มะยมดอง สูตรผลไม้ดองน้ำเกลือรสเปรี้ยวหวาน มีความกรอบนานจากเคล็ดลับเด็ด พร้อมประโยชน์และวิธีเก็บไว้กินได้นาน จากที่เคยกินมะยม ผลไม้รสเปรี้ยวจิ้มพริกเกลือ หรือทำส้มตำ ลองจับมาแปลงร่างเป็นผลไม้ดองกันดีไหม วันนี้ขอแนะนำสูตรอาหารว่างแบบไทย ๆ อย่างวิธีทำมะยมดอง นำมะยมมาแช่สารส้มเพื่อให้กรอบนานและดองในน้ำเกลือจนครบเวลา ทำกินเองฟินมาก จิ้มกับพริกเกลือเพิ่มความแซ่บ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งอาจช่วยป้องกันการเกิดโรคเบาหวานได้ มีวิตามินซีสูง เสริมภูมิต้านทาน ช่วยขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ ป้องกันโรคหวัด รวมทั้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยในการขับถ่าย แก้อาการท้องผูก ช่วยดับร้อนและปรับสมดุลในร่างกาย อุปกรณ์สำหรับทำมะยมดองมีน้อยมาก จะมีแค่อ่างผสมหรือกะละมังสำหรับล้างและแช่มะยม ขวดโหลหรือขวดพลาสติกสำหรับดองแค่นั้นเอง มะยม 500 กรัม น้ำปูนใส เล็กน้อย น้ำเปล่า 1 ลิตร (สำหรับต้ม) น้ำตาลทราย 150 กรัม เกลือ 100 กรัม สีผสมอาหารสีเหลือง (ไม่ใส่ก็ได้) นำมะยมมาล้างให้สะอาด นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำจนแห้ง เทใส่ภาชนะ ผสมน้ำปูนใสกับน้ำเปล่าลงอ่างผสม ใส่มะยมลงไปแช่ประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อให้มะยมกรอบ ทำน้ำสำหรับดอง โดยต้มน้ำเปล่า ใส่เกลือ และน้ำตาลทราย คนจนละลายและน้ำเดือด ปิดไฟ พักไว้จนเย็น ใส่สีผสมอาหารลงไป คนจนเข้ากัน พอครบเวลานำมะยมมาล้างน้ำอีกรอบ ตักใส่ขวดโหลสำหรับดอง ตักน้ำดองลงไปจนท่วมมะยม ปิดฝา ดองไว้ประมาณ 2-3 วัน กินเป็นอาหารว่างหรือจิ้มพริกเกลือ น้ำดองต้องนำมาต้มจนเดือดแล้วรอให้เย็นถึงจะใส่มะยมลงไปแช่ได้ ช่วงระหว่างที่ดองควรให้มะยมจมน้ำ เพื่อป้องกันเชื้อจุลินทรีย์ทำให้ผลไม้ดองเน่าเสีย ภาชนะที่ใช้ดองควรเป็นขวดโหลหรือพลาสติก ไม่ควรใช้โอ่งหรือไหเพราะมีรูพรุนอาจทำให้มะยมดองเน่า ถ้าวางไว้นอกตู้เย็นจะเก็บได้นานประมาณ 7 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็นไว้จะเก็บได้นานประมาณ 1 เดือน จบไปแล้วสำหรับวิธีทำมะยมดองพร้อมสูตรน้ำดองเกลือ เหมาะสำหรับเป็นอาหารว่าง แก้ง่วง อร่อยมีประโยชน์ พร้อมวิธีเก็บมะยมดองให้ได้นาน ◆ มะยมเชื่อม น้ำมะยม 2 เมนูหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้เปรี้ยวจี๊ด ◆ 3 สูตรเครื่องดื่มจากมะขาม มะยม และมะม่วง ค็อกเทลจากผลไม้ริมรั้ว ◆ สูตรเชอร์รีดอง 2 สไตล์ เมนูถนอมอาหารเก็บไว้กินได้นานกรอบอร่อย ◆ 6 วิธีทำผลไม้ดอง เมนูถนอมอาหารทำง่ายเก็บได้นาน ◆ 7 วิธีทำผักดอง แปรรูปเมนูผักง่าย ๆ เก็บได้นาน ขอบคุณข้อมูลจาก : medthai.com
แสดงความคิดเห็น