น่ากินมาก ! 7 เมนูเติมความหวานสุดฮิตนอกบ้าน ที่วันนี้มาทำกินเองได้ง่ายแสนง่ายที่บ้านของเราเอง แถมยังน่ากินสุด ๆ ใครที่ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง หรือมีวัตถุดิบน้อย ๆ ก็ทำได้สบายมากจ้า !
เคยเป็นกันไหมคะ ? อยากกินของหวานที่กำลังฮิต ๆ กับเขาสักทีก็เบื่อที่จะรอต่อคิวบ้างล่ะ ขี้เกียจออกจากบ้านบ้างล่ะ เป็นแบบนี้ก็ต้องนี่เลยค่ะ ทำกินเองไปเลยอย่าได้แคร์ เพราะเมนูเติมความหวาน 7 เมนูที่กำลังฮิต ๆ กันเราสามารถทำกินเองที่บ้านได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องง้อ ไม่ต้องรอด้วยนะ เผลอ ๆ เพื่อน ๆ มารอต่อคิวกินที่บ้านเราซะงั้น ! 5555 เอาล่ะ ! จะมัวรอต่อคิวกันอยู่ทำไม มาทำ 7 เมนูสุดฮิตกินเองที่บ้านง่าย ๆ ที่เพียงมีของไม่กี่อย่างก็สามารถทำได้ แถมอร่อยด้วย จะมีเมนูไหนบ้าง มาทำกันเลย !!
1. เครปเบอร์รี
เริ่มต้นเมนูเติมความหวานเมนูแรกด้วย เครปเบอร์รี เมนูอร่อยเด็ดสำหรับทุกเพศทุกวัย ตัวเครปหวานหอมที่มีมิตเต้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รีกับน้ำตาลไอซิ่งมิตรผลเป็นตัวช่วย เมื่อกินคู่กับเบอร์รีรสหวานอมเปรี้ยว รับรองว่าเข้ากันและอร่อยอย่างแรง !!
ส่วนผสม
• แป้งเครป 1 ถ้วยตวง
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• นมสดจืด 1 ถ้วยตวง
• เนยจืดละลาย 1 ช้อนโต๊ะ
• เบอร์รีสดหั่นสไลซ์บาง
• มิตเต้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รี
• น้ำตาลไอซิ่งมิตรผล
วิธีทำ
• นำแป้งเครป ไข่ไก่ นมจืด และเนย ผสมเข้าด้วยกัน แล้วพักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง
• หลังจากนั้นตั้งกระทะ (ควรใช้กระทะเทฟลอน) เมื่อกระทะร้อนได้ที่แล้วให้ใช้กระดาษซับเนย (ที่ละลายแล้ว) ทาให้ทั่วกระทะ
• ตักแป้งเครปใส่ลงไปในกระทะประมาณ 1 ทัพพี หลังจากนั้นร่อนให้ทั่วกระทะ (ใช้ไฟอ่อน) ทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที จากนั้นตักเครปใส่จานพักทิ้งไว้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนได้จำนวนเครปที่พอใจ หรือจนหมดแป้งเครปก็ได้
• เมื่อเครปเย็นแล้ว นำมาโรยน้ำตาลไอซิ่งมิตรผลลงไป เพื่อเพิ่มรสชาติไม่ให้จืดชืดมากเกินไป แล้วพับเป็นทรงคล้าย ๆ พัด
• ใส่เบอร์รีที่เตรียมไว้ลงไปบนเครป ราดด้วยมิตเต้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รีตามชอบ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมและรสชาติของเบอร์รีมากยิ่งขึ้น ตามด้วยโรยน้ำตาลไอซิ่งอีกครั้งหนึ่ง เท่านี้ก็ได้เครปเบอร์รีแสนอร่อยแล้วค่ะ
2. ฮันนี่โทสต์
เมนูยอดฮิตที่ใครหลายคนอาจจะคิดว่าต้องใช้เตาอบเท่านั้นถึงจะทำได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องใช้ก็สามารถทำได้ด้วยกระทะเพียงใบเดียวค่ะ แถมทำได้ง่าย ๆ ไม่ต้องไปรอต่อแถวซื้อให้เมื่อยอีกด้วยนะ อย่ารอช้า ไปเติมความหวานความอร่อยกันเลย
ส่วนผสม
• ขนมปังแผ่นหนา 2 แผ่น
• เนยสด 3 ช้อนโต๊ะ
• มิตเต้ไซรัปรสคาราเมล หรือน้ำผึ้ง
• น้ำตาลไอซิ่งมิตรผล
• ไอศกรีม 1 สคูป
• กล้วยหอม 1 ลูก
วิธีทำ
• ตั้งกระทะ (ควรใช้กระทะเทฟล่อน) พอร้อนใส่เนยลงไป
• พอเนยละลาย ใส่ขนมปังลงไป รอจนมีสีเหลืองอมน้ำตาลจึงพลิกกลับด้าน เมื่อขนมปังมีสีเหลืองอมน้ำตาลทั้งสองด้านแล้วตักใส่จาน (หั่นให้เป็นชิ้นพอคำ)
• ราดด้วยมิตเต้ไซรัปรสคาราเมลที่ได้รสชาติฟินไปอีกแบบ หรือถ้าต้องการความออริจินัลก็ราดน้ำผึ้งได้นะคะ
• หั่นกล้วยวางไว้ข้าง ๆ เรียงสวยงามแล้วตักไอศกรีมไว้ข้างบนขนมปังหนึ่งสคูป
• สุดท้ายโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งมิตรผล ก็เสร็จสิ้นอย่างสวยงามค่า
3. ไอศกรีมซอร์เบทรสส้ม
สำหรับคนที่หลงใหลไอศกรีมแต่กลัวอ้วน บอกเลยว่าเมนูนี้ตรงตามความต้องการของคุณแน่นอน เพราะไอศกรีมซอร์เบทได้ชื่อว่า โลว์แคลอรีที่สุดแล้วในบรรดาไอศกรีมทั้งหลาย แถมยังทำง่ายอีกด้วยนะ เอาเป็นว่าเราไปทำไอศกรีมซอร์เบทรสส้มกันเลยดีกว่า
ส่วนผสม
• ส้ม 1/2 กิโลกรัม
• น้ำเชื่อมมิตรผล 1 ถ้วยตวง
• เกลือเล็กน้อย
วิธีทำ
• คั้นน้ำส้มแล้วใส่น้ำเชื่อมมิตรผลลงไป (ที่จะได้ทั้งความหวานที่แน่นอนและความหอมแบบธรรมชาติ) และเติมเกลือเล็กน้อย ผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำน้ำส้มไปแช่แข็งประมาณ 4-5 ชั่วโมง
• พอน้ำส้มแข็งตัวแล้วก็นำมาปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเนียน
• หลังจากเนื้อเนียนได้ที่แล้วก็นำเข้าไปแช่ช่องฟรีซอีกครั้ง พอไอศกรีมเซตตัว ก็สามารถตักเสิร์ฟได้เลย จะตกแต่งให้สวยงามให้ดูน่าทานมากยิ่งขึ้นก่อนเสิร์ฟก็ได้นะคะ
4. บิงซูมะม่วง
มาต่อด้วยเมนูที่กำลังฮอตฮิตกันอยู่ตอนนี้เลย และเหมาะจะเป็นเมนูเติมความหวานเติมความเย็นให้คนไทยเรา ถึงจะเป็นเมนูจากประเทศเกาหลีที่หนาวกว่าบ้านเรามากนัก แต่ก็เหมาะกับประเทศไทยเราอย่างมาก แถมยังอร่อยน่ากิน และวัตถุดิบหาได้ง่าย ๆ ในบ้านเราสุด ๆ ซึ่งเคล็ดลับที่จะทำให้น้ำแข็งของเราเข้มข้นบอกไว้ตรงนี้เลยว่าคือ เจ้ามิตเต้ไซรัปรสวานิลลา ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลยดีกว่าค่ะ
ส่วนผสม
• นมสด 1 ถ้วยตวง
• น้ำเย็น 1 ถ้วยตวง
• มิตเต้ไซรัปรสวานิลลา 2 ช้อนโต๊ะ
• มะม่วงสุก 2 ลูก
• นมข้นหวาน
วิธีทำ
• ผสมนมสด น้ำเย็น น้ำตาลทราย และมิตเต้ไซรัปกลิ่นวานิลลา (ที่จะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและทำให้น้ำแข็งมีความเข้มข้นมากขึ้น) ให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
• เทส่วนผสมนมใส่พิมพ์น้ำแข็งแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซทิ้งไว้อย่างน้อย 5 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
• หั่นมะม่วงเป็นลูกเต๋าขนาดตามใจชอบได้เลย
• แกะน้ำแข็งออกจากพิมพ์ใส่ลงในเครื่องทำน้ำแข็งไสแล้วไสน้ำแข็งใส่ถ้วย
• นำมะม่วงมาตกแต่ง แล้วราดด้วยนมข้นหวาน ก็เป็นอันเรียบร้อยพร้อมตักเข้าปากจ้า
5. แพนเค้กสตรอว์เบอร์รี
อีกหนึ่งเมนูที่ฮิตไม่แพ้กันสำหรับแพนเค้กสตรอว์เบอร์รี ที่บอกเลยว่าเมนูนี้ทำง่ายมาก ๆ ไม่ยุ่งยากใช้เวลาไม่นาน แถมอร่อยฟินลืม ! และที่สำคัญใครอยากได้ความเข้มข้นของสตรอว์เบอร์รีมากยิ่งขึ้นต้องพึ่งเจ้ามิตเต้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รี ก็จะได้ความหอม หวาน และอร่อยมากขึ้นแน่นอนจ้า
ส่วนผสม
• แป้งแพนเค้ก 1 ถ้วย
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• นมสด 1 ถ้วย
• สตรอว์เบอร์รี
• มิตเต้ไซรัปรสสตรอว์เบอร์รี
• น้ำตาลไอซิ่งมิตรผล
• เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
• นำแป้งแพนเค้ก ไข่ไก่ และนมสด ตีผสมให้เข้ากัน
• นำกระทะเทฟลอนก้นแบนขึ้นตั้งไฟให้ร้อนพอประมาณ ใส่เนยลงไป พอเนยละลายจึงตักแป้งแพนเค้กที่ผสมแล้วลงไป (ทำเป็นวงกลมหนาพอประมาณ) ทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที หรือรอจนเป็นสีเหลืองทองจึงกลับด้าน พอทั้งสองด้านสุกได้ที่ตักใส่จาน ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนแป้งหมด
• จัดแพนเค้กเรียงซ้อนกัน ใส่สตรอว์เบอร์รีลงไป ราดด้วยมิตเต้ไซรัปรสสตรอเบอร์รี (จะได้รสชาติความเป็นสตรอว์เบอร์รีมากยิ่งขึ้น) และโรยด้วยน้ำตาลไอซิ่งมิตรผล เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วค่ะ
6. กราโนล่าบาร์ช็อกโกแลต
ช่วงนี้เราคงได้ยินหรือเห็นคนพูดถึงกราโนล่ากันบ่อย ๆ ซึ่งเมนูกราโนล่าของเราในวันนี้ คนที่อยากผอมแต่ชอบกินของหวานเป็นชีวิตจิตใจต้องดูให้ดีเลยค่ะ เพราะกราโนล่าบาร์ช็อกโกแลตนี้ทำไม่ยาก แถมอร่อยแบบไม่อ้วน ทำครั้งเดียวก็สามารถเก็บไว้กินได้หลายวัน แค่นี้ก็น่าสนใจแล้วใช่ไหมคะ อย่างนั้นไปดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่า
ส่วนผสม
• ข้าวโอ๊ตอบแห้ง 2 ถ้วยตวง
• อัลมอนด์สไลซ์ 1 ถ้วยตวง
• ลูกเกด 1/2 ถ้วยตวง
• ดาร์กช็อกโกแลต 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทรายแดงมิตรผล 1 ช้อนชา
• เนยถั่ว 1/2 ถ้วยตวง
• มิตเต้ไซรัปรสเฮเซลนัท 1/3 ถ้วยตวง
วิธีทำ
• ผสมข้าวโอ๊ต อัลมอนด์สไลซ์ ลูกเกด เนยถั่ว และมิตเต้ไซรัปรสฮาเซลนัท (เพื่อเพิ่มความหอมและเพิ่มการเกาะตัวของกราโนล่า) เข้าด้วยกัน
• เทลงถาดที่ปูด้วยกระดาษไข เกลี่ยให้เท่ากันทั้งถาด นำไปแช่เย็น 20-30 นาที แล้วนำออกมาตัดเป็นแท่งขนาดเท่า ๆ กัน
• นำดาร์กช็อกโกแลตไปละลาย ใส่น้ำตาลทรายแดงมิตรผลลงไป (เพื่อความหอมหวาน) คนจนเข้ากันดี แล้วเทใส่ชาม
• นำแท่งกราโนล่าที่ตัดไว้มาชุบช็อกโกแลต (ชุบแค่ครึ่งแท่ง) แล้ววางเรียงใส่จาน ทำเช่นนี้จนครบทุกแท่งแล้วนำเข้าตู้เย็น แช่ทิ้งไว้ 20-30 นาที ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วจ้า
7. ฟองดูว์ผลไม้
สำหรับเมนูฟองดูว์ผลไม้ก็เป็นเมนูง่าย ๆ แต่อร่อยมาก เอาไอศกรีมซอร์เบทจากเมนูข้างบนมากินด้วยก็ยิ่งฟินเข้าไปอีก และพระเอกที่ช่วยให้ฟองดูว์ของคุณหอมหวานน่าทานมากยิ่งขึ้นนั่นก็คือ น้ำตาลมิตรผล โกลด์ นั่นเอง แถมยังได้คุณค่าแร่ธาตุจากอ้อยอีกด้วย เห็นไหมคะ อร่อยด้วยได้ประโยชน์ด้วย (แต่ถ้าทานมากเกินไปก็อ้วนได้นะ)
ส่วนผสม
• ดาร์กช็อกโกแลตสับหยาบ 2/3 ถ้วยตวง
• วิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง
• น้ำตาลมิตรผล โกลด์ 2 ช้อนโต๊ะ
• ผลไม้ตามใจชอบ
วิธีทำ
• ใส่ครีมลงไปในหม้อที่ตั้งไฟอ่อน ๆ ไว้ พอครีมมีฟองเดือดเล็กน้อยก็ใส่ดาร์กช็อกโกแลตและน้ำตาลมิตรผล โกลด์ (เพื่อจะได้ทั้งความหอมและความหวานแบบธรรมชาติมากยิ่งขึ้น) ลงไป คนผสมให้ช็อกโกแลตกับน้ำตาลละลาย
• พอช็อกโกแลตละลายแล้วจึงแทใส่ถ้วยหรือหม้อฟองดูว์
• จัดผลไม้ใส่จาน (จะเอาไปแช่เย็นสักครู่ก่อนเสิร์ฟก็ได้) เตรียมช้อนส้อมหรือไม้ไว้สำหรับจิ้ม แค่นี้ก็พร้อมเสิร์ฟ
เป็นอย่างไรกันบ้าง ดูน่าทาน และไม่ยุ่งยากเลยใช่ไหมคะ เทคนิคที่ช่วยเติมรสชาติให้กับขนมมีความพิเศษมากขึ้น อยู่ที่การเลือกใช้น้ำตาลให้เหมาะสมกับเมนูแต่ละชนิด เพราะน้ำตาลแต่ละชนิดก็มีกลิ่น รส ที่แตกต่างกัน รวมถึงมีคุณสมบัติที่ต่างออกไปด้วย เช่น น้ำตาลทรายแดงมิตรผลที่จะให้ความหอมและมีรสกลมกล่อมก็เหมาะกับขนมที่ต้องการความหอม มิตเต้ไซรัปรสต่าง ๆ เหมาะแก่การทำไอศกรีม เบเกอรี่ หรือใช้ราดเบเกอรี่เพิ่มความอร่อย น้ำตาลไอซิ่งมิตรผล ใช้โรยบนขนมหรือเบเกอรี่ทำให้น่าทานมากยิ่งขึ้น หรือน้ำเชื่อมมิตรผลที่ให้รสหวานที่แน่นอน รสชาติกลมกล่อม ใส่ในไอศกรีมก็จะช่วยควบคุมรสชาติได้ง่ายขึ้น
คราวนี้ใครที่อยู่บ้านแต่เกิดอยากกินเมนูสุดฮิตเหล่านี้ก็ลุกขึ้นมาทำได้ง่าย ๆ หรือใครจะทำเมนูเติมความหวานให้กับคนรู้ใจทานเพื่อจะได้อินไปกับเดือนแห่งความรักนี้ก็ได้เช่นกันนะคะ จะทำด้วยกันหรือทำเซอร์ไพรส์อีกคนก็นับว่าดีทั้งนั้นค่ะ