21 เมนูผลไม้ไทย หลากเมนูอร่อยมีประโยชน์ ช่วยอุดหนุนเกษตรกรไทย

     แจกฟรี ! เมนูผลไม้ไทย สูตรขนม และเครื่องดื่มพ่วงคุณค่าจากวิตามิน ช่วยอุดหนุนผลไม้เติมกำลังใจให้พี่น้องเกษตรกรกันเถอะ

     อย่างที่รู้กันดีว่าผลไม้ไทยมีหลากหลาย ถ้าเป็นผลไม้นอกฤดูกาลก็แพงหน่อย แต่ถ้าเป็นผลไม้ในฤดูกาลก็จะราคาถูกเพราะออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นคนไทยเราควรร่วมด้วยช่วยกันซื้อผลไม้คุณภาพตามฤดูกาล ใครกังวลว่าซื้อผลสดมาเยอะแยะกลัวกินไม่ทันก็จับแปรรูปเป็๋นอาหารสิคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูผลไม้ไทย มีทั้งอาหารคาว เช่น ยำมังคุด อาหารหวาน หรือขนม เช่น พายสับปะรด เงาะลอยแก้ว และเครื่องดื่ม เช่น น้ำมะยม น้ำลิ้นจี่ปั่น เลือกทำได้ตามสไตล์เลยค่ะ


1. พายสับปะรด (ไส้สับปะรดกวน)

     เอ่ยถึงเมนูผลไม้ไทยอย่างสับปะรด หลายคนจะจับมาแปลงร่างเป็นสับปะรดกวน เพราะเก็บได้นานและเอามาทำไส้ขนมได้ด้วย โดยเฉพาะพายสับปะรด เริ่มจากทำแป้งพายห่อสับปะรดกวน จะสร้างสรรค์เป็นพายหน้าตาแบบไหนก็ตามชอบจ้า

ส่วนผสม พายสับปะรด (แป้งพาย)

      • แป้งขนมปัง 500 กรัม
      • แป้งอเนกประสงค์ 300 กรัม
      • เนยสดชนิดเค็ม 150 กรัม
      • เกลือป่น 3 กรัม
      • น้ำเย็น 350 กรัม
      • ไข่แดงไข่ไก่ 2 ฟอง
      • เพสตรี้มาการีน 400 กรัม
      • ไส้สับปะรดกวน (ปั้นเป็นก้อนกลม) 300 กรัม

ส่วนผสม สับปะรดกวน

      • เนื้อสับปะรด 1 กิโลกรัม (ใช้ได้ทั้งสับปะรดสดและสับปะรดกระป๋อง)
      • น้ำตาลทราย 300 กรัม
      • กลูโคสไซรัป 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำสับปะรดกวน

     1. สับเนื้อสับปะรดไปเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่นให้พอหยาบ ๆ
     2. เทเนื้อสับปะรดที่ปั่นแล้วใส่ลงในกระทะเทฟลอน (หรือกระทะทองเหลือง) นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ รอจนส่วนผสมเริ่มเดือด
     3. ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลายเข้ากัน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มแห้ง ประมาณ 1 ชั่วโมง เนื้อสับปะรดกวนจะเริ่มใส มีสีเข้มขึ้น และเหนียว จากนั้นปิดไฟพักไว้จนเย็นก่อนนำใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด

วิธีทำพายสับปะรด

     1. ร่อนแป้ง 2 ชนิดรวมกัน ใส่เนยลงไปผสมให้เข้ากันจนแป้งมีลักษณะร่วนเป็นเม็ด
     2. ผสมเกลือป่น น้ำเย็น ไข่แดงคนให้เข้ากัน
     3. ค่อย ๆ พรมส่วนผสมของเหลวในข้อ 2 ใส่ลงไปส่วนผสมแป้งแล้วนวดให้เข้ากันจนเนียน
     4. คลึงแป้งเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 10×16 นิ้ว
     5. วางเพสตรี้มาการีนบนแป้งให้ได้ครึ่งหนึ่งของแป้ง พับแป้งคลุมเพสตรี้มาการีนให้มิด บีบริมแป้ง 3 ด้านให้สนิท พักแป้งไว้ 30 นาที
     6. นำแป้งมาคลึงเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า พับแป้ง 3 ทบแล้วพักแป้ง 30 นาที ทำเช่นนี้ 3 ครั้ง
     7. แบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน นำส่วนที่ 1 มาคลึงให้บางหนา 1/4 เซนติเมตร จากนั้นตัดแป้งขนาด 1x1 นิ้ว วางไส้สับปะรดตรงกลาง ตัดแป้งจากมุมทั้ง 4 พับแป้งให้เป็นรูปกังหัน วางเรียงในถาดอบ
     8. นำขนมไปอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์หรือจนขนมกรอบเหลือง แซะออกจากถาดพักไว้ให้เย็น

     + ดูวิธีทำ พายสับปะรด เพิ่มเติมคลิก



2. แยมสับปะรด

     มาต่อกันที่อีกสูตรผลไม้ไทยจากสับปะรดนั่นคือ แยมสับปะรด จับสับปะรดกระป๋องสับเคี่ยวกับน้ำตาลจนน้ำงวดและเหนียวข้น จัดใส่กระปุกแช่เย็น เอาไว้ทาขนมปังยามหิวเลยค่ะ

ส่วนผสม แยมสับปะรด

      • สับปะรดกระป๋องสับ 250 กรัม (หรือสับปะรดสดสับ)
      • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย

วิธีทำแยมสับปะรด

     1. ตั้งกระทะใส่เนื้อสับปะรดสับกับน้ำสับปะรดลงไป เติมน้ำตาลทราย รอจนเดือดแล้วเคี่ยวต่ออีกประมาณ 20 นาที หรือจนส่วนผสมเหนียวข้น
     2. รอจนเย็นแล้วตักใส่ภาชนะที่มีฝาปิด

     + ดูวิธีทำ แยมสับปะรด เพิ่มเติมคลิก




     เห็นเงาะกิโลละไม่กี่สิบบาท อย่าลืมซื้อมาทำเมนูเงาะลอยแก้วกันนะคะ เริ่มจากแคะเอาเม็ดออกแล้วเอาไปต้มกับน้ำเชื่อมจนเดือด ก่อนเสิร์ฟโปะน้ำแข็งหน่อย

ส่วนผสม เงาะลอยแก้ว

      • เนื้อเงาะ (ปอกเปลือกคว้านเม็ดออก)
      • น้ำเปล่า 300 กรัม
      • น้ำตาลทราย 300 กรัม

วิธีทำเงาะลอยแก้ว

     1. นำเงาะมาคว้านเม็ดออก หรือหั่นเป็นชิ้น ๆ ตามชอบ นำไปล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
     2. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด จากนั้นลดเป็นไฟอ่อนแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลาย
     3. ใส่เนื้อเงาะลงไปรอให้น้ำเชื่อมเดือดอีกครั้ง ปิดไฟแล้วพักไว้จนเย็น ก่อนเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง

     + ดูวิธีทำ เงาะลอยแก้ว เพิ่มเติมคลิก



4. หวานเย็นเกล็ดเงาะ

     หลังจากกินขนมหวานจากเงาะกันมาจนอิ่ม เปลี่ยนมาทำหวานเย็นเกล็ดเงาะ สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับเนื้อเงาะไปจนละเอียด แต่งรสด้วยน้ำผึ้ง น้ำหวานสีแดง และน้ำมะนาว

ส่วนผสม หวานเย็นเกล็ดเงาะ

      • เงาะ (ใช้เฉพาะเนื้อ) 1 ถ้วยตวง
      • น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
      • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
      • น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
      • น้ำแข็งทุบ 2 ถ้วยตวง
      • น้ำหวานเข้มข้น (สีแดง) 3 ช้อนโต๊ะ
      • มะนาวฝาน ยอดสะระแหน่ และเงาะปอกเปลือกสำหรับแต่ง

     นำส่วนผสมทุกอย่างใส่เครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด รินใส่แก้วดื่มได้ทันที ตกแต่งด้วยมะนาวฝาน ใบสะระแหน่ และเงาะ

     + ดูวิธีทำ เครื่องดื่มจากเงาะ เพิ่มเติมคลิก




5. น้ำลิ้นจี่ปั่น

     ใครชอบเครื่องดื่มรสหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้ไทย ขอนำเสนอน้ำลิ้นจี่ปั่น สูตรจาก เฟซบุ๊ก iCook สูตรนี้ใช้ลิ้นจี่กระป๋อง เติมน้ำหวานกลิ่นลิ้นจี่ และน้ำเชื่อม

ส่วนผสม น้ำลิ้นจี่ปั่น

      • น้ำหวานกลิ่นลิ้นจี่ 50 มิลลิลิตร
      • น้ำเชื่อม 30 มิลลิลิตร
      • น้ำแข็งบด 1 แก้ว
      • เนื้อลิ้นจี่ในน้ำเชื่อม 3 ลูก
      • น้ำมะนาวเล็กน้อย

วิธีทำน้ำลิ้นจี่ปั่น

     ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเนื้อเนียน เทใส่แก้ว แต่งให้สวยงาม พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำ น้ำลิ้นจี่ปั่น เพิ่มเติมคลิก



6. สมูทตี้ลิ้นจี่นมสด

     ลิ้นจี่ปั่นก็ทำมาแล้ว คราวนี้ขอลองสมูทตี้ลิ้นจี่นมสด ทีเด็ดคือใส่นมสดลงไปปั่นกับเนื้อลิ้นจี่ เติมนมข้นหวานและน้ำเชื่อมด้วย

ส่วนผสม สมูทตี้ลิ้นจี่นมสด

      • ลิ้นจี่กระป๋อง 1/2 กระป๋อง (หรือลิ้นจี่สด)
      • นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
      • นมสด 1/4 ถ้วย
      • น้ำเชื่อม 2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำแข็ง 1 แก้ว
      • ช่อสะระแหน่สำหรับแต่ง

วิธีทำสมูทตี้ลิ้นจี่นมสด

     ใส่ลิ้นจี่ นมข้นหวาน นมสด น้ำเชื่อม และน้ำแข็งลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมให้เข้ากันจนเข้ากัน เทใส่แก้ว แต่งด้วยใบสะระแหน่ พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำ ลิ้นจี่นมสดสมูทตี้ เพิ่มเติมคลิก




7. สละลอยแก้ว

     สละพวงเบ้อเร่อถ้าให้กินหมดคงไม่ไหว ขอดัดแปลงเอามาทำสละลอยแก้วสักถ้วยดีกว่า จับสละไปต้มกับน้ำเชื่อมจนเดือด เสร็จแล้วเสิร์ฟกับน้ำแข็ง

ส่วนผสม สละลอยแก้ว

      • สละ หรือระกำ 500 กรัม
      • น้ำตาลทราย 300 กรัม
      • น้ำเปล่า 300 กรัม
      • น้ำเปล่าผสมเกลือ (สำหรับแช่สละ)
      • เกลือป่น ปลายช้อนชา

วิธีทำสละลอยแก้ว

     1. ปอกเปลือกสละออกแล้วใช้มีดคว้านเม็ดออก เอาเฉพาะเนื้อแล้วนำไปแช่ในน้ำเกลือเตรียมไว้
     2. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด จากนั้นลดเป็นไฟอ่อนแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลาย
     3. นำสละ (สะเด็ดน้ำเกลือแล้ว) ใส่ลงในหม้อน้ำเชื่อม ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย (พอให้มีรสเค็มเล็กน้อย) รอจนน้ำเชื่อมเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ พักไว้จนเย็น
     4. ตักสละลอยแก้วใส่ลงในถ้วย ใส่น้ำแข็งลงไป พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำ สละลอยแก้ว เพิ่มเติมคลิก




8. มะม่วงกวน

     ใครจะไปรู้ว่ามะม่วงกวนจะทำง่ายแบบนี้ พบกับมะม่วงกวน สูตรจาก คุณ lindahelen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับมะม่วงปั่นจนละเอียด เสร็จแล้วเทลงไปกวนในกระทะ เติมเกลือ และถ้าชอบหวานเติมน้ำตาลทราย เทใส่ถาดแล้วเกลี่ยจนแบนแล้วรอจนแห้งจัดเสิร์ฟ

ส่วนผสม มะม่วงกวน

      • มะม่วงสุก
      • เกลือ 1 ช้อนกาแฟ
      • น้ำตาลทราย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำมะม่วงกวน

     1. ล้างทำความสะอาดมะม่วงแล้วปอกเปลือกเอาแต่เนื้อมะม่วงใส่เครื่องปั่น ปิดฝา ปั่นจนละเอียด
     2. เทส่วนผสมมะม่วงปั่นใส่หม้อตั้งไฟ เติมเกลือ กวนไปเรื่อย ๆ จนเดือดแล้วปิดเตา (หากใครชอบหวานสามารถเติมน้ำตาลทรายลงไปได้)
     3. เตรียมภาชนะโดยใช้ถาดสีดำที่มากับเตาอบแล้วรองพื้นด้วยฟอยล์ เทใส่ถาดแล้ววางทิ้งไว้จนแห้ง ประมาณ 1 อาทิตย์ ก่อนนำมาม้วน

     + ดูวิธีทำ มะม่วงกวน เพิ่มเติมคลิก



9. ข้าวเหนียวมะม่วงโดนัท

     ข้าวเหนียวมะม่วงหน้าตาเชย ๆ คงต้องชิดซ้ายให้กับโดนัทข้าวเหนียวมะม่วง สูตรจาก คุณ Diary Delicious สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับข้าวเหนียวมูนแปลงร่างเป็นโดนัทแล้วแต่งด้วยแผ่นมะม่วง โรยด้วยถั่วทองทอดและราดด้วยน้ำกะทิ

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมะม่วงโดนัท

      • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 300 กรัม
      • กะทิ 1+1/2 ถ้วยตวง
      • น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
      • เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
      • สารส้ม (สำหรับขัดข้าวเหนียว)
      • ใบเตย
      • มะม่วงสุก
      • ถั่วทองทอด (สำหับโรย)

ส่วนผสม น้ำกะทิราดข้าวเหนียว

      • กะทิ 1 ถ้วย
      • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนชา
      • เกลือ 3/4 ช้อนชา
      • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำกะทิราดข้าวเหนียว

     ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ใส่ไมโครเวฟ ให้น้ำตาลทรายกับเกลือละลาย และกะทิข้นขึ้น เตรียมไว้

วิธีทำโดนัทข้าวเหนียวมะม่วง

     1. ถ้าเป็นข้าวเหนียวใหม่ให้นำข้าวเหนียวมาล้างให้สะอาดแล้วขัดด้วยสารส้ม เสร็จแล้วล้างอีกครั้งแล้วใส่น้ำแช่ทิ้งไว้อย่างต่ำ 3 ชั่วโมง แต่ถ้าข้าวเหนียวเก่าให้ทิ้งไว้ข้ามคืนเลยค่ะ เพราะข้าวเหนียวเก่าจะแข็งกว่า
     2. พอแช่ข้าวเหนียวครบกำหนดแล้วก็ให้นำข้าวเหนียวไปนึ่ง โดยวางผ้าขาวบางลงไปที่ลังถึงแล้วก็วางใบเตยลงไป ตามด้วยข้าวเหนียวที่แช่ไว้ นิ่มทำรูไว้ตรงกลางด้วย เพื่อที่จะทำให้ข้าวเหนียวสุกเร็วทั่วถึงกันค่ะ นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 30 นาที ก่อนที่ข้าวเหนียวจะสุกประมาณ 10 นาที ให้เริ่มเคี่ยวน้ำกะทิ พอข้าวเหนียวสุกกะทิก็จะได้ที่พอดี วิธีการก็แค่นำกะทิ เกลือ และน้ำตาลทรายมาเคี่ยวให้พอเดือดเล็กน้อย คนให้น้ำตาลกับเกลือละลายเข้ากันดี
     3. ใส่ข้าวเหนียวนึ่งสุกลงไปในน้ำกะทิ คนให้เข้ากัน จากนั้นปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วเปิดมาคนอีกรอบ โดยกลับด้านบนข้าวเหนียวลงล่าง แล้วปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที
     4. นำข้าวเหนียวมาใส่พิมพ์ซิลิโคนโดนัท ไม่ต้องอัดแน่นมาก จากนั้นนำมาวางบนจานเสิร์ฟ ฝานมะม่วงให้เป็นชิ้นบาง ๆ แล้วเอามาวางด้านบน โรยด้วยถั่วทองทอดและราดด้วยน้ำกะทิ

     + ดูวิธีทำ โดนัทข้าวเหนียวมะม่วง เพิ่มเติมคลิก



10. พานาคอตต้ามะม่วง

     รู้ยัง ? ผลไม้ไทยอย่างมะม่วงเอามาทำขนมสไตล์ฝรั่งได้ด้วยนะ ชวนทำพานาคอตต้ามะม่วง สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ จับชั้นครีมสลับชั้นกับซอสมะม่วง พอแช่เย็นจนเซตตัวก็หม่ำกันได้เลยค่ะ

ส่วนผสม ชั้นมะม่วง

      • เจลาตินผงหรือผงวุ้น 1 ช้อนชา
      • น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ก็ได้)
      • เกลือเล็กน้อย
      • มะม่วงปั่น 400 กรัม
      • น้ำ 40 กรัม (ถ้าไม่อยากให้ชั้นมะม่วงข้นมาก สามารถเพิ่มน้ำได้อีก อาจจะเพิ่มเจลาตินลงไปอีกนิดหน่อย รสชาติสามารถเพิ่มหวานได้ตามใจชอบ)

ส่วนผสม ชั้นครีม

      • เจลาตินหรือผงวุ้น 1 ช้อนชา
      • นมสด 200 กรัม
      • วิปปิ้งครีม 250 กรัม
      • น้ำตาลทราย 70 กรัม
      • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
      • เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำพานาคอตต้ามะม่วง

     1. ทำชั้นมะม่วงโดยผสมเจลาตินกับน้ำพักไว้ 10 นาที นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 1 นาที หลังจากนั้นเติมน้ำตาลและเกลือป่นลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากัน ตักเนื้อมะม่วงปั่นบางส่วนใส่ชามเจลาติน คนให้เข้ากันแล้วเทกลับไปในถ้วยมะม่วงปั่น คนให้เข้ากัน
     2. วางแก้วให้เอียง 45 องศา เทมะม่วงลงไปครึ่งแก้ว นำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวประมาณ 2-3 ชั่วโมง
     3. พอชั้นมะม่วงเซตตัวแล้ว มาเริ่มทำชั้นครีม เริ่มต้นเทนมใส่หม้อ ผสมเจลาตินลงไป พักไว้ 10 นาที (ยังไม่ต้องต้ม)
     4. ต้มไฟอ่อน ๆ เติมน้ำตาลกับเกลือป่นเล็กน้อย (อย่าให้เดือด) พอทุกอย่างละลายเข้ากันหมดก็ดับเตา เติมวิปปิ้งครีมกับกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน และพักให้เย็นลง
     5. พอมะม่วงเซตตัวก็เทครีมลงไปให้เต็มแก้ว นำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวอีก 2-3 ชั่วโมง พอเซตตัวแล้วก่อนเสิร์ฟตกแต่งด้วยมะม่วงให้ดูน่ากินไปอีก

     + ดูวิธีทำ พานาคอตต้ามะม่วง เพิ่มเติมคลิก


11. บิงซูมะม่วงน้ำดอกไม้

     หน้าร้อนต้องห้ามพลาดกับเมนูผลไม้ไทยนั่นคือ บิงซูมะม่วงน้ำดอกไม้ สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 3128333 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เกล็ดน้ำแข็งทำจากนมสดผสมกับนมข้นหวาน แต่งด้วยมะม่วงสุกและไอศกรีม

ส่วนผสม บิงซูมะม่วงน้ำดอกไม้

      • นมสดจืด 450 มิลลิลิตร (หรือ 1 ขวด)
      • นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย
      • มะม่วงน้ำดอกไม้ 1-2 ลูก (ตามชอบเลย)
      • นมข้นสำหรับราด
      • ไอศกรีม

วิธีทำบิงซูมะม่วงน้ำดอกไม้

     1. ผสมนมสดกับนมข้นหวานให้เข้ากัน เทใส่ถุงซิปล็อก นำไปแช่ช่องฟรีซ 3 ชั่วโมง หรือจนแข็ง และหั่นมะม่วงรอ
     2. นำส่วนผสมนมออกจากฟรีซ โดยคนให้กลายเป็นเกล็ด แต่ถ้าแข็งเกินไปก็ใช้ของแข็งทุบเอา แล้วก็นำมาใส่ลงในถ้วย
     3. ตกแต่งด้วยมะม่วงหั่น โปะด้วยไอศกรีม และราดด้วยนมข้น

     + ดูวิธีทำ 4 สูตรขนมจากมะม่วง เพิ่มเติมคลิก




12. ข้าวเหนียวทุเรียน

     ใครไม่กลัวอ้วนมาเลย พบกับเมนูข้าวเหนียวทุเรียน มาพร้อมวิธีทำข้าวเหนียวมูนกับน้ำกะทิทุเรียน ถ้ายังไม่สะใจเพิ่มทุเรียนอีกสักพูสองพู

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน

      • ข้าวเหนียวขาว 500 กรัม
      • สารส้ม (โขลกละเอียด) 1 ช้อนชา
      • น้ำ (สำหรับแช่ข้าวเหนียว)   
      • กะทิคั้นสด 350 มิลลิลิตร
      • น้ำตาลทราย 200 กรัม
      • เกลือป่น 2 ช้อนชา

ส่วนผสม น้ำกะทิทุเรียน

      • เนื้อทุเรียนสุกฉีก 500 กรัม
      • น้ำกะทิ 2 ถ้วย
      • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      • น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

     1. ซาวข้าวเหนียวจนสะอาด ใส่สารส้มลงไป เติมน้ำจนท่วม คนผสมจนเข้ากัน แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง จากนั้นล้างข้าวเหนียวที่แช่ไว้จนสะอาด สะเด็ดน้ำ พักไว้สักครู่ แล้วนำข้าวเหนียวไปนึ่งนานประมาณ 20 นาที จนข้าวเหนียวสุก เตรียมไว้
     2. ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย และเกลือป่นในอ่างผสม เทข้าวเหนียวที่นึ่งสุกแล้วลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 30 นาที จนข้าวเหนียวระอุ เตรียมไว้กินคู่กับน้ำกะทิทุเรียน

วิธีทำข้าวเหนียวทุเรียน

     ใส่น้ำกะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงไป คนผสมจนน้ำตาลปี๊บละลาย พอกะทิเริ่มเดือดใส่เนื้อทุเรียนฉีกลงไป คนผสมให้เข้ากัน ตักราดลงบนข้าวเหนียวมูน พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำ 6 เมนูจากทะเรียน เพิ่มเติมคลิก




13. กระท้อนลอยแก้ว

     อยากชวนมาคลายร้อนแบบง่าย ๆ กับเมนูกระท้อนลอยแก้ว จับเนื้อกระท้อนลงต้มกับน้ำมะตูม เทใส่ถ้วยโปะน้ำแข็ง

ส่วนผสม กระท้อนลอยแก้ว

      • กระท้อน 3 ลูก
      • น้ำตาลทราย 250 กรัม
      • มะตูมชนิดผง 250 กรัม (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
      • น้ำเปล่า 750 มิลลิลิตร
      • เกลือสมุทร เล็กน้อย
      • น้ำผสมเกลือ (สำหรับแช่กระท้อนไม่ให้ดำ)

วิธีทำกระท้อนลอยแก้ว

     1. ปอกเปลือกกระท้อนแล้วคว้านเอาเมล็ดออกให้เหลือแต่เนื้อ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ นำลงแช่ในน้ำเกลือ เตรียมไว้
     2. เติมน้ำเปล่า น้ำตาลทราย มะตูมผง และเกลือลงในหม้อ ต้มจนเดือด ใส่เนื้อกระท้อนลงต้ม ประมาณ 10 วินาที ตักขึ้นใส่ชาม เติมน้ำแข็ง รับประทานแบบเย็น หรือเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิดแล้วนำเข้าตู้เย็นเก็บไว้กินในครั้งต่อไป

     + ดูวิธีทำ กระท้อนลอยแก้ว เพิ่มเติมคลิก



14. กระท้อนทรงเครื่อง

     ใครมีกระท้อนเหลือ ๆ จับมาทำเมนูผลไม้ไทยอย่างกระท้อนทรงเครื่อง สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่เครื่องเคราเน้น ๆ เติมพริกเพิ่มความแซ่บ แค่กระท้อนลูกเดียวก็ฟินแล้ว

ส่วนผสม กระท้อนทรงเครื่อง

      • กระท้อนดอง (ล้างน้ำก่อนแล้วนำมาฝานบาง ๆ)
      • ถั่วลิสงคั่วป่น 3 ช้อนโต๊ะ
      • มะพร้าวขูดคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำตาลปี๊บ 2 ถ้วย
      • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
      • กะปิ 1 ช้อนชา (หรือตามชอบ)
      • หอมแดงซอย 3 ช้อนโต๊ะ
      • กุ้งแห้งป่น 3 ช้อนโต๊ะ
      • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
      • พริกขี้หนูซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำกระท้อนทรงเครื่อง

     1. คั่วถั่วลิสงจนสุก บี้เอาเปลือกออกให้หมดแล้วก็ลงมือตำแบบไม่ต้องละเอียดมาก
     2. นำมะพร้าวขูดไปคั่วให้กรอบ ใส่น้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำปลา เปิดไฟอ่อน ๆ เคี่ยวให้เข้ากัน ใส่กะปิ จากนั้นก็คนให้เข้ากัน เคี่ยวให้เหนียว ยกขึ้น ปิดเตา
     3. ใส่หอมแดงซอย กุ้งแห้งป่น มะพร้าวขูดคั่ว พริกป่น พริกขี้หนูซอย และถั่วลิสงคั่วป่น คนทุกอย่างให้เข้ากัน
     4. นำกระท้อนดองมาล้างน้ำแล้วฝานบาง ๆ รอบ ๆ ลูก บีบน้ำออกให้หมด ราดด้วยน้ำตาลที่ปรุงไว้

     + ดูวิธีทำ กระท้อนทรงเครื่อง เพิ่มเติมคลิก



15. ยำมังคุดกุ้งสด

     แกะมังคุดรอไว้เลย จะได้เอามาทำยำมังคุดกุ้งสด สูตรจาก ครัวบ้านพิม ใส่หมูสับลงไปด้วย เคล้ากับเครื่องยำรสแซ่บ อร่อยแค่ไหนมาพิสูจน์กันจ้า

ส่วนผสม ยำมังคุดกุ้งสด

      • มังคุดสุกแต่ยังห่าม 10 ลูก หรือเนื้อมังคุด 1 ถ้วยตวง
      • หมูสับ 100 กรัม
      • กุ้งสด 5 ตัว
      • พริกขี้หนูสวนสีเขียว-แดง 15 เม็ด
      • หอมแดง 4 หัว
      • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำปลาดี ๆ (จะได้ไม่คาว) 2 ช้อนโต๊ะ
      • น้ำตาลทราย 1-1/2 ช้อนโต๊ะ
      • ใบสะระแหน่ 4-5 กิ่ง หรือเด็ดใบให้ได้ประมาณ 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำยำมังคุด

     1. หั่นพริกขี้หนูสวน ปอกเปลือกหอมแดง ล้างให้สะอาดแล้วซอยบาง ๆ และบีบน้ำมะนาว เตรียมไว้
     2. ล้างใบสะระแหน่ให้สะอาด เด็ดเป็นใบ พักให้สะเด็ดน้ำ
     3. เลือกใช้มังคุดที่สุกแล้ว แต่ยังห่ามอยู่ (เปลือกสีม่วงเข้ม) จะดีกว่าใช้มังคุดสุกที่เปลือกสีดำ เพราะรสชาติจะหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย และเนื้อไม่นิ่มมากเกินไป แต่ถ้าใครชอบมังคุดที่เนื้อนิ่ม ๆ หวานมากหน่อย จะใช้มังคุดเปลือกสีดำก็ไม่ผิดกติกา เอามีดกรีดไปที่เปลือกตรงกลางลูก จากนั้นดึงเอาเปลือกข้างนอกทิ้งไป แล้วค่อย ๆ แงะเอาเนื้อมังคุดที่อยู่ในเปลือกอีกข้างหนึ่งออกมาอย่างเบามือ (ระวังช้ำ) ใส่ลงไปในอ่างน้ำเย็นที่ผสมเกลือป่นอยู่นิดหน่อย ก่อนที่จะแกะเป็น 1-2-3 กลีบ แล้วเอาขึ้นใส่กระชอนโปร่ง ๆ พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
ป.ล. ไส้ในของมังคุดที่มีแดง ๆ เหลือง ๆ เฉือนออกด้วยมีดหรือดึงออกอย่างเบามือให้หมด ไม่งั้นยำออกมาแล้วอาจจะมีรสฝาดในบางส่วน และสีมังคุดจะกระดำกระด่าง ไม่ขาวนวลเนียน
     4. เอาหม้อใบย่อม ๆ ตั้งบนเตาไฟ ใส่น้ำไปสัก 1/2-3/4 ถ้วย เปิดไฟเตากลาง ๆ รอจนน้ำเดือด ก็ใส่กุ้งลงไป รอจนกุ้งสุกก็ตักขึ้นใส่จาน
     5. จากนั้นก็นำหม้อใบเดิม (ไม่ต้องเทน้ำต้มกุ้งทิ้ง) ตั้งไฟอีกรอบ พอน้ำเดือด ก็ใส่หมูสับลงไป ยีด้วยทัพพีให้หมูกระจายตัวเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่เกาะกันเป็นก้อน ทิ้งไว้สักแป๊บจนหมูสุก ก็ปิดไฟเตาและพักหมูไว้ให้คลายความร้อนลงสักหน่อย
     6. หากะละมังใบย่อม ๆ มาสักใบ ใส่หอมแดงกับพริกขี้หนูซอยลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาล คนให้เข้ากันจนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด
ป.ล. ปริมาณน้ำตาลทรายให้ใส่ไปแค่ 1 ช้อนโต๊ะก่อน หากหลังจากผสมทุกอย่างเสร็จแล้ว รสชาติยังไม่กลมกล่อม ถึงค่อยเติมน้ำตาลทรายเพิ่ม
     7. ใส่กุ้ง หมู และมังคุด ตามลงไป คนพอเข้ากันอย่างเบามือ ชิมรสชาติตามชอบ ตักใส่จาน ตกแต่งด้วยสะระแหน่

     + ดูวิธีทำ ยำมังคุดกุ้งสด เพิ่มเติมคลิก




16. มะยมเชื่อม

     มะยมดกเต็มต้น เอามาจิ้มพริกเกลือคงไม่ไหว แปลงร่างทำเมนูมะยมเชื่อม สูตรจาก คุณเต่าน้อยคอยรัก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับมะยมแช่น้ำปูนใสเพื่อให้เวลาเคี่ยวแล้วจะได้ไม่เละ เสร็จแล้วก็ทำน้ำเชื่อม ใส่มะยมลงไปเคี่ยวกับน้ำเชื่อมจนเป็นสีแดงฉ่ำวาว

ส่วนผสม มะยมเชื่อม

      • มะยม
      • น้ำตาลทราย 1.6 กิโลกรัม
      • น้ำดื่ม 1 ถ้วย
      • เกลือ 1 ช้อนชา
      • มะนาว 1 ซีก

วิธีทำมะยมเชื่อม

     1. เอามะยมคลึงด้วยเขียงเพื่อให้น้ำมะยมออกมาหน่อย จะได้ไม่เปรี้ยวเกินไป แช่มะยมกับน้ำปูนใสไว้ 3 ชั่วโมง ล้างทำความสะอาดสัก 2 น้ำให้น้ำปูนเจือจางลง
     2. ทำน้ำเชื่อม โดยใส่น้ำตาลทราย น้ำ และเกลือ เคี่ยวจนน้ำตาลละลายและบีบมะนาว ใส่มะยมลงไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆเรื่อย ๆ เคี่ยวจนเม็ดมะยมใสฉ่ำไปทั่วเม็ด
     3. พอเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อแล้วก็ยกลงแยกน้ำแยกเนื้อ พร้อมกิน

     + ดูวิธีทำ มะยมเชื่อม เพิ่มเติมคลิก



17. น้ำมะยม

     หลังจากทำมะยมเชื่อมจะมีน้ำมะยมไหลออกมาตอนคลึง ถ้าทิ้งก็เสียดายเลยจับมาทำน้ำมะยม สูตรจาก คุณเต่าน้อยคอยรัก สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่น้ำตาลทรายตามชอบ ต้มกับน้ำมะยมประมาณครึ่งชั่วโมง

ส่วนผสม น้ำมะยม

      • น้ำมะยม 2 ถ้วย
      • น้ำดื่ม 2 ถ้วย
      • น้ำตาลทราย 1/2 กิโลกรัม
      • เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำน้ำมะยม

     1. ทำน้ำมะยมโดยเอามะยมมาล้างทำความสะอาด คัดลูกดี ๆ ใหญ่ ๆ ไว้ ส่วนลูกเล็ก ๆ หรือโดนแมลงเจาะให้คัดแยกออกไป จากนั้นเอามาเกลี่ย ๆ แล้วนำเขียงมาวางบนถาดเพื่อรองน้ำมะยมที่ไหลออกมาระหว่างที่คลึง จากนั้นนำเขียงมาคลึงมะยม คลึงเบา ๆ พอนิ่ม ๆ หลังจากการคลึงจะเหลือน้ำจากมะยม
     2. นำส่วนผสมทั้งหมดเทรวมกันในหม้อ โดยใช้ไฟอ่อนถึงกลาง ต้มทิ้งไว้ 30 นาที และหมั่นตักฟองออกด้วย เมื่อทำน้ำมะยมเป็นอันเสร็จสิ้นไปแล้ว จะทิ้งมะยมก็นึกเสียดาย นำมาทำมะยมเชื่อมต่อเลย

     + ดูวิธีทำ น้ำมะยม เพิ่มเติมคลิก




     เกิดมาต้องลองสักครั้ง กับเมนูมะยงชิดลอยแก้ว สูตรจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน จับมะยงชิดปอกเปลือกและคว้านเม็ดออก แล้วเอาไปแช่ในน้ำเชื่อม สุดท้ายเอาไปแช่เย็น

ส่วนผสม มะยงชิดลอยแก้ว

      • มะยงชิด
      • น้ำตาลทราย
      • น้ำ
      • ใบเตย

วิธีทำมะยงชิดลอยแก้ว

     1. ทำน้ำเชื่อมโดยเทน้ำใส่หม้อ ตามด้วยน้ำตาลทราย นำขึ้นตั้งไฟ แล้วใส่ใบเตยลงไป เคี่ยวจนเริ่มเหนียวแล้วเอาใบเตยออก ปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น
     2. ปอกเปลือกมะยงชิดออกจนหมด แล้วคว้านเอาเม็ดออก หรือจะหั่นเป็นชิ้น ๆ ก็ได้
     3. จัดมะยงชิดที่ปอกเปลือกแล้วเรียงภาชนะ เทน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วตามลงไป ปิดฝาให้มิดชิด จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็น

     + ดูวิธีทำ มะยงชิดลอยแก้ว เพิ่มเติมคลิก




19. น้ำฝรั่ง

     ใครขี้เกียจเคี้ยวฝรั่งก็จับมาทำน้ำฝรั่งเลยสิคะ จับฝรั่งหั่นชิ้นลงไปปั่นกับน้ำจนละเอียด กรองเอาแต่น้ำ บีบมะนาวและเติมน้ำผึ้ง ใครจะใส่น้ำตาลทรายเพิ่มก็ตามชอบ

ส่วนผสม น้ำฝรั่ง

      • ฝรั่ง 2 ลูก
      • น้ำมะนาว 1 ลูก
      • เปลือกมะนาวขูด เล็กน้อย
      • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
      • เกลือป่น เล็กน้อย
      • สารสกัดหญ้าหวาน หรือน้ำตาลทราย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำน้ำฝรั่ง

     1. ล้างฝรั่งให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่า ปั่นจนละเอียด 
     2. กรองเอาแต่น้ำ ใส่เปลือกมะนาวขูด และบีบน้ำมะนาวลงไป เติมเกลือ น้ำผึ้ง และน้ำตาลทราย
     3. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทน้ำฝรั่งลงไป

     + ดูวิธีทำ น้ำฝรั่ง เพิ่มเติมคลิก




20. เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด

     ภาพสวยน่าลองทำตามจริง ๆ สำหรับเมนูเค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด สูตรจาก คุณแม่สลิ่ม  ตัวเค้กหอมกลิ่นมะพร้าว สอดไส้ครีมสดมะพร้าวอ่อน ปาดด้วยครีมสดทั่วชิ้น

ส่วนผสม ตัวเค้กมะพร้าวอ่อน

      • แป้งเค้ก 60 กรัม
      • ผงฟู 1/4+1/8 ช้อนชา
      • น้ำตาลทรายป่น 35 กรัม
      • เกลือป่น 1/4 + 1/8 ช้อนชา
      • กะทิ 22 กรัม
      • ไข่แดง 2 ฟอง
      • น้ำมันพืช 22 กรัม
      • น้ำมะพร้าว 16 กรัม
      • ไข่ขาว 2 ฟอง
      • ครีมออฟทาร์ทาร์ ปลายช้อน

ส่วนผสม ไส้ครีมมะพร้าวอ่อน

      • เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
      • น้ำตาลทราย 25 กรัม
      • กะทิกล่อง 125 มิลลิลิตร
      • น้ำมะพร้าว 75 มิลลิลิตร
      • เกลือ 1/4 ช้อนชา
      • แป้งถั่วเขียว 30 กรัม
      • เนยสด 15 กรัม

ส่วนผสม ครีมสดสำหรับปาดหน้าเค้ก

      • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
      • น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนชา
      • น้ำมะพร้าว 1 ช้อนชา

วิธีทำไส้ครีมมะพร้าวอ่อน

     1. ผสมเนื้อมะพร้าวอ่อน น้ำตาลทราย กะทิกล่อง น้ำมะพร้าว เกลือ และแป้งถั่วเขียวมาผสมกัน ตั้งไฟอย่าให้แรงมากแล้วก็คนเรื่อย ๆ เมื่อคนจนข้นได้ที่ก็ปิดไฟ แล้วใส่เนยสดลงไป คนให้ละลายพอดีกัน
     2. ขูดมะพร้าวอ่อนให้เป็นเส้น ๆ จากนั้นก็นำมาหั่นตามชอบ พักทิ้งไว้

วิธีทำเค้กมะพร้าวอ่อน

     1. ร่อนแป้งกับผงฟูอย่างน้อย 2 รอบ และผสมส่วนของของเหลวเข้าด้วยกัน
     2. เทแป้งลงไปในของเหลวแล้วคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน พอเข้ากันแล้วให้หยุดคน ไม่เช่นนั้นเค้กจะเหนียว
     3. ตีไข่ขาวให้พอขึ้นฟอง จากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ลงไป ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทีละน้อย ตีจนไข่ขาวตั้งยอดปานกลางเกือบแข็ง เทลงไปผสมกับแป้งที่ร่อนเตรียมไว้
     4. เทใส่พิมพ์ นำเข้าอบประมาณ 20 นาที เช็กความสุกโดยการใช้มีดปลายแหลมจิ้มไปตรงกลาง ไม่มีอะไรติดออกมาแสดงว่าสุกแล้ว
     5. ทำครีมสดโดยผสมทุกอย่างให้เข้ากัน และตีให้ขึ้นฟู
     6. หั่นเค้กเป็น 2 ชั้น ปาดไส้มะพร้าวลงไปตามชอบ จากนั้นก็ประกบเค้กทั้งสองส่วนเข้าด้วยกัน ทาครีมสดให้ทั่วหน้าเค้ก และราดเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปอีกที จากนั้นนำไปแช่เย็นจนเซตตัว

     + ดูวิธีทำ เค้กมะพร้าวอ่อนครีมสด เพิ่มเติมคลิก



21. เค้กชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน

     ชิฟฟ่อนใบเตยใคร ๆ ก็ทำกินกัน แม้จะอร่อยแต่ดูไม่แนวเลย อยากชวนมาทำเค้กชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ ตัวเค้กใส่น้ำมะพร้าว และท็อปด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน ทำเป็นถาดแล้วหั่นชิ้น หรือทำใส่ถ้วยคัพเค้กก็ตามสะดวกค่ะ

ส่วนผสม ไข่แดง

      • ไข่แดง (เบอร์ 2) 5 ฟอง
      • น้ำตาลทราย 60 กรัม
      • น้ำมันมะพร้าว 55 กรัม
      • น้ำมะพร้าว 40 กรัม
      • กะทิ 40 กรัม
      • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
      • กลิ่นมะพร้าวน้ำหอม หรือกลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
      • แป้งเค้ก 115 กรัม
      • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม ไข่ขาว

      • ไข่ขาว (เบอร์ 2) 5 ฟอง
      • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
      • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
      • น้ำตาลทราย 75 กรัม
      • เนื้อมะพร้าวอ่อน (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำชิฟฟ่อนหน้ามะพร้าวอ่อน

     1. ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนน้ำตาลละลาย ใส่น้ำมันมะพร้าว น้ำมะพร้าว กะทิ เกลือป่น และกลิ่นมะพร้าวน้ำหอมลงไป ตีจนเข้ากันดี
     2. ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟู (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว
     3. ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพด แล้วตีพอเข้ากัน และค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด
     4. ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ส่วนที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน
     5. เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ ใช้ไพ่หรือไม้พายปาดให้เสมอกัน แล้วเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก หลังจากนั้นโรยมะพร้าวอ่อนตามชอบ
     6. นำเข้าอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง เป็นเวลา 25-30 นาที อบเสร็จแล้วจะกินอุ่น ๆ หรือจะพักให้เย็นก่อนก็ได้ แล้วแต่ความชอบ

     + ดูวิธีทำ เค้กชิฟฟ่อนมะพร้าวอ่อน เพิ่มเติมคลิก

     โอ้โห ! แอบตาลายพอเห็นเมนูจากผลไม้ไทย เอาล่ะ… ขอตัวไปซื้อมะพร้าวช่วยเกษตรกรก่อนนะคะ ส่วนจะทำอะไรขอนอนคิดสักคืนก่อน เพราะอยากกินหลายสิ่งอันเลยค่ะ