x close

11 สูตรขนมไทย แบบประยุกต์ทำง่ายกว่าเดิมโดนใจวัยอยากลอง

11 สูตรขนมไทย

          สูตรขนมไทย แบบประยุกต์ จัดเต็มถึง 11 สูตร หน้าตาล้ำสมัยทำง่ายกว่าเดิม โดนใจวัยทีนและมือใหม่ที่อยากลองพับเพียบทำขนมจริง ๆ นะไม่ได้โม้
 
          ขนมไทย ถึงแม้จะหาซื้อมากินง่าย แต่ก็เริ่มเอียนกับหน้าตาแบบเดิม ๆ อีกทั้งถ้าอยากลองทำก็ดูเหมือนยากเต็มที วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 11 สูตรขนมไทยแบบประยุกต์หน้าตาสุดแนว ประยุกต์จากขนมไทยที่เราคุ้นเคยกลายเป็นรูปลักษณ์ใหม่ ตลอดจนคิดค้นวิธีการทำแบบใหม่ที่สะดวกกว่าเคย ทำง่ายโดนใจวัยโจ๋แน่นอน

11 สูตรขนมไทย

 1. ขนมกลีบลำดวนโตโตโร

          ความหอมของขนมกลีบลำดวนทำให้หลายคนหลงใหล แต่ด้วยหน้าตาไม่แนว ก็เลยทำให้วัยรุ่นอย่างเราไม่อยากลองทำเท่าไร ถ้าหากเปลี่ยนรูปโฉมใหม่น่าจะเข้าท่า ดูอย่างขนมกลีบลำดวนโตโตโรสูตรจากเฟซบุ๊ก Baking Glory ที่ประยุกต์มาจากขนมกลีบลำดวนแบบไทยแท้แต่จับมาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้เป็นตัวการ์ตูนโตโตโรหน้าตามุ้งมิ้ง หอมกลิ่นควันเทียน ทานได้ อร่อยเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน เพียงแต่เพิ่มความน่ารักเข้าไปเท่านั้นเอง

ส่วนผสม ขนมกลีบลำดวนโตโตโร

           แป้งสาลีอเนกประสงค์
          น้ำตาลป่น
          น้ำมันพืช
          งาดำคั่ว
          ใบเตย
          อัญชัน

อุปกรณ์

          ไม้จิ้มฟัน
          มีด

วิธีทำขนมกลีบลำดวนโตโตโร

11 สูตรขนมไทย

          1. ปั่นงาดำให้ละเอียดแล้วนำไปผสมกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ น้ำตาลป่น และน้ำมันพืช (ถ้าอยากได้สีเข้ม หรืออ่อนก็ใส่งาเพิ่มได้ตามต้องการค่ะ) จากนั้นคั้นน้ำใบเตยและอัญชันกับน้ำมันพืช

          2. เมื่อได้แป้งแล้วก็ถึงเวลาปั้น พยายามปั้นให้การบีบอัดน้อยที่สุด โดยปั้นให้หลากหลายซึ่งมีทั้งโตโตโรกลาง โตโตโรจิ๋ว และน้องฝุ่นวิ

11 สูตรขนมไทย

          3. นำไปอบด้วยความร้อน 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 8-10 นาที แต่ละตัวแต่ละไซส์ใช้เวลาอบที่ต่างกัน ต้องคอยดูดี ๆ

          4. เสร็จแล้วเอาไปอบควันเทียนก่อนที่จะทาน รสและกลิ่นยังเหมือนลำดวนไม่ผิดเพี้ยน เนื้อไม่แข็งไป ไม่ร่วนไป แค่หน้าตาเปลี่ยนไป

           ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมกลีบลำดวนโตโตโร ไอเดียแปลงโฉมขนมไทยเพิ่มความฟิน



11 สูตรขนมไทย

2. ซ่าหริ่ม (ใช้วุ้นเส้น)

          ซ่าหริ่ม ขนมไทยที่เราคุ้นเคยทำมาจากแป้งถั่วเขียวและต้องใช้ที่กดซ่าหริ่มทำให้เป็นเส้นดูลำบากลำบน แต่สำหรับสูตรซ่าหริ่มจากคุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม  ไม่ได้ยุ่งยากขนาดนั้น ทำง่าย ๆ ด้วยการประยุกต์ใช้วุ้นเส้นแทน และเพิ่มสีสันจากน้ำหวาน ก่อนเสิร์ฟใส่น้ำแข็งลงไปหน่อย สดชื่นจริง ๆ ลองทำกันดูได้เลยจ้า

ส่วนผสม ซ่าหริ่ม

          น้ำตาลทราย 250 กรัม
          น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร
          ใบเตย 2-3 ใบ
          วุ้นเส้นถุงเล็ก 1 ห่อ
          น้ำหวานสีเขียวและสีแดง
          น้ำเปล่า (สำหรับแช่วุ้นเส้น)
          กะทิอบควันเทียนสำเร็จรูป 1 กล่อง

วิธีทำซ่าหริ่ม

11 สูตรขนมไทย

          1. นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่า เทใส่หม้อ เปิดไฟ ใส่ใบเตยลงไป เคี่ยวจนเหนียว ปิดไฟแล้วพักไว้จนเย็น

11 สูตรขนมไทย

          2. แกะวุ้นเส้นออกจากถุง นำไปแช่น้ำหวานสีแดง โดยเติมน้ำเปล่าลงไปผสมด้วย (ถ้าต้องการสีเข้มก็ใส่น้ำเปล่าน้อย ๆ ถ้าไม่มีน้ำหวานสีเขียวก็ใช้น้ำใบเตยแทน) เมื่อแช่น้ำหวานจนสีของน้ำหวานซึมเข้าไปในตัววุ้นเส้นแล้วให้ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ

          3. นำวุ้นเส้นไปต้มในน้ำเดือดจนสุก ตักขึ้นใส่ในน้ำเย็น จากนั้นตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ

          4. ตักซ่าหริ่มใส่ภาชนะตามด้วยน้ำเชื่อมและกะทิอบควันเทียนแบบสำเร็จรูปลงไป หรือใครจะเอากะทิไปตั้งไฟก่อนก็ได้ค่ะ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำซ่าหริ่ม ขนมหวานไทย ๆ เมนูคลายร้อนทำง่าย ๆ



11 สูตรขนมไทย

3. พัฟฟ์กล้วยเชื่อม

          เมนูกล้วยเชื่อมสีแดง ๆ ทั่วไปกินแล้วไม่ฟินเท่าไร แต่ถ้าหากนำเมนูกล้วยเชื่อมประยุกต์เป็นพัฟฟ์กล้วยเชื่อมสูตรจากนิตยสารแม่บ้าน คงจะฟินมากขึ้นกว่าเดิม  แอบกระซิบว่าทำง่ายมาก ๆ แค่จับกล้วยน้ำว้าเชื่อมมาใส่เป็นไส้ในแป้งพัฟฟ์ นำไปอบจนสุกก็จะได้ลิ้มลองแป้งพัฟฟ์กรอบไส้หวานมีเนื้อกล้วยเชื่อมเคี้ยวเหนียวหนึบด้วยนะคะ

ส่วนผสม กล้วยเชื่อม

          กล้วยน้ำว้าสุกห่าม 15 ผล
          น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
          น้ำตาลปี๊บ 200 กรัม
          น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 100 กรัม
          น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
          น้ำเปล่าผสมเกลือป่น (สำหรับแช่กล้วย)

ส่วนผสม พัฟฟ์กล้วยเชื่อม

          กล้วยน้ำว้าเชื่อม 350 กรัม
          แป้งพัฟฟ์เพสตรีสำเร็จรูป 500 กรัม (แป้งพายชั้น)
          ไข่ไก่ตีพอแตก 1 ฟอง
          น้ำตาลไอซิ่ง (สำหรับโรย)
          น้ำเปล่า
          พิมพ์กดรูปวงกลมขอบหยัก (ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว)

วิธีทำพัฟฟ์กล้วยเชื่อม

          1. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าหั่นเป็นชิ้น ใส่ลงในน้ำเกลือ แช่พักไว้

          2. ใส่น้ำเปล่า น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทรายลงในภาชนะ ตั้งไฟพอเดือด

          3. ใส่กล้วยน้ำว้าและน้ำมะนาวลงไป รอให้เดือดช้อนฟองทิ้งจนหมด เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน 2-3 ชั่วโมง หรือจนกล้วยเป็นสีแดง มีลักษณะมันเงาจากตัวน้ำเชื่อมที่เคลือบกล้วย ยกลงพักไว้ให้เย็นสนิท

          4. หั่นกล้วยน้ำว้าเชื่อม เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้

          5. ใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งพัฟฟ์เพสตรี ให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมโดยให้มีความหนาประมาณ 1/4 เซนติเมตร

          6. ใช้พิมพ์กดแป้งให้หมด

          7. ตักกล้วยน้ำว้าเชื่อมลงตรงกลางแผ่นแป้ง ทาขอบแป้งด้วยน้ำเปล่า จากนั้นประกบแป้งปิดให้สนิท

          8. วางเรียงใส่ถอดอบที่ทาเนยขาว แล้วทาไข่ไก่บนหน้าขนมบาง ๆ จนทั่ว นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20-30 นาทีหรือจนสุกเหลือง นำออกจากเตาอบ แซะออกจากถาด พักไว้ ให้คลายความร้อน โรยน้ำตาลไอซิ่ง จัดเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พัฟฟ์กล้วยเชื่อม ขนมไทยร่วมสมัย ไอเดียแจ่ม







11 สูตรขนมไทย

4. โตเกียว (กระทะเทฟลอน)

          เป็นเหมือนกันไหมอยู่ ๆ นึกอยากทานขนมโตเกียวขึ้นมา แต่ด้วยหาซื้อยากเพราะส่วนใหญ่ขายหน้าโรงเรียน ถ้าใครอยากทานโตเกียวแบบง่าย ๆ ลองประยุกต์มาใช้กระทะเทฟลอนทำแทนเตาสี่เหลี่ยมได้เหมือนกันนะคะ ส่วนผสมหลัก ๆ ก็มีแป้งโตเกียวและไส้ ก่อนอื่นละเลงแป้งในกระทะเป็นรูปวงรี พอแป้งเริ่มสุกก็ใส่ไส้กรอกและหมูสับลงไปแล้วม้วนแป้งให้สวยงาม คราวนี้ก็ไม่ต้องไปตามล่าหาร้านโตเกียวแล้วล่ะ ทำเองง่ายกว่าเยอะเลย

ส่วนผสม แป้งโตเกียว

          แป้งสาลีอเนกประสงค์
          เบกกิ้งโซดา
          ผงฟู
          น้ำตาลทราย
          น้ำผึ้ง
          น้ำเปล่า (หรือน้ำปูนใส)
          ไข่ไก่ 1 ฟอง

ส่วนผสม ไส้กรอกและไส้หมูสับ

          เนื้อหมูสับ
          รากผักชี
          กระเทียม
          ซอสหอยนางรม
          ไส้กรอก (ตามชอบ)

วิธีทำโตเกียว

11 สูตรขนมไทย

          1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเบกกิ้งโซดา ผงฟู และน้ำตาลทรายคนให้เข้ากันเล็กน้อย

          2. เติมน้ำผึ้ง น้ำเปล่า และตอกไข่ไก่ใส่ลงไป คนให้เข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว (แบ่งส่วนผสมแป้งใส่ขวดเล็กน้อยเตรียมไว้สำหรับบีบเป็นเส้น ๆ ด้วย) พักส่วนผสมแป้งไว้สักครู่

          3. โขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกัน พักไว้

          4. นำไส้กรอกลงไปผัดในกระทะให้พอร้อนแล้วตักขึ้น พักไว้

          5. นำเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดในกระทะ ตามด้วยหมูสับ ผัดจนหมูสุกและหอม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ผัดให้เครื่องปรุงกับหมูสับเข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้

11 สูตรขนมไทย

          6. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ตักส่วนผสมแป้งหยอดลงในกระทะ ละเลงแป้งให้เป็นแผ่นวงรี บีบแป้งเป็นเส้น ๆ ลงไปด้านบนให้สวยงามตามชอบ

          7. พอแป้งเริ่มสุกและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้ว วางไส้กรอกและหมูสับที่ผัดไว้ลงไปบนแป้ง แล้วม้วนแป้งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สูตรขนมโตเกียว ขนมนี้ไทยแลนด์โอนลี่เท่านั้น


11 สูตรขนมไทย

5. ทองม้วนสด (กระทะเทฟลอน)

          ทองม้วนสด แป้งเหนียวนุ่มผสมผสานเนื้อมะพร้าวอ่อนคงเป็นที่ถูกใจใครหลายคน แต่ถ้าจะไปหาซื้อเองคงลำบาก อยากลองทำเองไหมไม่ต้องมีเตาทองม้วนแค่มีกระทะเทฟลอนก็พอแล้ว มาเริ่มทำทองม้วนสดสูตรจากคุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเหลือง สีส้ม และสีม่วง หผสมแป้งเสร็จแล้วก็หยอดลงไปเป็นวงกลม พอสุกก็ม้วนให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟเลยจ้า

ส่วนผสม ทองม้วนสด

          แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
          แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย
          กะทิสด 1/2 ถ้วย
          เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
          น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย (ใครชอบหวานเพิ่มได้นะ สูตรนี้หวานน้อย)
          ไข่ไก่ 1 ฟอง
          งาดำคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
          เนื้อมะพร้าว 1/2 ลูก
          สีผสมอาหารสีเหลืองไข่ไก่และสีส้ม
          ดอกอัญชันต้มกับน้ำ (สำหรับทำสีคราม)

11 สูตรขนมไทย

วิธีทำทองม้วนสด

          1. ผสมแป้งมันสำปะหลังกับแป้งสาลีอเนกประสงค์เข้าด้วยกันในชามผสม เตรียมไว้

          2. ผสมกะทิ เกลือป่น และน้ำตาลมะพร้าว ใช้ตระกร้อมือตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่ไก่ลงไปตีให้เข้ากัน ค่อย ๆ เทใส่ลงในชามแป้งทีละน้อย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งให้ข้นเป็นเนื้อเดียว (แต่ไม่ต้องข้นมาก) สุดท้ายใส่งาดำคั่วลงไป พักไว้ประมาณ 30 นาที

          3. แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 3 ถ้วย หยดสีผสมอาหารลงไปทีละนิด คนผสมให้เข้ากันจนได้สีที่ชอบ สุดท้ายแบ่งใส่เนื้อมะพร้าวลงไปเท่า ๆ กัน เตรียมไว้

          4. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน (ใช้ไฟวงเล็กตรงกลาง) พอให้กระทะร้อนนิด ๆ แล้วตักส่วนผสมแป้งหยอดลงไป เกลี่ยให้เป็นวงกลม

         เคล็ดลับ : หากต้องการให้เนื้อขนมมีความฉ่ำสวย ให้ทาน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอกที่กระทะนิดหน่อยนะคะ ขนมจะเงาสวยค่ะ อย่างที่บอกเราทดลองแล้วเห็นว่าไม่ติดกระทะ จึงไม่ได้ทาน้ำมัน เนื้อจึงแห้งไปนิดหนึ่งจ้า

          5. พอเกลี่ยเป็นวงกลมแล้วให้เร่งไฟแรงขึ้นเล็กน้อยรอให้เนื้อแป้งสุก จากนั้นใช้ตะเกียบพลิกกลับด้าน

          6. พอแป้งสุกนำขึ้นนำไปวางที่เขียง เวลาม้วนให้ใช้ตะเกียบ 2 อัน คีบแผ่นแป้งขึ้นมา แล้วค่อย ๆ ม้วนแบบหลวม ๆ (ม้วนหลวม ๆ ล่ะ เดี๋ยวเอาตะเกียบไม่ออกนะ ชิ้นแรกอ้อก็เจอเลยเพราะครั้งแรกตื่นเต้น ม้วนแน่นไปหน่อย จึงเตือนกันเอาไว้ก่อน) ดึงตะเกียบออกจากแป้ง ทำจนครบทั้ง 3 สี จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ทองม้วนสด กระทะเทฟลอน สูตรขนมไทยทำง่าย ๆ กินได้จริง


11 สูตรขนมไทย

6. ไพลินกรอบ

          ทับทิมกรอบ ขนมไทยสีแดงก็ว่าสวยแล้ว แต่ถ้าได้มาเจอไพลินกรอบสูตรจากคุณสมาชิกหมายเลข 730827 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม น่าตื่นเต้นกว่า หลายคนอาจเดากันได้ว่าไพลินกรอบประยุกต์มาจากทับทิมกรอบนั่นเอง สีฟ้าของขนมที่ได้จากดอกอัญชัน ราดด้วยกะทิ น้ำเชื่อม และใส่น้ำแข็งลงไป 

ส่วนผสม ไพลินกรอบ

          ดอกอัญชัน (ตัดขั้วออกแล้วล้างน้ำให้สะอาด)
          แห้วหั่นเต๋าเล็ก
          ใบเตย
          น้ำตาลทราย
          น้ำเปล่า
          แป้งมันสำปะหลัง
          กะทิผสมเกลือ (กะทิที่ปรุงด้วยเกลือพอเค็มปะแล่มไว้ตัดรสหวาน)
          น้ำแข็ง

11 สูตรขนมไทย

วิธีทำไพลินกรอบ

          1. ต้มน้ำจนเดือดแล้วเทน้ำร้อนลงไปในอ่างผสมที่มีดอกอัญชันพอท่วม แยกเอาดอกอัญชันออกให้เหลือแต่น้ำ จากนั้นใส่แห้วที่หั่นไว้ลงไปแช่ทิ้งไว้

          2. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทราย 1 ส่วนต่อน้ำ 6 ส่วนลงในหม้อ ต้มด้วยไฟปานกลางจนน้ำเริ่มงวด เตรียมไว้

          3. นำแห้วที่แช่น้ำดอกอัญชันแล้วมาคลุกกับแป้งมันสำปะหลังให้ทั่ว

          4. ต้มน้ำจนเดือด ใส่ไพลินลงต้มจนลอยบนผิวน้ำ (จากประสบการณ์ควรเปลี่ยนน้ำต้มนะคะ เพราะหากใช้น้ำเดิมซ้ำน้ำจะเริ่มเหนียว เป็นแป้งเปียก) ตักไพลินกรอบลงแช่ในน้ำเย็น

          5. ตักไพลินกรอบใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำเชื่อม ส่วนผสมกะทิ และน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไพลินกรอบ อัญมณีที่กินได้ ขนมไทยอร่อยหอมหวาน


11 สูตรขนมไทย

7. กล้วยบวชพระ

          กล้วยบวชชีทานจนเบื่อกันแล้วใช่ไหม ถ้าอยากได้สูตรขนมไทยแนว ๆ ต้องเจอกล้วยบวชพระสูตรจากเฟซบุ๊ก เมนูดีที่บ้าน "บ.บวม" ประยุกต์มาจากกล้วยบวชชี ทำง่าย ๆ แค่เพิ่มเนื้อฟักทองปั่นสีเหลืองลงไปเท่านั้นเอง ลองทำทานสักครั้งแล้วจะชอบแน่นอน

ส่วนผสม กล้วยบวชพระ

          กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกแบบที่สุกแล้วแต่ยังไม่สุกมากยังมีเขียว ๆ อยู่ครับ เพราะถ้าเอาสุกกว่านี้มาทำ กล้วยอาจจะเละได้ครับ)
          ฟักทอง 500 กรัม (ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ๆ ครับ)
          กะทิ 800 มิลลิลิตร (ผมใช้กะทิกล่องเพราะหาง่ายดีครับ)
          น้ำตาลมะพร้าว 2-3 ช้อนโต๊ะ (ใช้แค่นี้พอครับ เอาแค่มาช่วยความหอมกลมกล่อม ความหวานหลักจะมาจากฟักทองครับ)
          เกลือ

11 สูตรขนมไทย

วิธีทำกล้วยบวชพระ

          1. เอาฟักทองที่เราหั่นรอไว้แล้วไปนึ่งประมาณ 15 นาที นึ่งเสร็จแล้วนำไปใส่ในโถปั่นพักรอไว้ก่อน

          2. หั่นกล้วยส่วนหัวและท้ายทิ้งไม่ต้องปอกเปลือก แล้วผ่า 4 ส่วน แช่น้ำไว้ก่อนป้องกันกล้วยดำ

          3. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยเกลือเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟรอจนน้ำเดือด นำกล้วยที่หั่นไว้ลงต้มในน้ำเดือด ๆ ประมาณ 30 นาที ต้มเพื่อเอายางกล้วยออกและทำให้รสฝาดของกล้วยหายไป เมื่อครบเวลาแล้วจะเห็นว่า มียางกล้วยออกมาและเนื้อกล้วยกับเปลือกกล้วยจะล่อนออกมา

          4. เมื่อต้มได้ที่แล้วก็นำมาล้างน้ำเย็นเพื่อนำสิ่งสกปรกและลอกเปลือกกล้วยออก พักไว้

          5. ใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่นเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟต้มจนกะทิเดือด และหมั่นคนเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน

          6. เมื่อกะทิเดือด นำกล้วยลงไปต้มในน้ำกะทิ ประมาณ 15 นาที สีกล้วยจะเปลี่ยนเป็นขาว ๆ ใส ๆ ขึ้นมา

          7. นำน้ำกล้วยบวชชีมาเทใส่โถปั่นที่มีฟักทองรอไว้อยู่แล้ว หลังจากนี้ก็ปั่นให้ละเอียดจนได้เป็นเนื้อซุปเนียน ๆ แล้วก็เทกลับลงหม้อแล้วเปิดเตาไฟอ่อนต้มต่อสัก 10-15 นาที ก็จะได้กล้วยห่มจีวรเหลือง ๆ ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยบวชพระ ขนมไทยแหวกแนวที่ต้องลองสักครั้ง


11 สูตรขนมไทย

8. กล้วยหอมบวชชีนมสดคาราเมล

          กล้วยบวชชี ขนมไทยซ้ำเดิม ลองประยุกต์เป็นกล้วยหอมบวชชีนมสดคาราเมลสูตรจากคุณกล้วยหอมคาราเมล สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ไม่ใส่กะทิ เพิ่มความหอมจากคาราเมลผสมผสานกับนมสด อยากรู้ว่ารสชาติอร่อยแค่ไหนต้องลองทำค่ะ

ส่วนผสม กล้วยหอมบวชชีนมสดคาราเมล

          กล้วยหอมสุกงอม 2 ลูก
          น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง + 2 ช้อนชา (แยกเป็นสองส่วน)
          เกลือ 2 หยิบมือ
          ครีมสด หรือวิปปิ้งครีม 1 ถ้วยตวง (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ใช้เพื่อเพิ่มความเข้มข้นเฉย ๆ)
          นมสดรสจืด 2 ถ้วยตวง
          กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

11 สูตรขนมไทย

วิธีทำกล้วยหอมบวชชีนมสดคาราเมล

          1. ปอกเปลือกกล้วยหอมหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ นำไปล้างให้สะอาด

          เคล็ดลับ : สำหรับคนที่ไม่รีบ แนะนำให้นำกล้วยไปต้มก่อนทั้งเปลือกด้วยน้ำเปล่า ประมาณ 10-15 นาที เพื่อกำจัดยางกล้วยทิ้ง กล้วยจะไม่ดำค่ะ

          2. ใส่น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน หมั่นคนให้น้ำตาลละลายเป็นคาราเมล

          3. ปิดเตาแล้วรีบเทครีมลงไป โดยที่ยังไม่ต้องคนผสมกัน ระวังนะคะขั้นตอนนี้ มันจะฟู่ขึ้นมา

          4. พอเทครีมลงไปให้รอสักครู่ แล้วใช้พายไม้ขูดเอาคาราเมลส่วนที่แข็ง ๆ เป็นก้อนขึ้นมา

          5. เติมนมสดและกลิ่นวานิลลาลงไป

          เคล็ดลับ 1 : หากชอบหวานมากหน่อยก็เติมน้ำตาลทรายไป 2 ช้อนชา เติมเกลือลงไป คนผสมให้เข้ากัน

          เคล็ดลับ 2 : สาเหตุที่เรามาเติมน้ำตาลสำหรับคนชอบทานหวานทีหลัง เพราะรสหวานของคาราเมลทั้งหมดมันจะหนักไป หากเราไม่เอาขึ้นเลยมันจะแสบคอค่ะ หากชอบหวานมาเติมทีหลังด้วยน้ำตาลทรายจะกลมกล่อมกว่า หากไม่ชอบหวานมาก ไม่ต้องเติมเลยค่ะ

          เคล็ดลับ 3 : กลิ่นวานิลลาช่วยดึงความหอมของคาราเมลขึ้นมาอีก ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากจริง ๆ ค่ะ

          6. เติมกล้วยที่เตรียมไว้ลงไป ต้มประมาณ 15 นาทีจนสุก ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยหอมบวชชี สูตรนมสดหอมคาราเมล เมนูแปลกแต่กินได้ อร่อยล้ำไม่ซ้ำเดิม


11 สูตรขนมไทย

9. ตะโก้สาคู

          ขนมตะโก้ในกระทงใบเตยดูทานลำบากและต้องตระเตรียมใบเตยให้ยุ่งยาก ลองเปลี่ยนภาชนะใส่คงเก๋ไม่น้อยเหมือนเมนูตะโก้สาคูสูตรจากคุณ RinS Cook Book สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม จับสาคูหอมกลิ่นใบเตยใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ ใช้ช้อนตักทานสะดวกสุด ๆ

ส่วนผสม ตะโก้สาคู

          น้ำเปล่า 3 3/4 ถ้วยตวง
          ใบเตยสด 3-4 ใบ  (หรือน้ำหอมกลิ่นใบเตย 1 ช้อนชา)
          สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง
          น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วยตวง
          เม็ดข้าวโพดต้มสุก 1 ถ้วยตวง

ส่วนผสม หน้ากะทิ

          กะทิ 4 ถ้วยตวง
          น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วยตวง
          แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วยตวง
          เกลือป่น 1 1/2 - 2 ช้อนชา

วิธีทำตะโก้สาคู

11 สูตรขนมไทย

          1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยใบเตย นำขึ้นตั้งไฟแรง ต้มจนเดือด

          2. ระหว่างรอน้ำใบเตยเดือด ใส่กะทิ น้ำตาลทราย แป้งข้าวเจ้า และเกลือป่นลงในหม้ออีกใบ เตรียมไว้

          3. พอน้ำใบเตยเดือด ใส่เม็ดสาคูลงไปต้ม ใช้ไฟกลางอ่อน ต้มนานประมาณ 15 นาที จนเม็ดสาคูเริ่มพองออก จากนั้นนำใบเตยออก แล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมให้เข้ากันจนเม็ดสาคูสุก

          4. ใส่เม็ดข้าวโพดต้มสุกลงไป คนผสมให้เข้ากัน ยกลงจากเตา วางพักทิ้งไว้จนเย็นลง

          5. นำส่วนผสมหน้ากะทิขึ้นตั้งไฟอ่อน หมั่นคนผสมตลอดเวลา (เพื่อป้องกันไม่ให้ไหม้) นานประมาณ 15 นาที จนส่วนผสมข้น ปิดไฟ ยกลงจากเตา เตรียมไว้สำหรับราดหน้า

          6. ตักสาคูใส่ถ้วย ราดด้วยหน้ากะทิ แต่งด้วยเม็ดข้าวโพด พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ตะโก้สาคู ขนมไทยหวานหอม ทำง่ายนิดเดียว


11 สูตรขนมไทย

10. ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว

          หลายคนอาจคุ้นเคยกับเนื้อว่านหางจระเข้ที่เอามาป้ายแผลพุพอง แต่รู้หรือไม่ว่าเนื้อว่านหางจระเข้เอามาทำเป็นขนมได้อีกด้วยนะคะ ขอแนะนำว่านหางจระเข้ลอยแก้วสูตรจากนิตยสารแม่บ้าน ประยุกต์จากเมนูขนมหวานลอยแก้วต่าง ๆ ใส่สีจากดอกอัญชันลงไป ผสมผสานความหวานของน้ำเชื่อมกลิ่นใบเตย ใส่น้ำแข็งลงไปก่อนเสิร์ฟ ฟินเว่อร์

ส่วนผสม ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว

          ว่านหางจระเข้ กาบใหญ่ ๆ 1-2 กาบ
          น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
          น้ำดอกอัญชันคั้นเข้มข้น  2-3 ช้อนโต๊ะ
          ใบเตยหอม บิดให้แตกหั่นเป็นท่อน 3 ใบ
          น้ำเปล่า สำหรับทำน้ำเชื่อม 2 ถ้วยตวง
          แป้งมันสำปะหลัง 1 1/2 -2 ถ้วยตวง
          น้ำเปล่า
          น้ำแข็งบด

วิธีทำว่านหางจระเข้ลอยแก้ว

          1. ปอกเปลือกว่านหางจระเข้ ล้างให้หมดยาง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า เตรียมไว้

          2. ต้มน้ำเปล่าพอเดือด ใส่ว่านหางจระเข้ลงลวก ตักใส่ตะแกรง พักให้สะเด็ดน้ำ

          3. ใส่ว่านหางจระเข้ลงในแป้งมันสำปะหลังคลุกให้ทั่ว ใส่ตะแกรง เขย่าแป้งส่วนเกินออก ใส่ลงต้มในน้ำเดือด พอสุกแป้งจะลอยขึ้นมา ตักขึ้นใส่ลงในน้ำเปล่าให้คลายความร้อน

          4. นำน้ำตาลทรายใส่หม้อเติมน้ำเปล่า คนให้ละลาย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดใส่ใบเตย เบาไฟเคี่ยวจนน้ำเชื่อมข้นเล็กน้อย ตักใบเตยขึ้น ใส่น้ำดอกอัญชัน เร่งไฟให้แรงพอเดือด ยกลงพักไว้ให้เย็น

          5. ตักว่านหางจระเข้ ใส่ถ้วย ราดน้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็งด้านบน จัดเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว ขนมหวานเย็นชื่นใจ สไตล์ใหม่น่าลอง


11 สูตรขนมไทย

11. สาคูบัวลอยแปะก๊วย

          หากรู้สึกเบื่อกับบัวลอยกะทิแบบเดิม ๆ ลองประยุกต์เป็นสาคูบัวลอยแปะก๊วยสูตรจากคุณเนินน้ำ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับสาคูใส่น้ำดอกอัญชันมาทำเป็นบัวลอยพร้อมกับ ใส่แปะก๊วย ราดน้ำกะทิ หน้าตาน่าทานมาก ๆ ถ้าหากได้ไข่หวานลงไปอีกฟองน่าจะดีเหมือนกัน

ส่วนผสม สาคูบัวลอยแปะก๊วย

          สาคูเม็ดเล็ก 500 กรัม
          น้ำร้อนจัด 1 1/4 ถ้วย
          แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
          น้ำดอกอัญชัน (หรือสีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย)
          หัวกะทิ 7 ถ้วย
          หางกะทิ 3 ถ้วย
          น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
          เกลือสมุทร 1 ช้อนโต๊ะ
          แปะก๊วยต้มสุก

 วิธีทำสาคูบัวลอยแปะก๊วย

11 สูตรขนมไทย

          1. ใส่สาคูลงในอ่างผสม ค่อย ๆ ใส่น้ำร้อน แล้วนวดให้เข้ากันจนน้ำหมด ใส่สีผสมอาหารสีม่วงเล็กน้อย

          2. ใส่แป้งมันสำปะหลัง นวดให้เข้ากันดี นำมาคลึงเป็นแผ่น แล้วใช้มีดตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร

          3. เคล้าแป้งมันสำปะหลังให้ทั่วเพื่อไม่ให้แป้งจับตัวเป็นก้อน

11 สูตรขนมไทย

          4. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่สาคูลงต้มจนสุกลอย ตักขึ้นล้างน้ำเย็น

11 สูตรขนมไทย

          5. ใส่หัวกะทิและหางกะทิในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง หมั่นคนจนเดือด จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือสมุทร หมั่นคนอยู่เสมอ พอเดือดอีกครั้งชิมรสให้หวานนำและเค็มปะแล่ม แล้วปิดไฟ ใส่สาคูต้มและแปะก๊วยต้มสุกใส่ลงไป ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

          ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สาคูบัวลอยแปะก๊วย ขนมไทยร้อน ๆ ไอเดียใหม่

          แค่เห็นขนมไทย 11 สูตร แบบประยุกต์ก็ทำเอาน้ำลายสอเลยทีเดียว แค่ดัดแปลงเล็กน้อยก็ได้เมนูขนมไทยแนว ๆ ที่ทำง่าย และยังน่าทานอีกด้วย เหมาะกับทุกเพศทุกวัยจริง ๆ 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
11 สูตรขนมไทย แบบประยุกต์ทำง่ายกว่าเดิมโดนใจวัยอยากลอง อัปเดตล่าสุด 18 พฤศจิกายน 2558 เวลา 16:16:16 133,384 อ่าน
TOP