วันหยุดอยากทำหมูย่างกับข้าวเหนียว และที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำจิ้มหมูย่างนั่นเอง โดยเฉพาะน้ำจิ้มแจ่วสุดคลาสสิก กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำน้ำจิ้มหมูย่าง ได้แก่ น้ำจิ้มแจ่ว น้ำจิ้มคอหมูย่าง น้ำจิ้มแจ่วซอสแม็กกี้ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ น้ำจิ้มแจ่วมะขาม อยากลองชิมสูตรไหนอย่ารอช้า จัดด่วน ๆ เลยจ้า
1. น้ำจิ้มแจ่ว
ใครอยากทำน้ำจิ้มหมูย่างอย่างง่าย ขอนำเสนอวิธีทำน้ำจิ้มแจ่ว สูตรนี้ใส่พริกป่น น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และมะนาว ที่ขาดไม่ได้เลยคือข้าวคั่ว สุดท้ายโรยต้นหอมกับผักชีฝรั่ง
- น้ำมะนาว
- น้ำตาลมะพร้าว
- น้ำปลา
- พริกป่น
- ข้าวคั่ว
- ต้นหอมซอย
- ผักชีฝรั่งซอย
► ผสมน้ำมะนาว น้ำตาลมะพร้าว และน้ำปลาให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ แล้วใส่ข้าวคั่ว พริกป่น ต้นหอมซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไป
2. น้ำจิ้มคอหมูย่าง
มาต่อกันที่วิธีทำน้ำจิ้มคอหมูย่าง จับทุกอย่างลงไปผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ สุดท้ายใส่ผักชี ต้นหอม หรือใบสะระแหน่
- น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ ถึง 1 ช้อนโต๊ะ (เวลาเติมก็ชิมไปด้วย)
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้ามี)
- ผักชี ต้นหอม หรือใบสะระแหน่ โรยเล็กน้อย
► ผสมน้ำปลา พริกป่น น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว และข้าวคั่ว โรยต้นหอมเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ
3. น้ำจิ้มแจ่วซอสแม็กกี้
ใครไม่ชอบกลิ่นคาวของน้ำปลาก็ลองเปลี่ยนมาใช้ซอสแม็กกี้ก็ได้ ยกตัวอย่างน้ำจิ้มแจ่วซอสแม็กกี้ จับทุกอย่างคนผสมจนเข้ากัน สุดท้ายใส่ผักชีฝรั่ง
- ซอสแม็กกี้ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- พริกป่น 2 ช้อนชา (เพิ่ม-ลดตามชอบ)
- ผักชีฝรั่งซอยละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
1. ใส่ซอสแม็กกี้ลงในถ้วย ตามด้วยน้ำตาลทราย คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายหมด
2. จากนั้นใส่พริกป่นลงไปคนให้เข้ากัน
3. บีบมะนาวลงไป คนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
4. สุดท้ายใส่ผักชีฝรั่งซอยลงไปแล้วคนผสมให้เข้ากัน
4. น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ
หลังจากทำเมนูน้ำจิ้มหมูย่างหรือน้ำจิ้มคอหมูย่างบ่อยแล้ว ลองเปลี่ยนมาทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะกันเถอะ สูตรนี้ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นและกะทิ เพิ่มความเปรี้ยวจากมะขามเปียก
- กะทิสด 500 กรัม
- น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
- น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
- เกลือป่นเล็กน้อย
- ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี
1. แบ่งหัวกะทิพอประมาณใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นลงไป จากนั้นเทกะทิที่เหลือลงไปทั้งหมด
2. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ใส่ประมาณ 3 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะในตอนแรก เดี๋ยวจะหวานเกิน หากยังไม่พอใจค่อยเติมทีหลังเอา ตามด้วยน้ำมะขามเปียก (อย่าปรุงให้เปรี้ยวเกินไป เพราะน้ำจิ้มชนิดนี้ห้ามเปรี้ยว เวลากินแล้วรสหวานจะออกนำ แทบไม่ได้รสเปรี้ยวเลย) ตัดรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน
3. สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อนนะ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวจะขึ้นอืดเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเติมภายหลังได้) บางคนก็เห็นเขาใส่ขนมปังลงไปด้วย ขอบอกว่าวิธีนั้นเป็นการลดต้นทุนการใช้ถั่วลิสงป่น แต่น้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของขนมปังจะเก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้ เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้
5. น้ำจิ้มแจ่ว (สูตรน้ำมะขาม)
ปิดท้ายกันด้วยวิธีทำน้ำจิ้มแจ่วมะขาม สูตรนี้ใส่ซีอิ๊วขาวแทนน้ำปลา เติมน้ำตาลปี๊บกับพริกป่น ใส่น้ำมะขามเปียกตามชอบ เพิ่มความหอมด้วยตะไคร้ซอย
- น้ำมะขามเปียก
- น้ำตาลปี๊บ
- ซีอิ๊วขาว
- พริกป่น
- ข้าวคั่ว
- ตะไคร้ซอย
- ผักชีฝรั่งซอย
1. ใส่น้ำมะขามลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลปี๊บและซีอิ๊วขาวลงไป เคี่ยวให้เดือด ชิมรสตามใจชอบ ยกลงจากเตา ปิดไฟ รอจนส่วนผสมเย็น
2. เติมพริกป่น ข้าวคั่ว ตะไคร้ซอย และผักชีฝรั่งซอยลงไป พร้อมเสิร์ฟ
แอบนึกขึ้นมาได้ว่ามีเนื้อหมูแช่ในตู้เย็นหลายกิโล ฯ เลยล่ะ มื้อเย็นคงต้องย่างกินกับน้ำจิ้มหมูย่าง หรือน้ำจิ้มคอหมูย่างสักถ้วย และเพิ่มความอิ่มด้วยข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ สักครึ่งกิโล ฯ
สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing