วันพิซซ่า 9 กุมภาพันธ์ เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวันพิซซ่า National Pizza Day

พิซซ่าเลิฟเว่อร์รู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร ? วันที่ 9 กุมภาพันธ์ วันพิซซ่า หรือ National Pizza Day วันแห่งอาหารยอดนิยมของผู้คนทั่วทั้งโลก

พิซซ่า (Pizza) อาหารอิตาลีและอาหารฟาสต์ฟู้ดประเภทหนึ่งที่คิดค้นในประเทศอิตาลี แต่ในปัจจุบัน พิซซ่า ถือเป็นอาหารที่ทั่วโลกให้ความนิยมและรู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีการเปลี่ยนแปลงรสชาติให้เข้ากับรสนิยมของผู้คนในประเทศนั้น ๆ อีกด้วย ตั้งแต่ชนิดของแป้ง หน้าพิซซ่า และท็อปปิ้งต่าง ๆ สำหรับประเทศไทย พิซซ่า ก็ได้กลายเป็นเมนูยอดนิยมสำหรับบรรยากาศการเฉลิมฉลองและเนื่องในโอกาสพิเศษต่าง ๆ ไปด้วยเช่นกัน วันนี้เรามีที่มาที่ไปของ วันพิซซ่า มาฝาก จะมีรายละเอียด ประวัติความมาอย่างไร และในวันพิซซ่า ผู้คนนิยมทำกิจกรรมอะไรบ้าง ไปดูกัน

วันพิซซ่าสากล ตรงกับวันที่เท่าไร

วันพิซซ่าสากล หรือ National Pizza Day ตรงกับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ของทุกปี แม้ว่าจะไม่มีข้อมูลบอกแน่ชัดว่าใครคือผู้ก่อตั้ง แต่การเฉลิมฉลองนี้เริ่มต้นขึ้นที่สหรัฐอเมริกา ดินแดนที่เป็นต้นกำเนิดของพิซซ่าสไตล์อเมริกัน จัดหนักจัดเต็มกับขอบชีส เนื้อแป้งหนานุ่ม และสับปะรด ซึ่งแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับพิซซ่าแบบออริจินัลของอิตาลี

อย่างไรก็ตาม สหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นดินแดนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ตัวจริงของพิซซ่า อ้างอิงจากหลายสถิติน่าทึ่งที่เผยออกมา เช่น ในแต่ละปีสหรัฐฯ ทำยอดขายพิซซ่าได้จำนวนมหาศาลกว่า 3 พันล้านชิ้น, จากร้านอาหารทั้งหมดในสหรัฐฯ มีถึง 17% ที่เป็นร้านพิซซ่า, ชาวอเมริกันกินพิซซ่าโดยเฉลี่ยคนละ 23 ปอนด์ต่อปี, หน้าพิซซ่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ เปปเปอโรนี โดยมีการสั่งถึง 36% จากหน้าพิซซ่าทั้งหมด และอื่น ๆ อีกมากมาย

วันพิซซ่า 9 กุมภาพันธ์
มาสนุกไปกับการกินพิซซ่าพร้อมกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวกันเถอะ

ประวัติพิซซ่า และเรื่องเล่าที่น่าสนใจ

จากคำบอกเล่าในอดีตเล่าขานต่อกันมาว่า คำว่า พิซซ่า (Pizza) สันนิษฐานว่ามาจาก พิตต้า (Pita) ขนมปังกลมแบนที่ชาวตะวันออกกลางถึงเมดิเตอร์เรเนียนกินกันมาราว 14,500 ปีก่อน ในช่วงแรกยังไม่ได้มีเครื่องปรุงอะไรมากมาย เป็นเพียงอาหารราคาถูกและเป็นที่นิยมของชาวบ้านในอิตาลีเท่านั้น จนกระทั่งในปี ค.ศ.1889 พระราชินีมาเกริต้า และพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 เสด็จประพาสไปทั่วอิตาลี จนได้มาพบกับพิซซ่าที่เมืองเนเปิลส์ (Naples) หลังจากที่พระราชินีเสวยก็ทรงติดพระทัยเป็นอย่างมากถึงกับจ้างกุ๊กฝีมือดีที่ชื่อ ราฟาเอล เอสโปสิโต้ เข้ามาทำพิซซ่าในวัง กุ๊กเอสโปสิโต้ก็อยากเอาใจพระราชินีจึงได้คิดค้นพิซซ่าสูตรใหม่ถวาย โดยโปะหน้าพิซซ่าด้วยธีมสีธงชาติอิตาลี ใช้สีแดงจากซอสมะเขือเทศ สีขาวจากมอสซาเรลล่าชีส และสีเขียวจากใบเบซิล ซึ่งทำให้พระราชินีพอพระทัยเป็นอย่างมาก และยังทำให้พิซซ่าหน้าดังกล่าวกลายเป็นเอกลักษณ์และเป็นหนึ่งในอาหารโปรดของชาวอิตาลี และได้กลายมาเป็นพิซซ่าสมัยใหม่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Associazione Verace Pizza Napoletana (True Neapolitan Pizza Association) ซึ่งได้ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1984 ได้จดทะเบียนกับสหภาพยุโรปเพื่อรับรองให้พิซซ่าเป็นอาหารที่มีความพิเศษและสะท้อนถึงวัฒนธรรมดั้งเดิมของผู้ผลิต และในปี ค.ศ. 2017 พิซซ่าของเนเปิลส์ที่มีการผสมผสานศิลปะในขั้นตอนการทำด้วยศิลปะการทำพิซซ่า หรือ ปิซซายูโอโล (Pizzaiuolo) ถูกรวมให้อยู่ในรายการมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโกด้วย

อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข้อมูลสันนิษฐานว่า พิซซ่า เป็นเมนูอาหารที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 79 เมื่อภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดขึ้นและทลายเมืองปอมเปอีทั้งเมือง หลังจากนั้นประมาณ ค.ศ. 640 แกตาโน ฟิโอเรลลี่ ได้ค้นพบเตาฟืนโบราณจำนวนมากในซากปรักหักพังของเมืองที่ถูกลาวาถล่ม หนึ่งในจำนวนเตาทั้งหมดนั้นพบว่ามีเถ้าถ่านขนมปังติดอยู่ในเตาถึง 7 กิโลกรัม ซึ่งเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าทหารโรมันในช่วงเวลาดังกล่าว (ก่อนเมืองปอมเปอีจะถูกถล่มด้วยลาวาและเถ้าภูเขาไฟ) ต่างกินขนมปังที่อบด้วยเตาฟืนโบราณนี้ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าชาวเมืองในเมืองนาโปลีก็กินขนมปังที่อบในเตาฟืนโบราณเช่นนี้มาประมาณ 700 ปีแล้ว

สำหรับพิซซ่าในสหรัฐอเมริกานั้น เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะคนอเมริกันได้หัดทำพิซซ่ากันเองและดัดแปลงไปเรื่อย ๆ จนได้สูตรอเมริกันมา จากนั้นเมื่อเข้าสู่ยุคสงครามเวียดนามในปี ค.ศ. 1960 บรรดาทหารอเมริกันที่มาตั้งฐานทัพในไทยก็นำพาวัฒนธรรมการกินพิซซ่าเข้ามาด้วย แต่ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เพราะหากินได้ตามโรงแรม หรือห้องอาหารอิตาเลียนเท่านั้น กระทั่งในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) ร้านพิซซ่าฮัทก็ได้มาเปิดตลาดที่ไทยเป็นครั้งแรก ทำให้คนไทยมีโอกาสได้กินพิซซ่ากันง่ายขึ้น จนเดี๋ยวนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นฟาสต์ฟู้ดที่โทร. สั่งปุ๊บ รอไม่นานก็ได้กินแล้ว

พิซซ่า วันพิซซ่า

ประวัติพิซซ่า ที่มาของอาหารฟาสต์ฟู้ดอันดับต้น ๆ ในประเทศไทย

ประเภทของพิซซ่า

พิซซ่าโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

Neapolitan Style หรือพิซซ่าที่เกิดที่เมืองเนเปิลส์ คือ พิซซ่าที่มีขอบขนมปังค่อนข้างหนา ตรงกลางเป็นเนื้อนุ่มเหนียว ในร้านพิซซ่าแบบดั้งเดิมจะมีเพียง 2 หน้าเท่านั้น คือ มารินารา (มะเขือเทศ กระเทียม ออริกาโน่ และน้ำมันมะกอก) และมาร์การิต้า (มะเขือเทศ มอสซาเรลล่าชีส ใบโหระพา และน้ำมันมะกอก) ซึ่งพิซซ่าอเมริกันก็ดัดแปลงมาจากสูตรนี้

Roman Style : พิซซ่าแป้งบาง ขอบบางกรอบ ต้นตำรับมาจากกรุงโรม และภูมิภาคลาซิโอของอิตาลี ถือเป็นอาหารสตรีตฟู้ดสไตล์โรมันแบบดั้งเดิม มีหน้ายอดฮิตอย่าง Capricciosa (แฮม เห็ด มะกอก อาร์ติโชค ไข่ และมะเขือเทศ)

นอกจากนี้ยังมีพิซซ่าประเภทอื่น ๆ ที่ได้รับการดัดแปลงให้เข้ากับประเทศหรือพื้นที่นั้น ๆ เช่น พิซซ่าฮาวายเอี้ยน ที่คนต้นคิดเป็นชาวกรีกแต่ไปอยู่อาศัยที่แคนาดา พิซซ่าของซิซิลี ที่มีแป้งลักษณะคล้ายฟองน้ำเพราะทำจากแป้งสาลีดูรัม พิซซ่าที่ไม่มีซอส ซึ่งคล้ายกับพิซซ่าดั้งเดิมที่ชาวอิตาเลียนชื่นชอบ รวมถึงพิซซ่าแช่แข็งต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกให้กับนักกินทั้งหลาย ที่แค่ซื้อไปเก็บไว้ในตู้เย็น อยากกินเมื่อไรก็นำเข้าไปอุ่นได้สบาย ๆ เป็นต้น

กิจกรรมที่ทำกันในวันพิซซ่า

สำหรับกิจกรรมภายในวันพิซซ่าจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนของผู้ประกอบการร้านอาหาร : ซึ่งในประเทศไทยอาจจะไม่ค่อยเฉลิมฉลองกันเท่าไร แต่ในต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ร้านพิซซ่าทั้งร้านใหญ่และร้านเล็กจะพากันจัดโปรโมชั่น ทั้งการลดราคาสำหรับเมนูพิซซ่าหลากหลายหน้า อีกทั้งในบ้างที่ก็จะมีเมนูพิเศษที่ออกมาเฉพาะในวันสำคัญนี้อีกด้วย
ส่วนของคนที่รักในการกินพิซซ่า : ทุกคนสามารถเฉลิมฉลองได้ด้วยการกินพิซซ่าหน้าโปรด ไม่ว่าจะเป็นการทำกินเองที่บ้าน ในครอบครัว หรือออกไปกินที่ร้านก็ได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการถ่ายรูปโพสต์ลงโซเชียล และติดแฮชแท็ก #NationalPizzaDay เพื่อเป็นการส่งต่อเรื่องราวที่ดีในวันพิซซ่านี้ให้กับคนอื่น ๆ จากทั่วโลกได้อีกด้วย

พิซซ่าโฮมเมด 15 สูตรอาหารฝรั่งทำง่าย ๆ รวมถึงแนะนำร้านพิซซ่าเครื่องแน่นสุดอร่อย

จริงอยู่ว่า พิซซ่า เป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดที่กินเยอะ ๆ จะไม่ดีต่อร่างกาย แต่ทว่าพิซซ่าก็ถือเป็นหนึ่งในอาหารยอดฮิตที่นิยมกินในเทศกาลโอกาสพิเศษต่าง ๆ ด้วย ดังนั้น ใครที่อยากเฉลิมฉลองวันพิซซ่าโลก ก็เตรียมโทรศัพท์ให้พร้อม แล้วโทร. สั่งเจ้าแป้งก้อนกลม ท็อปหน้าด้วยเครื่องจุก ๆ โรยชีสยืด ๆ มากินกันได้เลย