เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
หลาย ๆ คนคงจะยังไม่ค่อยคุ้นหูกับชื่อ โครนัท เท่าไหร่นัก และอาจจะมีคนเข้าใจผิดไปว่ามันคือ ขนมโดนัทนั่นแหละ ด้วยรูปร่างหน้าตาที่คล้ายคลึงกับโดนัทเสียเหลือเกิน แต่หารู้ไม่ว่า นั่นคือความเข้าใจผิดมาตลอด แต่อีกไม่นาน ขนมโครนัทชิ้นนี้จะเป็นที่โด่งดังในเมืองไทยอย่างแน่นอน ถ้าอย่างนั้นเราลองมาทำความรู้จักขนมชนิดนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า
โครนัท (Cronut) เป็นชื่อของขนมลูกผสมระหว่างขนมครัวซองต์กับขนมโดนัท หรือ Croissant + Doughnut = Cronut ที่ถูกคิดค้นขึ้นมาจากเชฟขนมหวานฝีมือดีแห่งนครนิวยอร์กชื่อว่า โดมินิค ธานเซล เจ้าของร้านขนม โดมินิค ธานเซล เบเกอรี (Dominique Ansel Bakery) เขาคิดค้นขนมชนิดนี้ขึ้นมาด้วยการนำ 2 วัฒนธรรมมาผสมกันคือ ขนมครัวซองต์จากฝรั่งเศสเข้าไปผสมผสานกับขนมโดนัทจากอเมริกัน จากนั้นเขาลองนำเอาแป้งครัวซองต์ที่คิดค้นสูตรขึ้นมาเองไปกดให้เป็นวงกลมและมีรูตรงกลาง จากนั้นนำไปทอดในน้ำมันเมล็ดดองุ่นจนสุก นำมาสอดไส้ครีมต่าง ๆ แล้วโรยน้ำตาลไอซิ่งให้คล้ายกับโดนัท เขาได้ใช้เวลาลองผิดลองถูกมานานกว่า 2 เดือน และใช้เวลาในกระบวนการทำขนมโครนัทนานถึง 3 วัน กว่าที่จะได้สูตรโครนัทที่อร่อยและสมบูรณ์แบบ จากนั้นเขาก็ได้ทดลองแจกให้ชิม ขนมโครนัทก็เลยเริ่มเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา
ขนมโครนัทเพิ่งถือกำเนิด และเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกได้ไม่นานมานี้เอง เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2556 จากการที่โดมินิคทดลองแจกโครนัทให้ลูกค้าชิม ผู้คนที่ได้ลองลิ้มชิมรสก็ต่างถูกอกถูกใจ เริ่มแรกโครนัทได้ถูกวางขายเพียง 50 ชิ้น แต่ความอร่อยของขนมชนิดนี้ถูกแพร่กระจายลงในโลกอินเตอร์เน็ตจนกลายเป็นกระแสขึ้น ขนมโครนัทจึงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น จากนั้นไม่นานนัก โครนัทก็กลายเป็นขนมยอดฮิตของผู้คนในนครนิวยอร์ก สร้างชื่อเสียงให้กับร้านขนมเล็ก ๆ โด่งดังขึ้น จนถึงขนาดที่ว่า มีผู้คนจำนวนมากยอมสละเวลาไปยืนรอต่อคิวเพื่อที่จะซื้อขนมชนิดนี้ก่อนที่ร้านจะเปิดเสียอีก และโครนัทก็ขายดิบขายดีจนขนาดที่ว่า ต้องมีการจำกัดปริมาณการซื้อ 2 ชิ้นต่อ 1 คนทีเดียว
ซึ่งความพิเศษของขนมชิ้นนี้นอกจากจะเป็นความแปลกใหม่ และอร่อยแล้ว รสชาติของโครนัทจะเปลี่ยนไปทุกเดือน และในหนึ่งเดือนจะมีเพียงหนึ่งรสเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมารสชาติที่ร้านของโดมินิคเคยมีก็เช่น ในเดือนพฤษภาคมเป็นรสโรสวานิลลา (Rose Vanilla) เดือนมิถุนายนเป็นรสเมเปิลมะนาว (Lemon Maple) เดือนกรกฎาคมเป็นรสแบล็คเบอร์รีมะนาว (Blackberry Lime) เดือนสิงหาคมเป็นรสมะพร้าว (Coconut) เดือนกันยายนเป็นรสมาสคาร์โปน (Mascarpone) เดือนตุลาคมเป็นรสครีมแอปเปิลครีม (Apple Creme Fraiche) เดือนพฤศจิกายนเป็นรสลิ้นจี่ (Salt Dulce de Leche) เดือนธันวาคมเป็นรสช็อคโกแลตผสมแชมเปญ (Valrhona Chocolate Champagne) เดือนมกราคมเป็นรส Peanut Butter Rum Caramel และเดือนกุมภาพันธ์จะเป็นรสราสเบอร์รี่ลิ้นจี่ (Raspberry Lychee)
ในตอนนี้ก็เริ่มที่จะมีคนนำมาดัดแปลงทำขายกันบ้างแล้ว และกำลังเป็นที่ฮอตฮิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ถ้าในเมืองไทยอาจจะหามาชิมกันยากสักหน่อย แต่เชื่อว่าอีกไม่นานขนมชนิดนี้จะเข้ามาดังและฮอตฮิตในเมืองไทยแน่นอน ถ้าใครอ่านจบแล้วเกิดอยากกินขึ้นมา ก็คงต้องลองหากันดูนะคะ ว่าแล้วก็ขอลองไปหาบ้าง ชักจะอดใจไม่ไหวแล้วสิ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
Dominique Ansel Bakery