คนชอบกิน คนชอบทำอาหารง่าย ๆ มาทางนี้ เรามี 20 สูตรอาหารเด็ด ๆ ทำง่าย ๆ แต่ความน่ากินคูณ 100 มาฝาก งานนี้จะอ้วนก็ต้องยอมแล้วล่ะ
ชวนทำ 20 เมนูเด็ด :: ทั้งอาหารคาวและของหวานค่ะ โดย คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ ทุกท่าน กระทู้นี้เป็นการแนะนำวิธีการทำอาหารครั้งแรกของนัทค่ะ ปกตินัทมีเพจเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการทำอาหารอยู่แล้ว จะเป็นสไตล์การทำอาหารแบบบ้าน ๆ ขนมไทยโบราณ ที่บางชนิดก็หารับประทานยาก และบางครั้งเวลานัทไปรับประทานอาหารตามร้านต่าง ๆ ถ้ามีเมนูเด็ด ๆ ที่ไหน ก็จะถ่ายภาพเอามาแชร์เพื่อน ๆ ในเพจได้ไปลองชิมกันบ้างค่ะ
ในกระทู้แรกนี้ จะมี 20 เมนู มาให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปทำกันดู แบ่งเป็นอาหารคาว 10 เมนูและของหวาน 10 เมนู สูตรอาหารอาจจะไม่ตรงตามตำราเป๊ะ ๆ อาจมีการประยุกต์เพิ่มเติมนิดหน่อย (เพื่อความอร่อยของนัทเอง อิอิ) บางเมนูจะมีรูปประกอบแค่รูปเดียว และบางเมนูก็จะมีรูปแสดงขั้นตอนวิธีการทำรวมๆอยู่ในรูปเดียวนะคะ ภาพสวยบ้างไม่สวยบ้างปะปนกันไป ต้องขออภัยล่วงหน้าด้วยจ่ะ ^_^
เมนูของคาว
• น้ำพริกแกงเผ็ด
• ทอดมันปลากราย
• ข้าวทอดและยำแหนม
• ไข่ตุ๋นกะหล่ำปลี
• ข้าวพระรามลงสรง
• น้ำพริกปลาทู
• เต้าหู้นึ่งเต้าเจี้ยว
• สปาเกตตีลาบหมู
• เปาะเปี๊ยะผักไส้อกไก่ยักษ์
• ต้มแซ่บกระดูกหมู
เมนูของหวาน
• กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน
• ลอดช่องน้ำกะทิ
• วุ้นในลูกมะพร้าว
• ไอศกรีมมะม่วง
• ขนมถังแตก (ด้วยกระทะเทฟลอน)
• สังขยาฟักทอง
• แยมสตรอว์เบอร์รี
• ขนมโคน้ำกะทิ
• ขนมครกใบเตย (หรือขนมครกสิงคโปร์)
• ถั่วแปบ
+-+-+-+-+-+-+-+-+
1. น้ำพริกแกงเผ็ด
• ผิวมะกรูดหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ตะไคร้ซอย 25 กรัม
• ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดงซอย 20 กรัม
• กระเทียม 20 กรัม
• รากผักชี 1 ช้อนชา
• พริกแห้ง 15 กรัม
• เกลือ 1 ช้อนชา
• กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
• 1. ใส่ผิวมะกรูดลงไปตำในครกเป็นอันดับแรก (เพื่อให้น้ำมันของผิวมะกรูดออกมา) ตามด้วยตะไคร้และข่า ตำให้เข้ากันพอประมาณ จากนั้นค่อยใส่หอมแดงซอย กระเทียม และรากผักชีลงไปตำให้ละเอียดเข้ากัน
หมายเหตุ : ใครจะเอาไปปั่นด้วยเครื่องก็สามารถทำได้ แต่ขอให้ตำผิวมะกรูด ข่า และตะไคร้ก่อน เพื่อให้น้ำมันออกมา จึงค่อยนำไปปั่น เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้เครื่องแกงจะไม่หอม
• 2. เมื่อตำทุกอย่างจนเริ่มละเอียดแล้ว ใส่พริกแห้งลงไป (เคล็ดลับ : ถ้าอยากให้ตำง่ายให้นำพริกแห้งไปแช่น้ำสักพักหนึ่งก่อนนำมาตำ) และใส่เกลือ (เกลือจะช่วยให้พริกละเอียดเร็วขึ้นค่ะ) ตำให้ละเอียด
• 3. ใส่กะปิลงไปตำต่อจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2. ทอดมันปลากราย
ส่วนผสม
• น้ำพริกแกงเผ็ด 50 กรัม
• กระชาย 2 ก้าน
• เนื้อปลากรายขูด 500 กรัม
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• ใบมะกรูดซอย 4-5 ใบ
• น้ำปลา 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
หมายเหตุ : สามารถเพิ่มถั่วพูซอย ถั่วฝักยาวซอย ใบโหระพา หรือใบกะเพราได้ตามชอบ
วิธีทำ
• 1. โขลกกระชายกับพริกแกงเข้าด้วยกัน พักไว้
• 2. ทำเนื้อปลากรายให้เหนียว เตรียมไว้
เคล็ดลับทำเนื้อปลากรายให้เหนียว
• วิธีที่ 1 : นำเนื้อปลากรายใส่ในกะละมังแล้วจับฟาดในกะละมังจนเนื้อปลาเหนียว
• วิธีที่ 2 : ผสมน้ำเย็นจัดกับเกลือเล็กน้อย คนผสมให้ละลาย นำเนื้อปลากรายใส่ครกแล้วตำแล้วค่อย ๆ หยอดน้ำเย็นผสมน้ำเกลือลงไป หยอดเสร็จแล้วตำ ตำแล้วหยอด ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ จนเนื้อปลากรายเหนียว
• 3. เมื่อได้เนื้อปลากรายที่เหนียวแล้ว ใส่น้ำพริกแกง ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำตาลทราย และใบมะกรูดซอยลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
หมายเหตุ : ใครที่ซื้อน้ำพริกแกงมาจากตลาด ค่อย ๆ ใส่น้ำปลาลงไป เพราะพริกแกงแต่ละที่มีความเค็มไม่เท่ากันค่ะ
• 4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปั้นทอดมันขนาดพอดีคำใส่ลงไปทอดในกระทะจนเหลืองแล้วกลับด้าน ทอดจนทอดมันสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มทอดมัน
ส่วนผสม น้ำจิ้มทอดมัน
• กระเทียม
• พริกชี้ฟ้า
• น้ำส้มสายชู
• น้ำเปล่า
• น้ำตาลทราย
• เกลือ
• ถั่วลิสงบด
• แตงกวาซอย
วิธีทำ
• 1. ปั่นกระเทียม พริกชี้ฟ้า และน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน จากนั้นเทใส่ลงหม้อนำขึ้นตั้งไฟ
• 2. เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ เคี่ยวจนเหนียว ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ พักทิ้งไว้ให้เย็น
• 3. นำแตงกวาซอยใส่ถ้วย จากนั้นตักส่วนผสมน้ำจิ้มใส่ลงไป โรยถั่งลิสง คั่วบด (ถ้ามีผักชีก็เอามาโรยหน้าเล็กน้อย)
• ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดงซอย 20 กรัม
• กระเทียม 20 กรัม
• รากผักชี 1 ช้อนชา
• พริกแห้ง 15 กรัม
• เกลือ 1 ช้อนชา
• กะปิ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
• 1. ใส่ผิวมะกรูดลงไปตำในครกเป็นอันดับแรก (เพื่อให้น้ำมันของผิวมะกรูดออกมา) ตามด้วยตะไคร้และข่า ตำให้เข้ากันพอประมาณ จากนั้นค่อยใส่หอมแดงซอย กระเทียม และรากผักชีลงไปตำให้ละเอียดเข้ากัน
หมายเหตุ : ใครจะเอาไปปั่นด้วยเครื่องก็สามารถทำได้ แต่ขอให้ตำผิวมะกรูด ข่า และตะไคร้ก่อน เพื่อให้น้ำมันออกมา จึงค่อยนำไปปั่น เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้เครื่องแกงจะไม่หอม
• 2. เมื่อตำทุกอย่างจนเริ่มละเอียดแล้ว ใส่พริกแห้งลงไป (เคล็ดลับ : ถ้าอยากให้ตำง่ายให้นำพริกแห้งไปแช่น้ำสักพักหนึ่งก่อนนำมาตำ) และใส่เกลือ (เกลือจะช่วยให้พริกละเอียดเร็วขึ้นค่ะ) ตำให้ละเอียด
• 3. ใส่กะปิลงไปตำต่อจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
2. ทอดมันปลากราย
• น้ำพริกแกงเผ็ด 50 กรัม
• กระชาย 2 ก้าน
• เนื้อปลากรายขูด 500 กรัม
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• ใบมะกรูดซอย 4-5 ใบ
• น้ำปลา 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
หมายเหตุ : สามารถเพิ่มถั่วพูซอย ถั่วฝักยาวซอย ใบโหระพา หรือใบกะเพราได้ตามชอบ
วิธีทำ
• 1. โขลกกระชายกับพริกแกงเข้าด้วยกัน พักไว้
• 2. ทำเนื้อปลากรายให้เหนียว เตรียมไว้
เคล็ดลับทำเนื้อปลากรายให้เหนียว
• วิธีที่ 1 : นำเนื้อปลากรายใส่ในกะละมังแล้วจับฟาดในกะละมังจนเนื้อปลาเหนียว
• วิธีที่ 2 : ผสมน้ำเย็นจัดกับเกลือเล็กน้อย คนผสมให้ละลาย นำเนื้อปลากรายใส่ครกแล้วตำแล้วค่อย ๆ หยอดน้ำเย็นผสมน้ำเกลือลงไป หยอดเสร็จแล้วตำ ตำแล้วหยอด ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ จนเนื้อปลากรายเหนียว
• 3. เมื่อได้เนื้อปลากรายที่เหนียวแล้ว ใส่น้ำพริกแกง ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำตาลทราย และใบมะกรูดซอยลงไป นวดให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
หมายเหตุ : ใครที่ซื้อน้ำพริกแกงมาจากตลาด ค่อย ๆ ใส่น้ำปลาลงไป เพราะพริกแกงแต่ละที่มีความเค็มไม่เท่ากันค่ะ
• 4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อนปั้นทอดมันขนาดพอดีคำใส่ลงไปทอดในกระทะจนเหลืองแล้วกลับด้าน ทอดจนทอดมันสุกเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มทอดมัน
ส่วนผสม น้ำจิ้มทอดมัน
• กระเทียม
• พริกชี้ฟ้า
• น้ำส้มสายชู
• น้ำเปล่า
• น้ำตาลทราย
• เกลือ
• ถั่วลิสงบด
• แตงกวาซอย
วิธีทำ
• 1. ปั่นกระเทียม พริกชี้ฟ้า และน้ำส้มสายชูเข้าด้วยกัน จากนั้นเทใส่ลงหม้อนำขึ้นตั้งไฟ
• 2. เติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือ เคี่ยวจนเหนียว ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ พักทิ้งไว้ให้เย็น
• 3. นำแตงกวาซอยใส่ถ้วย จากนั้นตักส่วนผสมน้ำจิ้มใส่ลงไป โรยถั่งลิสง คั่วบด (ถ้ามีผักชีก็เอามาโรยหน้าเล็กน้อย)
3. ข้าวทอดและยำแหนม
ส่วนผสม ข้าวทอด
• ข้าวหุงสุก 2 ถ้วย (แนะนำว่า อย่าใช้ข้าวหอมมะลิ เพราะจะแฉะ)
• น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูดซอย 5 ใบ
• ไข่ไก่ (ใบเล็กสุด) 1 ฟอง (เพราะถ้าไข่ใบใหญ่ไปจะทำให้ข้าวแฉะ)
• แป้งทอดกรอบ 1-2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีใช้แป้งข้าวเจ้าได้ เพราะเราต้องการแค่ชุบแป้งบาง ๆ )
• น้ำเย็นจัด 2-4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำ ข้าวทอด
• 1. ใส่ข้าว น้ำพริกแกงเผ็ด ซอสหอยนางรม ใบมะกรูด และไข่ไก่ลงในอ่างผสม คลุกเคล้าผสมให้เข้ากันจนเหนียวและสามารถปั้นเป็นก้อน ๆ ได้
• 2. ปั้นส่วนผสมเป็นก้อนกลม ๆ กดให้แน่น ๆ เตรียมไว้
• 3. ผสมแป้งทอดกรอบกับน้ำเย็นจัด คนผสมให้ละลายเข้ากันดี
หมายเหตุ : แป้งทอดกรอบแต่ละยี่ห้อไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าให้ผสมบาง ๆ เข้าไว้ เวลาทอดแป้งจะได้ไม่หนามาก
• 4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง นำก้อนข้าวไปชุบลงในแป้งที่ละลายไว้แล้วเอาลงทอดจนเหลือง (เคล็ดลับ : ขั้นตอนนี้เราอย่าเพิ่งไปยุ่งกับข้าวทอดนะคะ รอให้เหลืองอีกด้านแล้วค่อยกลับด้าน) ทอดจนสุกเหลืองทั้งก้อน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันเตรียมไว้
ส่วนผสม ยำแหนม
• พริกแห้งทอด
• ข้าวทอด
• แหนมสด หั่นเป็นชิ้น ๆ (ถ้าใครชอบแบบสุก ๆ นำไปลวกก่อน)
• หนังหมูต้มสุก (สูตรนี้ไม่ได้ใส่)
• หมูสับรวนสุก
• หอมแดงซอย
• ขิงอ่อนซอย
• ผักชีฝรั่งซอย
• ผักชีซอย
• ต้นหอมซอย
• น้ำพริกเผา (นัทว่าใส่แล้วอร่อยขึ้นค่ะ)
• พริกป่น
• น้ำปลา
• น้ำมะนาว
• น้ำตาลทราย
• ถั่วลิสงทอด
• ผักสดตามต้องการ
วิธีทำ
• 1. ใส่พริกทอดลงอ่างผสม จากนั้นหาถุงพลาสติกใส่มือแล้วบีบให้พริกแหลก (ทำวิธีนี้เด็ดนะจ๊ะ)
• 2. ใส่ข้าวทอดลงในอ่างผสม ใช้ถุงพลาสติกใบเดิมบีบข้าวให้แหลกแค่พอหยาบ ๆ
• 3. ใส่แหนมสดลงไป ตามด้วยหนังหมู (ถ้ามี) และหมูสับรวน ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย (ใครจะใส่พริกป่นใส่เพิ่มได้ค่ะ แต่นัทไม่ได้ใส่ เพราะน้ำพริกเผาและพริกทอดเผ็ดอยู่แล้วค่ะ) ชิมรสตามชอบ
• 4. ใส่หอมแดงซอย ขิงอ่อนซอย ต้นหอมซอย ผักชีซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไปแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน
• 5. ตักใส่จานโรยหน้าด้วยถั่วลิสงทอด และพริกทอด รับประทานคู่กับผักสดที่เตรียมไว้
4. ไข่ตุ๋นกะหล่ำปลี
ส่วนผสม
• กะหล่ำปลี 1 หัว
• ไข่ไก่หรือไข่เป็ด (เบอร์ 0) จำนวน 2 ฟอง
• น้ำซุป 5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1 ช้อนชา
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
• แครอทหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ) ปริมาณตามชอบ
• ต้นหอมซอย (โรยหน้า)
• พริกไทย ตามชอบ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
วิธีทำ
• 1. แหวกกะหล่ำปลีให้เป็นช่องตรงกลางสำหรับใส่ไข่ลงไป กะดูว่าปริมาตรไข่ที่เราจะใส่พอดีกับที่เราแหวก (ส่วนกะหล่ำที่เราแหวกออกไปเก็บไว้ทานได้นะค่ะ อย่าทิ้ง)
เคล็ดลับ :
• การเลือกกะหล่ำปลี ควรเลือกหัวที่ค่อนข้างแน่นอย่าเลือกแบบหลวม ๆ มานะคะ
• เวลาทำกะหล่ำปลีต้องเหลือกะหล่ำปลีให้หนาเพียงพอ ถ้าเหลือน้อย ๆ อาจรั่วค่ะ ถ้ามีดโดนกะหล่ำปลีทะลุก็จะรั่วได้ค่ะ
• เจาะด้านโคนนะคะ ตัดก้านออกก่อนเจาะ
• 2. ตอกไข่ใส่ชามแล้วตีให้ขึ้นฟู ใส่น้ำซุป น้ำปลา ซีอิ๊วขาว และพริกไทยลงไป ตีให้เข้ากัน ตามด้วยใส่แครอท จากนั้นนำไปหยอดใส่ลงในกะหล่ำปลีที่เจาะไว้
• 3. นำไปนึ่งจนกว่าไข่จะสุก โดยให้ใช้ส้อมกดลงไปดู ถ้าไม่มีน้ำไข่ดิบไหลออกมา เอาเป็นว่าใช้ได้ ปิดไฟ ยกลงโรยหน้าด้วยต้นหอมซอย พร้อมเสิร์ฟ
5. ข้าวพระรามลงสรง
ส่วนผสม น้ำราดพระรามลงสรง
• หัวกะทิ
• น้ำพริกแกงเผ็ดผสมน้ำพริกแกงมัสมั่น
• ถั่วลิสงคั่ว
• ซอสหอยนางรม
• ซีอิ๊วขาว
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำมะขามเปียก
วิธีทำ
• 1. นำกระทะขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใส่หัวกะทิลงไปเคี่ยวจนแตกมันเล็กน้อย ใส่น้ำพริกแกงที่ตำไว้ (น้ำพริกแกงเผ็ดผสมน้ำพริกแกงมัสมั่นตำรวมกับถั่วลิสง) ใส่ลงไปคั่วให้หอม (หากแห้งเกินไป ค่อย ๆ เพิ่มน้ำหางกะทิลงไปเรื่อย ๆ) ผัดจนหอม
• 2. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก คนผสมสักพักให้พอมีน้ำขลุกขลิก ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ เตรียมไว้
ส่วนผสม ข้าวพระรามลงสรง
• เนื้อหมู (เนื้อไก่ หรือเนื้อสัตว์อื่นตามชอบ)
• ผักบุ้ง (ใช้ได้ทุกผักบุ้ง เช่น ผักบุ้งไทย, ผักบุ้งบนริมนา-คันนา, ผักบุ้งริมร่องน้ำ, ผักบุ้งแม่น้ำปล้องใหญ่ ๆ ที่ใส่แกงเทโพ, ผักบุ้งปล้องเขียวอ่อน ๆ ที่ใส่เย็นตาโฟ, ผักบุ้งจีน มีประโยชน์เยี่ยมต่อสายตาค่ะ)
• ข้าวสวย
• น้ำราดข้าวพระรามลงสรง
วิธีทำ
• 1. นำเนื้อสัตว์ไปลวกให้สุก จากนั้นนำผักบุ้งไปลวกต่อ (เวลาลวกผักให้ใส่เกลือลงไป) พอลวกเสร็จให้ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันทีเพื่อผักจะได้กรอบ
• 2. นำผักบุ้งที่ลวกใส่จาน ตามด้วยข้าวสวย และเนื้อสัตว์ที่ลวกไว้ จากนั้นราดด้วยน้ำราดข้าวพระรามลงสรงที่เตรียมไว้ พร้อมเสิร์ฟ
6. น้ำพริกปลาทู
ส่วนผสม
• ปลาทู (นำไปย่างแล้วแกะเอาแต่เนื้อ)
• กระเทียมปอกเปลือก
• หอมแดงปอกเปลือก
• พริกชี้ฟ้าหั่นเป็นท่อน ๆ (ใครจะใช้พริกชนิดอื่นก็ได้ค่ะ)
• มะนาว
• น้ำปลา
• น้ำตาลทราย (ใครจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ค่ะ)
• น้ำต้มสุก (ใครที่ชอบแบบเข้มข้นไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ)
• ผักต้ม ผักสด
วิธีทำ
• 1. นำหอมแดง กะเทียม และพริกไปคั่วในกระทะ (หรือเผาก็ได้ค่ะ)
• 2. โขลกหอม กระเทียม และพริกที่คั่วแล้วลงในครก ให้แหลก (ใครชอบแหลกมากแหลกน้อยตามชอบค่ะ) ตามด้วยเนื้อปลาทู โขลกให้เข้ากันดี
• 3. ใส่น้ำต้มสุกลงไป ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ตักเสิร์ฟพร้อมกับผักต้ม ผักสด อร่อยและไม่อ้วนด้วยค่ะ
7. เต้าหู้นึ่งเต้าเจี้ยว
ส่วนผสม
• เต้าหู้ (ชนิดอ่อน) 1 ก้อน
• เต้าเจี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
• ขิงซอย 1 แง่งเล็ก (ขนาดประมาณนิ้วโป้ง)
• เห็ดหอม 4 ดอก (แช่น้ำจนนิ่มแล้วนำมาซอย)
• พริกหวานหรือพริกชี้ฟ้าหั่นเป็นชิ้น ๆ
• ขึ้นฉ่าย (โรยหน้า)
วิธีทำ
• 1. หั่นเต้าหู้เป็นชั้นพอคำแล้วนำไปวางไว้บนภาชนะสำหรับนึ่ง
• 2. ผสมเครื่องปรุง ได้แก่ เต้าเจี้ยว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ใส่ขิงซอย เห็ดหอมซอย และพริกหวานลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันดี จากนั้นนำไปเทลงในชามเต้าหู้
• 3. นำไปนึ่งประมาณ 10 นาที เมื่อเต้าหู้นึ่งเสร็จโรยหน้าด้วยขึ้นฉ่าย พร้อมเสิร์ฟ
8. สปาเกตตีลาบหมู
ส่วนผสม
• เส้นสปาเกตตี 70 กรัม (หรือใช้เส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็อร่อยค่ะ)
• น้ำมันพืชเล็กน้อย (ใส่ตอนต้มเส้นสปาเกตตี)
• หมูสับ 150 กรัม
• ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ (วิธีทำข้าวคั่วคือ นำข้าวเหนียวผสมกับข้าวสารอย่างละครึ่งแล้วใส่ใบมะกรูดซัก 2-3 ใบ แล้วนำไปคั่วในกระทะจนเหลืองแล้วนะมาตำให้ละเอียด)
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดงซอย 3 หัว
• ใบสะระแหน่ 3 กิ่งเล็ก (เด็ดเอาแต่ใบ)
• ต้นหอม 3 ต้น
• ผักชีฝรั่งซอย 7-8 ใบ
• พริกแห้งคั่วป่นหยาบ ตามชอบ
• น้ำซุปประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
• ผักสดตามชอบ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม และกะหล่ำปลี
วิธีทำ
• 1. นำเส้นสปาเกตตีไปต้มในน้ำเดือด ประมาณ 10 นาที ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงไปในน้ำเดือดเลย (เพราะจะได้ไม่ต้องเอาเส้นมาคลุกน้ำมันตอนตักเส้นขึ้นมาพักไว้กันไม่ให้เส้นติดกัน) แล้วพักไว้
• 2. ใส่หมูสับลงในภาชนะ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำซุปลงไปแล้วรวนหมูให้สุก พักไว้จนเย็น (คือถ้าเราใส่เครื่องปรุงลงไปเลยก็ได้ แต่มันจะทำให้เครื่องเคียงสุกได้ค่ะ)
• 3. พอหมูสับเย็นแล้ว ใส่น้ำปลา น้ำมะนาว พริก และข้าวคั่วลงไป (ถ้าคนที่ไม่ชอบรสจัดค่อยใส่ส่วนผสมนะคะ (***แต่นึกไว้เสมอว่าเราต้องใส่น้ำมะนาวน้อยกว่าน้ำปลา***) ชิมรสตามชอบแล้วใส่หอมแดงซอย ผักชีฝรั่งซอย ต้นหอมซอย และใบสะระแหน่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เตรียมไว้
• 4. ตักเส้นสปาเกตตีวางลงในจาน ราดด้วยลาบหมู (แต่ถ้าทำกินเองเอาไปคลุกรวมกันเลยอร่อยกว่าค่ะ)
หมายเหตุ : สูตรนี้ทำไว้รสจัดมากนะคะ เพราะต้องนำมาคลุกกับสปาเกตตีถึงจะได้รสพอดี รสชาติสามารถปรับได้ค่ะ
9. เปาะเปี๊ยะผักไส้อกไก่ยักษ์
ส่วนผสม
• อกไก่ 1-2 ชิ้น
• ซอสหมักนุ่ม 3 ช้อนโต๊ะ (วันนี้นัทใช้ยี่ห้อไอย์เซ่ ซื้อมาจากฟู้ดแลนด์ ราคา 38.25 บาท)
• ผักกาดขาวเด็ดเป็นใบ ๆ ประมาณ 4-6 ใบ (หรือกะดูให้พอห่ออกไก่ได้มิด)
• อะลูมิเนียมฟอยล์
วิธีทำ
• 1. นำอกไก่ใส่ในภาชนะ ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว จากนั้นใส่ซอสหมักนุ่มลงไป หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 1-2 ชั่วโมง
• 2. เมื่อหมักอกไก่ครบเวลาแล้ว นำไปวางบนอะลูมิเนียมฟอยล์แล้วม้วนเป็นท่อนกลม ๆ จากนั้นนำไปนึ่งจนเกือบสุก (จะได้อกไก่ที่มีลักษณะเป็นท่อนกลม ๆ ค่ะ)
• 3. ระหว่างนึ่งไก่ นำผักกาดขาววางทับข้างบนนึ่งไปพร้อมกันด้วย รอให้ผักนิ่มแล้วนำเอาออกมาพักไว้
• 4. เมื่อเราได้ไก่ที่นึ่งจนเกือบสุกแล้ว รอให้เย็นก่อนแล้วนำมาห่อด้วยผักกาดขาวอีกชั้น ถ้ากลัวหลุดออกจากกัน ให้กลัดด้วยไม้จิ้มฟัน จากนั้นให้นำไปนึ่งจนไก่สุกอีกครั้งก็เสร็จแล้วนะคะ (สามารถทานได้เลยนะคะ ไม่ต้องปรุงเพิ่ม)
10. ต้มแซ่บกระดูกหมู
ส่วนผสม
• กระดูกอ่อนหมู
• มะเขือเทศเชอร์รี พอประมาณ
• หอมแดงเผา (แกะเปลือกแล้วทุบพอแตก) 3 หัว
• ข่า (ทุบแล้วหั่นแว่น) 1 แง่ง
• ตะไคร้ (ทุบแล้วหั่นเป็นท่อนยาว 1 นิ้ว) 2 ต้น
• ใบมะกรูดฉีก 4 ใบ
• ผักชีฝรั่ง (หั่นเป็นท่อน) 1 ต้น
• ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนชา
• น้ำมะขามเปียก คั้นเข้มข้น 3-4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำซุปหรือน้ำเปล่า 2-3 ถ้วย
• พริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ (โรยหน้า)
วิธีทำ
• 1. ล้างกระดูกหมูให้สะอาด นำไปลวกในน้ำเดือดเพื่อล้างกลิ่นคาว แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้
• 2. ต้มกระดูหมู ข้อนี้มี 2 วิธี เลือกได้ตามใจชอบ
วิธีที่ 1 : ใส่น้ำลงในหม้อ นำไปต้มด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใส่กระดูกหมูลงไป รอให้เดือดจึงใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดงเผา จากนั้นลดไฟอ่อนลงแล้วต้มต่ออีกประมาณ 30 นาทีหรือจนกระดูกหมูเปื่อยนุ่ม
วิธีที่ 2 : นำกระดูกหมูไปต้ม แล้วใส่ข่าตะไคร้และใบมะกรูด (เพื่อดับคาว) ต้มจนกระดูกเปื่อย จากนั้นค่อยตักกระดูกหมูที่เปื่อยแล้วขึ้นมาพักไว้ (นัททำวิธีนี้เพราะต้มกระดูกหมูทีละเยอะ ๆ ค่ะ) แล้วเอาน้ำซุปใส่หม้อเล็ก ตามด้วยข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ต้มให้เดือดแล้วใส่กระดูกหมูที่เราต้มจนเปื่อยแล้วลงไป (ข้อนี้จะคล้าย ๆ การทำต้มยำ)
• 3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก และพริกป่น ชิมรสตามชอบ ใส่มะเขือเทศลงไป ต้มต่อ (ใครชอบมะเขือเทศแบบเละ ๆ ก็ต้มนานขึ้นค่ะ) จากนั้นใส่ข้าวคั่วและผักชีลงไปแล้วปิดเตา
• 4. ตักต้มแซบกระดูกหมูใส่ชาม โรยพริกขี้หนูแห้งทอดกรอบ เสิร์ฟ
11. กล้วยปิ้งมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม
• กะทิแบบอบควันเทียน (250 มิลลิลิตร) 1 กล่อง
• น้ำตาลปี๊บ 300 กรัม (ถ้าใครไม่ชอบหวานมากลดปริมาณได้นะคะ)
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ผสมน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน)
• กล้วยน้ำว้า
• มะพร้าวอ่อน
วิธีทำ น้ำกะทิสำหรับราด
• เคี่ยวกะทิกับน้ำตาลปี๊บในหม้อด้วยไฟอ่อนจนละลาย จากนั้นเติมเกลือลงไป คนไปเรื่อย ๆ ให้กะทิข้น ชิมรสตามชอบแล้วใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ เตรียมไว้
วิธีทำ กล้วยปิ้ง
• 1. นำกล้วยน้ำว้าทั้งลูกไปปิ้งให้สุกหรือนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที
• 2. เมื่อกล้วยสุกแล้วหาถุงพลาสติกมาใส่กล้วย จากนั้นนำไปวางบนเขียงแล้วใช้สากหรืออุปกรณ์อื่น ๆ ทับกล้วยให้แบน
วิธีจัดเสิร์ฟ
• นำกล้วยที่เราทับวางใส่จาน นำเนื้อมะพร้าวอ่อนไปผสมกับน้ำกะทิแล้วตักราดบนตัวกล้วยปิ้ง พร้อมเสิร์ฟ
12. ลอดช่องน้ำกะทิ
เมนูนี้เป็นผลพลอยได้จากเมนูที่ 11 คือ เอาน้ำกล้วยปิ้งมาใส่ลงในลอดช่อง รสชาติเหมือนน้ำกะทิของลอดช่องวัดเจษฯ เลยค่ะ จริง ๆ ตัวเส้นลอดช่องก็ทำเองนะคะ แต่ยังไม่ค่อยอร่อยมาก ไว้แก้ตัวแล้วจะมาบอกใหม่นะคะ
13. วุ้นในลูกมะพร้าว
ส่วนผสม (สำหรับ1 ลูก)
• มะพร้าวอ่อน 1 ลูก (เลือกที่มีเนื้ออ่อนกำลังดี)
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ (ใครชอบหวานกว่านี้ใส่เพิ่มได้ค่ะ)
• ผงวุ้น 1 ช้อนชา
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
• 1. ถ้ามะพร้าวถ้ายังไม่ได้ปอก ให้นำมาปอกให้สวยงามแล้วแช่น้ำส้มสายชูไว้ 15 นาทีเพื่อกันดำ
• 2. นำมะพร้าวมาเฉาะให้ปากออกให้มีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควรเพื่อจะได้สะดวกในการตักเนื้อออก จากนั้นเทน้ำมะพร้าวออกแล้วกรองใส่หม้อ เตรียมไว้
• 3. เอาช้อนขูดเนื้อมะพร้าวออกโดยไม่ให้โดนส่วนของกะลา ขูดให้เป็นชิ้นพอคำ พักไว้
• 4. นำผงวุ้น น้ำตาลทรายและเกลือ ใส่ลงในหม้อน้ำมะพร้าว คนให้น้ำตาลทรายละลายแล้วค่อยนำขึ้นตั้งไฟ คนผสมตอลดเวลาจนเดือดปุด ๆ (ต้องให้ส่วนผสมเข้ากันดีและผงวุ้นละลายหมดแล้ว) จากนั้นปิดไฟ พักไว้ให้ส่วนผสมวุ้นเย็นประมาณ 3-5 นาที
• 5. พอส่วนผสมวุ้นเย็นแล้ว เทใส่ลูกมะพร้าว ตามด้วยเนื้อมะพร้าวที่ขูดไว้ นำเข้าตู้เย็นจนวุ้นเซตตัว
14. ไอศกรีมมะม่วง
ส่วนผสม
• มะม่วงดอกไม้สุก 2 ลูก
• นมสด 250 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย (ปริมาณตามชอบค่ะ แต่ถ้ามะม่วงหวานแล้วไม่ต้องใส่เยอะ)
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสุก (โรยหน้า)
วิธีทำ
• 1. ปอกเปลือกมะม่วงแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ จากนั้นนำไปแช่ช่องฟรีซ (ที่นัทไม่เอามะม่วงมาปั่นก่อนแช่เพราะในขั้นตอนการทำต้องปั่นหลายครั้งค่ะกว่าเนื้อจะเนียน)
• 2. เมื่อมะม่วงแข็งแล้วนำออกมาใส่เครื่องปั่น (พอเวลานำมะม่วงออกจากช่องฟรีซจะเห็นได้ว่ามะม่วงเนื้อจะติดกันให้แกะออกหรือหาอะไรทุบก็ได้ค่ะ ก่อนใส่เครื่องปั่นเพื่อให้ปั่นง่ายขึ้นค่ะ )
• 3. เติมนมลงไปแล้วเปิดเครื่อง ปั่นก่อนแล้วค่อยใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป ปั่นให้เข้ากันจนเนื้อเนียน จากนั้นเทใส่ภาชนะและนำเข้าช่องฟรีซอีกครั้ง
• 4. เมื่อเราได้ไอศกรีมที่แข็งตัวดีแล้วแล้ว ใช้ที่ตักไอศกรีมตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ
15. ขนมถังแตก (ด้วยกระทะเทฟลอน)
ส่วนผสม แป้งถังแตก
• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
• ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
• น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วยตวง
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• ผงฟู 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันพืช หรือเนยสด สำหรับทากระทะ
ส่วนผสม ไส้ขนม
• น้ำตาลทราย
• เกลือป่น
• งาขาว
• งาดำคั่ว
• มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวทึนทึกขูด
วิธีทำ
• 1. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
• 2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟองขึ้นมา พักไว้
• 3. ผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาวและงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
• 4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
• 5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป (ใครชอบหวานมากหวานน้อยใส่ตามชอบเลยค่ะ) จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ
หมายเหตุ : การใส่น้ำทรายตาลลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อนรอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าวและใส่งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไปค่ะ
16. สังขยาฟักทอง
ส่วนผสม
• ไข่เป็ด 2 ฟอง
• กะทิ 200 มิลลิลิตร (หรือกะทิ 100 มิลลิลิตรผสมกับนมสด 100 มิลลิลิตร)
• น้ำตาลปี๊บ 150 กรัม (ความหวานขึ้นอยู่ตามความชอบเลยค่ะ)
• เกลือป่น เล็กน้อย
• ใบเตย
• ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
วิธีทำ
• 1. ใส่ไข่เป็ด กะทิ นมสด น้ำตาลทราย เกลือป่น และใบเตยลงในภาชนะ ใช้มือขยำลงไปให้ส่วนผสมเข้ากันดี (ลองชิมดูนะคะต้องมีรสหวานมัน ความหวานตามชอบเลยค่ะ)
• 2. จากนั้นนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เทใส่ภาชนะสำหรับนึ่ง แล้วใส่ฟักทองหั่นลงไป จากนั้นไปในนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 25-30 นาที (หรือลองหาอะไรจิ้มดูถ้าไม่มีอะไรติดขึ้นมาคือสุกแล้วค่ะ)
17.แยมสตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม
• สตรอว์เบอร์รี 250 กรัม (ชั่งน้ำหนักตอนที่เอาขั้วออกแล้ว)
• น้ำตาลทราย 100 กรัม (ใครชอบหวานใส่เพิ่มได้ค่ะ)
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• ผงวุ้น 1/8 ช้อนชา (หรือใครจะไม่ใส่ก็ได้นะคะ)
วิธีทำ
• 1. นำสตรอว์เบอร์รีไปล้างให้สะอาดแล้วเด็ดขั้วออก
• 2. ถ้าใครต้องการสตรอว์เบอร์รีเป็นชิ้นใหญ่ ๆ แนะนำให้ทำอย่างนี้ค่ะ นำสตอเบอรี่แบ่งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
ส่วนที่ 1 : นำไปปั่นให้ละเอียดแล้วเทใส่กระทะหรือภาชนะที่เราจะใช้กวน
ส่วนที่ 2 : ให้หาวัตถุอะไรก็ได้มาบดให้สตรอว์เบอร์รีพอแหลกตามภาพ (นัทใช้สาก) จากนั้นนำไปใส่ในกระทะหรือภาชนะที่เราจะใช้กวน
• 3. ใส่น้ำตาลทราย น้ำมะนาว และผงวุ้นลงไปในส่วนผสมสตรอว์เบอร์รี เปิดไฟ หมั่นคนเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่าเหนียว ๆ เหมือนเนื้อแยมแล้วให้ปิดไฟ
• 4. ตักใส่ภาชนะแล้วนำไปเข้าตู้เย็นสัก 2 ชั่วโมงก่อนนำมารับประทาน แค่นี้เราก็จะได้แยมที่เราทำเองแล้วค่ะ
18. ขนมโคน้ำกะทิ
ส่วนผสม ไส้ขนม
• น้ำตาลมะพร้าว
• น้ำเปล่า
• มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย
ส่วนผสม น้ำกะทิ
• กะทิอบควันเทียนสำเร็จรูปแบบกล่อง
• น้ำตาลทราย
• แป้งข้าวเจ้า เล็กน้อย
• เกลือป่น
• งาขาวคั่ว (เพื่อเพิ่มความหอมด้วย)
ส่วนผสม แป้งขนม
• แป้งข้าวเหนียว
• น้ำเปล่า
• น้ำใบเตยสีเขียว
• น้ำอัญชันสีม่วง
วิธีทำ
• 1. ทำไส้ขนม โดยผสมน้ำตาลมะพร้าวกับน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลายแล้วใส่มะพร้าว กวนให้เข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน กวนประมาณ 5 นาที รอจนกว่าไส้ขนมจะแห้ง ปิดไฟ พักไว้จนอุ่นแล้วปั้นเป็นกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร จะนำอบควันเทียน ก่อนก็ได้ค่ะ
• 2. ทำน้ำกะทิ โดยผสมกะทิกับแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย และเกลือป่นในหม้อ คนผสมให้แป้งละลาย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนสุด คนไปเรื่อย ๆ จนเดือดเล็กน้อย ยกลงจากเตา พักไว้
• 3. ทำแป้งขนมโค โดยนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่า หรือน้ำใบเตยหรือน้ำดอกอัญชัน นวดให้นุ่มและสามารถปั้นได้ จากนั้นแผ่แป้งเป็นแผ่นบาง ๆ วางส่วนผสมลงไปไส้ตรงกลาง ห่อแป้งหุ้มไส้ให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม ๆ เตรียมไว้
• 4. ต้มน้ำให้เดือด นำขนมที่ใส่ไส้แล้วลงต้มให้สุกและลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นผ่านน้ำเย็น (เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกัน)
• 5. ตักแป้งขนมโคใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ และโรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟ
19. ขนมครกใบเตย (หรือขนมครกสิงคโปร์)
ส่วนผสม (สำหรับ 18-20 ชิ้น)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย กับ 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมัน 1/4 ถ้วย
• น้ำใบเตยคั้นแบบเข้มข้น 1/3 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• ผงฟู 1ช้อนชา
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กะทิ 1/4 ถ้วย
• น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
วิธีทำ
• 1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่ไข่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
• 2. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตยคนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักไว้ 10 นาที
• 3. นำพิมพ์วางบนเตาแก๊ส (ใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้) เปิดไฟอ่อนสุด เอาผ้าชุบน้ำมันทาเบ้าบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในไปไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเองค่ะ) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกไวขึ้น) รอจนขนมสุก
• 4. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาได้เลยค่ะ แค่นี้ก็จะได้ขนมครกใบเตยแล้วค่ะ
20. ถั่วแปบ
ส่วนผสม
• แป้งข้าวเหนียว
• เกลือ
• มะพร้าวขูด (นำไปนึ่ง 5 นาที)
• ถั่วเขียวเลาะเปลือก (แช่น้ำไว้ 3 ชั่วโมง)
• งาดำคั่ว
• งาขาวคั่ว
• น้ำตาลทราย
• น้ำใบเตยคั้น
• น้ำดอกอัญชันคั้น
• น้ำหวานสีแดง
วิธีทำ
• 1. แบ่งแป้งข้าวเหนียวใส่ภาชนะ ค่อยๆ เติมน้ำสีต่าง ๆ ลงไปนวดจนเป็นเนื้อเนียน ๆ ทำให้ครบทุกสี แล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางพักไว้
• 2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกที่แช่น้ำแล้วไปนึ่งให้สุก เตรียมไว้
• 3. ตั้งน้ำร้อนให้เดือด แบ่งแป้งแต่ละสีออกมา คลึงเป็นก้อนกลมแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดให้แป้งสุกจะลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาแช่ในน้ำเย็น
• 4. นำถั่วนึ่งมาใส่เป็นไส้แล้วห่อแบบพับครึ่งจากนั้นก็บีบขอบแป้งให้ติดกัน แล้วค่อยนำไปคลุกกับถั่วผสมมะพร้าวที่คลุกกับเกลือเตรียมไว้ คลุกด้านนอกอีกครั้ง แล้วใส่ถาดจัดเรียงให้สวยงามค่ะ
• 5. นำงาขาวผสมน้ำตาลทราย และนำงาดำผสมกับน้ำตาลทราย เตรียมไว้โรยหน้าค่ะ
โอ้โฮ !! คือน่ากินทุกเมนูเลย ทั้งคาวทั้งหวาน ใครชอบเมนูไหนก็หยิบยกไปทำกันให้อ้วนพี เอ๊ย อิ่มหนำกันเลยจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ส่วนผสม ไส้ขนม
• น้ำตาลมะพร้าว
• น้ำเปล่า
• มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย
ส่วนผสม น้ำกะทิ
• กะทิอบควันเทียนสำเร็จรูปแบบกล่อง
• น้ำตาลทราย
• แป้งข้าวเจ้า เล็กน้อย
• เกลือป่น
• งาขาวคั่ว (เพื่อเพิ่มความหอมด้วย)
ส่วนผสม แป้งขนม
• แป้งข้าวเหนียว
• น้ำเปล่า
• น้ำใบเตยสีเขียว
• น้ำอัญชันสีม่วง
วิธีทำ
• 1. ทำไส้ขนม โดยผสมน้ำตาลมะพร้าวกับน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน คนจนน้ำตาลละลายแล้วใส่มะพร้าว กวนให้เข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน กวนประมาณ 5 นาที รอจนกว่าไส้ขนมจะแห้ง ปิดไฟ พักไว้จนอุ่นแล้วปั้นเป็นกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร จะนำอบควันเทียน ก่อนก็ได้ค่ะ
• 2. ทำน้ำกะทิ โดยผสมกะทิกับแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย และเกลือป่นในหม้อ คนผสมให้แป้งละลาย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนสุด คนไปเรื่อย ๆ จนเดือดเล็กน้อย ยกลงจากเตา พักไว้
• 3. ทำแป้งขนมโค โดยนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่า หรือน้ำใบเตยหรือน้ำดอกอัญชัน นวดให้นุ่มและสามารถปั้นได้ จากนั้นแผ่แป้งเป็นแผ่นบาง ๆ วางส่วนผสมลงไปไส้ตรงกลาง ห่อแป้งหุ้มไส้ให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม ๆ เตรียมไว้
• 4. ต้มน้ำให้เดือด นำขนมที่ใส่ไส้แล้วลงต้มให้สุกและลอยขึ้น จากนั้นตักขึ้นผ่านน้ำเย็น (เพื่อป้องกันไม่ให้แป้งติดกัน)
• 5. ตักแป้งขนมโคใส่ถ้วย ราดหน้าด้วยน้ำกะทิ และโรยหน้าด้วยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟ
19. ขนมครกใบเตย (หรือขนมครกสิงคโปร์)
ส่วนผสม (สำหรับ 18-20 ชิ้น)
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย กับ 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมัน 1/4 ถ้วย
• น้ำใบเตยคั้นแบบเข้มข้น 1/3 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• ผงฟู 1ช้อนชา
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• กะทิ 1/4 ถ้วย
• น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
วิธีทำ
• 1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่ไข่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
• 2. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตยคนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักไว้ 10 นาที
• 3. นำพิมพ์วางบนเตาแก๊ส (ใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้) เปิดไฟอ่อนสุด เอาผ้าชุบน้ำมันทาเบ้าบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในไปไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเองค่ะ) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกไวขึ้น) รอจนขนมสุก
• 4. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาได้เลยค่ะ แค่นี้ก็จะได้ขนมครกใบเตยแล้วค่ะ
20. ถั่วแปบ
ส่วนผสม
• แป้งข้าวเหนียว
• เกลือ
• มะพร้าวขูด (นำไปนึ่ง 5 นาที)
• ถั่วเขียวเลาะเปลือก (แช่น้ำไว้ 3 ชั่วโมง)
• งาดำคั่ว
• งาขาวคั่ว
• น้ำตาลทราย
• น้ำใบเตยคั้น
• น้ำดอกอัญชันคั้น
• น้ำหวานสีแดง
วิธีทำ
• 1. แบ่งแป้งข้าวเหนียวใส่ภาชนะ ค่อยๆ เติมน้ำสีต่าง ๆ ลงไปนวดจนเป็นเนื้อเนียน ๆ ทำให้ครบทุกสี แล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางพักไว้
• 2. นำถั่วเขียวเลาะเปลือกที่แช่น้ำแล้วไปนึ่งให้สุก เตรียมไว้
• 3. ตั้งน้ำร้อนให้เดือด แบ่งแป้งแต่ละสีออกมา คลึงเป็นก้อนกลมแล้วแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดให้แป้งสุกจะลอยขึ้นมา ตักขึ้นมาแช่ในน้ำเย็น
• 4. นำถั่วนึ่งมาใส่เป็นไส้แล้วห่อแบบพับครึ่งจากนั้นก็บีบขอบแป้งให้ติดกัน แล้วค่อยนำไปคลุกกับถั่วผสมมะพร้าวที่คลุกกับเกลือเตรียมไว้ คลุกด้านนอกอีกครั้ง แล้วใส่ถาดจัดเรียงให้สวยงามค่ะ
• 5. นำงาขาวผสมน้ำตาลทราย และนำงาดำผสมกับน้ำตาลทราย เตรียมไว้โรยหน้าค่ะ
โอ้โฮ !! คือน่ากินทุกเมนูเลย ทั้งคาวทั้งหวาน ใครชอบเมนูไหนก็หยิบยกไปทำกันให้อ้วนพี เอ๊ย อิ่มหนำกันเลยจ้า