ครีเอตอาหารคลีนเฉพาะกิจมาให้ลองชิม มีทั้งอาหารคลีนมื้อต่าง ๆ และของหวานคลีน กินคู่กับผลไม้และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ถ้าสูตรไหนเข้าตาจัดกัน ณ บัดนาว
นี่เป็นงานเขียนแรกของแจ๋วเองค่ะ ที่จะมาแบ่งปันเมนูอาหารคลีน (ในแบบฉบับของแจ๋ว) ที่คิดว่าน่าจะดีต่อใจ ตับ ไต ไส้ และพุงของใครหลาย ๆ คนอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ก็ได้เขียนเกี่ยวกับการทำอาหารในเมนูที่ทำง่ายเหมือนกัน แต่รอบนี้ออกแนวจริงจัง เลยรวบรวมอาหารคลีนแต่ละเมนูมานำเสนอ เผื่อจะเข้าตาคนที่กำลังอยากลองกินอาหารคลีนหรืออยากจะลองทำอาหารกินเองดูค่ะ
เริ่มจากตัวแจ๋วเองชอบทำอาหารมาก ๆ ว่างปุ๊บคือเข้าครัว แล้วมีช่วงหนึ่งอยากจะลดน้ำหนักก็เลยคิดว่า เราจะพยายามทำอาหารกินเองให้ได้เกือบทุกมื้อ เน้นกินผัก-ผลไม้ และของที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ขนมอบกรอบหรือของหวานมาก ๆ ต้องตัดออกจากวงจรชีวิตไปก่อน แอบเศร้า แต่ก็คุ้มนะคะ ได้เมนูอาหารฝีมือตัวเองมาเพียบเลย แล้วก็กลายเป็นคนขยัน (ในช่วงนั้น) ตื่นมาทำมื้อเช้ากินเองด้วย ทำให้กินอาหารแบบมีวินัยมากขึ้น
เอาล่ะ… อาหารคลีนแบบฉบับของแจ๋ว เน้นวัตถุดิบหาง่าย ราคาไม่แพง เน้นทำอาหารไทย ๆ ที่เรามักคุ้นชินกับรสชาติ และที่สำคัญคือ ทำง่าย กินง่าย และสบายกระเป๋าตังค์ของเรา อาจจะไม่ใช่อาหารคลีนในอุดมคติที่ต้องคลีนแบบเคร่งครัด ไม่หวาน ไม่เค็ม ไม่มัน เราเน้นคลีนด้วย อร่อยด้วย มันนิดหน่อยก็อย่าซีเรียสดีกว่า คิดว่าคือการกินคลีนเฉพาะกิจเนอะ แค่ปรับการกินอาหารแต่ละมื้อให้เหมาะสม แจ๋วว่ามันก็น่าจะโอเคแล้วนะ และนี่ก็เป็นเมนูบางส่วนของการเข้าครัวครั้งนี้ ยังมีเมนูอีกเยอะแยะเลย เดี๋ยวจะทยอยอัปเดตเรื่อย ๆ นะคะ เมื่อแจ๋วเข้าครัว...เมนูหลากหลายจึงบังเกิด ฝากติดตามด้วยนะ
1. อกไก่ผัดขิง
ส่วนผสม อกไก่ผัดขิง
• ขิงซอย
• อกไก่หั่นชิ้น
• พริกชี้ฟ้าซอย
• เห็ดหูหนูหั่นฝอย
• น้ำมันหอย
• น้ำตาลทราย
• ต้นหอมซอยหยาบ ๆ
วิธีทำอกไก่ผัดขิง
1. ใส่น้ำมันพืชนิดหน่อย รวนอกไก่ให้สุก
2. ใส่ขิงซอย เห็ดหูหนู และพริกชี้ฟ้าซอย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยกับน้ำตาลทรายนิดหน่อย ผัดให้เข้ากัน แล้วโรยต้นหอมคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน
++++++++++++++++++
2. ปลาแรดทอด (อันนี้เป็นปลาแบบแดดเดียว)
ส่วนผสม ปลาแรดทอด
• ปลาแรด
• น้ำมัน (สำหรับทอด)
• ผักแกล้ม
วิธีทำปลาแรดทอด
1. ตอนทอดน้ำมันต้องเดือดจัด ใส่ปลาลงทอด แล้วค่อยเบาไฟลงนิดหนึ่ง กลับด้านเนื้อปลาแค่ 2 รอบพอ ด้านละไม่เกิน 3 นาที แล้วยกลงวางบนกระดาษซับมันแล้วซับน้ำมันออก
2. แกล้มกับผักต้ม กวางตุ้งต้ม ฟักทองต้ม และแตงกวา จิ้มด้วยน้ำปลามะนาว และเสริมด้วยแก้วมังกรกับน้ำมะเขือเทศ
++++++++++++++++++
3. น้ำตกอกไก่
ส่วนผสม น้ำตกอกไก่
• อกไก่ 1 ชิ้น
• พริกป่น
• ข้าวคั่ว
• มะนาว
• น้ำปลา
• ต้นหอมกับผักชีหั่นซอย
• หอมแดงซอย
วิธีทำน้ำตกอกไก่
1. เอาอกไก่ไปล้างให้สะอาด นำไปต้มน้ำด้วยไฟอ่อน เนื้อจะได้ไม่กระด้างแล้วค่อยหั่นเป็นชิ้น ๆ หรือจะหั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปต้มในน้ำพอขลุกขลิกก็ได้เหมือนกัน
2. ผสมเครื่องปรุงทุกอย่างให้เข้ากัน จัดลงจาน กินกับผักแกล้ม ได้แก่ แตงกวา ใบโหระพา เพิ่มมะเขือเทศเข้ามา พร้อมด้วยแก้วมังกร และน้ำเสาวรส
++++++++++++++++++
4. แกงเขียวหวานอกไก่
ส่วนผสม แกงเขียวหวานอกไก่
• อกไก่หั่นชิ้นบาง ๆ
• พริกแกงเขียวหวาน
• นมจืดไขมัน 0%
• มะเขือเปราะ (หั่นชิ้นแล้วแช่น้ำเกลือเพื่อไม่ให้เนื้อดำ)
• น้ำปลา
• น้ำตาลทราย
• ใบโหระพา
• ใบมะกรูด
• พริกชี้ฟ้าซอย
วิธีทำแกงเขียวหวานอกไก่
1. ตั้งหม้อแล้วใส่น้ำมันพืชนิดหน่อย พอน้ำมันเริ่มร้อนใส่พริกแกงลงไปผัดพอขลุกขลิก
2. ใส่นมจืดตามความเหมาะสม ตามด้วยอกไก่กับมะเขือเปราะ รอน้ำแกงเดือดและมะเขือใกล้สุก ปรุงรสน้ำปลากับน้ำตาลทรายให้เข้ากัน
3. โรยหน้าด้วยพริกชี้ฟ้าซอย ใบมะกรูด และใบโหระพา เสร็จเรียบร้อย หม่ำได้
เมนูนี้ควรกินในมื้อกลางวันนะ จัดหนักได้ ขนมจีนกี่จับก็จัดใส่จานมาได้เลย
เมนูนี้ยังมีแกงเขียวหวานอยู่ จะกินกับข้าว หรือขนมจีนก็ได้ เพิ่มไข่ต้ม 1 ฟอง ฟักทองนึ่ง แอปเปิล และน้ำผลไม้
ถ้ามื้อไหน เราไม่ต้องการกินเยอะ ก็กินผลไม้เบาๆ นมอัลมอนด์ และขนมปัง ส่วนมากเราเอาไว้กินมื้อเย็นในวันที่อับจนเมนู
ส่วนสองอันนี้กินด้วยกันแล้วแบบว่า ช่วยให้ขับถ่ายดีเยี่ยมเลยทีเดียว ยำกระท้อนซื้อจากตลาด ส่วนในถ้วยเล็กนั้นคือ นมเปรี้ยว ใส่เม็ดแมงลัก แอปเปิลหั่นชิ้นเล็ก ๆ โรยหน้าด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เอ๊ะ !! มีลูกเกดโผล่มา เราทำใส่ถ้วยไว้แล้วเอาไปแช่เย็น ตอนตักเข้าปากนี่ฟิน ! สดชื่นมาก
++++++++++++++++++
5. ผัดยอดทานตะวันอ่อนกับเห็ด
สำหรับเมนูนี้ คือ ผัดยอดทานตะวันอ่อนกับเห็ด เสริมด้วยเต้าหู้ไข่ไก่ทอด หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วก็ตั้งไฟทอดได้เลย ซับน้ำมันออกจากเต้าหู้หน่อยเป็นอันใช้ได้
ส่วนผสม ผัดต้นอ่อนทานตะวัน
• ยอดทานตะวันอ่อน ปริมาณตามใจชอบ
• เห็ด (เห็ดฟาง เห็ดออรินจิ เห็ดชิเมจิ) หรือเห็ดที่ชอบ
• พริกขี้หนู ทุบ ๆ พอบุบ
วิธีทำผัดต้นอ่อนทานตะวัน
1. ใส่น้ำมันพืชลงกระทะนิดหน่อย ใส่พริกขี้หนูและเห็ดผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำตาลนิดหนึ่ง น้ำเปล่าสะอาดสักเล็กน้อย
2. ขั้นตอนสุดท้ายใส่ยอดทานตะวันอ่อน ผัดด้วยความรวดเร็วพอให้ผักสลด ตักลงจาน กินกับข้าวสวยก็ฟิน
กินกับข้าวต้มก็อร่อย ตบท้ายด้วยฟักทองนึ่ง แก้วมังกร และกีวี
การกินคลีนนอกจากจะมีเมนูอาหารคาวแล้วอาหารหวานก็ต้องมีเหมือนกัน อันนี้เราชอบทำใส่กล่องไว้แล้วค่อยเอามากินเป็นอาหารว่างระหว่างวัน หรือกินในชั่วโมงที่เร่งรีบ ต้องเซฟเวลา
++++++++++++++++++
ส่วนผสม ของหวานคลีน
• นมเปรี้ยว แบบไขมัน 0%
• เม็ดแมงลักหรือเมล็ดเจีย
• ขนมปังแผ่น 2 แผ่น
• ผลไม้ที่ชอบ
• ธัญพืชอบแห้ง เช่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์
วิธีทำของหวานคลีน
1. เทนมเปรี้ยวลงในกล่อง ประมาณ 2/4 ส่วน
2. หั่นขนมปังแผ่น เป็นชิ้น ๆ ใส่ลงไป หั่นกีวี สตรอว์เบอร์รี แก้วมังกร และแอปเปิลแล้ววางเรียง ๆ กัน โรยหน้าด้วยธัญพืชอบแห้งต่าง ๆ จะกินเลยก็ได้ หรือจะปิดกล่องเอาเข้าตู้เย็นแล้วค่อยกินก็ได้นะคะ ทำง่ายมาก ๆ
ป.ล. เมนูนี้จะเอาผลไม้หรือธัญพืชที่ชอบมาใส่เพิ่มเติมก็ได้นะคะ
หรือจะจัดชุดใหญ่แบบนี้เลยก็ได้ ส่วนตัวเราชอบกินกีวีมาก เป็นผลไม้เมืองหนาวที่หากินได้ง่าย เข้าซูเปอร์มาร์เกตก็เจอแล้ว ราคาก็ไม่แพงมาก แถมคุณประโยชน์เยอะ อย่างน้อยต้องกินวันละ 1 ลูก กีวีมีวิตามินซีสูง ช่วยสร้างคอลลาเจน และมีสาร “โพลีฟีนอล” ช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็ง ลดความดันโลหิตสูงได้ และทุกครั้งที่กินกีวีจะรู้สึกสดชื่นเลยล่ะ รสชาติมันจี๊ดโดนใจจริง ๆ
++++++++++++++++++
7. สลัดผัก
ส่วนเมนูนี้นั้นไม่ต้องใช้ทักษะในการทำอาหารมากมาย แค่หั่น ๆ ฉีก ๆ ผักแล้วก็คลุกเคล้ากับน้ำสลัดให้เข้ากัน
ส่วนผสม สลัดผัก
• ผักสลัด กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค
• แตงกวา มะเขือเทศ
• กีวี แอปเปิล
• ถั่วสิลง
• อัลมอนด์
• ดอกอัญชัน
• น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น (น้ำใส)
วิธีทำสลัดผัก
1. ฉีกผักสลัดให้เป็นชิ้นพอดีคำ หั่นแตงกวา มะเขือเทศ กีวี และแอปเปิล นำทุกอย่างใส่ชามใบใหญ่
2. ตักน้ำสลัดในปริมาณที่เหมาะสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยถั่วลิสงและอัลมอนด์
ส่วนดอกอัญชันนั้นเราไม่ได้เอามาตกแต่งแต่อย่างใด สามารถกินได้จริง ๆ ค่ะ เราเคยเห็นในอินสตาแกรมคุณชมพู่ มีดอกอัญชันวางเคียงกับอาหาร เราเลยถามแม่ว่า กินได้ไหม แม่บอกว่า ได้สิ เราก็เลยลองกินดู สรุปมันกินได้ รสชาติก็เหมือนกินผักทั่วไป มันมีประโยชน์อย่างไรก็จำไม่ได้แล้ว แต่ก็อร่อยดี
++++++++++++++++++
8. สลัดผักลูกชิ้นหมูกับต้มถั่วเขียว
และเมนูนี้ เราก็ประยุกต์มาจากจานสลัดก่อนหน้านี้ โดยที่เราจะสำรวจก่อนว่า มีวัตถุดิบอะไรยังเหลือในตู้เย็นไหม เราก็จัดการโละ ปรากฏว่า เราเจอลูกชิ้นหมู ก็เลยเอามาต้มใส่ผักสลัดที่เหลือ แตงกวา และมะเขือเทศ โรยถั่วลิสง กินอย่างเดียวกลัวไม่อิ่ม เราเลยมีของหวานเป็นต้มถั่วเขียว (หวานน้อย) และน้ำมะเขือเทศ เฮลธ์ตี้มาก ๆ เลย
ถ้ามื้อเย็นวันไหนเราอับจนเมนู คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ก็จะจบด้วยผลไม้ ต้มถั่วเขียว และน้ำผลไม้นิดหน่อย
ผัดขิง ไข่ต้ม และต้มถั่วเขียว
++++++++++++++++++
9. มินิพิซซ่าไข่ขาว
อันนี้คือ มินิพิซซ่าไข่ขาวที่เราภูมิใจนำเสนอสุด ๆ คือ ตอนทำก็ยังคิดนะว่าหน้าตาจะออกมาเป็นยังไง กินได้ไหม สรุปว่าก็รอดนะ
ส่วนผสม มินิพิซซ่าไข่ขาว
• ไข่ขาว 3 ฟอง (แยกไข่แดงออกไป)
• เห็ดหอมสด หั่นบาง ๆ
• พริกหวาน เขียวแดง หั่นบาง ๆ
• อกไก่หั่นบาง ๆ
วิธีทำมินิพิซซ่าไข่ขาว
1. ปรุงรสไข่ขาวด้วยเกลือป่น พริกไทย และน้ำตาลทรายเล็กน้อย เจียวให้เข้ากัน เหมือนทำไข่เจียวปกติ
2. ทำหน้าพิซซ่านั้นให้ผัดเห็ดหอม พริกหวาน และอกไก่ให้เข้ากัน ใช้น้ำมันนิดหน่อย ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทย และซอสปรุงรส เราใช้ซอสเห็ดหอมเหยาะไปหน่อยหนึ่ง ผัดให้เข้ากันแล้วพักไว้ก่อน
3. ตัวซอสพิซซ่า เราทำแบบง่าย ๆ คือเอาซอสมะเขือเทศ และซอสพริกผสมกัน
4. ทีนี้มาถึงขั้นตอนการอบพิซซ่า ใช้กระทะเทฟลอน หรือจะเอาเข้าไมโครเวฟก็ได้ค่ะ ทาน้ำมันลงในภาชนะเล็กน้อย เทไข่ขาวลงไป ตะล่อม ๆ ให้เป็นวงกลม รอให้ไข่ขาวเซตตัวและเริ่มสุก เราก็ทาซอสพิซซ่าแล้วนำพริกหวาน อกไก่ และเห็ดหอมที่ผัดไว้วางเรียงลงไป
5. ปิดฝากระทะแล้วอบต่อสักประมาณ 3 นาที เพิ่มความน่ากินก็โรยออริกาโน่ และผงปาปริก้าลงไป ถ้าใครจะใช้ไมโครเวฟ ก็ให้เทไข่ขาวลงจานแล้วอบประมาณ 3 นาที แล้วก็ทาซอส ใส่หน้าพิซซ่าลงไป อบต่ออีก 3 นาที แล้วโรยออริกาโน่ ผงปาปริก้า เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
แอบยากไหมเมนูนี้ ส่วนไข่แดงที่เหลือเก็บไว้ก่อนนะ เรายังใช้ในเมนูอื่นได้ ไม่เสียของแน่นอน
++++++++++++++++++
10. ไข่คน
และสำหรับไข่แดงที่เหลือจากการทำมินิพิซซ่าไข่ขาวในเมนูก่อนหน้านี้ เราจะมาทำเป็น "ไข่คน"
ส่วนผสม ไข่คน
• ไข่แดง
• ซอสปรุงรส
• พริกไทย
• แครอต
• น้ำมัน
• อกไก่
• พริกไทยดำ
• เกลือ
• น้ำผึ้ง
วิธีทำไข่คน
1. ตีผสมไข่แดง ใส่ซอสปรุงรสกับพริกไทย เราเพิ่มแครอตหั่นเต๋าลงไปด้วย
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย พอกระทะเริ่มร้อนเทไข่ลงไปเลย คน ๆ จนสุกแล้วออกมาหน้าตาแบบในรูป
3. ส่วนอกไก่ชิ้น ๆ นั้น เราหมักอกไก่กับเกลือ พริกไทยดำ และน้ำผึ้ง กะปริมาณที่เหมาะสมแล้วนำไปจี่บนกระทะร้อน ๆ จนสุก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ กินแกล้มกับผักต้มชนิดต่าง ๆ เสริมด้วยแอปเปิลและน้ำส้ม
อันนี้เป็นเมนูที่เราลองทำช่วงแรก ๆ เลย ไข่คนเลยออกมาหน้าตาไม่งามเท่าไร
เมนูนี้ก็จะคล้ายกับเมนูก่อนหน้า คือมีไข่คน แต่อันนี้รีบคนมากไปหน่อย ยังไม่เนียน ส่วนอกไก่ก็ทำแบบเดียวกับเมนูก่อนหน้า แต่เราบ้ากินออริกาโน่เลยโรยหนักหน่วงไปหน่อย ใครไม่ชอบก็ไม่ต้องโรยหน้า และมีเมนูขนมหวานถ้วยน้อยเอาไว้ล้างปาก คือมีนมเปรี้ยว เม็ดแมงลัก และกีวี เพิ่มเติมมาด้วยน้ำมะเขือเทศ ตอนแรกก็กินไม่เป็นเหมือนกันนะ น้ำมะเขือเทศเนี่ย จนฝืนใจกินไปเรื่อย ๆ อ้าว เฮ้ย !! กลายเป็นชินละ กินได้สบาย ๆ ไม่ต้องฝืนทนอีกต่อไป
++++++++++++++++++
11. ผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
ส่วนผสม ผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
• อกไก่ (หั่นเป็นชิ้น)
• พริกหวาน (หั่นเป็นชิ้น)
• เห็ดหอม (หั่นเป็นชิ้น)
• น้ำมันหอย
• ซอสปรุงรส
• น้ำตาลทราย
วิธีทำผัดพริกหวานเห็ดหอมและอกไก่
1. ใส่อกไก่ลงในกระทะผัดจนสุก ตามด้วยพริกหวานกับเห็ดหอม ผัดให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลนิดหน่อย ถ้าไม่ชอบผัดแบบแห้ง ๆ ให้เติมน้ำเปล่าสะอาดลงไปสักเล็กน้อย เสิร์ฟพร้อมต้มถั่วเขียว และฟักทองนึ่ง 4-5 ชิ้น
++++++++++++++++++
12. สลัดผักปลาดอรี่
ส่วนผสม สลัดผักปลาดอรี่
• ผักสลัดตามชอบ
• แตงกวา
• มะเขือเทศ
• ปลาดอรี่
• น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่นน้ำใส
วิธีทำสลัดผักปลาดอรี่
1. เตรียมผักสลัด หั่นแตงกวา และมะเขือเทศ จัดลงจาน
2. ส่วนปลาดอรี่ เราใช้วิธีจี่ลงไปบนกระทะให้สุก กินกับน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น (น้ำใส) ตบท้ายด้วยแอปเปิล จานนี้ทำง่ายมาก ๆ
++++++++++++++++++
• อกไก่ 1 ชิ้นใหญ่
• ผักสดต่าง ๆ
• เส้นหมี่แห้ง
• พริก
• กระเทียม
วิธีทำเมี่ยงอกไก่
1. หมักอกไก่ด้วยน้ำปลานิดหน่อยค่ะ แล้วนำไปนึ่งจนสุก ประมาณ 10 นาที หั่นบาง ๆ จัดลงจาน
2. นำเส้นหมี่แห้งแช่น้ำ ประมาณ 5 นาที แล้วนำไปลวกในน้ำร้อนจัด ทิ้งไว้ 2 นาที พักเส้นหมี่ไว้บนตะแกรง คลุกน้ำมันนิดหน่อย ไม่ให้เส้นติดกัน จัดลงจานพร้อมกับผักสด แตงกวา ผักกาดขาว และใบโหระพา
3. ทำน้ำจิ้ม โดยแกะกระเทียม 20 กลีบใส่ลงในครก ตามด้วยพริกขี้หนูสวนแล้วแต่ความชอบ เผ็ดมาก เผ็ดน้อย โขลกให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาล มะนาวและน้ำปลา เสิร์ฟกับเมี่ยงอกไก่
++++++++++++++++++
14. ผัดฟักทอง
บางวันเราขี้เกียจออกไปจ่ายตลาด เราก็จะเอาวัตถุดิบที่เหลืออยู่ในตู้เย็นมาใช้ให้หมดก่อน ประหยัดดีไหม และเราก็จิ๊กฟักทองของแม่มาจนได้ เมนูนี้ก็เลยมีแต่ฟักทอง และฟักทอง
ส่วนผสม ผัดฟักทอง
• ผักทอง (ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ)
• กระเทียมทุบ 4-5 กลีบ
• ไข่ไก่ 1-2 ฟอง
วิธีทำผัดฟักทอง
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันนิดหน่อย พอกระทะเริ่มร้อนก็ใส่กระเทียมลงไป ผัดแล้วตามด้วยฟักทอง ผัดไปผัดมา ระหว่างผัดกระทะอาจจะแห้งก็คอยเติมน้ำสะอาดทีละนิดทีละหน่อย รอจนฟักทองเริ่มสุก
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ ถ้าใครไม่มีก็ใช้น้ำตาลทรายแทนได้นะ (แต่น้ำตาลปี๊บให้รสชาติอร่อยกว่า) ปรุงรสให้เหมาะสม ไม่เค็มไป ไม่หวานไป ใส่ไข่ไก่ลงไปผัด ๆ คลุกเคล้าให้เข้ากันก็เรียบร้อยแล้ว
ฟักทองยังเหลือเราก็เอาไปนึ่งกินกับน้ำมะเขือเทศ (อีกแล้วสินะ) มันมีประโยชน์จริงๆ กินเถอะ
++++++++++++++++++
15. ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
วันไหนที่อยากซดอะไรร้อน ๆ เราก็มักจะฝากกระเพาะไว้กับเมนูนี้ ต้มยำน้ำใสส่วนมากจะใส่เห็ดนานาชนิดที่ชอบกินและอกไก่
ส่วนผสม ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
• เครื่องต้มยำ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
• หอมแดง (แกะเปลือก) 4-5 หัว
• พริกขี้หนู (ทุบพอบุบ)
• เห็ดฟาง
• มะเขือเทศสีดา
• มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
• มะนาว
• อกไก่หั่นชิ้นบาง ๆ
• ผักชีฝรั่ง (ใส่ได้เลยนะ แต่วันนั้นเราลืมใส่ สงสัยจะเบลอ)
วิธีทำต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
1. ตั้งน้ำให้เดือด ปริมาณน้ำก็ดูตามความเหมาะสมนะ ถ้ากินคนเดียว ใส่พอให้ได้ชามเล็ก ๆ ก็พอ
2. ใส่เครื่องต้มยำ ข่าก็ทุบ ๆ ใส่ลงไปสักสองชิ้น อย่าใส่เยอะนะเดี๋ยวจะมีรสฝาด ตะไคร้ก็ทุบ ๆ เหมือนกัน แล้วก็หั่นสักหน่อยเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงไปให้พอหอม ตามด้วยหอมแดงจะช่วยให้น้ำต้มยำหวานอร่อย และมะเขือเทศสีดา ใส่ให้ช่วยเพิ่มรสเปรี้ยว
3. พอทุกอย่างเดือดเข้าที่ ให้ใส่อกไก่หั่นชิ้นลงไป รอจนสุก ใส่เห็ด
4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ยกหม้อต้มยำลงจากเตาได้
5. จากนั้นก็ฉีกใบมะกรูดโรยหน้า ใส่พริกขี้หนูทุบเพิ่มความเผ็ด ถ้ายังเปรี้ยวไม่สะใจบีบมะนาวเพิ่มนะคะ หรืออ่อนรสใดไปก็ค่อย ๆ เติมจนได้รสที่ถูกปากนะ แต่อย่ารสชาติสุดโต่งเกินไป ไม่เค็มมาก ไม่เปรี้ยวมาก สงสารกระเพาะนะ
ส่วนจานนี้ช่างดูเฮลธ์ตี้เหมาะกับมื้อเย็น สูตรการทำต้มยำลอกจากด้านบน แต่อันนี้จะเป็นต้มยำเห็ดนะคะ เลือกเห็ดที่เราชอบมาใส่ ทั้งชิเมจิ ออรินจิ เห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง และเห็ดภูฏานได้หมดเลย ยกเว้น เห็ดหูหนูสีดำ ใส่แล้วไม่เข้าพวกนะ ปลาทูนึ่ง และผักนึ่ง เราใช้เป็นกวางตุ้ง ส่วนน้ำจิ้มก็น้ำปลาผสมมะนาว ตบท้ายด้วย แก้วมังกร 2 ชิ้น อย่ากินเยอะ แม่บอกว่าเปลือง
วันไหนเหนื่อยมาก ๆ ทำแค่มื้อเช้ากับกลางวัน แต่มื้อเย็นไม่อยากทำ เราจะฝากกระเพาะไว้กับสามสิ่งนี้ ไม่ได้โฆษณาเน้อ คือ ถ้าชอบกินนมอะไรก็กินแทนมื้อเย็นได้เลยจ้า แต่เราลองกินนมอัลมอนด์แบบไม่หวานก็โอเคอยู่นะ จิบน้ำผลไม้นิดหน่อยกับกล้วยน้ำว้าอีก 2 ลูก กล้วยน้ำว้าเหมาะมากเลยนะสำหรับคนที่อยากกินคลีน ควรมีติดบ้านไว้เลย สัปดาห์ละ 1 หวี กินตอนเช้า 1 ลูก เย็น 1 ลูกก็ได้ อิ่มท้องด้วย แล้วก็มีประโยชน์
++++++++++++++++++
16. สลัดต้นอ่อนทานตะวัน
และค่ำคืนนี้ เราขอส่งท้ายด้วยสลัดทานตะวันอ่อน เมนูที่ไม่ยุ่งยากอะไรทั้งนั้น
ส่วนผสม สลัดต้นอ่อนทานตะวัน
• ทานตะวันอ่อน (หาซื้อได้ตามตลาด ซูเปอร์มาร์เกต) อันนี้เราปลูกเอง ก็เลยเก็บไว้ทำได้หลายเมนู
• ปูอัด หั่นชิ้น
• มะเขือเทศหั่นชิ้น
• น้ำสลัดรสชาติที่ชอบ เลือกแบบไขมันต่ำ
วิธีทำสลัดต้นอ่อนทานตะวัน
• ใส่ทุกอย่างลงในชาม เติมน้ำสลัด แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน จัดลงจาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำผลไม้และกีวี
++++++++++++++++++
17. สปาเกตตีซอสมะเขือเทศ
ส่วนผสม สปาเกตตีซอสมะเขือเทศ
• เส้นสปาเกตตี เราใช้ No.1
• อกไก่สับพอประมาณ
• มะเขือเทศหั่นเต๋า
• แครอตหั่นเต๋า
• ซอสมะเขือเทศ
วิธีทำสปาเกตตีซอสมะเขือเทศ
1. ต้มเส้นสปาเกตตีในน้ำเดือดประมาณ 6-7 นาที ถ้าชอบเส้นนิ่มกว่านั้นก็ประมาณ 8-9 นาที ใส่เกลือป่นลงไปในน้ำเล็กน้อย พอสุกให้ตักแล้วน็อกด้วยน้ำเย็น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ทำซอสสปาเกตตี โดยผัดอกไก่สับ แครอต และมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยเกลือป่นกับน้ำตาลทรายนิดหน่อย ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำสะอาดเล็กน้อย เพื่อให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน เติมซอสมะเขือเทศลงไปตามใจชอบ
3. จัดเส้นสปาเกตตีลงจาน ราดด้วยน้ำซอสมะเขือเทศ เพื่อความสวยงามและหอมกรุ่น โรยออริกาโน่เพิ่ม ส่วนฟักทองและเห็ดหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ แล้วจี่บนกระทะให้สุก เสิร์ฟพร้อมกีวีคู่ใจ
++++++++++++++++++
18. สลัดทานตะวันอ่อนกับปูอัด
เมนูสลัดทานตะวันอ่อนกับปูอัด ดูวิธีทำด้านบน ส่วนต้มจืดฟักเห็ดหอมนั้นก็ทำง่ายนิดเดียว
ส่วนผสม ต้มจืดฟักเห็ดหอม
• ฟัก (หั่นชิ้นพอดีคำ)
• เห็ดหอมสด (หั่นชิ้น)
• ต้นหอมซอย
วิธีทำต้มจืดฟักเห็ดหอม
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ฟักลงไปต้มจนสุก
2. ใส่เห็ดหอม แล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเล็กน้อย ตามสัดส่วน โรยหน้าด้วยต้นหอม
เมนูนี้ไม่ต้องปรุงเยอะเลยค่ะ เพราะจะได้ความหวานกลมกล่อมจากเนื้อฟัก ความหอมของเห็ดหอม คลีน ๆ เนอะ ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้ จะได้สดชื่น
++++++++++++++++++
19. ปลาดอรี่นึ่งมะนาว
ส่วนผสม ปลาดอรี่นึ่งมะนาว
• ปลาดอรี่
• ผักกาดหอม
• มะเขือเทศ
• แตงกวา
• มะนาว
• กระเทียมสับละเอียด
• พริกขี้หนูสับ
วิธีทำปลาดอรี่นึ่งมะนาว
1. นำปลาดอรี่นึ่งประมาณ 7 นาที
2. ทำน้ำราด โดยผสมกระเทียม พริกขี้หนู น้ำปลา มะนาว และน้ำตาลเล็กน้อย ราดลงบนปลาดอรี่ จัดจาน กินแกล้มกับผักกาดหอม มะเขือเทศ และแตงกวา กลัวไม่อิ่ม เพิ่มไข่ต้ม 1 ฟอง และน้ำผลไม้
++++++++++++++++++
20. ผัดผักบุ้ง
หนึ่งในเมนูง่าย ๆ กินคู่กับข้าวต้มอุ่นๆ
ส่วนผสม ผัดผักบุ้ง
• ผักบุ้งจีน
• กระเทียม (ทุบพอบุบ)
• พริกขี้หนู (ทุบพอบุบ)
• น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย
• น้ำเปล่า
วิธีทำผัดผักบุ้ง
1. ตั้งกระทะเลย ใส่น้ำมันนิดหน่อยใส่กระเทียมกับพริกขี้หนู แล้วตามด้วยผักบุ้งจีน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำปลา และน้ำตาลทรายนิดหนึ่ง เติมน้ำเปล่าสะอาดเล็กน้อย
กินคู่กับข้าวต้ม ถ้ากลัวจะไม่อิ่มก็ดื่มน้ำเต้าหู้สักแก้ว
++++++++++++++++++
21. ผัดบวบใส่ไข่
สำหรับเมนูนี้การทำต้มยำเห็ด ขออ้างอิงสูตรจากด้านบน
ส่วนผสม ผัดบวบใส่ไข่
• บวบปอกเปลือก (หั่นชิ้นพอดีคำ)
• กระเทียม (ทุบพอบุบ)
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• เกลือป่นเล็กน้อย
• น้ำตาลทรายเล็กน้อย
• น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำผัดบวบใส่ไข่
1. ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย ตามด้วยกระเทียม ใส่บวบลงไปผัดจนสุก แล้วใส่ไข่ไก่ ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง
2. ปรุงรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย น้ำตาลทรายเล็กน้อย และน้ำมันหอย
++++++++++++++++++
22. แกงเลียงกุ้ง
"มันคงเป็นความรัก... บวบ" มาต่อกันอีกสักมื้อ กับผัดบวบใส่ไข่ เพิ่มเติมมาคือแกงเลียง มีบวบเหลือ ต้องคิดทำอาหารให้หมด จะได้ไปจ่ายตลาดรอบใหม่
ส่วนผสม แกงเลียงกุ้ง
• ฟักทอง (หั่นชิ้น)
• ข้าวโพดอ่อน (หั่นชิ้น)
• เห็ดฟาง (หั่นชิ้น)
• บวบ (หั่นชิ้น)
• กุ้ง (จะแกะเปลือกออกก่อน หรือจะล้างกุ้งให้สะอาดแล้วใส่ทั้งเปลือกแล้วค่อยแกะตอนกินก็ได้)
• ใบแมงลัก
ส่วนผสม น้ำพริกแกงเลียง
• พริกแห้ง 5 เม็ด
• กระชาย (หั่นชิ้น) 1 ถ้วยเล็ก
• หอมแดง 4-5 หัว
• เกลือป่นเล็กน้อย
• พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำแกงเลียงกุ้ง
1. ทำน้ำพริกแกงเลียง โดยใส่พริกแห้งตำ ๆ ตามด้วยกระชาย หอมแดง ปรุงรสด้วยเกลือป่น พริกไทย และกะปิ โขลกทุกอย่างให้เข้ากัน
2. ตั้งน้ำพอประมาณให้เดือด ตักน้ำพริกแกงใส่ลงไป ตามด้วยฟักทอง ข้าวโพดอ่อน และเห็ดฟาง ขั้นตอนสุดท้ายใส่กุ้ง พอสุกก็ปิดไฟ แล้วใส่ใบแมงลัก เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองเมนู บวบและบวบมาเจอกัน
++++++++++++++++++
23. ต้มซุปน่องไก่และอกไก่ผัดซีอิ๊ว
ส่วนผสม ต้มซุปน่องไก่
• น่องไก่
• มะเขือเทศ
• ต้นหอมซอย
วิธีทำต้มซุปน่องไก่
1. ต้มน้ำให้เดือด ใส่ซอสปรุงรส เกลือป่น และน้ำตาลทรายนิดหน่อย
2. ใส่น่องไก่ และมะเขือเทศ สูตรนี้สามารถเพิ่มมันฝรั่ง และแครอตใส่ได้ ต้มจนสุก แล้วใส่ต้นหอมซอย
ส่วนผสม อกไก่ผัดซีอิ๊ว
• อกไก่หั่นบาง
• กระเทียมสับ
• ซีอิ๊วขาว
• น้ำตาลทราย
วิธีทำอกไก่ผัดซีอิ๊ว
1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันนิดหน่อย ใส่กระเทียมลงผัด ตามด้วยอกไก่ ผัดจนสุก
2. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวตามความเหมาะสม ใส่น้ำตาลทรายนิดหน่อย ตบท้ายของหวานด้วยต้มถั่วเขียว
++++++++++++++++++
เราเน้นทำแบบง่าย ๆ ส่วนผสมที่ไม่คลีนก็ต้องตัดออก อย่างเบคอนกับชีสเป็นอันต้องอดไปก่อน
ส่วนผสม สปาเกตตีคาโบนารา
• เส้นสปาเกตตี (ต้มในน้ำเดือดประมาณ 7 นาที ใส่เกลือป่นนิดหน่อย )
• เห็ดหั่น (ชิ้นเล็ก ๆ)
• แฮมไก่หั่น (ชิ้นเล็ก ๆ)
• เนยจืดไขมันต่ำ
• นมจืดไขมันต่ำ
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ)
วิธีทำสปาเกตตีคาโบนารา
1. เตรียมเส้นสปาเกตตีที่ต้มแล้ว จัดลงจานรอไว้ก่อน
2. ทำซอสคาโบนารา ใส่เนยลงในกระทะ ใส่เห็ดกับแฮมผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือป่นกับน้ำตาลทรายเล็กน้อย
3. ใส่นมจืดตามความเหมาะสม พอเริ่มเดือดให้ตอกไข่ไก่ลงไป คนให้เข้ากัน
4. ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำ จนน้ำซอสข้นเหนียว ตักราดเส้นสปาเกตตี หรือจะเอาเส้นมาคลุกกับน้ำซอสเลยก็ได้ แล้วแต่ชอบ โรยหน้าด้วยออริกาโน่เพื่อความหอม เพิ่มเติมด้วยแฮม เห็ด และฟักทองจี่ลงบนกระทะจนสุก ตบท้ายด้วยน้ำมะเขือเทศ ปรับสูตรซอสคาโบนาราใส่เนื้อสัตว์ได้ เช่น กุ้ง หรืออกไก่ได้
++++++++++++++++++
25. เต้าเจี้ยวหลนแบบคลีน
กินกับผักต้ม ผักสด ก็ได้หมดเลย
ส่วนผสม เต้าเจี้ยวหลน
• เต้าเจี้ยวขาว (ล้างน้ำให้สะอาด 2 ถ้วยเล็ก แล้วโขลกแต่เนื้อให้ละเอียด)
• อกไก่ (สับละเอียด) 1 ถ้วยเล็ก (ใช้แทนเนื้อหมูสับ)
• หอมแดง (ซอยหยาบ ๆ)
• พริกชี้ฟ้า หรือพริกขี้หนูหั่น
• นมจืดไขมันต่ำ (ใช้แทนกะทิ)
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• เกลือ
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำมะขามเปียก
วิธีทำเต้าเจี้ยวหลน
1. เทนมจืดลงใส่หม้อพอประมาณ นำเต้าเจี้ยวที่โขลกละเอียดแล้วละลายลงไป ตามด้วยอกไก่สับ คนให้เข้ากันจนสุก
2. ใส่พริกที่หั่น และหอมแดง ปรุงรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียกให้เข้ากัน
3. ตีไข่ไก่แล้วเทลงไป คนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน เสร็จเรียบร้อย รอให้เย็นแล้วตักลงถ้วยได้ ถ้าชอบเผ็ดใส่พริกสดเพิ่มอีกได้ค่ะ กินพร้อมเครื่องเคียง ได้แก่ อกไก่ต้มฟักทองต้ม แครอตต้ม แตงกวาสด เห็ดถอบ หรือจะใช้เห็ดชนิดอื่น ๆ ก็กินเข้ากันค่ะ ดอกอัญชันที่กินได้ก็จัดลงจานมาด้วย คิดว่ากินแล้วจะสวยจริง ๆ นะ
อันนี้ไม่คลีนนะคะ เอาไว้กินช่วงที่พักจากการกินคลีนแทนก็แล้วกัน เย้ ! เริ่มเลยดีกว่า
++++++++++++++++++
ส่วนผสม หมูสับผัดกะปิ
• หมูสับ
• ผักเครื่องเคียง
• มะนาว
• พริกขี้หนู
• กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำสะอาดเล็กน้อย)
วิธีทำหมูสับผัดกะปิ
1. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่หมูสับลงผัดจนสุก
2. ปรุงรสด้วยกะปิละลายน้ำ น้ำตาลทรายเล็กน้อย ถ้าชอบรสเผ็ดให้ใส่พริกขี้หนูสับลงไปเพิ่ม จัดลงจาน พร้อมผักเครื่องเคียง
ป.ล. ถ้าเจียวกระเทียมโรยหน้าด้วย จะแจ่มมาก ก่อนกินบีบมะนาวแล้วคลุกเคล้าเนื้อหมูให้เข้ากัน รับรองแซ่บ
++++++++++++++++++
วันไหนฝนตก อากาศเย็น อยากซดอะไรร้อน ๆ คิดถึงแกงจืดได้นะ ต้มจืดแตงกวายัดไส้ ใส่ไควาเระ ขอแนะนำ "ไควาเระ" มันคือผักญี่ปุ๊นญี่ปุ่น เหมือนยอดอ่อนตำลึง รสชาติหวาน มีความกรุบกรอบ
ส่วนผสม ต้มจืดแตงกวายัดไส้ใส่ไควาเระ
• แตงกวาคว้านเอาไส้ออก
• หมูสับ (หมักด้วยกระเทียม พริกไทย และรากผักชี)
• ผักไควาเระ
• กระเทียมเจียว
วิธีทำต้มจืดแตงกวายัดไส้ ใส่ไควาเระ
1. เอาหมูสับยัดใส่แตงกวาที่คว้านไส้ออกแล้ว
2. ตั้งน้ำให้เดือดแล้วใส่แตงกวาลงไป ต้มจนสุก
3. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย
4. ขั้นตอนสุดท้าย ในขณะนี้น้ำแกงยังร้อนใส่ผักไควาเระลงไป คนให้เข้ากัน ปิดไฟ เป็นอันเสร็จเรียบร้อย จัดเสิร์ฟพร้อมโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว ซดได้ฟินมาก หอมหวานและเผ็ดร้อนพริกไทย
++++++++++++++++++
28. ไข่เจียวใส่ผักวอเตอร์เครส
"วอเตอร์เครส" เป็นผักที่โตในน้ำ หรือเรียกอีกอย่างว่า สลัดน้ำ มีประโยชน์หลากหลาย เช่น บำรุงสายตา ช่วยลดระดับไขมันในเลือด ล้างสารพิษในร่างกาย ช่วยย่อยอาหาร หาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เกต ราคาย่อมเยา สามารถนำมาปลูกไว้กินต่อได้อีก
ส่วนผสม ไข่เจียวใส่ผักวอเตอร์เครส
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• ผักวอเตอร์เครส (เด็ดเอาแต่ใบ)
• น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
• น้ำปลา 1 ช้อนชา
วิธีทำไข่เจียวใส่ผักวอเตอร์เครส
1.นำผักกับไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย 1 ช้อนชา และน้ำปลา 1 ช้อนชา ตีผสมจนขึ้นฟู
2. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้ร้อนจัด เทไข่เจียวลงทอด พอขึ้นฟูจึงค่อย ๆ เบาไฟ ทอดจนสุก เอากระดาษซับน้ำมันออก จัดลงจาน จะกินกับข้าวสวยร้อน ๆ หรือข้าวต้มสักถ้วยก็ตามสะดวกเลยนะคะ สามารถเปลี่ยนใส่ผักชนิดอื่น ๆ ได้ เช่น แครอต ข้าวโพดอ่อน ชะอม หอมหัวใหญ่ และมะเขือเทศ
++++++++++++++++++
29. ต้มยำรวมมิตร
มื้อไหนอยากเผ็ดซี้ด ลองต้มยำรวมมิตรแซ่บ ๆ ไหมคะ
ส่วนผสม ต้มยำรวมมิตร
• กุ้ง (แกะเปลือกออก ล้างสะอาดแล้วกรีดเอาเส้นดำ ๆ ที่หลังกุ้งออก)
• ปลาหมึก (หั่นเป็นแว่น ๆ ชิ้นพอดีคำ)
• อกไก่หั่นชิ้นเล็ก ๆ
• เห็ดชนิดต่าง ๆ เลือกที่ชื่นชอบ
• เครื่องต้มยำ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
• ผักชีฝรั่ง
• พริกขี้หนู
• น้ำพริกเผา
• มะนาว
• น้ำมะขามเปียก
• นมข้นจืด
เอาล่ะ วัตถุดิบอาจจะดูเยอะไปหน่อย แต่ความอร่อยมีมาก เราต้องยอมในจุดจุดนี้ มาเริ่มลงมือทำกันเลยดีกว่า
วิธีทำต้มยำรวมมิตร
1. ตั้งน้ำในปริมาณที่เหมาะสมกับสัดส่วนวัตถุดิบ รอให้เดือด ใส่ตะไคร้ และข่า ตามด้วยอกไก่กับปลาหมึก รอให้เนื้อสัตว์สุกใส่เห็ดลงไป
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลากับน้ำมะขามเปียก หากไม่เปรี้ยวเติมมะนาวทีหลังได้
3. ใส่กุ้งหลังสุดเพื่อไม่ให้กุ้งหดตัวและมีเนื้อแข็งกระด้าง ใส่พริกขี้หนูทุบ น้ำพริกเผา เติมนมข้นจืดลงไปเล็กน้อย พอให้น้ำข้นใส่ใบมะกรูด และผักชีฝรั่ง เรียบร้อยแล้ว ก็จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
++++++++++++++++++
30. มาม่าต้มยำ
ส่วนอันนี้ก็จัดชุดใหญ่ อยากกินมาม่าเจ้าดังไม่ต้องไปถึงร้าน ทำกินที่บ้านได้ง่าย ๆ แต่กินคนเดียวไม่อร่อย ต้องหาแนวร่วมด้วยนะ
ส่วนผสม มาม่าต้มยำ
• มาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้น 2 ซอง
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• กุ้ง
• เนื้อไก่
• ลูกชิ้นปลา
• เห็ด
• หมูสับ
• น้ำพริกเผา
• พริกขี้หนู
• ผักชีฝรั่ง
• มะนาว
• นมข้นจืด
วิธีทำมาม่าต้มยำ
1. ลวกเนื้อสัตว์ที่หั่นเตรียมไว้ให้สุก พักใส่จานไว้ก่อน และลวกเส้นมาม่า
2. ทำน้ำต้มยำ โดยใส่เครื่องปรุงในซองมาม่า ใส่น้ำพริกเผาเพิ่ม ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว และนมข้นจืด เทน้ำต้มยำลงหม้อ หรือชามใบใหญ่
3. จัดเส้นมาม่าลงไปก่อน ตามด้วยเนื้อสัตว์ จัดวางให้สวยงาม ใส่ผักชีฝรั่ง ตอกไข่ไก่ลงไป ตกแต่งด้วยพริกและมะนาวหั่น
เย้ ๆ เรียบร้อยไปอีกเมนู ถ้าชอบเนื้อสัตว์ชนิดไหนใส่เพิ่มได้เลยค่ะ เนื้อปู ปูอัด หมูกรอบ หรือลูกชิ้นชนิดอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน
และแล้วก็เดินทางมาถึงเมนูสุดท้าย ขอแจ๋วเวิ่นนิดหนึ่งนะ คือตอนแรกที่ตั้งใจจะเขียน ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะทำได้ครบไหมกับเมนูที่สะสมเอาไว้ แต่พอได้เขียนรู้สึกเพลินมากเลย เขียนไปหิวไปด้วยนะ ยิ่งมาเขียนตอนดึก ท้องร้องเบา ๆ สุดท้ายนี้แจ๋วหวังว่า ใครที่ผ่านเข้ามาอ่านจะแฮปปี้กับเมนูต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอ ถ้ามีไอเดียเกี่ยวกับอาหารอีก รับรองว่าจะมาแบ่งปันอีกอย่างแน่นอน
ขอลาด้วยเมนูนี้ แล้วแจ๋วจะเข้าครัวเอาเมนูดี ๆ มาฝากกันอีกนะคะ
++++++++++++++++++
31. กุ้งถัง (แบบฉบับของแจ๋ว)
• กุ้ง (ไม่ต้องแกะเปลือกออก ล้างให้สะอาด)
• ปลาหมึก (ล้างสะอาด หั่นเป็นแว่น ๆ)
• หอยลายล้างให้สะอาด (ถ้ามีปู หอยแมลงภู่ หรือของทะเลชนิดอื่นใส่เพิ่มได้)
• ข้าวโพด
• พริกไทยเม็ด (ตำให้ละเอียด)
• น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
• เนยสด
• ผงปาปริก้า
• ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา
• ใบโหระพา
วิธีทำกุ้งถัง
1. ลวกเนื้อสัตว์ทุกอย่างให้สุกแล้วพักทิ้งไว้ให้เย็นก่อน และเอาข้าวโพดหั่นแว่น ๆ ลวกให้สุก
2. ทำซอส โดยใส่เนยลงในกระทะ ตามด้วยน้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชู 2 ช้อนชา น้ำสะอาดเล็กน้อย ใส่พริกไทยและผงปาปริก้าลงไป คนให้เข้ากัน
3. ใส่เนื้อสัตว์และข้าวโพดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่ใบโหระพา เสร็จแล้วก็จัดลงจาน พร้อมเสิร์ฟ
อยากผอมลงอีกนิดหนึ่งเพราะเสื้อผ้าเริ่มฟิตใส่ไม่ได้แล้วล่ะ นอกจากออกกำลังกายแล้วก็ต้องควบคุมอาหารด้วย โดยเฉพาะอาหารคลีนบ้างไม่คลีนบ้างนี่แหละน่าจะถูกปากเราที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณ Wittra_tt กับ คุณ Ctc026698 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม