้งเค้กที่ร่อนแล้วลงไป (แป้งเค้กควรร่อนก่อนใช้งานทุกครั้ง) เมื่อคนจนเข้ากันแล้วให้ใส่กลิ่นวานิลลา ใส่ไข่แดงทีละฟอง และน้ำผึ้ง แล้วผสมให้เข้ากัน

คลุกแป้งเค้กประมาณ 1/2 ช้อนชา กับกล้วยตาก เพื่อให้กล้วยตากไม่เหนียวและแยกออกจากกัน จากนั้นตีไข่ขาวให้ตั้งยอด โดยแบ่งใส่น้ำตาลทั้งหมด 3 ครั้ง (ขั้นตอนนี้สำคัญ ต้องตีให้ตั้งยอด ไม่งั้นเค้กที่ทำจะเสียหมด) ให้แบ่งเมอแรงค์ 1 ส่วน 3 มาใส่ในชาม แล้วคนให้เข้ากัน

จากนั้นนำส่วนผสมเทกลับลงไปในชามไข่ขาว แล้วค่อย ๆ คนให้ส่วนผสมเข้ากัน

ใส่กล้วยตากให้ทั่วก้นถาดอบ จากนั้นให้เทส่วนผสมเค้กลงไป ถ้าทำถูกเวลาเทส่วนผสมจะเป็นชั้น ๆ ถ้าตีไข่ขาวไม่ตั้งยอด ส่วนผสมจะเป็นน้ำ เท่ากับที่ทำมาเสียหมด

ใส่น้ำร้อนในถาดรองอบแล้วอบด้วยอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไม่เปิดพัดลม ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 20-25 นาที แล้วแต่เตาอบ