คออาหารเกาหลีมาฟินกันให้แน่นกระเพาะไปเลย เพราะวันนี้กระปุกดอทคอม รวบรวม 8 สูตรอาหารเกาหลีแบบโฮมเมดมาฝากให้ลองเลือกชมเลือก ทำกันตามใจชอบ บอกเลยว่า แต่ละเมนูเด็ดและทำง่าย ๆ ในแบบฉบับคนไทยทำเอง รับรองว่างานนี้ ติ่งเกาหลีฟินกันถ้วนหน้าจ้า ถ้าพร้อมแล้วรีบไปซื้อโคชูจังมารอได้เลย
1. พิซซ่าเกาหลีซีฟู้ด เริ่มต้นกันด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยกันก่อนกับเมนูพิซซ่าเกาหลี ถาดนนี้เสิร์ฟความพิเศษด้วยหน้าซีฟู้ด เน้น ๆ เครื่องแน่นเต็มถาด และที่สำคัญคือ ทำง่ายมาก ๆ แค่มีกระทะใบเดียวจบ ! (
สูตรจาก สูตรจาก คุณ RinS CookBook สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม)
ส่วนผสม แป้งพิซซ่า 
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย

แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ

ผงฟู 1/4 ช้อนชา

พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา

เกลือป่น เล็กน้อย

พริกชี้ฟ้า (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

ไข่ไก่ 1 ฟอง

น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม หน้าซีฟู้ด 
ต้นหอม (หั่นท่อนขนาด 1 นิ้ว) 1 ถ้วย

กุยช่าย (หั่นท่อนขนาด 1 นิ้ว) 1 ถ้วย

อาหารทะเลตามชอบ หั่นเป็นชิ้น ๆ 1 1/2 ถ้วย (เช่น หอยแมลงภู่, หอยเชลล์, ปลาหมึกสาย, ปลาหมึกกล้วย, กุ้ง, หอยนางรม)

น้ำมันพืชสำหรับทอด
ส่วนผสม น้ำจิ้ม 
ซอสปรุงรส 1/4 ถ้วย

น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ

งาขาวคั่ว 1/2 ช้อนชา

ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

พริกป่น หรือพริกชี้ฟ้าสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ 
ผสมส่วนผสมน้ำจิ้มทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนผสมจนนน้ำตาลทรายละลาย เตรียมไว้

ใส่ส่วนผสมแป้งทั้งหมดลงในอ่างผสม ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว

ล้างอาหารทะเลให้สะอาด ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วซับน้ำให้แห้งสนิท (เพื่อให้แป้งเกาะติดให้มากที่สุด) แล้วใส่อาหารทะเลทั้งหมดลงไปในส่วนผสมแป้ง ตามด้วยพริกชี้ฟ้า คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

โรยแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปคลุกกับต้นหอมและกุยช่าย (เพื่อให้ผักติดแป้ง)

ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งไฟจนร้อน ใส่ผักคลุกแป้งลงไปในกระทะ เกลี่ยให้ทั่วโดยสม่ำเสมอกัน ทอดประมาณ 1-2 นาที

ตักส่วนผสมแป้งใส่ทับลงไป เกลี่ยให้ทั่วเป็นแผ่น ๆ ความหนาเท่า ๆ กัน (จะได้สุกทั่ว)

ปิดฝาทอดด้วยไฟปานกลางประมาณ 10 นาที ในระหว่างทอดให้เขย่ากระทะบ้างเพื่อไม่ให้พิซซ่าติดกระทะและสุกอย่างทั่วถึง พอครบ 10 นาทีให้เพิ่มไฟแรงขึ้นแล้วทอดต่ออีก 5 นาที พอครบเวลา ใช้จานวางคว่ำลงไปในกระทะแล้วคว่ำกระทะนำพิซซ่าออก

เช็ดกระทะให้สะอาดแล้วใส่น้ำมันลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลาง พอร้อนแล้วใส่พิซซ่าอีกด้านที่ยังไม่สุกลงทอดต่อประมาณ 10 นาที เพิ่มไฟแรงขึ้นแแล้วทอดต่ออีก 2 นาที จนพิซซ่าสุกทั่วทั้งชิ้น

คว่ำแพนเค้กใส่จาน ตัดเป็นชิ้น ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม
2. บูเดชิเก (Budaejjigae) มาม่าหม้อไฟเกาหลีแบบไทย ๆ เรียกน้ำย่อยกันไปแล้วก็มาจัดหนักจัดเต็มกันต่อกับเมนูสุดซี้ดสุดฮิตทั้งเกาหลีและคนไทยกับบูเดชิเก หม้อไฟเกาหลีแบบร้อน ๆ แต่สูตรนี้เป็นการดัดแปลงจากมาม่าเกาหลีเป็นมาม่าต้มยำ ของไทย รับรองว่าแซ่บกว่าเดิมแน่ ๆ และที่สำคัญ ไม่ต้องไปยืนต่อคิวยาว ๆ กินที่ร้านในราคาแพง ๆ อีกด้วย หม้อเดียวกินกันอิ่มทั้งบ้านจ้า (
สูตรจาก คุณพยูนบูด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)
ซึ่งบูเดชิเก หม้อไฟเกาหลีไทย ๆ สูตรนี้ของ คุณพยูนบูด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สามารถกินได้ถึง 4 คนอิ่ม ๆ เลยทีเดียว แต่ประหยัดต้นทุนไปได้เยอะเลยทีเดียว เพราะเลือกซื้อวัตถุดิบมาใส่เองตามชอบ แถมรสชาติยังแซ่บกว่าตามร้านอีกด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม 
ไส้กรอก (หรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปตามชอบ)

มาม่ารสต้มยำกุ้ง

ไข่ไก่

ผักตามชอบ (เช่น ต้นหอมญี่ปุ่นซอย, แครอท หั่นเป็นแว่น, เห็ด, ผักกาดขาว, กะหล่ำปลี เป็นต้น)

สาหร่าย

โคชูจัง

น้ำมันงา
เคล็ดลับ:

1. การทำบูเดชิเกเนี่ยถ้าให้เนียนคล้ายมาม่าเกาหลี แนะนำให้ใช้มาม่าโอเรียนทอลแบบซองค่ะ (เพราะมาม่าเกาหลีเส้นจะเป็นแป้งมันฝรั่ง เด้ง ๆ หนึบ ๆ คนละแบบกับมาม่าไทย ของโอเรียนทอลนี้คล้ายสุดในราคาเบา ๆ) แต่... ราคามัน 10 กว่าบาทอ่ะคุณ แถมคุณชายบ่นว่า "มันไม่แซ่บ" ได้ค่ะ จัดไป มาม่าไทย รสต้มยำบิ๊กแพคนี่ล่ะค่ะ !!! รับรองแซ่บอีหลีโล้ดดดดด โดยเครื่องในวันนี้ก็มีดังที่เห็นนี้เลยค่ะ

2. ส่วนอื่น ๆ ที่ควรมีคือ ผักตามชอบค่ะ แต่ในตู้เย็นมีแค่นี้ ก็อย่าช้าค่ะ ใส่ไป หากใครมีเห็ด ผักกาดขาว กะหล่ำปลี อะไรก็ใส่ได้นะคะ ตามชอบ

3. โคชูจัง อันนี้เป็นตัวหลักที่ให้รสชาติค่ะ แนะนำว่า ลองใส่น้ำมันงาเพิ่มจะความแซ่บนะตัวเอง

4. สารพัดไส้กรอก และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปค่ะ เพราะหม้อไฟนี้เกิดจากที่ทหารอเมริกันเขาเข้ามาตั้งค่าย ส่วนใหญ่เนื้อสัตว์ที่ใส่เลยเป็นเนื้อสัตว์แปรรูปแบบนี้ค่ะ และจะยิ่งแซ่บมาก หากเป็นพวกไส้กรอกรมควันและเบคอน ใส่แล้วเพิ่มกลิ่นหอมอบอวนน้ำลายไหลค่ะ

5. ส่วนอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มได้ถ้ามีคือ พวกไข่ค่ะ และแป้งต๊อกโปกิ (Topokki) นี่ถ้าไม่เกรงว่า ไอ้ที่มีคล้าย ๆ อยู่ในตู้เย็นดันเป็นขนมเข่งแบบมะพร้าว อิฉันก็ใส่จริง ๆ นะคะ
วิธีทำ 
ใส่เส้นมาม่าลงตรงกลางของกระทะ ตามด้วยเครื่องเคราอื่น ๆ ที่หั่นเตรียมไว้วางเรียงลงไปให้ทั่ว
หมายเหตุ : ปกติถ้าใช้มาม่าเกาหลี เรจะใส่ผงปรุงรสลงไปด้วย วันนี้มาม่าไทยก็ใส่ค่ะ แต่มีข้อควรระวังว่า...

ถ้าชอบแบบแซ่บเหมือนต้มยำ ให้ใส่ผงมาม่า 2 ซอง + โคชูจัง 1 ช้อนค่ะ

ถ้าชอบแบบมีรสผสม ให้ใส่ผงมาม่าแค่ 1/2 ซอง +โคชูจัง 1 ช้อนค่ะ

ถ้าชอบแบบเกาหลีมากกว่า ให้ใส่แต่โคชูจังโปะไปราว 1 1/2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ ราดน้ำมันงาและพริกขี้หนู แล้วใส่น้ำซุปหรือน้ำผสมผงซุปนิดหน่อยแทนค่ะ
*** ซึ่งสูตรนี้เป็นแบบแรก คือ ใส่ทั้งผงมาม่าและเครื่องมาม่าลงไป *** 
ตักโคชูจังช้อนใหญ่ ๆ ใส่ลงไปตรงกลางมาม่า

ใส่น้ำลงไปจนเกือบท่วมเส้นมาม่า นำขึ้นตั้งไฟ
หมายเหตุ : จริง ๆ ถ้าอยากให้ได้อารมณ์ จำเป็นหม้อไฟฟ้ามานั่งล้อมวงกันค่ะ แต่พอดีว่าอยู่กัน 2 หน่อ ล้างลำบาก เลยทำการจัดเรียงใส่กระทะใบใหญ่ให้สวยงาม ใส่น้ำลงไปราวครึ่งหนึ่งพอท่วมเส้นครึ่งนึงค่ะ (ไม่พอเดี๋ยวใส่เพิ่มได้นะคะ แต่หากใส่เยอะ.... จะจืด เจือจางรสไม่ข้มแก้ยากกว่า หลังจากใส่น้ำเสร็จแล้ว นำไปต้มโล้ดค่ะ

ต้มไปสักครู่จนเส้นมาม่าเริ่มนิ่ม และน้ำเดือด ตามต้องการ
หมายเหตุ : ถ้าเป็นมาม่าไทย ต้มราว 3 นาที หรือ พอให้เส้นนุ่มตามชอบได้นะคะ แต่ถ้าเป็นมาม่าเกาหลีต้มนาน ๆ หน่อยค่ะ เส้นเค้าจะหนากว่า หนึบกว่า ยิ่งต้มนานจะยิ่งดูดซึมน้ำอร่อยไปอีกแบบ ดังนั้นถ้าใช้เส้นเกาหลีอย่าใจร้อนนะคะ สำหรับเส้นไทย ๆ ก็ตามชอบได้เลยค่ะ 
ระหว่างต้มถ้ากลัวน้ำแห้ง สามารถใส่เพิ่มได้นะคะ แต่อย่าให้ท่วม ไม่อย่างนั้นจะเจือจางค่ะ หม้อไฟแบบนี้ใส่น้ำแค่พอขลุกขลิกค่ะ ไม่เยอะ
(ระวังมาม่าไทย พอเอาขึ้นแอบดูดน้ำด้วยนะคะ เผื่อไว้หน่อย) 
และแล้วหลังจากต้มไปจนเส้นนุ่มตามความชอบ ก็ยกขึ้นแล้วเตรียมตัวล้อมหม้อกันเลยค่ะ เสร็จแล้ว

ลองตักขึ้นมาดู ถ้าชอบแบบเส้นนิ่มมากนิ่มน้อย ปรับเวลาต้มเอาได้นะคะ

น้ำซุปก็มีนะคะเข้มข้นแต่อยู่ที่ก้นหม้อ

ตักขึ้นมาชิมกันค่ะ
3. บิบิมบับ (Bibimbub) หรือถ้าอยากกินเป็นเมนูจานเดียวแบบหนักท้องหน่อยก็แนะนำนี่เลย ข้าวยำเกาหลี หรือบิบิมบับแน่นเครื่อง ซึ่งวิธีทำไม่ได้ยากเลย แค่ไปซูเปอร์มาร์เกตแล้วซื้อวัตถุดิบมาให้ครบถ้วน รับรองฟิน
4. ไก่ทอดเกาหลี ไก่ทอดเกาหลี หรือ Yangnyeom-Tongdak ไก่ทอดคลุกซอสรสจัดจ้านที่ฮอตฮิตมากถึงขนาดที่ว่า ไปยืนรอต่อคิวยาว ๆ ก็ยอม แต่วันนี้เรานำวิธีทำไก่ทอดเกาหลีแบบง่าย ๆ มาฝาก รสชาตินี่ดีไม่แพ้ตำรับเกาหลีแท้ ๆ เลย ต่อไปนี้ไม่ต้องเสียเงินแพง ๆ ไปกินที่ร้านแล้วล่ะ (
สูตรจาก คุณ Sickpuppy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)
ส่วนผสม ไก่ทอด

น่องไก่และปักไก่ 1.5 กิโลกรัม

เกลือป่น

พริกไทยป่น

ผงกระเทียมป่น

ไข่ไก่ 1 ฟอง

แป้งชุบทอด 1/2 ถ้วย

แป้งมัน 1/2 ถ้วย

ผงฟู 1 ช้อนชา

น้ำมันพืช (1 ลิตร) 1 ขวด
ส่วนผสม ซอสสำหรับคลุกไก่

กระเทียม 3-4 กลีบ

ซอสมะเขือเทศ 1/3 ถ้วย

โคชูจัง 1/4 ถ้วย

น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย

น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ

งาขาว
วิธีทำ 
ล้างทำความสะอาดไก่ทั้งหมดด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำ ใส่อ่างผสม

ใส่เกลือป่น พริกไทยป่น และผงกระเทียมป่นลงไป คลุกให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

ระหว่างรอหมักไก่มาทำซอส โดยสับกระเทียมให้ละเอียด แล้วนำไปเจียวกับน้ำมันในกระทะ ใช้ไฟอ่อน ๆ

เติมซอสมะเขือเทศ น้ำผึ้ง โคชูจัง และน้ำส้มสายชูลงไป ผัดผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ เตรียมไว้

หลังจากหมักไก่ได้ที่แล้ว ใส่น้ำมันพืชลงในหม้อสำหรับทอด

ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปคลุกกับไก่ที่หมักไว้

ผสมแป้งทอดกรอบกับแป้งมัน และผงฟูให้เข้ากัน

นำไก่ลงไปคลุกกับส่วนผสมแป้งให้ทั่วทั้งชิ้น ให้แป้งเคลือบไก่จนขาว

นำไก่ลงทอดในหม้อ ใช้ไฟปานกลาง ทอดนานประมาณ 10 นาที แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จากนั้นวางพักทิ้งไว้อีก 10 นาที

นำไก่ลงทอดอีกครั้งโดยใช้ไฟแรงสุด ทอดจนไก่กรอบและมีสีสวย ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน

นำส่วนผสมซอสที่เตรียมไว้ขึ้นตั้งไฟ จากนั้นนำไก่ที่ทอดไว้ลงไปคลุกให้ซอสเคลือบไก่จนทั่วทั้งชิ้น สุดท้ายโรยงาขาวคั่วลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
5. ไก่ทอดบอนชอน อีกหนึ่งวิธีทำไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่น่าลองทำมากเลยทีเดียว สูตรนี้จะคล้ายกับต้นตำรับจากร้านดังที่เราเคยกินกัน สูตรเลยจะซับซ้อนกว่าสูตรไก่ทอดเกาหลีสูตรที่แล้ว แต่เห็นแล้วน้ำลายจะไหล แผล่บ ๆ
ส่วนผสม 
ปีกไก่ 500 กรัม

เกลือและพริกไทย สำหรับปรุงรส

แป้งข้าวโพด 2 ถ้วย

หอมใหญ่สับ 1/4 ลูก

กระเทียมสับ 4 กลีบ

ซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วย

เหล้ามิริน 1/4 ถ้วย

น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ

ผงกระเทียม 1/2 ช้อนชา

แป้งข้าวโพด 1 ช้อนช้า

ขิงหั่นเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว (สับละเอียด)

งาขาวคั่ว
วิธีทำ 
1. ล้างปีกไก่ให้สะอาด พักทิ้งไว้จนแห้งสนิท

2. โรยเกลือและพริกไทยให้ทั่วปีกไก่ จากนั้นนำไปชุบแป้งข้าวโพดให้ทั่ว แล้วนำปีกไก่ลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันให้แห้ง

3. ทำน้ำจิ้มโดยผสมหัวหอมสับ กระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว เหล้ามิริน น้ำตาลทรายแดง ผงกระเทียม และขิงสับลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานอ่อน เคี่ยวจนส่วนผสมละลายเข้ากัน ปิดไฟ

4. ใส่แป้งข้าวโพดลงในถ้วย ตักส่วนผสมซอสใส่ลงไปคนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียวและมีลักษณะเหนียว

5. นำไก่ที่ทอดไว้ไปชุบลงในน้ำมันร้อน
6. กิมจิ ในเมื่อเป็นเกาหลีจะไม่มีกิมจิได้อย่างไร ซึ่งกิมจิสูตรนี้ใส่โคชูจังแทนพริกเกาหลี ได้รสชาติแปลกใหม่ แต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นเกาหลีให้เราได้ลองลิ้มชิมรสกัน ใครสนใจก็จัดไปให้ไวเลยจ้า (
สูตรจาก คุณ Giftzy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม)
ส่วนผสม 
ผักกาดขาว 2 หัว

น้ำส้มสายชู

หัวไชเท้า 1 หัว (หั่นเป็นแว่น)

เกลือ

แครอท

ต้นหอม (หั่นเป็นท่อน) 3 ต้น

กระเทียมโขลกละเอียด

พริกชี้ฟ้าปั่นละเอียด

ขิงบดละเอียด

น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ

น้ำปลา
วิธีทำ 
นำผักกาดขาวไปแช่น้ำ ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อย แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที (เพราะเราไม่รู้ว่า เขาใส่สารอะไรในผักไปหรือเปล่า ที่บ้านเราจะใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อยค่ะ) พอครบเวลานำผักกาดขาวใส่ลงในกะละมังใบใหญ่ตามด้วยหัวไชเท้า จากนั้นใส่เกลือลงไปประมาน 3 กำมือ ตามด้วยน้ำ กะปริมาณให้พอดีกับผัก พักทิ้งไว้ประมาน 4 ชั่วโมง

นำขิงบด กระเทียมบด และพริกชี้ฟ้าไปปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด

เมื่อครบ 4 ชั่วโมง นำผักมาล้างน้ำ 3 ครั้ง ให้หายเค็ม (เด็ดใบผักกาดมาชิมดูนะ อาจจะหลงเหลือความเค็มนิดหน่อยไม่ว่ากัน)

บีบน้ำออกจากผักให้หมด (ผักหดเหลือแค่นี้เอง 55555)

ใส่แครอท ต้นหอม และส่วนผสมพริกปั่นลงไป ตามด้วย น้ำตาลทราย โคชูจัง และน้ำปลา (ไม่ต้องใส่เยอะมากถ้าเค็มไปมันจะแก้ไม่ได้)

คลุกเคล้าให้เข้ากัน (แนะนำคนที่มือแพ้ง่าย แสบง่ายให้หาถุงมือใส่ดีกว่านะคะ) ชิมรสตามชอบ (ดูว่าขาดอะไรอยากเพิ่มเติมอะไรก็สามารถใส่เพิ่มได้ตามความต้องการ ถ้าไม่เผ็ดก็ใส่พริกป่นของไทยเรานี่แหละเพิ่มลงไป ถ้าไม่เข้มข้นก็ใส่โคชูจังเพิ่ม สีอาจจะดูไม่แซ่บไม่จี๊ดจ๊าดเหมือนพริกเกาหลี แต่รับรองว่าอร่อยนะฮ้าา)

จัดเก็บใส่กล่องหรือภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้โดยไม่ต้องแช่เย็นประมาน 14-18 ชั่วโมง (จะได้รสเปรี้ยวกำลังดี หรือพอครบ 14 ชั่วโมง แล้วเราก็ชิมก่อนว่าเปรี้ยวพอใจเราหรือยัง ถ้ายังไม่เปรี้ยวก็อย่าเพิ่งเอาเข้าตู้เย็นนะคะ จำได้ว่าเขาบอกมันเป็นหลักการเดียวกับแหนม ถ้าเอาเข้าตู้เย็นแล้วจะหยุดเปรี้ยว อาจจะไม่ถึงกับหยุดซะทีเดียว กิมจิยิ่งถ้าเก็บไว้นาน ๆ ยิ่งอร่อยน้ำจะซึมเข้าถึงเนื้อผักเลย)
7. หมูผัดกิมจิ หมูผัดกิมจิ เมนูกับแกล้มสไตล์เกาหลี ที่จับเอาหมูนุ่ม ๆ ชิ้นบาง ๆ ไปผัดกับกิมจิ ได้อารมณ์เกาหลีสุด ๆ ไปเลยล่ะ เจอแบบนี้หุงข้าวรอได้เลย ทำแป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว
สิ่งที่ต้องเตรียม 
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

เนื้อหมูสไลซ์บาง 300 กรัม

กิมจิ 200 กรัม

เกลือป่น สำหรับปรุงรส

พริกไทยดำป่น สำหรับปรุงรส

พริกป่นเกาหลี สำหรับปรุงรส

ผงฮอนตาชิ (หรือผงซุปผัก) สำหรับปรุงรส

ต้นหอมหั่นเป็นท่อนสั้น 1 ต้น

ต้นหอมญี่ปุ่นขูดฝอย และต้นหอมซอย สำหรับแต่ง
วิธีทำ

1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่เนื้อหมูลงผัดสักครู่จนหมูเริ่มสุก (อย่าผัดนานจะทำให้เนื้อหมูแข็ง)

2. เพิ่มไฟแรง ใส่กิมจิลงผัด ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยดำป่น พริกป่นเกาหลี และผงฮอนตาชิ ผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมลงผัดพอเข้ากัน ตักใส่จาน โรยด้วยต้นหอมญี่ปุ่นขูดฝอย และต้นหอมซอยให้สวยงาม พร้อมรับประทาน
8. เนื้อย่างบูลโกกิ มาเบนเข็มไปทางเมนูปิ้งย่างสไตล์เกาหลีกันบ้าง เอาใจคนชอบกินเนื้อวัวด้วยเนื้อบูลโกกิหมักเข้าถึงเครื่อง นุ่ม ๆ หอม ๆ กินกับเครื่องเคียงอย่างกิมจิ ผักดอง ข้าวสวยร้อน ๆ ไม่ไหวจะฟิน พูดเลย !!
สิ่งที่ต้องเตรียม 
เนื้อบูลโกกิ (หรือเนื้อหมู) หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 300 กรัม

ซีอิ๊วญี่ปุ่น 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ

เหล้าจีน 1 ช้อนโต๊ะ

งาเกลือ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (งาขาวคั่วผสมเกลือป่นเล็กน้อย)

กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

ขิงสับละเอียด 1 ช้อนชา

พริกไทยดำบด เล็กน้อย

ต้นหอมซอย สำหรับโรยหน้า

กิมจิ และผัดสดสำหรับรับประทานคู่
วิธีทำ 1. ใส่เนื้อวัวลงในอ่างผสม ตามด้วยซีอิ๊วญี่ปุ่น น้ำตาลทราย น้ำมันงา เหล้าจีน งาเกลือ กระเทียมสับ ขิงสับ และพริกไทยดำ คลุกเคล้าให้เข้ากันดี หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น ประมาณ 30-40 นาที เตรียมไว้
2. นำกระทะสำหรับย่างขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่เนื้อที่หมักไว้ลงย่างจนสุกหอมทั้งสองด้าน ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยต้นหอมญี่ปุ่น พร้อมรับประทานคู่กับกิมจิ ผักสดและน้ำจิ้มสูตรเกาหลีตามชอบ
เป็นไงล่ะ หิวกันไหม ? อยากกินกันรึเปล่า ? บอกแล้วว่าเจอ 8 เมนูอาหารเกาหลีง่าย ๆ แบนี้เข้าไป จะติ่งหรือไม่ติ่งก็ฟินกันทั้งนั้นแหละ เลือกชมเลือกชิมกันให้หนำใจไปเลยค่ะ ^^