อาหารบุฟเฟ่ต์ (Buffet) กลายเป็นประเภทอาหารยอดนิยมของคนชอบกิน และเป็นที่ถูกอกถูกใจของคนกินเก่งกันถ้วนหน้า เพราะลักษณะการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์นั้นมีอาหารให้เลือกอยู่หลากหลาย ยิ่งในปัจจุบันก็จะมีโปรโมชั่น และทีเด็ดของแต่ละร้านให้เลือกกินกันจนคุ้มไปเลย แต่บุฟเฟ่ต์ที่เราเห็น ๆ กันอยู่ก็เกือบจะเป็นอาหารจากทุกชาติเลย เอ๊ะ แล้วอย่างนี้ต้นกำเนิดของอาหารบุฟเฟ่ต์จะมาจากไหนกันแน่ล่ะ ถ้าอยากรู้ก็รีบมาดูกันเลยจ้า
ย้อนอดีตบุฟเฟ่ต์
จริง ๆ แล้ววัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์มีต้นกำเนิดมาจากประเทศสวีเดน โดยในช่วงปีพ.ศ. 1336- พ.ศ.1609 ซึ่งเป็นยุคที่โจรสลัดของยุโรปเหนือ หรือที่เรียกกันว่า "ชนเผ่าไวกิ้ง" ออกเดินเรือเพื่อหาหมู่เกาะเป็นดินแดนทำมาหากินให้อยู่เย็นเป็นสุข ปราศจากการรบกวนของชนเผ่าอื่น ไวกิ้งถือเป็นชาวยุโรปพวกแรก ๆ ที่เดินเรือออกไปนอกทะเลไกล อีกทั้งยังมีทักษะและความชำนาญในการเดินเรือสูง ชนเผ่าไวกิ้งใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางผืนฟ้า และน้ำทะเล ทำการค้าขายสินค้าและปล้นสะดมตามแต่โอกาส จนเมื่อขึ้นฝั่งแต่ละครั้งก็จะสั่งอาหารที่ตนเองอยากกินมาวางไว้ให้เต็มโต๊ะ เสมือนกับเป็นการเฉลิมฉลอง และเปิดโอกาสให้ทุกคนมาเลือกกินอาหารได้ตามใจชอบ จึงเป็นที่มาของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ ซึ่งคำว่าบุฟเฟ่ต์ก็ถูกขนานนามขึ้นมาโดยชาวฝรั่งเศสนั่นเองค่ะ
บุฟเฟ่ต์ในปัจจุบัน
ปัจจุบันลักษณะการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ก็แพร่หลายไปทั่วโลก และถูกดัดแปลงไปตามแต่ละชาติ โดยจะมีอาหารที่หลากหลายมากขึ้น หรือบ้างก็เน้นอาหารหลักชาติเดียว มีขนมหวาน ไอศกรีม และผลไม้เป็นอาหารเสริม ไม่ก็เป็นบุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ ที่มีอาหารต้นตำรับจากทั้งไทย จีน และอาหารต่างชาติอีกมากมายให้เลือกสรร และเสน่ห์ของบุฟเฟ่ต์ที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปก็คือ ผู้บริโภคต้องบริการตัวเองนั่นเอง ถึงแม้อาจจะมีบางแห่งที่มีพนักงานพร้อมเสิร์ฟอาหารให้คุณอยู่ตลอดเวลาก็ตามที
ในบ้านเราก็มีบุฟเฟ่ต์ให้ได้เลือกกันอยู่ไม่น้อย ทั้งบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง บุฟเฟ่ต์อาหารนานาชาติ บุฟเฟต์ขนมหวาน เบเกอรี่ หรือแม้แต่บุฟเฟ่ต์อาหารเจ และบุฟเฟ่ต์ข้าวต้มก็มีให้เลือกกินกันหมด ซึ่งส่วนมากก็จะคิดค่าบริการเป็นแบบเหมาจ่ายรายหัวตามแต่ราคาที่ตั้งกันไว้ ใครที่กินเก่ง กินได้ไม่อั้น หรือกินน้อย แต่อยากกินอาหารที่หลากหลาย ก็ลองไปเลือกหาร้านบุฟเฟ่ต์ที่ถูกใจกินกันให้คุ้มไปเลยจ้า
ขอบคุณข้อมูลจาก