ก๋วยเตี๋ยวตำลึง ใส่หมูหมักกับผักใบเขียว ราดน้ำซุปหอมพริกไทย พร้อมประโยชน์แน่น ๆ จากผักพื้นบ้าน
ตำลึงทำอะไรได้บ้าง ? นอกจากนำมาทำแกงจืดตำลึงหรือตำลึงผัดไข่แล้ว วันนี้ขอนำเสนอก๋วยเตี๋ยวตำลึง อาหารจานเดียวเมนูเส้นใส่ผักจุก ๆ จัดเต็มหมูหมักแสนนุ่ม แต่งด้วยไข่ต้ม ราดน้ำซุปพริกไทยดำเผ็ดร้อน ทำกินเองกินกี่ชามก็ได้จ้า
ตำลึงมีสรรพคุณอะไรบ้าง
-
มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตา และมีเบต้าแคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สามารถเปลี่ยนตัวเองเป็นวิตามินเอได้อีก
-
ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน ไม่ป่วยง่าย โดยเฉพาะอาการไข้หวัด
-
มีสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์ค่อนข้างสูง ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ช่วยรักษาและป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะโรคเบาหวาน
-
แคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง
-
ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง ท้องอืดจากอาหารไม่ย่อย โดยเฉพาะคนที่กินแป้งเข้าไปมาก ๆ
ตำลึงกินสดได้ไหม
ยอดและใบตำลึงกินสดได้ หรืออาจนำไปต้มหรือลวกจิ้มกับน้ำพริก ทำอาหารต่าง ๆ เช่น แกงจืด แกงเลียง ต้มเลือดหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูตำลึง ผัดตำลึงไฟแดง หรือใส่ในไข่เจียว ส่วนผลอ่อนของตำลึงกินกับน้ำพริกหรือดองก็ได้ หรือผลสุกมีรสอมหวานก็กินได้เช่นกัน
สูตรก๋วยเตี๋ยวตำลึง
ก๋วยเตี๋ยวตำลึง เมนูตามสะดวกจากวัตถุดิบฟรีจากธรรมชาติหลังฝนตกค่ะ
โดย คุณ Ananya Amy_1994
ส่วนผสม หมูหมัก
-
หมูสับแช่เย็น
-
สามเกลอ
-
น้ำตาลทรายไม่ขัดสี
-
ซีอิ๊วขาว
-
ผงปรุงรส
-
แป้งมันสำปะหลัง
-
แครอต
ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวตำลึง
-
หมูหมัก
-
พริกไทยเม็ดบุบ
-
ซีอิ๊วขาว
-
ผงปรุงรส
-
ตำลึง
-
เส้นก๋วยเตี๋ยว
-
น้ำมันกระเทียมเจียว
-
แผ่นเกี๊ยวทอด
-
ผักชี
-
ไข่ต้ม
วิธีทำก๋วยเตี๋ยวตำลึง
- ทำหมูสับหมัก โดยนำหมูสับปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายไม่ขัดสี แป้งมันสำปะหลัง ใส่แครอต เคล้าพอเข้ากัน เสร็จแล้วนำไปโขลกกับสามเกลอพอเหนียว
-
ทำน้ำซุป โดยตั้งหม้อต้มน้ำเปล่า ใส่พริกไทยบุบลงไป ปรุงรสชาติด้วยซีอิ๊วขาวและผงปรุงรส จากนั้นใส่หมูสับหมักลงไป
-
พอหมูสุกใส่ใบตำลึง
-
ลวกเส้นใส่ชาม คลุกน้ำมันกระเทียมเจียวกันเส้นติดกัน จากนั้นก็ตักเนื้อสัตว์ เติมน้ำซุปราดลงไป แต่งด้วยผักโรย เกี๊ยว และไข่ต้ม
- จัดเสิร์ฟ
จะว่าไปก๋วยเตี๋ยวตำลึงก็น่าลองทำเหมือนกัน เปลี่ยนจากใส่ถั่วงอกมาใส่ตำลึงแทน และเปลี่ยนจากลูกชิ้นมาใส่หมูก้อน น้ำซุปก็ทำง่ายไม่ต้องต้มกระดูกหมูด้วย
บทความเกี่ยวกับเมนูตำลึงและสูตรก๋วยเตี๋ยวที่น่าสนใจ
ขอบคุณข้อมูลจาก : นิตยสารหมอชาวบ้าน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณ Ananya Amy_1994