สูตรอาหารสีชมพู ทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม จะทำกินเองหรือมอบให้คนพิเศษในโอกาสสำคัญก็ดีเยี่ยม วันพิเศษหรือเทศกาลสำคัญหลายคนอาจอยากเซอร์ไพรส์ทำอาหารให้คนพิเศษ วันนี้เราขอแนะนำสูตรอาหารสีชมพู ทั้งอาหารคาวและขนมหวาน เช่น หมี่ชมพู เย็นตาโฟ ขนมสาลี่ เค้กนมเย็น ไอศกรีมนมเย็น นมชมพู เป็นต้น ลองเลือกทำกันได้เลย หมี่กะทิสีชมพู สูตรจาก คุณ tukata001 จับเส้นหมี่ผัดกับกะทิสีชมพู ใส่ใบกุยช่ายและถั่วงอกลงไปผัด เสิร์ฟกับน้ำราดกะทิ ไข่ 2 ฟอง กะทิ 2 ถ้วย หอมแดงสับ 1/2 ถ้วย หมูสับ 200 กรัม กุ้งสับ 200 กรัม เต้าเจี้ยว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ เต้าหู้แข็งหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ ซอสเย็นตาโฟ 3 ช้อนโต๊ะ เส้นหมี่ 200 กรัม กุยช่าย 1 ถ้วย ถั่วงอก 1 ถ้วย กุยช่าย สำหรับแต่ง ถั่วงอก สำหรับแต่ง พริกชี้ฟ้าแดง สำหรับแต่ง ถั่วลิสงคั่วบด 4 ช้อนโต๊ะ พริกป่น ตีไข่ให้แตกนำไปทอดบนกระทะเทฟลอน เอียงกระทะจนไข่เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วก็ม้วนไข่ ตักขึ้น นำไข่มาซอยเป็นเส้นพักไว้ ทำกะทิราดหน้า แบ่งกะทิมา 1 ถ้วยเทใส่กระทะ ตั้งเตาไฟกลาง รอจนเดือด ใส่หอมแดงสับลงไปผัด รอจนเดือดอีกครั้ง ใส่กุ้งสับและหมูสับลงไปผัดรวมกันให้สุก ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว น้ำมะขามเปียก พริกป่น น้ำตาลปี๊บ ใส่เต้าหู้ลงไปผัดรวมกัน ชิมรสดู ให้มีรสหวาน เปรี้ยว และเค็ม รสชาติคล้ายเต้าเจี้ยวหลน นำกะทิที่เหลืออีก 1 ถ้วย เทใส่กระทะ ตั้งไฟรอจนเดือด นำซอสมะเขือเทศและซอสเย็นตาโฟมาผสมกัน แล้วเทใส่ในกระทะ นำเส้นหมี่แช่น้ำพอนิ่ม อย่าแช่นาน แล้วสงขึ้นให้แห้ง แล้วนำมาผัดกับกะทิสีชมพู เวลาผัดเส้นหมี่ให้ใช้ตะหลิว 2 ด้ามช่วยยกเส้นขึ้นสูง ๆ แล้วปล่อยเส้นลงไป แล้วค่อย ๆ ผัดจนเส้นเป็นสีชมพูทั่วถึงกัน อย่าผัดนานเดี๋ยวเส้นเละ รอจนเส้นดูดน้ำกะทิ ใส่ใบกุยช่ายและถั่วงอกลงผัดพอสุก จัดถั่วงอกและกุยช่ายใส่จาน แล้วตักน้ำกะทิใส่ถ้วย ตักเส้นหมี่กะทิสีชมพูใส่จาน โรยด้วยไข่ซอยและพริกชี้ฟ้าแดง เป็นอันเสร็จ ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ เริ่มจากทำน้ำซุปกระดูกหมูใส่หัวไช้เท้า จากนั้นลวกเครื่องเคราต่าง ๆ และลวกเส้นใส่ชาม แต่งด้วยเต้าหู้ทอดและเกี๊ยวทอด เส้นก๋วยเตี๋ยวตามชอบ ผักบุ้งจีน หั่นเป็นท่อนสั้น ๆ ลูกชิ้นรักบี้, ลูกชิ้นกุ้ง หรือลูกชิ้นอื่น ๆ ตามชอบ ปลาเส้น หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ปลาหมึกกรอบ เลือดหมู (หั่นชิ้น) เต้าหู้ทอด ซอสเย็นตาโฟ 2 ช้อนโต๊ะ (วิธีทำ ซอสเย็นตาโฟ คลิก) เกี๊ยวทอดกรอบ น้ำซุปกระดูกหมู เกลือ น้ำตาลกรวด รากผักชี พริกไทยเม็ด (ทุบพอแตก) กระเทียม (ทุบพอแตก) หอมใหญ่ ซีอิ๊วขาว หัวไช้เท้า ต้มน้ำซุปกระดูกหมู เติมเกลือ น้ำตาลกรวด รากผักชี พริกไทยเม็ด กระเทียม หอมใหญ่ ซีอิ๊วขาว และหัวไช้เท้า เคี่ยวจนเดือด เตรียมไว้ ลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวและผักบุ้งใส่ชาม เตรียมไว้ ลวกลูกชิ้นรักบี้ ปลาเส้น เลือดหมู และปลาหมึกกรอบให้สุก ตักใส่ชามก๋วยเตี๋ยว ตักซอสเย็นตาโฟใส่ชาม ตามด้วยน้ำซุปและเต้าหู้ทอด เสิร์ฟพร้อมเกี๊ยวทอดกรอบ ขิงดอง จับขิงซอยเป็นแว่นบางและนำไปแช่น้ำเกลือจนขิงหายเผ็ด จากนั้นนำไปใส่ในน้ำดองขิง และบีบมะนาวลงไป จะกินเลยหรือนำไปแช่เย็นก็ยิ่งอร่อย ขิงอ่อน 1 กิโลกรัม น้ำเปล่าผสมเกลือ (สำหรับแช่ขิงและล้างความเผ็ดออกจากขิง) น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 400 กรัม (เพิ่ม-ลดได้ตามชอบ) เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย มะนาว 1 ลูก ปอกเปลือกขิงออกแล้วซอยเป็นแว่นบาง ๆ นำไปแช่ในน้ำเกลือ พักทิ้งไว้ (เคล็ดลับคือ ถ้าเป็นขิงแก่ต้องคั้นและบีบกับน้ำเกลือหลาย ๆ ครั้งจนขิงหายเผ็ด) เคี่ยวน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเข้าด้วยกันจนเดือดและน้ำตาลทรายละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนอุ่น บีบน้ำเกลือจากขิงออกให้หมดแล้วใส่ลงไปในส่วนผสมน้ำดองขิง คนให้เข้ากัน บีบน้ำมะนาวลงไป 1 ลูก (ขั้นตอนนี้ขิงจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อน ๆ) คนให้เข้ากัน เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด ขนมสาลี่ สูตรจาก คุณ sujitrar ตัวเค้กสีชมพู แต่งด้วยลูกเกด ใส่ในพิมพ์ถาดสี่เหลี่ยม พอนึ่งเสร็จแล้วก็มาหั่นชิ้น แป้งเค้ก 120 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 3 ฟอง น้ำตาลทราย 130 กรัม น้ำเปล่า 70 กรัม สารเสริมเอสพี 10 กรัม (ใส่หรือไม่ก็ได้ ถ้าใส่ก็จะเพิ่มปริมาตรของขนมให้สูงขึ้น และรอนึ่งได้) กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา สีผสมอาหารสีแดง ลูกเกด ร่อนแป้งเค้กและผงฟูให้แป้งฟูเบาขึ้นและเอาสิ่งสกปรกออก หลังจากนั้นใส่เกลือลงในแป้ง คนให้เข้ากัน พักไว้ และนำไข่ไก่ น้ำตาลทราย ตามด้วยน้ำเปล่า ใส่ลงในโถตี และปาดสารเสริมเอสพีที่หัวตะกร้อ ตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 6 นาที จนขึ้นฟู ระหว่างตีให้ใส่กลิ่นมะลิได้เลย เมื่อครบเวลาให้เปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำสุด แล้วทยอยใช้ช้อนตักแป้งใส่ลงในโถตี โดยทยอยใส่จนหมด ในระหว่างใส่แป้งให้ตีด้วยความเร็วต่ำสุด หลังจากใส่แป้งหมดให้ใส่สีผสมอาหารสีแดง (ทยอยใส่จนได้สีที่ชอบ) ตีต่อจนแป้งและส่วนผสมอื่น ๆ เข้ากันดี แล้วปิดเครื่องตี ใช้พายซิลิโคนตะล่อมส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันอีกครั้ง หลังจากนั้นเทใส่ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 8x8 หรือ 9x9 นิ้ว เกลี่ยให้หน้าขนมเรียบ แล้วแต่งหน้าด้วยลูกเกด นำลงซึ้งนึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 12-15 นาที (น้ำในซึ้งต้องเดือดก่อนนำขนมลงนึ่ง) เมื่อนึ่งสุก ลูกเกดอาจจะจม ดังนั้นเพื่อเพิ่มความสวยงาม สามารถนำมาแต่งเพิ่มได้ค่ะ เมื่อนึ่งสุกพักให้เย็น แกะกระดาษไข ตัดเป็นชิ้นพร้อมเสิร์ฟ ทองชมพูนุท สูตรจาก คุณ Poppy farm เริ่มจากการกวนแป้งแล้วใส่สีชมพูลงไป จากนั้นนำมากดลงพิมพ์รูปดอกไม้ หอมกลิ่นควันเทียน แป้งข้าวเจ้า 60 กรัม แป้งข้าวเหนียว 15 กรัม น้ำตาลทราย 85 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา กะทิ 115 กรัม ไข่แดง (ไข่ไก่) 2 ฟอง สีผสมอาหารสีชมพู ผสมของแห้ง ได้แก่ แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากัน แบ่งใส่กะทิ 2-3 รอบ แล้วคนให้ส่วนผสมมีเนื้อเนียน กรองส่วนผสมผ่านกระชอน นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟ กวนด้วยไฟอ่อน เมื่อส่วนผสมเริ่มจับตัวเป็นก้อน ให้ “ปิดไฟ” ใส่ไข่แดง แล้วคนส่วนผสมให้เนียนเข้ากันดี เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้ว ให้ “เปิดไฟ” อีกครั้ง กวนต่อด้วยไฟอ่อน เมื่อส่วนผสมไม่ค่อยติดกระทะแล้ว ให้หยดสีชมพู ลงไป 2-3 หยด กวนต่อไป (กวนพร้อมบี้แป้งไปด้วย) กวนต่อจนส่วนผสมร่อนออกมาจากกระทะและไม่ติดพาย นำขนมมาผึ่งให้เย็นลง โดยใช้พายตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้ขนมระบายความร้อน เมื่อขนมเย็นแล้ว นำมากดลงพิมพ์ โดยควรกดให้แน่น จะทำให้ขนมที่ได้มีลายคมชัด สวยงาม แล้วค่อย ๆ แกะออกจากพิมพ์ โดยดึงขอบพิมพ์ (ในกรณีที่เป็นพิมพ์ซิลิโคนสามารถดึงได้) แล้วเอานิ้วโป้งกดตรงกลางพิมพ์ให้ขนมค่อย ๆ หลุดออกมา เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียนเพิ่มความหอม แต่ถ้าใครใช้กะทิอบควันเทียนอยู่แล้วก็สบายเลย ไม่ต้องอบซ้ำ เค้กนมเย็น สูตรจาก ครัวป้ารายห์ ตัวเค้กทำจากแป้งเค้กผสมไข่แดง น้ำแดง นมจืด กลิ่นวานิลลา ใส่ไข่ขาวลงไปเทใส่พิมพ์ นำไปอบจนสุกแล้วเทซอสหน้านิ่มลงไป ไข่แดง (เบอร์ 2) 3 ฟอง นมข้นหวาน 30 กรัม นมจืด 30 กรัม น้ำมันพืช 30 กรัม น้ำแดง ตราเฮลซ์บลูบอย 10 กรัม กลิ่นวานิลลา หรือกลิ่นสตรอว์เบอร์รี ประมาณ 1/2 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) แป้งเค้ก 80 กรัม ผงฟู 1/2 ช้อนชา ไข่ขาว (เบอร์ 2) 3 ฟอง ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 35 กรัม ผงวุ้น 1 ช้อนชา น้ำ 200 มิลลิลิตร น้ำตาลทราย 40-50 กรัม นมข้นหวาน 50 กรัม น้ำแดง ตราเฮลซ์บลูบอย 50 กรัม แป้งข้าวโพด 20 กรัม นมจืด 250 มิลลิลิตร เนยสด 50 กรัม ทำส่วนผสมตัวเค้กโดยตีไข่แดงกับนมข้นหวานพอเข้ากัน แล้วใส่นม น้ำมันพืช น้ำแดงเฮลซ์บลูบอย และกลิ่นสตรอว์เบอร์รีหรือกลิ่นวานิลลาก็ได้ ตีจนเข้ากันดี ร่อนแป้งกับผงฟูลงไปในชามผสม ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว ทำส่วนผสมไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ตีพอเข้ากัน จากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบาจนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทลงในพิมพ์ สูงประมาณ 3/4 ของพิมพ์ จากนั้นนำไปอบอุณหภูมิ 170-180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20 นาที เปิดไฟบน-ล่าง พออบเสร็จจากนั้นก็พักจนเย็นสนิท ผสมผงวุ้นกับน้ำ แล้วพักไว้ 10 นาที ใส่น้ำตาลทราย นมข้นหวาน น้ำแดงเฮลซ์บลูบอย และแป้งข้าวโพด ลงในชามผสม ใช้ตะกร้อคนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมนมลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน นำหม้อที่ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ตั้งไฟกลาง ๆ จนเดือดและผงวุ้นละลาย หลังจากนั้นนำส่วนผสมเมื่อสักครู่เทลงไป คนจนข้นขึ้น พอข้นแล้วก็ดับเตาแล้วเติมเนยลงไป คนให้เข้ากัน นำออกมาคนต่อข้างนอก อย่าคนเร็วหรือแรงไปเพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศเยอะ เทหน้านิ่มลงไปบนหน้าเค้กให้เต็มพิมพ์ จากนั้นเคาะไล่ฟองอากาศ เค้กสตรอว์เบอร์รีเวเฟอร์ สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ ตัวเค้กทำจากแป้งเค้กผสมไข่ เทใส่พิมพ์แล้วนำไปอบจนสุก นำออกมาแต่งด้วยเวเฟอร์และครีมสีชมพู ไข่แดง (ไข่ไก่เบอร์ 2) 4 ฟอง น้ำตาลทราย 40 กรัม นมสดหรือนมจืด 65 กรัม น้ำมันพืช 45 กรัม กลิ่นสตรอว์เบอร์รี 1 ช้อนชา แป้งเค้ก 80 กรัม (ร่อนแป้ง 2 รอบ) สีผสมอาหารสีชมพู แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา น้ำตาลทราย 45 กรัม วิปปิ้งครีม 400 กรัม น้ำตาลไอซิ่ง 70 กรัม กลิ่นสตรอว์เบอร์รี ประมาณ 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) เวเฟอร์สติ๊ก รสสตรอว์เบอร์รี ทำส่วนผสมไข่แดง โดยตีไข่แดงกับน้ำตาลจนน้ำตาลทรายละลาย พอเข้ากันแล้วใส่นม น้ำมันพืช และกลิ่นสตรอว์เบอร์รีลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้ง (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน จากนั้นใส่สีผสมสีชมพูลงไป ทำส่วนผสมไข่ขาว โดยตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ตีพอเข้ากัน จากนั้นใส่แป้งข้าวโพด ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ เคาะพิมพ์ไล่ฟองอากาศ อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม ประมาณ 15 นาที พออบเสร็จ นำกระดาษไขออก แล้วพักเค้กให้เย็นสนิท ทำวิปครีม โดยตีวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลไอซิ่งจนตั้งยอดแข็ง แบ่งเค้กให้ได้ 4 ชิ้น ขนาดเท่า ๆ กัน (กว้างประมาณ 3.5x11 นิ้ว) แบ่งวิปครีมมาครึ่งหนึ่งแล้วปาดให้ทั่วเค้ก ม้วนเค้ก และนำแผ่นต่อไปวางม้วนประกบไปจนเต็ม วิปครีมอีกส่วนที่เหลือเติมสีชมพูไปเล็กน้อย แล้วนำมาปาดให้ทั่วเค้ก ตกแต่งด้วยเวเฟอร์สติ๊ก นำไปแช่ตู้เย็นให้ครีมเซตตัวประมาณ 1-2 ชั่วโมง พอครีมเซตตัว ก็นำมาตัดเสิร์ฟ ไอศกรีมนมเย็น เริ่มจากบดน้ำแข็งแห้ง แล้วผสมส่วนผสมไอศกรีม จากนั้นใส่น้ำแข็งแห้งลงไปคนจนข้นหนา นมสด 175 กรัม วิปปิ้งครีม 150 กรัม นมข้นหวาน 125 กรัม น้ำแดง 50 กรัม น้ำแข็งแห้ง (food grade) 1/2 กิโลกรัม บดน้ำแข็งแห้งให้ละเอียดดี ผสมนมสด วิปปิ้งครีม นมข้นหวาน และน้ำแดง ค่อย ๆ ใส่น้ำแข็งแห้งลงไป คนเร็ว ๆ จนส่วนผสมข้นหนาขึ้นเป็นไอศกรีม จัดเสิร์ฟ นมเย็น จับนมสดผสมน้ำหวาน และนมข้นหวาน คนจนเข้ากัน จากนั้นเทใส่แก้วน้ำแข็ง ราดนมจืดหรือวิปปิ้งครีม นมสด 5 ออนซ์ นมข้นหวาน 1 ออนซ์ น้ำหวานสีแดง 2 ช้อนชา นมข้นจืด หรือวิปปิ้งครีม (โรยหน้า) ผสมนมสด นมข้นหวาน และน้ำหวาน เข้าด้วยกันจนเป็นฟอง เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ราดด้วยนมข้นจืด หรือวิปปิ้งครีม พร้อมเสิร์ฟ สตรอว์เบอร์รีชีสเค้กสมูทตี้ จับส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงโถปั่น ปั่นจนเนียน สุดท้ายโรยแครกเกอร์บด สตรอว์เบอร์รีพันธุ์พระราชทาน 80 จำนวน 1/2 ถ้วย น้ำหวานเข้มข้นกลิ่นสตรอว์เบอร์รี ตราเฮลซ์บลูบอย 6 ช้อนโต๊ะ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 5 ช้อนโต๊ะ คอตเทจชีส 5 ช้อนโต๊ะ นมสด 1/4 ถ้วย น้ำแข็งบด 1 ถ้วย แครกเกอร์บดหยาบ สำหรับแต่ง นำส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นแครกเกอร์ ใส่ลงในโถปั่น ปั่นให้ละเอียด รินใส่แก้ว โรยแครกเกอร์ จัดเสิร์ฟ 8 เมนูดอกกุหลาบ เติมความหวานรับมื้อพิเศษ ช็อกโกแลตซูเฟล่ สูตรขนมอบอร่อยเข้มขึ้นฟูด้วยเคล็ดลับพิเศษ 11 เมนูเค้กช็อกโกแลต สูตรขนมอร่อยเข้มข้นเหมาะกับทุกโอกาสพิเศษ 14 อาหารวาเลนไทน์รูปหัวใจ เมนูอาหารสื่อรักด้วยมื้อสุดพิเศษ 13 สูตรขนมคลีน ทำเป็นของขวัญปีใหม่ใส่ใจสุขภาพคนพิเศษ
แสดงความคิดเห็น