สายเผ็ดเร่เข้ามา พบกับปลาดุกผัดฉ่า สูตรอาหารไทยหอมสมุนไพร ผัดจนแห้งเคี้ยวนุ่มรสเผ็ดติดลิ้น เหมาะทั้งกินกับข้าวสวยหรือเป็นกับแกล้ม
ใครชอบอาหารรสจืดคงต้องผ่านไปก่อน เพราะเมนูผัดฉ่า เหมาะกับขาแซ่บเท่านั้น โดยเฉพาะเมนูผัดฉ่าปลาที่ใคร ๆ ก็ทำกินกัน กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำปลาดุกผัดฉ่า สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับปลาดุกไปทอดจนสุกแล้วเอามาผัดกับเครื่องโขลกและสมุนไพร ผัดจนแห้งเอามาคลุกกับข้าวสวยสุดฟิน
ตะโกน้อยชวนฝอย อร่อยกับปลาผัดฉ่า ปลาราดพริก โดย คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
อีกไม่กี่วันก็พลันจะเดือนหงาย ท้องฟ้าในยามค่ำสว่างไสว น่ายลโฉมก้อนเมฆและดวงจันทร์ ชาวเรือชาวประมงก็ได้เวลาหยุดพักผ่อนหลังจากตรากตรำก้มหน้าสาวแหอวนมาตลอดร่วม 20 กว่าวัน ในเดือน ๆ หนึ่ง วันหยุดพักผ่อนก็คือวันที่เดือนหงายฉายแสงสาดส่องไปในผิวน้ำทะเลยามค่ำคืน และจะกลับคืนมาประกอบอาชีพเช่นเดิมหลังจากนั้นราว 3-4 วัน น้ำที่แล้ว เรือทุกลำยิ้มกันแก้มปริ เพราะราคาอาหารทะเลที่พุ่งขึ้น กอปรกับปริมาณที่จับได้มากตามไปด้วย เรือลำใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งปลาโอ ปลาอินทรี รวมถึงปลาที่มีราคา พากันยิ้มทั่วหน้า ไต๋บางลำขึ้นฝั่งขายปลาแล้วเข้าร้านทอง ยังไม่ทันตัดบัญชี เห็นแล้วก็น่าภูมิใจในความสำเร็จ แถมยังแอบอิจฉาเล็กน้อยที่ไม่มีวาสนา ไม่มีทุนรอนที่จะได้ครองเรือลำใหญ่ ๆ
ตะโกก็เฝ้าหากินไป รอให้ลูกเต้าเติบใหญ่ ด้วยเรือ 6 วา พร่ำพรรณนามายาวยืด เข้าเรื่องกับข้าวกับปลากันดีกว่า น้ำนี้ปลามีเพียบ ทั้งเต๋าเต้ย ปลาเก๋า แถมด้วยดุกเลที่ออกหากินยามลมจัด พร้อมแล้วก็เตรียมตั้งหม้อข้าว ตะโกพร้อมลงมือทำกับข้าว ให้ชมกันครับ
ป.ล. ตะโกน้อย เข้าโรงเรียนเตรียมฯ คุณครูก็สอน “จับไข่” ตั้งแต่เริ่มต้น
ปลาดุกทะเลมักอาศัยบริเวณพื้นน้ำที่เป็นดินโคลน และมักจะทำรูในดินโคลนเป็นที่อยู่อาศัย บ้างก็ซอกหลืบของขอนไม้ และที่ที่เป็นโพรง ยามที่ออกหากินมักจะออกช่วงน้ำขึ้นไหลเชี่ยว ส่วนใหญ่จับได้ตัวด้วยเบ็ด เบ็ดราว อวน และแห บ้างก็ใช้ไซดักตามร่องน้ำที่ปลาออกหากิน ปลาดุกเล ชาวใต้เรียกปลามิหลัง หรือบิหลัง นิยมกินกันมากเมื่อตลาดมีสินค้า บ้างก็แกงกะทิ บ้างก็แกงเผ็ด ตลอดจนแกงส้ม และแกงคั่ว เน้นที่รสจัดจ้าน แล้วแต่บ้านไหนถนัดเมนูอะไร จัดเป็นปลาเนื้อนุ่ม นิ่มเนียน แต่มีเมือกค่อนข้างแยะ
ส่วนผสม ปลาดุกผัดฉ่า
• เนื้อปลาดุกหั่นชิ้น
• พริกสด
• กระเทียม
• กระชาย
• พริกไทยสด
• ใบมะกรูด
• พริกชี้ฟ้า
• ใบกะเพรา
• น้ำปลา
• ผงปรุงรส (รสดี)
• น้ำตาลทราย
• น้ำปู หรือซีอิ๊วมาเลย์
• น้ำมันพืช
วิธีทำปลาดุกผัดฉ่า
วิธีคลายเมือกแบบง่าย ๆ คือเอาเกลือทาแล้วล้างออกสัก 3-4 น้ำ จับผิวดูไม่ลื่นเมือกเป็นใช้ได้ ทอดเนื้อปลาดุกเลด้วยไฟแรง ให้ผิวนอกกรอบ ผิวในก็จะยิ่งนุ่ม ตักขึ้นพักไว้
ตำพริกกับกระเทียม หรือจะสับแบบหยาบ ๆ ก็ดูสวยน่ากิน
ผัดกับน้ำมันจนพริกหอม แล้วใส่หัวปลาลงไปก่อน เพราะไม่ได้ทอดเหมือนเนื้อปลา
ใส่กระชายลงไปผัดพร้อมหัวปลาจนใกล้สุก
เมื่อหัวใกล้สุกก็ใส่เนื้อปลาที่ทอดแล้วลงไป เติมน้ำปลา รสดี ตัดน้ำตาล ใส่น้ำปูหรือซีอิ๊วมาเลย์ แล้วตามด้วยผักที่เตรียมไว้ เร่งไฟให้แรง เพื่อที่จะได้ผัดแบบไม่เจิ่งน้ำ มาแบบแห้ง ๆ รสชาติมาจัด ๆ
ความอร่อยของผัดฉ่าคือกลิ่นต้องมาก่อน ทั้งกระชายกับใบมะกรูดมีความหอมเต็มที่ พริกที่เคลือบผิวก็ส่งกลิ่นพร้อมกับความเผ็ดดุดัน เนื้อปลานุ่มผิวกรอบ รสชาติเค็มเผ็ดซึมซับไว้ที่เนื้อ ผัดแห้ง ๆ แบบนี้คอเหล้ามักจะชอบ
กินเปล่า ๆ กลัวไม่อิ่ม ต้องพึ่งข้าวสวยมาแบบร้อน ๆ ตักผัดฉ่าลงไป แคะก้างกลางออก ตักเครื่องสมุนไพรโป๊ะเนื้อปลา จะพาให้หอมอร่อย
ตะโกน้อย ขอลาไปก่อนพร้อมกับภาพนี้นะครับ หัดตักข้าวตักปลา โตขึ้นมาคงไม่อด ตะโกจะนำเสมอเมนูใหม่ในเร็ว ๆ นี้ ช่วงหยุดหงายให้นะครับ กราบสวัสดี
จบไปแล้วสำหรับเมนูปลาดุกผัดฉ่า แต่สำหรับใครไม่กินปลาดุกก็เปลี่ยนไปทำผัดฉ่าปลากะพง ผัดฉ่าปลากราย ผัดฉ่าปลานิล หรือผัดฉ่าปลาบึกก็แจ่มนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ตะโกน้อยชวนฝอย อร่อยกับปลาผัดฉ่า ปลาราดพริก โดย คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
อีกไม่กี่วันก็พลันจะเดือนหงาย ท้องฟ้าในยามค่ำสว่างไสว น่ายลโฉมก้อนเมฆและดวงจันทร์ ชาวเรือชาวประมงก็ได้เวลาหยุดพักผ่อนหลังจากตรากตรำก้มหน้าสาวแหอวนมาตลอดร่วม 20 กว่าวัน ในเดือน ๆ หนึ่ง วันหยุดพักผ่อนก็คือวันที่เดือนหงายฉายแสงสาดส่องไปในผิวน้ำทะเลยามค่ำคืน และจะกลับคืนมาประกอบอาชีพเช่นเดิมหลังจากนั้นราว 3-4 วัน น้ำที่แล้ว เรือทุกลำยิ้มกันแก้มปริ เพราะราคาอาหารทะเลที่พุ่งขึ้น กอปรกับปริมาณที่จับได้มากตามไปด้วย เรือลำใหญ่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทั้งปลาโอ ปลาอินทรี รวมถึงปลาที่มีราคา พากันยิ้มทั่วหน้า ไต๋บางลำขึ้นฝั่งขายปลาแล้วเข้าร้านทอง ยังไม่ทันตัดบัญชี เห็นแล้วก็น่าภูมิใจในความสำเร็จ แถมยังแอบอิจฉาเล็กน้อยที่ไม่มีวาสนา ไม่มีทุนรอนที่จะได้ครองเรือลำใหญ่ ๆ
ตะโกก็เฝ้าหากินไป รอให้ลูกเต้าเติบใหญ่ ด้วยเรือ 6 วา พร่ำพรรณนามายาวยืด เข้าเรื่องกับข้าวกับปลากันดีกว่า น้ำนี้ปลามีเพียบ ทั้งเต๋าเต้ย ปลาเก๋า แถมด้วยดุกเลที่ออกหากินยามลมจัด พร้อมแล้วก็เตรียมตั้งหม้อข้าว ตะโกพร้อมลงมือทำกับข้าว ให้ชมกันครับ
ปลาดุกทะเลมักอาศัยบริเวณพื้นน้ำที่เป็นดินโคลน และมักจะทำรูในดินโคลนเป็นที่อยู่อาศัย บ้างก็ซอกหลืบของขอนไม้ และที่ที่เป็นโพรง ยามที่ออกหากินมักจะออกช่วงน้ำขึ้นไหลเชี่ยว ส่วนใหญ่จับได้ตัวด้วยเบ็ด เบ็ดราว อวน และแห บ้างก็ใช้ไซดักตามร่องน้ำที่ปลาออกหากิน ปลาดุกเล ชาวใต้เรียกปลามิหลัง หรือบิหลัง นิยมกินกันมากเมื่อตลาดมีสินค้า บ้างก็แกงกะทิ บ้างก็แกงเผ็ด ตลอดจนแกงส้ม และแกงคั่ว เน้นที่รสจัดจ้าน แล้วแต่บ้านไหนถนัดเมนูอะไร จัดเป็นปลาเนื้อนุ่ม นิ่มเนียน แต่มีเมือกค่อนข้างแยะ
ส่วนผสม ปลาดุกผัดฉ่า
• เนื้อปลาดุกหั่นชิ้น
• พริกสด
• กระเทียม
• กระชาย
• พริกไทยสด
• ใบมะกรูด
• พริกชี้ฟ้า
• ใบกะเพรา
• น้ำปลา
• ผงปรุงรส (รสดี)
• น้ำตาลทราย
• น้ำปู หรือซีอิ๊วมาเลย์
• น้ำมันพืช
วิธีทำปลาดุกผัดฉ่า
วิธีคลายเมือกแบบง่าย ๆ คือเอาเกลือทาแล้วล้างออกสัก 3-4 น้ำ จับผิวดูไม่ลื่นเมือกเป็นใช้ได้ ทอดเนื้อปลาดุกเลด้วยไฟแรง ให้ผิวนอกกรอบ ผิวในก็จะยิ่งนุ่ม ตักขึ้นพักไว้
เมื่อหัวใกล้สุกก็ใส่เนื้อปลาที่ทอดแล้วลงไป เติมน้ำปลา รสดี ตัดน้ำตาล ใส่น้ำปูหรือซีอิ๊วมาเลย์ แล้วตามด้วยผักที่เตรียมไว้ เร่งไฟให้แรง เพื่อที่จะได้ผัดแบบไม่เจิ่งน้ำ มาแบบแห้ง ๆ รสชาติมาจัด ๆ
ความอร่อยของผัดฉ่าคือกลิ่นต้องมาก่อน ทั้งกระชายกับใบมะกรูดมีความหอมเต็มที่ พริกที่เคลือบผิวก็ส่งกลิ่นพร้อมกับความเผ็ดดุดัน เนื้อปลานุ่มผิวกรอบ รสชาติเค็มเผ็ดซึมซับไว้ที่เนื้อ ผัดแห้ง ๆ แบบนี้คอเหล้ามักจะชอบ
กินเปล่า ๆ กลัวไม่อิ่ม ต้องพึ่งข้าวสวยมาแบบร้อน ๆ ตักผัดฉ่าลงไป แคะก้างกลางออก ตักเครื่องสมุนไพรโป๊ะเนื้อปลา จะพาให้หอมอร่อย
ตะโกน้อย ขอลาไปก่อนพร้อมกับภาพนี้นะครับ หัดตักข้าวตักปลา โตขึ้นมาคงไม่อด ตะโกจะนำเสมอเมนูใหม่ในเร็ว ๆ นี้ ช่วงหยุดหงายให้นะครับ กราบสวัสดี
จบไปแล้วสำหรับเมนูปลาดุกผัดฉ่า แต่สำหรับใครไม่กินปลาดุกก็เปลี่ยนไปทำผัดฉ่าปลากะพง ผัดฉ่าปลากราย ผัดฉ่าปลานิล หรือผัดฉ่าปลาบึกก็แจ่มนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก