x close

15 สูตรขนมไทยยอดนิยม ทำง่าย ขายได้ กินเพลิน


          แจกฟรี ๆ ไปเลย สูตรขนมไทยยอดนิยม 15 สูตร วิธีทำขนมหวานง่ายกว่าที่คิด ลองทำสนุก ๆ กินในครอบครัว หรือจะทำขายก็เด็ด ถ้าหากให้สูตรขนาดนี้แล้วไม่ลองทำแอบเคืองนะ ขอบอก

ขนมไทย

          เพื่อน ๆ ที่ชอบกินขนมไทยอยากทำกินเองกันบ้างไหม รับรองว่า อิ่มจุใจจนพุงล้ำมองไม่เห็นปลายเท้าไปเลย หรือถ้าหากทำกินแล้วอยากกระจายความอร่อยก็เอาไปขายสร้างรายได้ด้วยเลย ถ้าหากเราใจตรงกัน ไม่ว่าอยากทำกิน หรืออยากทำขาย อย่ารอช้า วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอสูตรอาหาร เด็ด ๆ คือ 15 สูตรขนมไทยยอดนิยม แต่ละสูตรขอบอกเลยว่า เจ๋งเป้งทั้งนั้น ถูกปากคนทำและโดนใจคนซื้อแน่นอนเจ้าค่ะ


1. ขนมชั้นดอกกุหลาบ



          แหม… งดงามมาก ๆ สำหรับขนมชั้นดอกกุหลาบ ไอเดียทำขนมไทยเก๋ ๆ แปลงร่างขนมชั้นชิ้นสี่เหลี่ยมกลายเป็นดอกกุหลาบสีหวาน ๆ ถ้าทำกินเองก็อย่าลืมแชร์รูปลงเฟซบุ๊กด้วยล่ะเผื่อจะได้มีคนแอบอิจฉาในใจ หรือถ้าใครสนใจทำขายก็ดูเข้าท่าดีเหมือนกัน ดูดีมีสไตล์ไม่ซ้ำใครด้วย เอ้า… ด่วน ๆ คันไม้คันมือเต็มทน มาเข้าครัวพร้อมกันเลยจ้า

ส่วนผสม ขนมชั้นดอกกุหลาบ

      ◆ หัวกะทิ 2 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
      ◆ แป้งท้าวยายม่อม 1/8 ถ้วย
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
      ◆ สีผสมอาหารสีแดง
      ◆ กลิ่นมะลิ
      ◆ น้ำมันพืช

วิธีทำขนมชั้นดอกกุหลาบ

      1. ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากันจนละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้ให้เย็น พอเย็นให้ตักช้อนเอาหัวกะทิที่อยู่ด้านบนใส่ภาชนะเก็บไว้ 
      2. ผสมแป้งท้าวยายม่อม แป้งมันสำปะหลัง และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทหัวกะทิใส่ลงไปทีละน้อยสลับกับใช้มือนวดแป้งจนแป้งรวมตัวกันเป็นก้อนแล้วนวดต่ออีก ประมาณ 15 นาที เทน้ำกะทิที่เหลือใส่ลงไป ตามด้วยกลิ่นมะลิ คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำส่วนผสมไปกรองด้วยกระชอน เตรียมไว้
      3. แบ่งส่วนผสมแป้งออกเป็น 2 ส่วน ใส่สีผสมอาหารสีแดงลงไป 1 ส่วน คนผสมสีให้เข้ากัน 
      4. ทาน้ำมันพืชลงบนถาดสำหรับนึ่งขนมชั้นให้ทั่ว เตรียมไว้
      5. นำชุดนึ่งขึ้นตั้งไฟ รอจนน้ำเดือดพล่าน จากนั้นวางถาดสำหรับนึ่งขนมลงไปแล้วตักส่วนผสมแป้งสีชมพูใส่ลงไปในพิมพ์ทำเป็นชั้นที่ 1 ปิดฝานึ่งประมาณ 5-7 นาที
      6. พอชั้นที่ 1 สุกแล้วให้เปิดฝาแล้วตักส่วนผสมสีขาวใส่ลงไป ปิดฝานึ่งต่อ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแป้งหมดและเต็มพิมพ์
      7. เมื่อนึ่งเสร็จแล้วนำขนมชั้นออกมาจากชุดนึ่ง พักไว้ให้เย็นลง นำขนมชั้นออกจากพิมพ์ ผ่าแบ่งครึ่งขนมชั้นตามยาวแล้วลอกขนมแต่ละชั้นออกมาเป็นแผ่น
      8.  วิธีม้วนดอกกุหลาบ คือ ให้ม้วนแผ่นขนมชั้นเข้ามา 1 ทบ พับกลีบแรกไปข้างหลัง 45 องศา แล้วจึงพับตลบขึ้นมา ทำซ้ำเรื่อย ๆ จนหมด พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมชั้นดอกกุหลาบ ขนมไทยใส่ไอเดีย เมนูล้ำค่าหนึ่งเดียวในปฐพี 

++++++++++++++++

2. ขนมชั้นใบเตย


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม
ภาพจาก คุณ RinS Cook Book

          เคยไหม ?  ซื้อขนมชั้นใบเตยกินแล้วรสชาติจืดชืด ไม่หอมหวานมัน แทบอยากเขวี้ยงทิ้งแต่แอบเสียดายสตางค์เลยต้องจำทนฝืนกิน แต่ถ้าหากได้ลองมาทำขนมชั้นใบเตย สูตรจาก คุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม จะเจอเนื้อคู่ ไม่ใช่ ๆ จะเจอรสชาติที่ถูกปากในบัดดล เนื้อเหนียวนุ่ม รสชาติหวานหอมกลิ่นใบเตย หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ จับใส่ปากตัวเอง หรือคนข้าง ๆ ได้เลย ถ้าจะทำขายก็เอาใส่ถุงพลาสติก หรือใส่กล่องพลาสติกให้สวยงาม รับรองว่า หน้าตาดีนี้และรสชาติอร่อยขนาด ลูกค้าจะไหลมาเทมาเชียวค่ะ

ส่วนผสม ขนมชั้นใบเตย

      ◆ น้ำตาลทราย 2+1/2  ถ้วย
      ◆ กะทิ 4 ถ้วย
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
      ◆ แป้งท้าวยายม่อม 1+1/2 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
      ◆ น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
      ◆ น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
      ◆ ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10x10 นิ้ว หรือ 8x8 นิ้ว)

วิธีทำขนมชั้นใบเตย

      1. ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
      2. นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้
      3. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง
      4. แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
      5. ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง) 
      6. นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

         + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมชั้นใบเตย ขนมไทยสีสันสดใส เนื้อเหนียวนุ่ม

++++++++++++++

3. ขนมครก 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม
ภาพจาก คุณเนินน้ำ อาหารบ้าน ๆ ที่บ้านเนินน้ำ

          ถ้าหากวันว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำลองชวนแฟนมานั่งแคะขนมครกเป็นกิจกรรมสนุก ๆ กันดีไหม ขอแนะนำขนมครกสูตรนี้ใส่ไส้รวมมิตรด้วยนะ ใส่ทั้งเผือก ข้าวโพด และต้นหอม กินให้จุใจไปเลยจ้า 

ส่วนผสม แป้งขนมครก

      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1+1/4 ถ้วย
      ◆ ข้าวสุก 1/3 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลทราย 1/8 ถ้วย
      ◆ เกลือสมุทร 1 ช้อนชา
      ◆ น้ำปูนใส 1/4 ถ้วย
      ◆ หัวกะทิ 1 ถ้วย
      ◆ หางกะทิ 1/2 ถ้วย

ส่วนผสม หน้ากะทิ

      ◆ หัวกะทิ 3/4 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลทราย 1/8 ถ้วย
      ◆ เกลือสมุทร 1/4 ช้อนชา
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม หน้าขนมครก

      ◆ ต้นหอมซอย
      ◆ เผือกหั่นเต๋าเล็ก ๆ 
      ◆ เม็ดข้าวโพด
      ◆ น้ำมันพืช (สำหรับทาเบ้าขนมครก)

วิธีทำแป้งขนมครก

      นำส่วนผสมตัวแป้ง ทั้งแป้งข้าวเจ้า ข้าวสุก น้ำตาลทราย เกลือสมุทร น้ำปูนใส หัวกะทิ และหางกะทิ ไปปั่นด้วยเครื่องปั่นจนละเอียดเข้ากันเป็นเนื้อเดียว เทใส่ภาชนะแล้ววางพักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที 

วิธีทำหน้ากะทิ

      ◆ ผสมหัวกะทิ น้ำตาลทราย และเกลือสมุทรเข้าด้วยกัน คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายแล้วค่อย ๆ ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไป คนผสมให้ละลายเข้ากันดี เตรียมไว้

วิธีทำขนมครก

      1. นำเบ้าขนมครกขึ้นตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟปานกลาง ทาน้ำมันให้ทั่วหลุมแล้วตักแป้งหยอดลงไปประมาณ 3/4 ของหลุม
      2. พอแป้งเริ่มเซตตัว ตักส่วนผสมหน้ากะทิหยอดทับลงไปให้เต็ม ปิดฝาขนมครก
      3. พอขนมเริ่มสุก เปิดฝาโรยหน้าด้วยเผือก ข้าวโพด และต้นหอมซอย เมื่อขนมสุกใช้ช้อนแคะขนมออกจากเบ้า จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ 

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมครก ขนมไทยคู่ปาก (ซอย) คนไทยมาตั้งแต่สมัยเอ๊าะ ๆ

++++++++++++++++++

4. ขนมถ้วย 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม
ภาพจาก คุณ RinS Cook Book

          เอาใจคนชอบกินขนมถ้วย ขนมไทยหอมหวานมันกะทิ แต่ซื้อกินเมื่อไรแล้วรู้สึกว่า ยังไม่จุใจพอ ลองทำเองกันเถอะด้วยสูตรขนมถ้วย จากคุณ RinS Cook Book สูตรนี้ตัวขนมใช้น้ำตาลปี๊บ รสชาติหวานกลมกล่อม เข้ากันดีกับหน้าขนมที่เป็นกะทิ ถ้าหากทำขายรับรองว่า ลูกค้าติดใจชัวร์

ส่วนผสม หน้าขนมถ้วย

      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
      ◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา
      ◆ หัวกะทิ 2 ถ้วย

ส่วนผสม ตัวขนม

      ◆ แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลปี๊บ 230 กรัม
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย
      ◆ แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำลอยดอกมะลิ 1+1/4  ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
      ◆ หางกะทิ 1/2 ถ้วย

วิธีทำขนมถ้วย

      1. ทำหน้าขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น และหัวกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันและไม่เป็นเม็ด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้ 
      2. ทำตัวขนมโดยผสมแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ แป้งมันสำปะหลัง แป้งท้าวยายม่อม น้ำลอยดอกมะลิ และหางกะทิเข้าด้วยกัน ใช้มือขยำส่วนผสมจนเข้ากันและน้ำตาลปี๊บละลายหมด จากนั้นนำไปกรองผ่านตะแกรง เตรียมไว้ 
      3. นำถ้วยขนมไปนึ่งประมาณ 5 นาที (ป้องกันไม่ให้ขนมติดถ้วย) 
      4. เทส่วนผสมตัวขนมลงไปในถ้วย (ให้เกินครึ่งถ้วยเล็กน้อย) จากนั้นปิดฝานึ่งประมาณ 5 นาที พอครบเวลา ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที
      5. เทส่วนผสมหน้ากะทิลงไปจนเต็มถ้วย นำไปนึ่งต่ออีกประมาณ 6-7 นาทีจนขนมสุก ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นประมาณ 10 นาที
      6. ค่อย ๆ ใช้ไม้พายหรือไม้ไอศกรีมแช่น้ำแคะขนมออกจากถ้วย ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมถ้วย ขนมไทยสูตรทำง่าย ถ้วยเดียวไม่เคยพอ

++++++++++++++++++++++

5. ขนมใส่ไส้


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          ขนมใส่ไส้ หรือขนมสอดไส้ เมนูขนมหวานสุดอร่อย ใส่ไส้หน้ากระฉีก สูตรนี้นำเสนอแบบห่อใบตอง และไม่ห่อใบตองด้วย เลือกเอาแบบที่ชอบ จะทำกินเอง หรือทำขายก็ได้ เพราะต้นทุนไม่สูงมาก 

ส่วนผสม ขนมใส่ไส้

      ◆ มะพร้าวขูดขาว 2+1/2 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลมะพร้าว 1+1/2 ถ้วย
      ◆ น้ำต้มสุก
      ◆ เทียนอบ (สำหรับอบควันเทียน) ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ตามความสะดวก
      ◆ แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
      ◆ น้ำเย็น 1/3 ถ้วย (หรือน้ำใบเตย, น้ำอัญชันแช่เย็น หากต้องการเพิ่มสีสัน)
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
      ◆ เกลือป่น 2 ช้อนชา
      ◆ หัวกะทิ 3 1/3 ถ้วย
      ◆ เตรียมใบตองตัดเป็น 2 ขนาด แผ่นใหญ่ขนาดประมาณ 5X9 เซนติเมตร และแผ่นเล็กขนาดประมาณ 4X6 เซนติเมตร แล้วตัดหัว-ท้ายเป็นสามเหลี่ยม เช็ดให้สะอาดทั้ง 2 ด้าน นำไปตากแดดทิ้งไว้สักครู่ (เพื่อไม่ให้ใบตองแตกขณะห่อขนม)

วิธีทำหน้ากระฉีก (ส่วนผสมไส้)

      1. กวนมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าว และน้ำต้มสุกในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ จนส่วนผสมเหนียวและแห้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
      2. พอส่วนผสมเย็นสนิทแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 1 นิ้วใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด 
      3. นำส่วนผสมไส้ไปอบด้วยควันเทียน เตรียมไว้

วิธีทำแป้ง

      ◆ นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเย็นจนพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเดียวกับหน้ากระฉีก เตรียมไว้

วิธีทำส่วนผสมหน้าขนม

      1. ผสมแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น และกะทิคนให้ละลายเข้าด้วยกัน 
      2. เทใส่ในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอน) ใช้ไฟปานกลางกวนจนข้นและเดือดทั่ว ยกลงจากเตา เตรียมไว้

วิธีทำขนมใส่ไส้แบบห่อใบตอง

      1. แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบาง ๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้กระฉีกวางลงไปตรงกลางแล้วหุ้มแป้งให้มิด วางขนมลงบนใบตองที่ซ้อนกัน
      2. หงายใบตองแผ่นใหญ่ขึ้น (ด้านนวล) แล้ววางทับด้วยใบตองแผ่นเล็ก วางไส้ขนมลงไป จากนั้นตักหน้าขนมประมาณ 1/2 ช้อนชา ใส่ด้านบนไส้
      3. ห่อใบตองเป็นทรงสูง ใช้ใบมะพร้าวที่เตรียมไว้คาดและกลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย ตัดปลายเตี่ยวให้เฉียงและยาวพองาม วางเรียงห่อขนมลงในชุดนึ่ง
      4. นำขนมไปนึ่งในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือดพล่านประมาณ 10 นาที ยกลงจากเตา 

วิธีทำขนมใส่ไส้สูตรประยุกต์

      1. ตักส่วนผสมหน้ากะทิใส่ลงในถ้วยขนาดเล็ก (หรือพิมพ์พลาสติก) ประมาณ 1/2 ของพิมพ์ เตรียมไว้
      2. แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบาง ๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้กระฉีกวางลงไปตรงกลางแล้วหุ้มแป้งให้มิด จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดจนลอยขึ้นมา ตักขึ้นใส่จาน เตรียมไว้
      3. ค่อย ๆ นำส่วนผสมไส้วางลงในพิมพ์อย่างเบามือให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมใส่ไส้ ขนมไทยสุดคลาสสิก เนื้อเนียนไส้นุ่มละมุนทุกสัมผัส

+++++++++++++++

6. วุ้นกะทิ 



          วุ้นกะทิ เมนูวุ้นกรอบ ๆ ทำเองง่าย ๆ ด้วยพิมพ์วุ้นซิลิโคนรูปดอกไม้ ทำสลับสีสวย ๆ ตามชอบ ทั้งสีแดง หรือสีเขียว ยิ่งเอาไปแช่เย็น ๆ กินตอนอากาศร้อน ๆ ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่เลยค่ะ  ถ้าอยากทำขายก็เพิ่มทางเลือกสำหรับลูกค้าโดยพิมพ์ซิลิโคนรูปอื่น ๆ ด้วยก็ได้นะคะ 

ส่วนผสม วุ้นกะทิ

      ◆ ผงวุ้น 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำเปล่า 350 มิลลิลิตร
      ◆ หัวกะทิ 2+1/2 ถ้วย
      ◆ ใบเตย หั่นเป็นท่อน 2-3 ใบ
      ◆ น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย
      ◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม วุ้นสี

      ◆ ผงวุ้น 1 ช้อนชา
      ◆ น้ำเปล่า
      ◆ น้ำตาลทรายขาว 1/2 ถ้วย
      ◆ สีผสมอาหาร 1 ช้อนชา

วิธีทำวุ้นกะทิ

      1. ทำวุ้นกะทิโดยใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่ผงวุ้นลงไปคนให้ละลาย พอน้ำเดือดแล้วให้ปิดไฟ คนต่อไปเรื่อย ๆ จนผงวุ้นละลายหมด
      2. ใส่ใบเตยลงไป คอยกวนไปเรื่อย ๆ ให้พอมีกลิ่นใบเตย ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว คนจนน้ำตาลทรายละลายและส่วนผสมเดือด เทหัวกะทิใส่ลงไป คนผสมให้เข้ากันพอเดือดเล็กน้อย ปิดไฟ ยกลงจากเตา
      3. หยอดส่วนผสมวุ้นลงในพิมพ์ซิลิโคนประมาณ 1/2 พิมพ์ พักทิ้งไว้จนเซตตัว
      4. ทำวุ้นสีโดยใส่น้ำเปล่าและผงวุ้นลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟคนให้ละลาย ใส่ใบเตยลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายขาว คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายและมีกลิ่นใบเตย จากนั้นช้อนตักใบเตยทิ้ง
      5. ใส่สีผสมอาหารลงไป คนผสมให้เข้ากัน พอเดือดแล้วปิดไฟยกลงจากเตา นำไปหยอดลงบนวุ้นกะทิที่เซตตัวแล้วประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พักทิ้งไว้จนคลายความร้อน นำไปแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วุ้นกะทิ ขนมไทยง่าย ๆ กินตอนไหนก็ใช่

+++++++++++++++

7. ลอดช่องน้ำกะทิ 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม
ภาพและสูตรจาก คุณ RinS Cook Book

          อากาศร้อนอย่างนี้ถ้าได้กินลอดช่องคงจะชุ่มฉ่ำใจสุด ๆ ยิ่งถ้าใส่น้ำแข็งเยอะ ๆ ยิ่งฟินเลยนะ ขอกระซิบว่า สูตรนี้ใส่แป้งถั่วเขียวทำให้เส้นลอดช่องหอมกลิ่นใบเตย เนื้อเหนียวนุ่ม เคี้ยวเพลินกำลังดีเลยค่ะ 

ส่วนผสม น้ำกะทิ

      ◆ น้ำตาลปี๊บ 3+1/2 ถึง 4 ถ้วย
      ◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา
      ◆ กะทิ 5 ถ้วย

ส่วนผสม ตัวลอดช่อง

      ◆ ใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1 ปอนด์
      ◆ น้ำปูนใส 9 1/2 -10 ถ้วย
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
      ◆ แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำเย็นจัด
      ◆ น้ำแข็งทุบ

วิธีทำลอดช่อง

      1. ทำน้ำกะทิโดยใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และกะทิลงในอ่างผสม ใช้มือขยำส่วนผสมเข้าด้วยกันจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากันดี กรองด้วยตะแกรง 
      2. นำส่วนผสมน้ำกะทิขึ้นตั้งไฟปานกลาง เคี่ยวจนน้ำกะทิใกล้เดือด (ให้ส่วนผสมเดือดเฉพาะตรงกลาง ไม่เดือดพล่าน เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน) ประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้ (สามารถทำไว้ล่วงหน้าหรือทำทิ้งไว้ข้ามคืนได้)
      3. ใส่ใบเตยลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำปูนใส 6-7 ถ้วย ปั่นจนละเอียด จากนั้นคั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
      4. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งถั่วเขียวลงไปในน้ำใบเตย โดยปล่อยให้แป้งค่อย ๆ จมลงไปในน้ำจนหมด (เทคนิค : ปล่อยให้แป้งจมลงไปในน้ำเอง รอประมาณ 1 นาที โดยไม่ต้องคน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แป้งจะได้ไม่จับตัวเป็นก้อน และละลายเข้ากับน้ำทั้งหมด) พอแป้งจมลงหมดแล้ว ค่อย ๆ คนผสมจนเข้ากันดี จากนั้นกรองด้วยตะแกรง เตรียมไว้
      5. ใส่ส่วนผสมลงในกระทะก้นลึกขนาดใหญ่ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง กวนผสมตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง พอแป้งเริ่มเหนียว ค่อย ๆ เทน้ำปูนใสที่เหลือลงไปจนหมด กวนจนส่วนผสมเหนียว และมีสีใส
      6. ตักส่วนผสมแป้งใส่เครื่องกดลอดช่อง กดแป้งเป็นเส้น ๆ ลงในน้ำเย็นจัด จากนั้นตักส่วนผสมขึ้น ใส่ลงในถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ และน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลอดช่องน้ำกะทิ ขนมไทยดับร้อนสีสันสดใส

+++++++++++++++++

8. ขนมตาล



          ขนมตาลสีเหลืองนวลสวย เนื้อเหนียวนุ่ม รสชาติหวานหอมพอเหมาะ ยิ่งโรยด้วยมะพร้าวทึนทึกก็ยิ่งอร่อยมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะทำกิน หรือจะทำขายใช้สูตรนี้เลยค่ะ จัดไป ๆ 

ส่วนผสม ขนมตาล

      ◆ น้ำตาลทราย 400 กรัม
      ◆ กะทิ 3 ถ้วย
      ◆ เนื้อลูกตาลสุก 350 กรัม
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
      ◆ ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
      ◆ มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นเล็ก (คลุกเกลือเล็กน้อยสำหรับโรยหน้า) 2 ถ้วย

วิธีทำขนมตาล

      1. ละลายน้ำตาลทรายในกะทิ เติมเนื้อลูกตาลลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งและผงฟูลงไป คนจนเนียน
      2. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ประมาณ 10 นาทีให้ส่วนผสมขึ้น
      3. ระหว่างรอขนมขึ้น ใส่น้ำในลังถึง ตั้งไฟกลางเตรียมไว้ เรียงถ้วยตะไลลงในลังถึง พอส่วนผสมครบเวลา ตักส่วนผสมยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึก นึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที จนกระทั่งสุก ยกลงจากเตา พักให้เย็นแซะออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

++++++++++++++

9. ขนมฟักทอง 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          ขนมฟักทอง ขนมไทยยอดนิยมไม่แพ้ขนมไทยชนิดอื่น ๆ เลยค่ะ ตัวเนื้อขนมใส่ฟักทองลงไปคลุกเคล้ากับส่วนผสมอื่น ๆ จนได้ออกมาเป็นเนื้อสีเหลืองสวย เคี้ยวหนุบหนับเพลิน ๆ สูตรนี้ไม่ต้องใส่ใบตองแต่ใช้ถ้วยตะไลแทนทำให้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น ถ้าพร้อมแล้วมาลองทำทานกันดีกว่าค่ะ 

ส่วนผสม ขนมฟักทอง

      ◆ ฟักทอง 500 กรัม (ปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้น ๆ)
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย
      ◆ มะพร้าวขูด 50 กรัม
      ◆ น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
      ◆ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      ◆ กะทิ 1 ถ้วย
      ◆ ถ้วยตะไล (สำหรับนึ่ง)

วิธีทำขนมฟักทอง

      1. นำฟักทองไปนึ่งจนสุกแล้วนำออกมาพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
      2. ใส่แป้งข้าวเจ้าและแป้งมันสำปะหลังลงในฟักทองที่นึ่งสุกแล้ว จากนั้นนวดผสมให้เข้ากัน
      3. ใส่มะพร้าวขูด น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปนวด จากนั้นค่อย ๆ เติมกะทิลงไปคนผสมจนเข้ากันดีและน้ำตาลทรายละลายหมด 
      4. ตักส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลประมาณ 3/4 ของถ้วย จากนั้นนำไปนึ่ง (ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด) ประมาณ 15-20 นาที นึ่งจนแป้งสุกและใส ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น 
      5. แคะขนมออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมฟักทอง ขนมไทยสีสวยเนื้อเหนียวนุ่ม

++++++++++++++++++

10. ขนมกล้วย


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          เคยไหม ? ซื้อกล้วยมาทุกครั้งมักกินไม่หมดจนต้องปล่อยสุกงอมทิ้งคาเครือ วันนี้เรามาแปรรูปกล้วยน้ำว้าให้เป็นขนมกล้วย ขนมไทยสุดอร่อย เนื้อนุ่มเหนียว รสชาติหวานกำลังดี มีรสสัมผัสของกล้วยกันดีกว่า ทำง่าย ๆ ใช้ใบตอง หรือถ้วยตะไลก็ได้  ใช้เวลานึ่งประมาณ 20 นาที ก็เสร็จพร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ 

ส่วนผสม ขนมกล้วย

      ◆ กล้วยน้ำว้าสุก (บดละเอียด) 500 กรัม
      ◆ น้ำตาลทราย 100 กรัม
      ◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 5 ช้อนโต๊ะ
      ◆ หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
      ◆ มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย
      ◆ ใบตองสำหรับห่อ (ถ้าไม่มีใบตองสามารถใช้ถ้วยตะไลได้)

วิธีทำขนมกล้วย

      1. ผสมกล้วยน้ำว้ากับน้ำตาลทราย เกลือป่น แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง หัวกะทิ และมะพร้าวขูด คนผสมให้เข้ากันดี 
      2. ตักส่วนผสมขนมกล้วยลงบนใบตอง แผ่บาง ๆ หรือจะทำเป็นทรงกรวยห่อเป็นทรงให้สวยงาม (หรือตักใส่ถ้วยตะไล) วางเรียงบนชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นึ่งประมาณ 20 นาทีจนขนมสุก จากนั้นนำออกจากชุดนึ่ง พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมกล้วย ขนมไทยทำง่าย สมชื่อกล้วย ๆ
 

++++++++++++++++++++

11. ขนมเข่ง 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          ไม่ต้องรอให้ถึงวันตรุษจีนก็ทำขนมเข่งไว้กินได้ เพียงแค่มีส่วนผสมต่าง ๆ ได้แก่ แป้งข้าวเหนียว น้ำสะอาด น้ำตาลปี๊บ และมะพร้าวขูด  ที่สำคัญต้องมีกระทงสำหรับหยอดขนมไว้ให้เรียบร้อย สูตรนี้แป้งเหนียวนุ่ม รสชาติหวานน้อย มีรสสัมผัสของมะพร้าวขูด เอ้า… ลงมือกันได้เลย

ส่วนผสม ขนมเข่ง

      ◆ แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
      ◆ น้ำสะอาด 1 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
      ◆ มะพร้าวขูด 300 กรัม
      ◆ กระทงสำหรับใส่ขนม
      ◆ น้ำมันพืชสำหรับทากระทง

วิธีทำขนมเข่ง

      1. ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
      2. นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
      3. ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทงประมาณ 3/4 ของกระทง 
      4. วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 1/2 ชั่วโมง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ใช้กรรไกรตัดเจียนกระทงที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมเข่ง ขนมไหว้เจ้าชื่อมงคล ตัวแทนความราบรื่นของชีวิต

++++++++++++++++

12. สังขยาฟักทอง


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          ต่อไปนี้ถ้าต้องการกินขนมไทยอย่างสังขยาฟักทองไม่ต้องซื้ออีกแล้ว ลองหันมาทำเองง่าย ๆ แค่เตรียมฟักทองลูกเล็ก ๆ ไว้เท่านั้น ต่อมาก็ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมด และกรอกส่วนผสมไข่ลงไป ตามด้วยโรยฝอยทอง นำไปนึ่งประมาณ 30 นาที เมื่ออยากจะกินก็ตัดเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟ 

ส่วนผสม สังขยาฟักทอง

      ◆ ฟักทองลูกเล็ก 1 ลูก
      ◆ ไข่ไก่ 8 ฟอง
      ◆ น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
      ◆ หัวกะทิ 1 ถ้วย
      ◆ ฝอยทอง (สำหรับหยอดหน้า)

วิธีทำสังขยาฟักทอง

      1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองออกให้เป็นฝา จากนั้นคว้านเอาไส้ออกจนหมดแล้วนำไปล้างให้สะอาด เตรียมไว้
      2. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำไปกรองผ่านตะแกรง จากนั้นเทใส่ลงในผลฟักทอง โรยฝอยทองด้านบน
      3. ใส่สังขยาฟักทองลงชามกระเบื้องขนาดพอดีกัน จากนั้นนำไปนึ่งในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30-40 นาที หรือจนฟักทองสุก ยกออกจากชุดนึ่ง พักไว้จนเย็น ตัดเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สังขยาฟักทอง ขนมไทยสีเหลืองทองเนื้อเนียนนุ่ม

+++++++++++++++++++++

13. ขนมตะโก้ 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          ขนมไทยใส่กะทิอย่างตะโก้ขนาดเล็กพอดีคำน่าจะถูกใจเพื่อน ๆ หลายคน ด้วยความหวานมันและไส้แห้วที่กรุบกรอบทำให้อยากลิ้มลองสุด ๆ ใครสนใจอยากลองทำตะโก้ แวะเข้ามาจดสูตรได้เลย แจกฟรี เอาไปทำกินเอง หรือจะเอาไปค้าขายก็ได้เช่นกันจ้า

ส่วนผสม หน้ากะทิ

      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
      ◆ กะทิ 2 ถ้วยตวง
      ◆ เกลือป่น 1 ช้อนชา

ส่วนผสม ตะโก้

      ◆ น้ำเปล่า 1 ถ้วย
      ◆ น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
      ◆ แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
      ◆ แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย
      ◆ แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย (หรือน้ำสะอาด 2 ถ้วย ผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา)
      ◆ น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
      ◆ แห้วต้มสุก (หั่นเต๋าเล็ก) 1 ถ้วย
      ◆ กระทงใบเตยสำหรับใส่ขนม

วิธีทำหน้ากะทิ

      ◆ ใส่แป้งข้าวเจ้า กะทิ และเกลือป่นลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนผสมจนข้นและเหนียว ยกลงจากเตา เตรียมไว้หยอดลงบนขนมตะโก้

วิธีทำตะโก้

      1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย ต้มจนเดือดและเหนียวเป็นน้ำเชื่อม พักไว้จนเย็น
      2. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง แป้งถั่วเขียว น้ำลอยดอกมะลิ และน้ำใบเตยจนละลายเข้ากันดี เทใส่ลงในส่วนผสมน้ำเชื่อม กวนผสมจนแป้งสุกเหนียวและใส จากนั้นใส่แห้วลงคนผสมให้เข้ากัน ยกลงจากเตา
      3. ตักใส่กระทงใบเตยที่เตรียมไว้ประมาณ 3/4 ของกระทง ตามด้วยหน้ากะทิจนเต็มพิมพ์ พักทิ้งไว้จนอุ่น จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ตะโก้แห้ว ขนมไทยถ้วยจิ๋วหวานละมุนนุ่มลิ้น

+++++++++++++++++++

14. กล้วยบวชชี 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม

          เมนูกล้วยบวชชี ขนมไทยทำง่าย ใช้กล้วยน้ำว้าห่ามลงไปต้มในน้ำเดือด แล้วนำไปใส่ในหม้อที่มีส่วนผสมกะทิ ปรุงรสชาติให้ถูกปาก ทำครั้งเดียวแบ่งกินได้ทั้งครอบครัว หรือจะทำขายก็ได้กำไรงามเช่นกัน 

ส่วนผสม กล้วยบวชชี

      ◆ กล้วยน้ำว้าห่าม 8 ลูก
      ◆ หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
      ◆ ใบเตย 2 ใบ
      ◆ น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
      ◆ น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
      ◆ เกลือปริมาณเล็กน้อย
      ◆ หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร

วิธีทำกล้วยบวชชี

      1. ต้มกล้วยในน้ำเดือด นานประมาณ 3-5 นาที จนผิวกล้วยเริ่มแตกออก ตักขึ้น ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
      2. ต้มหางกะทิกับใบเตยจนเดือด ใส่กล้วย ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ใส่หัวกะทิลงไป ต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยบวชชี ขนมไทยพื้นบ้าน หอมกลิ่นกะทิชวนรับประทาน

+++++++++++++++++++

15. ข้าวเหนียวสังขยา 


15 สูตรขนมไทยยอดนิยม
ภาพและสูตรจาก คุณโอน่าจอมซ่าส์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

          ความหอมหวานของเนื้อสังขยาที่โปะอยู่บนหน้าข้าวเหนียวทำให้กินแล้วอร่อยลงตัวสุด ๆ แต่ครั้นจะไปซื้อมากินบ่อย ๆ ก็คงไม่มีเวลาขนาดนั้น ถ้าหากชอบเข้าครัวอยู่แล้วลองมาทำข้าวเหนียวสังขยากันหน่อยดีกว่า ทำง่ายกว่าที่คิดเยอะ แยกเป็นสูตรข้าวเหนียวมูนและสังขยาไข่ เมื่อทำเสร็จแล้วเอามากินพร้อมกัน อร่อยเหาะไปเลย 

ส่วนผสม สังขยาไข่

      ◆ ไข่เป็ด 3 ฟอง
      ◆ กะทิ 1/2 กระป๋อง 
      ◆ ใบเตย 3-4 ใบ
      ◆ น้ำตาลปึก 4 ก้อน 
 
ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน

      ◆ ข้าวเหนียวเขี้ยวงู
      ◆ กะทิ
      ◆ สารส้ม
      ◆ น้ำตาลทราย
      ◆ เกลือป่น
      ◆ ใบเตย

วิธีทำสังขยาไข่

      1. ตอกไข่และน้ำตาลปึกใส่ชาม ใส่ใบเตยลงไป ใช้มือขยำให้น้ำตาลละลาย โดยใช้ใบเตยช่วย (สวมมือลงในถุงพลาสติกขณะขยำ)
      2. เติมกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางใส่ในถ้วย ชาม หรือถาดก้นลึก
      3. นำขึ้นนึ่งในหม้อน้ำเดือด ใช้ไฟแรงเปิดฝาขณะนึ่งจนสุกใช้ เวลาประมาณ 45 นาที (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของภาชนะ) เสิร์ฟกับข้าวเหนียวมูน

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

      1. แช่ข้าวเหนียวในน้ำกวนสารส้ม 5 นาที แล้วเทน้ำออก จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง หรือแช่ค้างคืน ทั้งนี้ หากอยากได้ข้าวเหนียวสีสันต่าง ๆ ให้ผสมสีผสมอาหาร หรือสีจากธรรมชาติลงไปในน้ำด้วย 
      2. เมื่อครบเวลาให้เทน้ำออกแล้วนำเข้าเหนียวไปนึ่ง ตั้งไฟแรงจนสุก พักไว้
      3. ตั้งหม้อใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น และใบเตยลงไป ต้มพอเดือด นำไปเทใส่ข้าวเหนียว แล้วคนกันให้ทั่ว ปิดฝาพักไว้ประมาณ 10-15 นาที และคนข้าวเหนียวอีกครั้ง
      4. ตักข้าวเหนียวใส่จาน เสิร์ฟพร้อมสังขยา 

      + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำข้าวเหนียวสังขยา ขนมไทยหวานหอม น่ากิ๊น น่ากิน

          ถ้าใครกำลังโหยหาขนมหวานอย่างขนมไทยสุดอร่อย ลองแวะเวียนมาทำ 15 สูตรขนมไทยยอดนิยมกันดีกว่า แต่ละเมนูหน้าตางดงามทั้งนั้น อยากทำกินเอง หรือทำขายก็ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ ณ ตอนนี้ มองแต่ภาพคงไม่อิ่มแน่นอน ไปล้างมือแล้วเข้าครัวพร้อมปฏิบัติการกันดีกว่า

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
15 สูตรขนมไทยยอดนิยม ทำง่าย ขายได้ กินเพลิน อัปเดตล่าสุด 17 มีนาคม 2565 เวลา 16:06:46 1,921,928 อ่าน
TOP