แฟนเกาหลีห้ามพลาด ! ชวนทำอาหารเกาหลีเมนูฮิต รวมจานเด็ดพร้อมทำเองที่บ้าน มือใหม่ก็ทำได้ อร่อยเหมือนต้นฉบับ อิ่มพริ้มไม่ต้องง้อร้านแพง ๆ
1. บูเดชิเก หม้อไฟเกาหลี
ภาพจาก : เว็บไซต์ payunbud
ส่วนผสม บูเดชิเก
• ไส้กรอก (หรือผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูปตามชอบ)
• บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้ง หรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลี
• ไข่ไก่
• ผักตามชอบ (เช่น ต้นหอมญี่ปุ่นซอย, แครอทหั่นแว่น, เห็ด, ผักกาดขาว, กะหล่ำปลี เป็นต้น)
• สาหร่าย
• โคชูจัง
• น้ำมันงา
เคล็ดลับ:
1. การทำบูเดชิเกถ้าอยากให้เนียนคล้ายมาม่าเกาหลี แนะนำให้ใช้มาม่าโอเรียนทอลแบบซอง (เพราะมาม่าเกาหลีเส้นจะเป็นแป้งมันฝรั่ง เด้ง ๆ หนึบ ๆ คนละแบบกับมาม่าไทย ตราโอเรียนทอลนี้คล้ายสุดในราคาเบา ๆ)
2. ส่วนอื่น ๆ ที่ควรมีคือ ผักตามชอบ เช่น เห็ด ผักกาดขาว กะหล่ำปลี
3. โคชูจัง อันนี้เป็นตัวหลักที่ให้รสชาติ แนะนำว่า ลองใส่น้ำมันงาเพิ่มจะความแซ่บ
4. สารพัดไส้กรอกและผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์แปรรูป เพราะหม้อไฟนี้เกิดจากที่ทหารอเมริกันเข้ามาตั้งค่าย ส่วนใหญ่เนื้อสัตว์ที่ใส่เลยเป็นเนื้อสัตว์แปรรูป และจะยิ่งแซ่บมาก หากเป็นพวกไส้กรอกรมควันและเบคอน เพราะใส่แล้วเพิ่มกลิ่นหอมน้ำลายไหล
5. ส่วนอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มได้คือ พวกไข่ และแป้งต๊อกโปกิ (Topokki)
วิธีทำหม้อไฟเกาหลี
1. ใส่เส้นมาม่าลงตรงกลางของกระทะ ตามด้วยเครื่องเคราอื่น ๆ ที่หั่นเตรียมไว้วางเรียงลงไปให้ทั่ว
หมายเหตุ: ปกติถ้าใช้มาม่าเกาหลี จะใส่ผงปรุงรสลงไปด้วย ในสูตรใช้มาม่าไทยก็ใส่ได้ แต่มีข้อควรระวังว่า...
- ถ้าชอบแบบแซ่บเหมือนต้มยำ ให้ใส่ผงมาม่า 2 ซอง + โคชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
- ถ้าชอบแบบมีรสผสม ให้ใส่ผงมาม่าแค่ 1/2 ซอง + โคชูจัง 1 ช้อนโต๊ะ
- ถ้าชอบแบบเกาหลีมากกว่า ให้ใส่แต่โคชูจังโปะไปราว 1+1/2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ ราดน้ำมันงาและพริกขี้หนู แล้วใส่น้ำซุปหรือน้ำผสมผงซุปนิดหน่อยแทน
*** ซึ่งสูตรนี้เป็นแบบแรก คือ ใส่ทั้งผงมาม่าและเครื่องมาม่าลงไป ***
2. ตักโคชูจังช้อนใหญ่ ๆ ใส่ลงไปตรงกลางมาม่า ใส่น้ำลงไปจนเกือบท่วมเส้น นำขึ้นตั้งไฟ
หมายเหตุ : ถ้าอยากให้ได้อารมณ์ใช้หม้อไฟฟ้ามานั่งล้อมวงกัน แต่ในสูตรกินกัน 2 คน ล้างลำบาก เลยทำการจัดเรียงใส่กระทะใบใหญ่ให้สวยงาม ใส่น้ำลงไปราวครึ่งหนึ่งพอท่วมเส้นครึ่งหนึ่งค่ะ (ไม่พอเดี๋ยวใส่เพิ่มได้) หากใส่เยอะจะจืดรสไม่เข้มแก้ยากกว่า
3. ต้มไปสักครู่จนเส้นมาม่าเริ่มนิ่มและน้ำเดือดตามต้องการ ระหว่างต้มถ้ากลัวน้ำแห้ง สามารถใส่เพิ่มได้ แต่อย่าให้ท่วม ไม่อย่างนั้นจะเจือจางค่ะ หม้อไฟแบบนี้ใส่น้ำแค่พอขลุกขลิก ไม่เยอะ (ข้อควรระวัง มาม่าไทย พอเอาขึ้นแอบดูดน้ำด้วยนะคะ เผื่อไว้หน่อย) พอเส้นสุกตามชอบยกออกจากเตา พร้อมเสิร์ฟ
หมายเหตุ: ถ้าเป็นมาม่าไทย ต้มราว 3 นาที หรือพอให้เส้นนุ่มตามชอบ แต่ถ้าเป็นมาม่าเกาหลีต้มนาน ๆ หน่อย เพราะเส้นจะหนากว่า หนึบกว่า ยิ่งต้มนานจะยิ่งดูดซึมน้ำอร่อยไปอีกแบบ ดังนั้นถ้าใช้เส้นเกาหลีอย่าใจร้อน สำหรับเส้นไทยก็ตามชอบได้เลย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บูเดชิเก วิธีทำหม้อไฟเกาหลีกินเองที่บ้านในราคาประหยัด
--------------------------------------------------------
2. ซุนดูบูจิเก แกงกิมจิ ซุปกิจิเต้าหู้อ่อน
ภาพจาก : คุณ Rita_Bunny สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม แกงกิมจิ
• เบคอนหั่น หรือหมูสาม (ชั้นหั่นชิ้น) 100 กรัม
• ผงกระเทียม 1 ช้อนชา (หรือกระเทียมสับ 3 กลีบ)
• ขิงผง 1 ช้อนชา (หรือขิงสับ 1 ช้อนชา)
• พริกป่น หรือพริกเกาหลี 1/4 ช้อนชา
• กิมจิ 150-200 กรัม
• น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
• ดาชิ (ผงซุปปลา) 2 ช้อนโต๊ะ (ซุปก้อนไก่หรือหมู 1/2 ก้อน หรือน้ำที่แช่ปลาแห้งปริมาณพอเหมาะ)
• โคชูจัง (พริกแกงเกาหลี) 1-2 ช้อนโต๊ะ
• มิโซะ (เต้าเจี้ยวญี่ปุ่น) หรือเต้าเจี้ยวไทย 1 ช้อนโต๊ะ
• เต้าหู้คินุ หรือเต้าหู้ใบตอง (หั่นเต๋าใหญ่) 1/2-1 ก้อน
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• ต้นหอมญี่ปุ่น หรือต้นหอมไทยหั่นท่อน
วิธีทำแกงกิมจิ
1. นำเบคอนลงไปผัดในกระทะพอให้มีน้ำมันออกมาแล้วใส่กระเทียม ขิง และพริกป่นลงไปผัดให้เข้ากัน พอผัดจนเบคอนหอม ใส่กิมจิ (พร้อมน้ำกิมจิ) ลงไปผัด เติมน้ำเปล่า
2. ปรุงรสด้วยผงซุปปลา โคชูจัง มิโซะ คนให้เข้ากัน
3. ใส่เต้าหู้ลงไป รอสักครู่เพื่อให้เต้าหู้ดูดซึมน้ำซุปเข้าไป (ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที)
4. ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป ปิดไฟ ตักใส่ชาม โรยต้นหอม พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงกิมจิ อาหารเกาหลี เมนูเพื่อสุขภาพ ทำเองอร่อยเหมือนกินที่ร้าน
--------------------------------------------------------
3. ไก่ทอดเกาหลี ไก่ทอดบอนชอน สูตรเผ็ดน้อย
ไก่บอนชอนร้านดังนอกจากจะราคาสูงแล้วยังต้องรอคิวยาวเหยีบด เลยขอจัดให้สักสูตร จับปีกไก่โรยเกลือและพริกไทยแล้วทอด 2 ครั้ง สุดท้ายก็เอาไปคลุกกับน้ำซอส โรยงาขาวเพิ่มความสวยงาม
ส่วนผสม ไก่บอนชอน
• ปีกไก่ 500 กรัม
• เกลือปน
• พริกไทยป่น
• แป้งข้าวโพด 2 ถ้วย
• หอมใหญ่สับ 1/4 ลูก
• กระเทียมสับ 4 กลีบ
• ซีอิ๊วขาว 1/2 ถ้วย
• มิริน หรือเหล้าหวานญี่ปุ่น 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
• ผงกระเทียม 1/2 ช้อนชา
• ขิงหั่นเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว (สับละเอียด)
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนช้า
• งาขาวคั่ว
วิธีทำไก่บอนชอน
1. ล้างปีกไก่ให้สะอาด พักทิ้งไว้จนแห้งสนิท
2. โรยเกลือและพริกไทยให้ทั่วปีกไก่ นำไปชุบแป้งข้าวโพดให้ทั่ว แล้วนำปีกไก่ลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันให้แห้ง
3. ทำน้ำจิ้ม โดยผสมหอมใหญ่สับ กระเทียมสับ ซีอิ๊วขาว มิริน น้ำตาลทรายแดง ผงกระเทียม และขิงสับลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานอ่อน เคี่ยวจนส่วนผสมละลายเข้ากัน ปิดไฟ
4. ใส่แป้งข้าวโพดลงในถ้วย ตักส่วนผสมซอสใส่ลงไปคนผสมให้เข้ากันและมีลักษณะเหนียว
5. นำไก่ที่ทอดไว้ไปลงไปทอดในน้ำมันร้อนจัดอีกครั้ง จากนั้นนำขึ้นมาซับน้ำมันให้แห้งสนิทแล้วนำไปชุบลงในส่วนผสมซอสให้ทั่ว โรยด้วยงาขาวคั่ว พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไก่ทอดบอนชอน วิธีทำไก่ทอดสไตล์เกาหลี เมนูสุดฮิตที่ต้องลองสักครั้ง
--------------------------------------------------------
4. ไก่บอนชอน สูตรเผ็ดกลาง
ภาพจาก : คุณ Sickpuppy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไก่บอนชอน
• น่องไก่และปีกไก่ 1.5 กิโลกรัม
• เกลือป่น
• พริกไทยป่น
• ผงกระเทียมป่น
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• แป้งชุบทอด 1/2 ถ้วย
• แป้งมัน 1/2 ถ้วย
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• น้ำมันพืช (1 ลิตร) 1 ขวด
ส่วนผสม ซอสสำหรับคลุกไก่
• กระเทียม 3-4 กลีบ
• ซอสมะเขือเทศ 1/3 ถ้วย
• โคชูจัง 1/4 ถ้วย
• น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย
• น้ำส้มสายชูแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ
• งาขาว
วิธีทำไก่บอนชอน
1. ล้างทำความสะอาดไก่ทั้งหมดด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำ ใส่อ่างผสม
2. ใส่เกลือป่น พริกไทยป่น และผงกระเทียมป่นลงไป คลุกให้เข้าเนื้อไก่ หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที
3. ทำซอส โดยสับกระเทียมให้ละเอียด แล้วนำไปเจียวกับน้ำมันในกระทะ ใช้ไฟอ่อน ๆ เติมซอสมะเขือเทศ น้ำผึ้ง โคชูจัง และน้ำส้มสายชูลงไป ผัดผสมให้เข้ากัน ปิดไฟ
4. ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปคลุกกับไก่ที่หมักไว้
5. ผสมแป้งทอดกรอบกับแป้งมัน และผงฟูให้เข้ากัน นำไก่ลงไปคลุกให้ทั่วทั้งชิ้น
6. ใส่น้ำมันพืชลงในหม้อใช้ไฟปานกลาง นำไก่ลงทอด ประมาณ 10 นาที แล้วตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จากนั้นวางพักทิ้งไว้อีก 10 นาที
7. นำไก่ลงทอดอีกครั้งโดยใช้ไฟแรงสุด ทอดจนไก่กรอบและมีสีสวย ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน
8. นำส่วนผสมซอสที่เตรียมไว้ขึ้นตั้งไฟ จากนั้นนำไก่ที่ทอดไว้ลงไปคลุกให้ซอสเคลือบจนทั่วทั้งชิ้น โรยงาขาวคั่วลงไปคลุกเคล้าให้ทั่ว จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไก่ทอดเกาหลี เมนูง่ายๆ แบบนี้ทำกินเองกันเถอะพี่ชาย
--------------------------------------------------------
5. บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี
ส่วนผสม บิบิมบับ
• ผักปรุงรส
• เนื้อหมูหมัก
• โคชูจัง
• น้ำตาลทราย
• น้ำมันพืช
• ข้าวสวยหุงสุก
• ไข่แดง
ส่วนผสม ผักปรุงรส
• ถั่วงอก
• ไช้เท้า (หั่นเป็นเส้น)
• ปวยเล้ง (หั่นเป็นท่อน)
• แครอท (ซอยเป็นเส้น)
• เห็ดเข็มทอง
• เกลือ
• น้ำมันงา
• งาขาวคั่ว
• ซีอิ๊วขาว
วิธีทำบิบิมบับ
1. เริ่มจากทำผักปรุงรส โดยใส่น้ำลงในหม้อแล้วนำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่ผักทีละอย่างลงไปลวกจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. ปรุงรสผักทีละอย่าง (ยกเว้นปวยเล้ง) ด้วยเกลือ น้ำมันงา และงาขาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน เตรียมไว้
3. ส่วนปวยเล้งจะปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันงา และงาขาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน เตรียมไว้
4. หั่นเนื้อหมูหมักเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้
5. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เนื้อหมูหมักลงไปผัดจนสุก ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
6. ผสมโคชูจังกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน (สำหรับคนที่ชอบกินหวาน)
7. จัดจานโดยตักข้าวสวยลงในถ้วย วางผักปรุงรสและหมูเกาหลีลงไปให้สวยงาม ราดโคชูจังลงไป สุดท้ายตักไข่แดงวางลงไปตรงกลาง พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บิบิมบับ สูตรข้าวยำเกาหลี เมนูนี้น่ากินจังเลยพี่ชาย
--------------------------------------------------------
6. ปลาหมึกย่างบาร์บีคิวเกาหลี
ภาพจาก : นิตยสารแม่บ้าน
ส่วนผสม ปลาหมึกย่างบาร์บีคิวเกาหลี
• ปลาหมึกกล้วย 4 ตัว
• หอมหัวใหญ่หั่นเส้น 100 กรัม
• ต้นหอมหั่นท่อน 50 กรัม
• แครอทหั่นเส้น 50 กรัม
• ซอสพริกเกาหลี (โคชูจัง) 50 กรัม
• พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่นหยาบ 1/8 ช้อนชา
• น้ำซุปปลาแห้ง 1/4 ถ้วย
• งาขาวคั่ว (สำหรับโรย)
ส่วนผสม น้ำซุปปลาแห้ง
• ปลาโอแห้ง (สำหรับต้มน้ำซุป) 10 กรัม
• น้ำเปล่า 2 ถ้วย
วิธีทำน้ำซุปปลาแห้ง
1. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่ปลาโอแห้ง ปิดฝา ยกลงจากเตาแล้วพักไว้ 5 นาที
2. นำไปกรอง เตรียมไว้
วิธีทำปลาหมึกย่างบาร์บีคิวเกาหลี
1. ทำซอสบาร์บีคิว โดยผสมซอสพริกเกาหลี พริกไทยป่น น้ำมันงา น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำซุปปลาแห้ง คนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวพอข้น ยกลงพักไว้ให้เย็น
2. นำหอมหัวใหญ่ ต้นหอม แครอท และซอสบาร์บีคิวคลุกเคล้าจนเข้ากัน (แบ่งซอสบาร์บีคิวไว้ทาตอนนำปลาหมึกลงย่างไฟ ประมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ)
3. นำส่วนผสมในข้อที่ 2 ยัดไส้ในปลาหมึก ใช้ไม้จิ้มฟันกลัด นำลงย่างบนเตาไฟ พอสุกยกลง ใช้มีดบั้ง ทาซอสบาร์บีคิว ย่างต่อจนสุก ยกลง จัดใส่จาน โรยงาขาวคั่ว จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลาหมึกย่างบาร์บีคิวเกาหลี เมนูปิ้งย่างแดนกิมจิพร้อมซอสรสเข้ม
--------------------------------------------------------
7. ต๊อกโบกี
ภาพจาก : คุณ Liewchem42 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม แป้งต๊อกโบกี
• แป้งข้าวเหนียว 2 ส่วน
• แป้งข้าวเจ้า 1 ส่วน
• น้ำเปล่า
หมายเหตุ : อัตราส่วนแป้งข้าวเหนียวกับแป้งข้าวเจ้าคือ 2:1 เพราะถ้าใส่แป้งข้าวเจ้ามากเกินไปเวลานึ่งออกมาตัวแป้งจะแข็ง ผิวแป้งต๊อกก็จะไม่เนียน หรือถ้าไม่มีแป้งข้าวเจ้าใช้แป้งข้าวเหนียวอย่างเดียวก็ได้ แต่เวลาที่ใช้นึ่งจะทำพอแค่แป้งสุกครึ่งหนึ่งเท่านั้น ถ้าสุกเกินไปแป้งจะเหนียวเกินไป คลึงไม่ได้ ต้องทิ้ง
ส่วนผสม ต๊อกโบกี
• น้ำเปล่า
• ปลาแห้ง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• สาหร่าย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• ซอสถั่วเหลือง
• โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่นละเอียด 1/2 ช้อนชา (พริกป่นเกาหลี หรือพริกป่นไทย)
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• ไข่ต้ม (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)
• หมูยอเห็ดหอม (หรือปลาแผ่น)
• หอมหัวใหญ่หั่นแว่น
• กะหล่ำปลีซอย
• แครอทหั่น
• ต้นหอมซอย
• แป้งต๊อกโบกิ
วิธีทำแป้งต๊อกโบกี
1. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า และน้ำเปล่า นวดเข้าด้วยกัน
2. นำแป้งไปนึ่งจนใส
3. นำแป้งออกมานวดคลึง จากนั้นตัดเป็นแท่ง ถ้ายังไม่ทำกินเลยใส่ถุงพลาสติกแช่ตู้เย็น เตรียมไว้
วิธีทำต๊อกโบกี
1. ต้มน้ำเปล่าในกระทะ ใส่ปลาแห้ง หรือสาหร่าย
2. เติมซอสถั่วเหลือง ใส่แป้งต๊อกที่เตรียมไว้ลงไป แล้วเติมซอสโคชูจังผสม (โคชูจัง 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา, พริกป่น 1/2 ช้อนชา ชอบเผ็ดมากเติมได้ ผสมซอสให้เข้ากัน)
3. ใส่ผักทั้งหลายที่เตรียมไว้ ได้แก่ หอมหัวใหญ่ กะหล่ำปลี และแครอท ตามด้วยหมูยอ ไข่ต้ม คนสม่ำเสมอแป้งจะได้ไม่ติดกระทะ พอต๊อกโบกีข้นพอดี ก็โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำต๊อกโบกี พร้อมสูตรแป้งต๊อก ไม่ต้องซื้อแพง เหนียวหนึบเหมือนต้นตำรับ
--------------------------------------------------------
8. หมูผัดกิมจิ
ส่วนผสม หมูผัดกิมจิ
• เนื้อหมูสไลซ์บาง 300 กรัม
• กิมจิ 200 กรัม
• เกลือป่น
• พริกไทยดำป่น
• พริกป่นเกาหลี
• ผงฮอนดาชิ (หรือผงซุปผัก)
• ต้นหอมหั่นเป็นท่อนสั้น 1 ต้น
• ต้นหอมญี่ปุ่นขูดฝอย
• ต้นหอมซอย
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำหมูผัดกิมจิ
1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่เนื้อหมูลงผัดสักครู่จนหมูเริ่มสุก (อย่าผัดนานจะทำให้เนื้อหมูแข็ง)
2. เพิ่มไฟแรง ใส่กิมจิลงผัด ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทยดำป่น พริกป่นเกาหลี และผงฮอนดาชิ ผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมลงผัดพอเข้ากัน ตักใส่จาน โรยด้วยต้นหอมญี่ปุ่นขูดฝอย และต้นหอมซอยให้สวยงาม พร้อมรับประทาน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ หมูผัดกิมจิ อาหารเกาหลีจานอร่อยชวนหิว
--------------------------------------------------------
9. พาจอน พิซซ่าเกาหลี
ภาพจาก : RinS CookBook สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
ส่วนผสม แป้งพิซซ่าเกาหลี
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
• แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
• ผงฟู 1/4 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
• เกลือป่น เล็กน้อย
• พริกชี้ฟ้า (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• น้ำเย็นจัด 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม หน้าพิซซ่าซีฟู้ด
• ต้นหอม (หั่นท่อนขนาด 1 นิ้ว) 1 ถ้วย
• กุยช่าย (หั่นท่อนขนาด 1 นิ้ว) 1 ถ้วย
• อาหารทะเลตามชอบ หั่นเป็นชิ้น ๆ 1+1/2 ถ้วย (เช่น หอยแมลงภู่, หอยเชลล์, ปลาหมึกสาย, ปลาหมึกกล้วย, กุ้ง, หอยนางรม)
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
ส่วนผสม น้ำจิ้มพิซซ่าเกาหลี
• ซอสปรุงรส 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
• งาขาวคั่ว 1/2 ช้อนชา
• ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น หรือพริกชี้ฟ้าสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา
วิธีทำพิซซ่าเกาหลี
1. ผสมส่วนผสมน้ำจิ้มทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
2. ใส่ส่วนผสมแป้งทั้งหมดลงในอ่างผสม ตีผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ล้างอาหารทะเลให้สะอาด ตักขึ้นสะเด็ดน้ำแล้วซับน้ำให้แห้งสนิท (เพื่อให้แป้งเกาะติดให้มากที่สุด) แล้วใส่อาหารทะเลทั้งหมดลงไปในส่วนผสมแป้ง ตามด้วยพริกชี้ฟ้า คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
4. โรยแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปคลุกกับต้นหอมและกุยช่าย (เพื่อให้ผักติดแป้ง)
5. ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งไฟจนร้อน ใส่ผักคลุกแป้งลงไปในกระทะ เกลี่ยให้ทั่วโดยสม่ำเสมอกัน ทอดประมาณ 1-2 นาที
6. ตักส่วนผสมแป้งใส่ทับลงไป เกลี่ยให้ทั่วเป็นแผ่น ๆ ความหนาเท่า ๆ กัน (จะได้สุกทั่ว)
7. ปิดฝา ทอดด้วยไฟปานกลางประมาณ 10 นาที ในระหว่างทอดให้เขย่ากระทะบ้างเพื่อไม่ให้พิซซ่าติดกระทะและสุกอย่างทั่วถึง พอครบ 10 นาทีให้เพิ่มไฟแรงขึ้นแล้วทอดต่ออีก 5 นาที พอครบเวลา ใช้จานวางคว่ำลงไปในกระทะแล้วคว่ำกระทะนำพิซซ่าออก
8. เช็ดกระทะให้สะอาดแล้วใส่น้ำมันลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลาง พอร้อนแล้วใส่พิซซ่าอีกด้านที่ยังไม่สุกลงทอดต่อประมาณ 10 นาที เพิ่มไฟแรงขึ้นแล้วทอดต่ออีก 2 นาที จนพิซซ่าสุกทั่วทั้งชิ้น คว่ำใส่จาน ตัดเป็นชิ้น ๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พิซซ่าเกาหลีซีฟู้ด หอมอร่อย แบบไม่ต้องอบ เครื่องแน่น
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
10. เมลอนบิงซู
ภาพจาก : คุณ May Thanprasoet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม เมลอนบิงซู
• เมลอน 1/2 ลูก (ในสูตรใช้เมลอนลูกเล็กเลยไม่ต้องผ่าครึ่งลูก)
• นมสด 500 มิลลิลิตร (ถ้าใช้นมรสหวานจะอร่อยกว่านมจืด)
• นมข้นหวาน
• ไอศกรีมวานิลลา
• ถั่วอัลมอนด์
• ถุงซิปล็อก
วิธีทำเมลอนบิงซู
1. เทนมใส่ถุงซิปล็อก ปิดให้สนิทแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซไว้ 3 ชั่วโมง
2. หั่นเมลอนข้างบนกับข้างล่างออก และเอาเม็ดเมลอนออกให้หมด
3. ตักเมลอนออกเป็นลูกกลม ๆ หรือจะใช้มีดแงะ ๆ เนื้อออกแล้วหั่นเป็นลูกเต๋า ตักใส่ภาชนะ
4. นำนมที่แช่ไว้ในช่องฟรีซออกมาทุบ ๆ ให้ละเอียด แล้วตักใส่ในลูกเมลอน เทนมข้นหวานลงไป
5. เอาเมลอนมาจัดเรียง เหลือช่องตรงกลางเพื่อวางไอศกรีม
6. ตักไอศกรีมมาวางไว้ตรงกลาง โรยถั่วอัลมอนด์ ราดด้วยนมข้นหวานอีกรอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำเมลอนบิงซู น้ำแข็งไสเกาหลีไซส์บิ๊ก หอมหวานเย็นฉ่ำอร่อยจุใจ
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
11. บิงซูเมลอน+แตงโม
ภาพจาก : คุณ Rin\'s Cookbook (#Rinscookbook)
ส่วนผสม เมลอนบิงซู
• ครีมสด แบบ Half & Half 1 ถ้วย (หรือนมสด)
• น้ำเย็น 1 ถ้วย
• น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย (หรือน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ)
• ผงวานิลลา 30 กรัม (จะช่วยทำให้เกล็ดน้ำแข็งมีความเข้มข้นมากขึ้น แต่ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• ผลไม้ตระกูลเมลอน ได้แก่ แคนตาลูป เมลอน แตงโมสีแดง และแตงโมสีเหลือง
• นมข้นหวาน (สำหรับราดก่อนเสิร์ฟ)
• ถั่วอัลมอนด์ คอร์นเฟล็ก หรือท็อปปิ้งอื่น ๆ ตามชอบ
• ไอศกรีมวานิลลา หรือไอศกรีมอื่น ๆ ตามชอบ
• เครื่องทำน้ำแข็งไส
วิธีทำบิงซู
1. ตีผสมครีมสดกับน้ำเย็น น้ำเชื่อม และผงวานิลลาด้วยเครื่องตีโฟมนม ตีผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว
2. เทส่วนผสมนมใส่พิมพ์น้ำแข็ง แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
3. ตักเมลอนทั้งหมดเป็นลูกกลม ๆ วางเรียงใส่ถาด ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารแล้วนำไปแช่เย็น ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
4. นำเปลือกเมลอนมาขูดเอาเนื้อออกเตรียมไว้สำหรับทำเป็นถ้วย จากนั้นนำไปแช่แข็ง เพื่อให้ถ้วยเมลอนแข็งแรงและสามารถเก็บความเย็นได้นานขึ้น
5. แกะน้ำแข็งออกจากพิมพ์ใส่ลงในเครื่องไสน้ำแข็ง เปิดเครื่องแล้วไสออกมาใส่ในถ้วยเมลอนแช่แข็ง
6. เรียงเมลอนรอบ ๆ ให้สวยงาม ตักไอศกรีมโปะลงไป ราดนมข้นหวาน ถั่วอัลมอนด์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เมลอนบิงซู วิธีทำน้ำแข็งไสเกาหลี กระแสแรงแบบนี้พลาดได้ไง
+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
12. มะม่วงบิงซู
ภาพจาก : คุณฟิลเตอร์สีขาว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เมลอนบิงซูกินบ่อยก็อาจเบื่อได้ ลองเปลี่ยนแนวมาทำมะม่วงบิงซู สูตรจาก สูตรจาก คุณฟิลเตอร์สีขาว สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ความพิเศษคือ น้ำแข็งไสทำจากนมเปรี้ยวกับโยเกิร์ต กินกับมะม่วงสุกเข้ากันสุด ๆ เลยจ้า
• นมเปรี้ยว (รสใดก็ได้ ในสูตรใช้ขวดใหญ่ของริชเชส)
• โยเกิร์ต 2 ถ้วย
• นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำผึ้ง ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• มะม่วงน้ำดอกไม้ 1 ลูก
• เยลลี่
• นมข้นหวาน สำหรับราด
1. นำนมเปรี้ยวใส่ถ้วย ตามด้วยโยเกิร์ต นมข้นหวาน คนผสมให้เข้ากัน ใส่ลงในถุงซิปล็อก นำไปแช่ช่องฟรีซ 1 คืน
2. ฝานมะม่วงครึ่งหนึ่งแล้วเฉือนเป็นลูกเต๋า เพราะว่าถ้าปอกเปลือกออกก่อน กลัวจะกินเนื้อเยอะ
3. นำนมแช่แข็งออกมา ใช้ช้อนค่อย ๆ ขูดก็จะได้เป็นเกล็ด หรือเอาไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ตักใส่ชาม โปะมะม่วงสุด ราดนมข้น แต่งด้วยเยลลี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 วิธีทำบิงซูโฮมเมด น้ำแข็งไสเกาหลีเย็นฉ่ำได้ที่บ้าน
เชื่อว่าอาหารเกาหลีเมนูฮิตคงถูกอกถูกใจติ่งเกาหลีที่อยากทำอาหารกินเองที่บ้านแน่นอน ได้ทั้งความอร่อยแถมประหยัด ทำกินได้บ่อยไม่มีเบื่อแน่นอนจ้า
ส่วนผสม มะม่วงบิงซู
• นมเปรี้ยว (รสใดก็ได้ ในสูตรใช้ขวดใหญ่ของริชเชส)
• โยเกิร์ต 2 ถ้วย
• นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ (หรือน้ำผึ้ง ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• มะม่วงน้ำดอกไม้ 1 ลูก
• เยลลี่
• นมข้นหวาน สำหรับราด
วิธีทำมะม่วงบิงซู
1. นำนมเปรี้ยวใส่ถ้วย ตามด้วยโยเกิร์ต นมข้นหวาน คนผสมให้เข้ากัน ใส่ลงในถุงซิปล็อก นำไปแช่ช่องฟรีซ 1 คืน
2. ฝานมะม่วงครึ่งหนึ่งแล้วเฉือนเป็นลูกเต๋า เพราะว่าถ้าปอกเปลือกออกก่อน กลัวจะกินเนื้อเยอะ
3. นำนมแช่แข็งออกมา ใช้ช้อนค่อย ๆ ขูดก็จะได้เป็นเกล็ด หรือเอาไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ตักใส่ชาม โปะมะม่วงสุด ราดนมข้น แต่งด้วยเยลลี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 วิธีทำบิงซูโฮมเมด น้ำแข็งไสเกาหลีเย็นฉ่ำได้ที่บ้าน
เชื่อว่าอาหารเกาหลีเมนูฮิตคงถูกอกถูกใจติ่งเกาหลีที่อยากทำอาหารกินเองที่บ้านแน่นอน ได้ทั้งความอร่อยแถมประหยัด ทำกินได้บ่อยไม่มีเบื่อแน่นอนจ้า