วันนี้กระปุกดอทคอม ขอเอาใจคออาหารอีสานด้วย 11 สูตรอาหารอีสานรสเด็ด มาฝากไว้ให้ได้แซ่บนัวกัน เลือกทำเลือกกินได้ตามใจชอบเลยจ้า รับรองว่าแซ่บทุกเมนู !
อาหารอีสานคงจะเป็นเมนูสุดโปรดของคนไทยหลาย ๆ คน เพราะเสน่ห์ของรสชาติ ที่มีครบทุกรส ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ด กินกี่ที่ก็ไม่มีเบื่อ แถมยังเหมาะมากที่จะเป็นเมนูทางเลือกสำหรับคนที่ลดความอ้วนอีกด้วย เพราะแต่ละเมนูมีแคลอรีไม่สูงมากนั่นเอง
1. ส้มตำไทยไข่เค็ม
เปิดประเดิมอาหารอีสานด้วยเมนูส้มตำกันก่อนเลยดีกว่า เพราะนึกถึงอาหารอีสานทีไรก็ต้องส้มตำเป็นอันดับแรก แต่จานนี้ขอเสิร์ฟเป็นส้มตำไทยไข่เค็ม เผื่อว่าคนที่ไม่กินปลาร้า หรือไม่กินปู ก็สามารถแซ่บนัวไปด้วยกันได้
หมายเหตุ : ส้มตำไทยใส่ไข่เค็ม (1 ฟอง) 1 จาน ให้พลังงานโดยประมาณ 130 กิโลแคลอรี
ส่วนผสม ส้มตำไข่เค็ม
• กระเทียมกลีบเล็ก 3-5 กลีบ
• พริกขี้หนู ปริมาณตามชอบ
• ถั่วฝักยาว 1 ฝัก
• กุ้งแห้งอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ
• มะเขือเทศสีดา 2 ลูก
• น้ำปลา (ปรุงรส)
• น้ำตาลปี๊บ (ปรุงรส)
• น้ำมะขามเปียก (ปรุงรส)
• น้ำมะนาว (ปรุงรส)
• มะละกอสับ
• แครอตสับ
• ไข่เค็มผ่าครึ่ง 1 ฟอง
• ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ส้มตำไข่เค็ม
1. โขลกกระเทียม และพริกขี้หนูเข้าด้วยกันพอหยาบ หักถั่วฝักยาวใส่ลงไป ตามด้วยมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้น ๆ และกุ้งแห้งลงไปโขลกเบา ๆ พอให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก และน้ำมะนาว โขลกให้น้ำตาลปี๊บละลาย ชิมรสตามชอบ
3. สุดท้ายใส่มะละกอ และแครอตลงไปตำผสมเบา ๆ ให้เข้ากัน ใส่ไข่เค็มลงไป ใช้ทัพพีเคล้าผสมเบา ๆ ชิมรสอีกครั้ง ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+++++++++++++
2. ส้มตำข้าวโพดกุ้งสด
ส้มตำทั่วไปก็กินจนเบื่อ ลองเปลี่ยนแนวมากินเมนูส้มตำข้าวโพดกุ้งสด สูตรจาก คุณ Angelisa สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับข้าวโพดคลุกเคล้ากับเครื่องส้มตำ ปรุงรสตามชอบ สีสันสวยงามน่ากินมากเลยค่ะ
ส่วนผสม ส้มตำข้าวโพดกุ้งสด
• ข้าวโพดต้ม
• ถั่วฝักยาว
• มะเขือเทศ
• แครอตฝานเป็นเส้น ๆ
• พริกขี้หนู
• กระเทียมสับหยาบ
• น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ)
• น้ำตาลมะพร้าว
• ถั่วลิสงอบ
วิธีทำส้มตำข้าวโพดกุ้งสด
1. ฝานข้าวโพด หั่นถั่วฝักยาว หั่นมะเขือเทศ และฝานแครอตหั่นเป็นเส้น ๆ เตรียมไว้
2. ปรุงน้ำยำโดยใส่พริกขี้หนู กระเทียมสับ น้ำปลาลดโซเดียม น้ำมะนาว และน้ำตาลมะพร้าว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
3. นำน้ำยำไปคลุกกับเครื่องที่เตรียมไว้ โรยถั่วลิสงอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 25 สูตรอาหารคลีนง่าย ๆ กินง่าย ๆ จัดเต็มทั้งคาวและหวาน
+++++++++++++++
3. ลาบหมู
ในเมื่อมีเมนูส้มตำแบบเบา ๆ แล้วก็มาเติมเต็มความอิ่มกันด้วยเมนูลาบหมูสักหน่อย อีกหนึ่งเมนูที่จะขาดไปไม่ได้เลยกับเสน่ห์กลิ่นข้าวคั่วหอม ๆ เคล้ากับเนื้อหมูรวนสุก โรยใบสะระแหน่ จกกับข้าวเหนียว หรือข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยนักแล ยิ่งในสมัยนี้ทำกินเองง่ายมาก ๆ เพราะมีผงปรุงลาบ-น้ำตกวางขายกันให้เกลื่อน !
สิ่งที่ต้องเตรียม
• เนื้อหมูสับ 200 กรัม
• หอมแดงซอย 1 หัว
• ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ
• ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
• น้ำปลา น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว สำหรับปรุงรส
• พริกป่น ปริมาณตามชอบ
• ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลาบหมู
1. ใส่น้ำลงในหม้อเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด ใส่เนื้อหมูสับลงไปรวนจนสุก ยกลงจากเตา
2. ใส่หอมแดง ต้นหอมซอย และใบสะระแหน่ลงในหม้อ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่น คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เติมข้าวคั่ว จากนั้นเคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน โรยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++
4. ลาบปลาดุก
อีกหนึ่งเมนูลาบที่จะขาดไปไม่ได้เลยกับ ลาบปลาดุกย่าง ต้องสั่งมาแจมด้วยเสมอ ก็เพราะกลิ่นหอม ๆ ของปลาดุกย่าง จับมาเคล้าเครื่องเคียง ปรุงรสให้แซ่บ อูย ! นึกแล้วก็น้ำลายสอ กินคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ แบบนี้ก็ฟินสิจ๊ะ ! ถ้าอย่างนั้นก็มาดูวิธีทำลาบปลาดุก สูตรจาก คุณ isolateboy สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม กันเลย หรือจะลองเข้าไปดูวิธีทำแบบละเอียด เห็นภาพขั้นตอนการทำกันแบบจะจะได้ที่ ลาบปลาดุกย่าง อาหารอีสานสูตรเด็ดสำหรับมือใหม่
ส่วนผสม ลาบปลาดุก
• ปลาดุกย่าง 1 ตัว
• ข่าอ่อน เล็กน้อย
• ใบมะกรูดซอย
• พริกสดซอย เล็กน้อย
• ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ (หรือตามชอบ)
• น้ำมะนาว 1 ลูก
• ผงชูรส ตามชอบ
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• ต้นหอมและผักชีซอย
• ใบมะกรูดซอย
วิธีทำลาบปลาดุก
1. แกะปลาดุกเอาแต่เนื้อ จากนั้นนำไปสับรวมกับข่าอ่อนเล็กน้อย ใส่ลงในอ่างผสม เตรียมไว้ (ถ้าชอบแบบน้ำขลุกขลิกก็เติมน้ำต้มสุกลงไปเล็กน้อย)
2. ใส่พริกสดซอย ข้าวคั่ว พริกป่น น้ำมะนาว ผงชูรส และน้ำปลา คนผสมให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ
3. สุดท้ายโรยต้นหอมผักชีซอย และใบมะกรูดซอยลงไป เคล้าผสมให้เข้ากัน ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++
5. ซุปหน่อไม้
อีกหนึ่งเมนูในตระกูลลาบ ซึ่งนอกจากซุปหน่อไม้จะเป็นที่โปรดปรานของคออาหารอีสานแล้ว ยังเหมาะกับคนที่กำลังลดความอ้วนด้วยนะคะ เพราะซุปหน่อไม้ถ้วยเดียว ให้พลังงานต่ำมาก ๆ แต่ก็กินในปริมาณที่พอดีนะคะ เพราะหน่อไม้กินมากจะไม่ดีต่อสุขภาพนะจ๊ะ
หมายเหตุ : ซุปหน่อไม้ 1 จาน ให้พลังงานโดยประมาณ 40 กิโลแคลอรี
ส่วนผสม ซุปหน่อไม้
• ใบย่านาง 5-10 ใบ
• หน่อไม้รวก ขูดเป็นเส้นยาว
• น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• หอมแดงซอย 3 หัว
• น้ำมะนาว สำหรับปรุงรส
• น้ำปลา สำหรับปรุงรส
• พริกป่น ตามชอบ
• ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
• ผักชีฝรั่งซอย
• ต้นหอมซอย
1. ขยี้ใบย่านางกับน้ำจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวเข้ม กรองเอาเฉพาะน้ำ เทใส่หม้อ เตรียมไว้
2. ต้มน้ำจนเดือด ใส่หน่อไม้รวกลงต้มจนน้ำเดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นบีบน้ำออกจากหน่อไม้ให้หมด แล้วใส่ลงในน้ำใบย่านางที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เกลือป่น และน้ำปลาร้าลงไป ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา เตรียมไว้
3. ตักหน่อไม้ใส่อ่างผสม ใส่หอมแดงซอย ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่ว เคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่ผักชีฝรั่งซอย และต้นหอมซอย เคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน โรยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ
+++++++++++++++
6. น้ำตกปลาหมึก
ในเมื่อมีเมนูลาบก็ต้องตามมาด้วยเมนูน้ำตกที่เป็นของคู่กัน ก็เพราะว่ามีวิธีทำและส่วนผสมที่คล้ายกันนั่นเอง เมนูน้ำตกฮิต ๆ ก็คงเป็นน้ำตกหมู แต่ที่เราจะนำเสนอขอเปลี่ยนเป็นน้ำตกปลาหมึกสักหน่อยดีกว่า เอาใจคนชอบกินอาหารทะเล ทำง่าย ๆ ด้วย มาดูกัน
ส่วนผสม น้ำตกปลาหมึก
• ปลาหมึกหั่นเป็นชิ้น 200 กรัม
• หอมแดงซอย 1 หัว
• ผักชีฝรั่งซอย
• ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
• น้ำปลา สำหรับปรุงรส
• น้ำมะนาว สำหรับปรุงรส
• พริกป่น ปริมาณตามชอบ
• ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำตกปลาหมึก
1. ใส่น้ำลงในหม้อเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟแรงจนเดือด ใส่เนื้อปลาหมึกลงไปรวนจนสุก ยกลงจากเตา ตักใส่อ่างผสมเตรียมไว้
2. ใส่หอมแดง ต้นหอมซอย และใบสะระแหน่ลงในหม้อ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่น คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เติมข้าวคั่ว จากนั้นเคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน โรยใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ
+++++++++++++
7. ตับหวาน
ส่วนผสม ตับหวาน
• ตับหมู หั่นเป็นชิ้นบาง 200 กรัม
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
• พริกป่น ปริมาณตามความชอบ
• ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
• ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ใบสะระแหน่ ปริมาณตามชอบ
วิธีทำตับหวาน
1. ต้มน้ำจนเดือดจัด นำตับหมูลงลวกจนสุก (ระดับความสุกเลือกตามความชอบ) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย และพริกป่นเข้าด้วยกัน จากนั้นเทลงในอ่างผสมที่ใส่ตับหมูลวกไว้ เคล้าผสมให้เข้ากัน
3. ใส่ข้าวคั่ว ต้นหอมซอย ผักชีฝรั่งซอย ใบมะกรูดซอย และใบสะระแหน่ลงเคล้าผสมจนเข้ากันดี ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+++++++++++++
8. หมูมะนาว
เมนูหมูมะนาวถือเป็นเมนูกับแกล้มสุดฮิตเลยก็ว่าได้ ไปสังสรรค์ในวงไหนก็มักจะต้องสั่งมากินคู่ทุกครั้งไป รสเปรี้ยวนำ เด็ดเผ็ดแซ่บเสียเหลือเกิน ใครที่ชอบเมนูแซ่บ ๆ ต้องลองเลย วิธีทำก็ไม่ยากด้วย
ส่วนผสม หมูมะนาว
• เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตามยาว 200-300 กรัม
• กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูซอยละเอียด ปริมาณตามชอบ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 4-5 ช้อนโต๊ะ
• ก้านคะน้า สำหรับรับประทานคู่
• กระเทียมฝานเป็นแว่นบาง สำหรับโรยหน้า
• ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า
• พริกแห้งทอดกรอบ สำหรับโรยหน้า
1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่เนื้อหมูลงลวกพอสุก (ประมาณ 30 วินาที อย่าลวกนาน เพราะเนื้อหมูจะแข็ง) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ จัดใส่จานที่รองด้วยก้านคะน้า เตรียมไว้
2. ผสมกระเทียม พริกขี้หนู น้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาวเข้าด้วยกันจนน้ำตาลทรายละลาย ชิมรสตามชอบ ราดลงบนหมูที่เตรียมไว้ โรยด้วยกระเทียมฝาน ใบสะระแหน่ และพริกแห้งทอดกรอบ พร้อมเสิร์ฟ
+++++++++++++
9. ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
ลองมาแซ่บกันในแบบอาหารอีสานประเภทต้ม ๆ กันดูบ้าง กับเมนูต้มแซ่บกระดูกอ่อน กัดกรุบ ๆ ซดน้ำแซ่บ ๆ นึกถึงทีไรเป็นต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ! ถ้าพร้อมจะแซ่บแล้ว ก็ตามมาดูวิธีทำกัน
ส่วนผสม ต้มแซ่บกระดูกอ่อน
• น้ำ 500 มิลลิลิตร
• ข่าแก่หั่นแว่น 5 ชิ้น
• ตะไคร้หั่นเฉียง 1 ต้น
• ใบมะกรูด ฉีกก้านกลาง 3 ใบ
• กระดูกอ่อนหมูหั่นเป็นชิ้น ๆ 200 กรัม
• เห็ดฟางผ่าครึ่ง 100 กรัม
• มะเขือเทศราชินีผ่าครึ่ง 50 กรัม
• หอมแดงซอยบาง 1 หัว
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• พริกป่น ปริมาณตามความชอบ
• ใบโหระพา 10 ใบ
• ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำต้มแซ่บกระดูกอ่อน
1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงต้มจนเดือดอีกครั้ง
2. ใส่กระดูกอ่อนหมูลงต้มจนสุก ใส่เห็ดฟาง มะเขือเทศ และหอมแดงซอยลงต้ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลทราย คนผสมจนเข้ากันดี ยกลงจากเตา ตักใส่ชาม เติมน้ำมะนาว พริกป่น และผักชีฝรั่ง ชิมรสตามชอบ โรยด้วยใบโหระพา พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++++
ส่วนผสม ต้มซุปเปอร์ขาไก่
• น้ำเปล่า 500-700 มิลลิลิตร
• ขาไก่ 500 กรัม
• ข่า (หั่นเป็นแว่น)
• ตะไคร้ (หั่นเป็นท่อน)
• หอมแดง (ปอกเปลือก)
• ใบมะกรูดฉีก
• พริกสด
• ผักชี
• ผักชีฝรั่ง
• ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา
• น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำต้มซุปเปอร์ขาไก่
1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแรง จากนั้นใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และหอมแดงลงไปต้ม พอน้ำเดือดพล่านแล้วใส่ขาไก่ลงไปต้ม (หมั่นช้อนฟองอากาศทิ้ง)
2. ก่อนปรุงรสให้ตักส่วนผสมเครื่องต้มยำออกก่อนแล้วใส่ซีอิ๊วดำ น้ำปลา และซอสปรุงรสลงไป คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ต้มต่ออีกประมาณ 30 นาที จนขาไก่เปื่อย
3. ซอยพริกขี้หนู ใบผักชีฝรั่ง ผักชี และหั่นมะนาวเตรียมไว้
4. พอต้มจนขาไก่เปื่อยแล้ว บีบมะนาวลงไป (ปริมาณตามชอบ) ตามด้วยพริกที่ซอยไว้ คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย โรยผักชีและผักชีฝรั่งซอย พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++
11. คอหมูย่างกับน้ำจิ้มแจ่ว
ขอปิดด้วย คอหมูย่าง ไว้กินแกล้มกับอาหารอีสานรสเด็ดทั้งหมดทั้งมวล ซึ่งสูตรนี้เป็นคอหมูย่างน้ำผึ้ง ที่มาคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว ย่างร้อน ๆ หอม ๆ อร่อยสุด ๆ สูตรนี้แค่ย่างในกระทะง่าย ๆ ก็ได้กินแล้วจ้า
หมายเหตุ : คอหมูย่าง 1 จาน ให้พลังงานโดยประมาณ 200 กิโลแคลอรี
สิ่งที่ต้องเตรียม
• เนื้อสันคอหมู 200 กรัม
• น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
• พริกไทยขาว 1/4 ช้อนชา
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
• พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
• ข้าวคั่วป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
• ต้มหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ผสมน้ำปลา น้ำมะขามเปียก และน้ำตาลปี๊บเข้าด้วยกัน คนผสมจนน้ำตาลปี๊บละลายหมด ใส่พริกป่น ข้าวคั่ว และหอมแดงคนให้เข้ากัน โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย เตรียมไว้
2. ผสมน้ำผึ้งกับซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม และพริกไทยขาว คนผสมจนเข้ากัน
3. ใช้ส้อมจิ้มสันคอหมูให้ทั่ว นำไปหมักกับส่วนผสมด้านบน พักทิ้งไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
4. ตั้งกระทะจนร้อน นำคอหมูลงจี่ให้สุกทั้งสองด้าน จากนั้นหั่นเป็นชิ้น จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่ว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 11 เมนูอาหารอีสานที่เรานำมาฝาก มาถึงตรงนี้ใครยังอดใจไหวบ้าง มีสูตรเด็ด ๆ แบบนี้ไว้ในมือแล้ว จะไม่ลองทำสักเมนูเหรอคะ อิอิ ขอตัวก่อนดีกว่า ทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ