เพราะอร่อยเลยต้องกลับมาทำซ้ำ พบกับคัสตาร์ดเค้ก (Custard Cake) สูตรขนมชุ่มซอสคาราเมล เข้ากันดีกับเนื้อคัสตาร์ดและเนื้อเค้กสปันจ์เนยสด ใครอยากกินแทนข้าวก็ยังได้เลย
จากที่เคยทำคัสตาร์ดคาราเมล แม้จะอร่อยเนื้อเด้งดึ๋งทั้งชิ้น แต่รสออกหวานแสบคอไปหน่อย ลองแปลงร่างเป็นเค้กคัสตาร์ดโดยเพิ่มเนื้อเค้กตัดเลี่ยนดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำคัสตาร์ดเค้ก สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ หน้าเค้กคาราเมลเนียนสุด ๆ มาพร้อมเนื้อคัสตาร์ดสลับชั้นกับเนื้อเค้กสปันจ์ พออบเสร็จตัดแบ่งเป็นชิ้นแจกให้ทั่วบ้านเลยนะคะ
มาทำ "คัสตาร์ดเค้ก" ขนมที่คุณพ่อของป้าเคยเหมาแม่ค้าทั้งกล่อง อร่อยจนต้องกินแทนข้าว โดย ครัวป้ามารายห์
คัสตาร์ดเค้ก สำหรับพิมพ์ทรงกลมขนาด 3 ปอนด์
ส่วนผสม คาราเมล
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• น้ำ 60 กรัม
• น้ำร้อนจัด 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม คัสตาร์ด
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• ไข่แดง 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 15 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• นมข้นจืด 250 กรัม
• นมข้นหวาน 240 กรัม (ถ้าไม่ชอบหวาน ก็ลดลงได้ค่ะ)
ส่วนผสม สปันจ์เค้ก
• ไข่ไก่ 3 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• สารเสริมคุณภาพ SP หรือโอวาเลต 15 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 40 กรัม
• นมข้นจืด หรือนมสด 40 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• แป้งเค้ก 100 กรัม
• เนยจืดละลาย 80 กรัม
วิธีทำคัสตาร์ดเค้ก
ขั้นตอนที่ 1 เราจะทำคาราเมลกันก่อนเลย
ตั้งเตาใส่น้ำตาลทรายและน้ำลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำตาลเป็นสีออกน้ำตาล และเริ่มมีกลิ่นไหม้น้ำตาลนิด ๆ แล้วใส่น้ำร้อนจัดใส่ลงไป (ขั้นตอนนี้ต้องระวังมากนะคะ ควรใส่ถุงมือผ้าเพื่อความปลอดภัยค่ะ)
หลังจากนั้นเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ กลิ้งคาราเมลให้ทั่วพิมพ์ด้านล่าง ส่วนด้านข้างก็แล้วแต่ชอบนะคะ ป้าอยากให้เค้กด้านข้างฉ่ำไปด้วยคาราเมลเลยกลิ้งทั่วทั้งพิมพ์เลย
ขั้นตอนที่ 2 เราจะทำคัสตาร์ด
ใส่ไข่ไก่ ไข่แดง น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาลงในชามผสม แล้วใช้ตะกร้อตีจนเข้ากัน
หลังจากนั้นใส่นมข้นจืด คนจนเข้ากัน และตามด้วยนมข้นหวานแล้วคนจนเข้ากัน
พอคาราเมลเซตตัวแล้วก็กรองคัสตาร์ดลงไปในพิมพ์
ขั้นตอนที่ 3 เราจะนำเค้กเนื้อสปันจ์กัน
เริ่มต้นตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือ สารเสริมคุณภาพ SP และกลิ่นวานิลลาจนเข้ากันและฟูสีอ่อนลง หลังจากนั้นค่อยเติมน้ำ ตีต่อจนเข้ากัน แล้วเติมนมลงไปตีต่อจนฟูเบา ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาทีค่ะ พอฟูได้ที่แล้วสังเกตเวลายกหัวตะกร้อขึ้นส่วนผสมหยดจากตะกร้อจะนูนบนผิวเค้กและไม่จมลง
หลังจากนั้นเติมแป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูลงไป ตีจนเข้ากัน เช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ค่อยใส่เนยละลายไปเป็นสาย (เนยละลายให้พักจนอุ่นก่อนนะคะ) ต่อเนื่องไปจนหมด แล้วตีต่ออีกสัก 3-5 นาที หลังจากนั้นเช็กดูก้นโถว่ามีเนยนอนก้นหรือเปล่า ถ้ามีเนยหรือแป้งนอนก้นจะทำให้เค้กเป็นไตนะคะ
พอตีเข้ากันหมดแล้วก็เทใส่พิมพ์ อบบนถาดน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (ไฟบ้านใครแรงก็เหลือสัก 170 องศาเซลเซียสก็ได้ค่ะ) เป็นเวลา 60 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง
หลังจากนั้นอบต่อเฉพาะไฟล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-30 นาที หรืออาจจะนานกว่านั้น (หลายท่านทำไม่สุกตามเวลาที่ป้าบอก อาจจะต้องคอยเช็กความสุกโดยการเอามีดดันเค้กดูด้านข้างว่ามีคัสตาร์ดไหลออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่ไหลก็ถือว่าสุกแล้วค่ะ)
พออบเสร็จปุ๊บให้เอาออกจากพิมพ์ทันที จะเอาออกง่ายและหน้าเค้กออกมาสวยงาม โดยใช้มีดปลายแหลมแซะด้านข้างพิมพ์ คว่ำจานสำหรับรองเค้กลงไปแล้วพลิกกลับด้าน
เสร็จแล้วค่ะ
ติดตามครัวป้ามารายห์ได้เพิ่มเติมที่ เฟซบุ๊ก ครัวป้ามารายห์
วิธีทำคัสตาร์ดเค้ก
อดใจไม่กินเค้กมานานเพราะกำลังไดเอต แต่ต้องมาตบะแตกเพราะเห็นภาพคัสตาร์ดเค้กก้อนนี้ เอาน่า… นาน ๆ กินทีเนอะ ขอจัดสักปอนด์กินให้หายอยากแล้วค่อยเบิร์นก็ยังได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ครัวป้ามารายห์
คัสตาร์ดเค้ก 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 340 กิโลแคลอรี
จากที่เคยทำคัสตาร์ดคาราเมล แม้จะอร่อยเนื้อเด้งดึ๋งทั้งชิ้น แต่รสออกหวานแสบคอไปหน่อย ลองแปลงร่างเป็นเค้กคัสตาร์ดโดยเพิ่มเนื้อเค้กตัดเลี่ยนดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำคัสตาร์ดเค้ก สูตรจาก ครัวป้ามารายห์ หน้าเค้กคาราเมลเนียนสุด ๆ มาพร้อมเนื้อคัสตาร์ดสลับชั้นกับเนื้อเค้กสปันจ์ พออบเสร็จตัดแบ่งเป็นชิ้นแจกให้ทั่วบ้านเลยนะคะ
มาทำ "คัสตาร์ดเค้ก" ขนมที่คุณพ่อของป้าเคยเหมาแม่ค้าทั้งกล่อง อร่อยจนต้องกินแทนข้าว โดย ครัวป้ามารายห์
คัสตาร์ดเค้ก สำหรับพิมพ์ทรงกลมขนาด 3 ปอนด์
ส่วนผสม คาราเมล
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• น้ำ 60 กรัม
• น้ำร้อนจัด 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม คัสตาร์ด
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• ไข่แดง 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 15 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• นมข้นจืด 250 กรัม
• นมข้นหวาน 240 กรัม (ถ้าไม่ชอบหวาน ก็ลดลงได้ค่ะ)
ส่วนผสม สปันจ์เค้ก
• ไข่ไก่ 3 ฟอง (ไข่ไก่เบอร์ 2)
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• สารเสริมคุณภาพ SP หรือโอวาเลต 15 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 40 กรัม
• นมข้นจืด หรือนมสด 40 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• แป้งเค้ก 100 กรัม
• เนยจืดละลาย 80 กรัม
วิธีทำคัสตาร์ดเค้ก
ตั้งเตาใส่น้ำตาลทรายและน้ำลงไปในหม้อ ต้มจนน้ำตาลเป็นสีออกน้ำตาล และเริ่มมีกลิ่นไหม้น้ำตาลนิด ๆ แล้วใส่น้ำร้อนจัดใส่ลงไป (ขั้นตอนนี้ต้องระวังมากนะคะ ควรใส่ถุงมือผ้าเพื่อความปลอดภัยค่ะ)
หลังจากนั้นเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ กลิ้งคาราเมลให้ทั่วพิมพ์ด้านล่าง ส่วนด้านข้างก็แล้วแต่ชอบนะคะ ป้าอยากให้เค้กด้านข้างฉ่ำไปด้วยคาราเมลเลยกลิ้งทั่วทั้งพิมพ์เลย
ขั้นตอนที่ 2 เราจะทำคัสตาร์ด
ใส่ไข่ไก่ ไข่แดง น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลาลงในชามผสม แล้วใช้ตะกร้อตีจนเข้ากัน
หลังจากนั้นใส่นมข้นจืด คนจนเข้ากัน และตามด้วยนมข้นหวานแล้วคนจนเข้ากัน
พอคาราเมลเซตตัวแล้วก็กรองคัสตาร์ดลงไปในพิมพ์
ขั้นตอนที่ 3 เราจะนำเค้กเนื้อสปันจ์กัน
เริ่มต้นตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย เกลือ สารเสริมคุณภาพ SP และกลิ่นวานิลลาจนเข้ากันและฟูสีอ่อนลง หลังจากนั้นค่อยเติมน้ำ ตีต่อจนเข้ากัน แล้วเติมนมลงไปตีต่อจนฟูเบา ใช้เวลาประมาณ 8-10 นาทีค่ะ พอฟูได้ที่แล้วสังเกตเวลายกหัวตะกร้อขึ้นส่วนผสมหยดจากตะกร้อจะนูนบนผิวเค้กและไม่จมลง
หลังจากนั้นเติมแป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูลงไป ตีจนเข้ากัน เช็กดูก้นโถว่ามีแป้งนอนก้นอยู่หรือเปล่า ถ้าไม่มีก็ค่อยใส่เนยละลายไปเป็นสาย (เนยละลายให้พักจนอุ่นก่อนนะคะ) ต่อเนื่องไปจนหมด แล้วตีต่ออีกสัก 3-5 นาที หลังจากนั้นเช็กดูก้นโถว่ามีเนยนอนก้นหรือเปล่า ถ้ามีเนยหรือแป้งนอนก้นจะทำให้เค้กเป็นไตนะคะ
พอตีเข้ากันหมดแล้วก็เทใส่พิมพ์ อบบนถาดน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (ไฟบ้านใครแรงก็เหลือสัก 170 องศาเซลเซียสก็ได้ค่ะ) เป็นเวลา 60 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง
หลังจากนั้นอบต่อเฉพาะไฟล่างที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 20-30 นาที หรืออาจจะนานกว่านั้น (หลายท่านทำไม่สุกตามเวลาที่ป้าบอก อาจจะต้องคอยเช็กความสุกโดยการเอามีดดันเค้กดูด้านข้างว่ามีคัสตาร์ดไหลออกมาหรือเปล่า ถ้าไม่ไหลก็ถือว่าสุกแล้วค่ะ)
พออบเสร็จปุ๊บให้เอาออกจากพิมพ์ทันที จะเอาออกง่ายและหน้าเค้กออกมาสวยงาม โดยใช้มีดปลายแหลมแซะด้านข้างพิมพ์ คว่ำจานสำหรับรองเค้กลงไปแล้วพลิกกลับด้าน
เสร็จแล้วค่ะ
ติดตามครัวป้ามารายห์ได้เพิ่มเติมที่ เฟซบุ๊ก ครัวป้ามารายห์
อดใจไม่กินเค้กมานานเพราะกำลังไดเอต แต่ต้องมาตบะแตกเพราะเห็นภาพคัสตาร์ดเค้กก้อนนี้ เอาน่า… นาน ๆ กินทีเนอะ ขอจัดสักปอนด์กินให้หายอยากแล้วค่อยเบิร์นก็ยังได้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ครัวป้ามารายห์
สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่นๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network , Content Marketing คลิกเลย