1. เค้กช็อกโกแลตโคล่า
- แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
- น้ำตาล 2 ถ้วย
- เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- ผงซินนามอน 1/2 ช้อนชา
- น้ำอัดลมกลิ่นโคล่า 1 กระป๋อง
- เนยสด 1 ถ้วย
- ผงโกโก้ (สำหรับทำขนม) 1/4 ถ้วย
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- บัตเตอร์มิลค์ 1/2 ถ้วย
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- น้ำอัดลมกลิ่นโคล่า 1 กระป๋อง
- เนยสด 1 ถ้วย
- ผงโกโก้ (สำหรับทำขนม) 1/4 ถ้วย
- น้ำตาลไอซิ่ง 4 ถ้วย
1. เตรียมอ่างผสม ใส่แป้ง น้ำตาล เบกกิ้งโซดา เกลือ และผงซินนามอน คนพอเข้ากัน เตรียมไว้
2. ตั้งหม้อ เติมน้ำอัดลม รอจนเดือด ใส่เนย และผงโกโก้ คนจนละลาย เทลงในส่วนผสมแป้ง คนผสมจนเข้ากัน
3. เตรียมอ่างผสม ใส่ไข่ บัตเตอร์มิลค์ และกลิ่นวานิลลา ตีผสมจนเข้ากัน เทส่วนผสมโกโก้ลงไป คนผสมจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์อบ นำไปอบที่อุณหภูมิ 350 องศาเซลเซียส ประมาณ 25-30 นาที หรือจนสุก
4. ตั้งหม้อ เติมน้ำอัดลม รอจนเดือด ใส่เนย และผงโกโก้ คนผสมจนละลายเข้ากัน เทลงไปผสมกับไอซิ่ง คนผสมจนเข้ากัน นำไปเทลงบนหน้าเค้ก หั่นเป็นชิ้นเสิร์ฟ
2. เค้กช็อกโกแลตหน้านิ่ม
- ไข่แดง 6 ฟอง
- น้ำตาลทราย 30 กรัม
- นม 80 กรัม
- น้ำมันพืช 65 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- แป้งเค้ก 90 กรัม
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 20 กรัม
- เกลือเล็กน้อย
- ไข่ขาว 6 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 80 กรัม
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำ 250 กรัม
- ผงโกโก้ 30 กรัม
- แป้งข้าวโพด 30 กรัม
- นมสดหรือนมจืด 250 กรัม
- น้ำตาลทราย 160 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เนยสดเค็ม 70 กรัม
2. ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์จนเป็นฟองหยาบ แล้วค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนถึงกลาง อย่าตีจนตั้งยอดแข็ง เวลาเอาไปผสมกับส่วนของไข่แดงจะทำให้คนเข้ากันยากมาก เพราะต้องใช้เวลาตะล่อมนาน ทำให้ฟองอากาศยุบตัวเยอะ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เค้กไม่ฟู พอตั้งยอดแล้วก็ตักเมอแรงค์ไข่ขาวสัก 1/3 ส่วนมาตะล่อมกับส่วนผสมของไข่แดง ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน หลังจากนั้นก็ใส่เมอแรงค์ไข่ขาวส่วนที่เหลือลงไปจนหมด แล้วตะล่อมจนเข้ากันดี
3. พอเข้ากันแล้วเทใส่พิมพ์ขนาด 3 ปอนด์ที่เตรียมไว้ เคาะพิมพ์เบา ๆ สัก 1-2 ครั้ง แล้วนำไปอบบนถาดที่เทน้ำร้อนเตรียมไว้ที่อุณหภูมิ 140-150 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 60 นาที ใครชอบหน้าเข้มกว่านั้นก็เพิ่มอุณหภูมิเป็น 160 องศาเซลเซียสก็ได้ ต้องดูเตาอบบ้านแต่ละคนด้วย ไม่เช่นนั้นหน้าอาจจะไหม้ก่อน พออบเสร็จแล้วก็พักไว้ในพิมพ์ก่อนประมาณ 10-15 นาที แล้วนำเค้กออกมาพักบนตะแกรง
1. ผสมผงวุ้นกับน้ำแล้วพักไว้ 10 นาที หลังจากนั้นนำผงโกโก้และแป้งข้าวโพดเทลงชามผสม ใช้ตะกร้อคนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมนมลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายกับกลิ่นวานิลลาลงไปผสมจนเข้ากัน
2. นำหม้อที่ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ตั้งไฟกลางจนเดือดและผงวุ้นละลาย หลังจากนั้นนำส่วนผสมช็อกโกแลตเมื่อสักครู่เทลงไป คนจนข้นขึ้น พอข้นแล้วก็ดับเตาแล้วเติมเนยลงไป คนให้เข้ากัน นำออกมาคนต่อข้างนอก อย่าคนเร็วหรือแรงไปเพราะจะทำให้เกิดฟองอากาศเยอะนะคะ ถ้าอยากให้อุ่นเร็วก็นำไปคนในชามน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัด
3. พออุ่นแล้วก็ราดลงแผ่นเค้กที่หั่นแบ่งครึ่งเตรียมไว้ ปาดให้ทั่วเค้ก พักให้เซตตัวสัก 5 นาที หลังจากนั้นก็นำอีกแผ่นมาประกบเข้าด้วยกัน ปาดด้านข้างให้เรียบ แล้วนำหน้านิ่มส่วนที่เหลือราดหน้าลงไป แล้วใช้ไม้ปลายแหลมเจาะฟองอากาศ เพื่อให้หน้าเรียบสวยงาม พักให้เซตตัวสัก 30 นาที หลังจากนั้นก็นำมาตัดเสิร์ฟ
3. เค้กช็อกโกแลตลาวา
- ช็อกโกแลต 115 กรัม
- เนยจืด 125 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- ไข่แดง 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
- ผงโกโก้ 25 กรัม
- ถ้วยอะลูมิเนียมฟอยล์แบบกลม
2. ตีไข่ไก่ทั้งหมดจนขึ้นฟู ค่อย ๆ แบ่งน้ำตาลทรายเทลงไปทีละน้อยจนหมดแล้วตีจนส่วนผสมขึ้นฟู
3. นำช็อกโกแลตกับเนยจืดที่ละลายไว้ ค่อย ๆ เทใส่ลงไปผสมกับไข่ที่ตีจนฟู (ค่อย ๆ เทแล้วคน ไม่อย่างนั้นไข่อาจจะสุก เพราะช็อกโกแลตอาจจะร้อนอยู่)
4. ร่อนแป้งอเนกประสงค์และผงโกโก้ใส่ลงไปแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
1. เปิดเตา ใช้ไฟกลาง หาตะแกรงมาวางลงในหม้อก่อนจะวางถ้วยขนมลงไป (เพราะถ้าก้นขนมติดกับก้นหม้อ ขนมชั้นล่างจะไหม้)
2. ปิดฝาหม้อแล้วก็จับเวลา ตามปกติช็อกโกแลตลาวาใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถเพิ่ม-ลดเวลาได้ตามต้องการว่า อยากให้ข้างในเยิ้มแค่ไหน
หมายเหตุ : ถ้าใช้หม้ออบ ปกติก็จะใช้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากว่า ใครมีกระทะไฟฟ้าก็ง่ายเลย แค่เปลี่ยนเป็น Mode "ปิ้ง" แล้วหาตะแกรงมารองก่อนวางขนมลงไปแล้วปิดฝาหรือใช้ฟอยล์ปิดแทนฝาหม้อ แต่ก็หมั่นดูขนมด้วย เพราะถ้าใช้เตาแก๊ส ไฟอาจจะแรงหรือเบาเกินไป
3. พอครบเวลานำขนมออกจากหม้อ จัดใส่จานให้สวยงาม แต่งด้วยวิปปิ้งครีม และสตรอว์เบอร์รีสดสไลซ์ พร้อมเสิร์ฟ
4. เค้กช็อกโกแลตลาวาคลีน
- กล้วยหอม 1 ลูก
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- โยเกิร์ต สูตรไขมันต่ำ 4 ช้อนชา
- ผงโกโก้แท้ 1 ช้อนชา
1. บดกล้วย ไข่ไก่ โยเกิร์ต และผงโกโก้ให้เข้ากัน
2. เทใส่พิมพ์ นำไปตุ๋นเหมือนการทำพุดดิ้ง โดยปกติจะปล่อยให้สุกทั้งหมด แต่สูตรนี้การตุ๋นใช้เวลาน้อยกว่านิดหน่อยเพื่อให้ข้างในยังมีน้ำอยู่ ส่วนระยะเวลาแล้วแต่ขนาดถ้วยและภาชนะตุ๋น ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที
3. พอเสร็จก็โรยอัลมอนด์และกราโนล่า
5. เค้กโรลช็อกโกแลต
- ไข่แดง 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 35 กรัม (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง)
- น้ำ 60 กรัม (1/3 ถ้วยตวง)
- น้ำมันพืช 35 กรัม (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง)
- กลิ่นวานิลลา
- แป้งเค้ก 70 กรัม (2/3 ถ้วยตวง)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 10 กรัม
- ไข่ขาว 3 ฟอง
- ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 30 กรัม (ประมาณ 1/4 ถ้วยตวง)
- วิปปิ้งครีม 250 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 40 กรัม
- ดาร์กช็อกโกแลต หรือช็อกโกแลตคอมพาวด์ 150 กรัม
- วิปปิ้งครีม 150 กรัม
1. ตีไข่แดงกับน้ำตาลทรายจนเข้ากัน ใส่น้ำ น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาลงไป ตีจนเข้ากันดี ใส่แป้งที่ร่อนพร้อมผงฟูกับผงโกโก้ (ร่อนสัก 2 รอบ เพื่อความนุ่มฟู) ตะล่อมจนเข้ากัน แต่อย่านานมากเดี๋ยวเค้กจะเหนียว พักไว้
2. ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบแล้วใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ตีพอเข้ากันแล้วใส่แป้งข้าวโพด และค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3 ครั้ง ตีจนตั้งยอดอ่อนค่อนข้างกลาง
3. ตักไข่ขาวมาบางส่วนใส่ชามไข่แดงที่ผสมไว้ ตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่ส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือลงไปตะล่อมจนเนียนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษไข ก่อนเอากระดาษไขรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) ใช้ไพ่หรือไม้พายปรับให้เสมอกัน แล้วเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้ายังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 12 นาที เปิดไฟบน-ล่าง ปิดพัดลม
4. พออบเสร็จก็เคาะพิมพ์ 1 ครั้งเพื่อไม่ให้เค้กยุบตัวมาก หลังจากนั้นก็ลอกกระดาษไขออก เอาด้านที่สวยไว้ด้านล่างแล้วเอาผ้าหรือกระดาษคลุมไว้ พักจนเย็นสนิท
5. ตีวิปครีมกับน้ำตาลไอซิ่ง ตีจนตั้งยอดแข็ง ปาดวิปครีมให้ทั่วเค้ก แบ่งส่วนหนึ่งไว้อุดด้านข้างแล้วม้วนเค้ก พับขอบลงนิดหนึ่งแล้วค่อยม้วนดันเค้กไปด้านหน้า พอสุดแล้วก็ดึงกระดาษด้านล่างให้ตึงนิดหนึ่ง หลังจากนั้นเอากระดาษออกแล้วทาวิปครีมอุดด้านข้างให้เต็ม ห่อกลับไว้เหมือนเดิมแล้วแช่ตู้เย็นไว้ 1 ชั่วโมง
6. พอเค้กใกล้เซตตัวก็มาทำช็อกโกแลตกานาชสำหรับราด นำดาร์กช็อกหรือช็อกโกแลตคอมพาวด์กับวิปปิ้งครีมใส่ชามนำเข้าไมโครเวฟ ประมาณ 1 นาที ถ้าใครไม่มีไมโครเวฟก็นำวิปปิ้งครีมไปต้มจนเดือดแล้วเทลงใส่ชามช็อกโกแลต แล้วคนจนละลายเข้ากัน เสร็จแล้วพักให้อุ่นลง นำไปราดบนเค้กให้ทั่ว แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เซตตัวอีก 1 ชั่วโมง
7. พอเค้กเซตตัวแล้วก็นำมาตัดด้านข้างออก ตัดแบ่งเป็นชิ้นตามใจชอบ
6. เค้กไวท์ช็อกโกแลตลาวา
- แป้งเค้ก 30 กรัม
- ไวท์ช็อกโกแลต (หั่นชิ้นเล็ก) 60 กรัม
- สีผสมอาหารสีขาวชนิดผง 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 4 ฟอง
- น้ำตาลทราย 40 กรัม
- เนยสดชนิดเค็ม 50 กรัม
- แยมสตรอว์เบอร์รี 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลไอซิ่ง (สำหรับโรย)
- สตรอว์เบอร์รีสด (สำหรับแต่ง)
1. ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม พักไว้
2. ใส่ไวท์ช็อกโกแลตกับเนยสดลงในอ่างผสม ยกขึ้นตุ๋นบนน้ำร้อน คนจนละลาย ยกลงพักไว้ให้เย็น ใส่สีผสมอาหารสีขาวลงไป คนให้เข้ากันดี
3. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายด้วยตะกร้อมือพอเข้ากัน ใส่ไวท์ช็อกโกแลตตุ๋นลงไป คนให้เข้ากัน
4. ใส่แป้งเค้กที่ร่อนแล้ว คนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอน ตักใส่พิมพ์อะลูมิเนียมที่ทาเนยสด โรยน้ำตาลทรายประมาณ 3/4 ของพิมพ์ ใส่แยมสตรอว์เบอร์รีลงไปตรงกลาง กดให้จมลงในเนื้อเค้ก
5. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-15 นาที
6. นำออกจากเตาอบ คว่ำออกจากพิมพ์ โรยน้ำตาลไอซิ่ง แต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสด
7. ช็อกโกแลตชีสเค้ก
- แครกเกอร์ หรือคุกกี้บดละเอียด 150 กรัม
- เนยสดชนิดจืด 100 กรัม
- ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ
- ครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) 500 กรัม
- น้ำตาลทราย (ชนิดละเอียด) 1 ถ้วย
- แป้งข้าวโพด หรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ (ขนาดใหญ่) 3 ฟอง
- วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วยตวง
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
- ดาร์กช็อกโกแลต (ความเข้มข้น 75%) 250 กรัม
1. ทำฐานชีสเค้กโดยอุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ใช้ไฟล่าง วางถาดใส่น้ำในเตาอบด้วย เตรียมไว้
2. บดคุกกี้หรือแครกเกอร์ให้ละเอียดผสมกับเนยละลายแล้วนำมากรุลงในพิมพ์ แล้วนำแช่เย็นเพื่อให้อยู่ตัว หรือใส่ในเตาอบประมาณ 10 นาที นำออกมาพักให้เย็น
3. นำช็อกโกแลตไปละลายด้วยไมโครเวฟ หรือใช้วิธีตุ๋นบนไอน้ำ
4. ทำครีมชีสช็อกโกแลต โดยหั่นครีมชีสเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในโถผสมแล้วใช้ตระกร้อตีให้ขึ้นฟู พอได้ครีมชีสสีอ่อน ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายป่น ตามด้วยใส่แป้ง ตีต่อจนส่วนผสมเนียน ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนครบ ใส่กลิ่นวานิลลา ใส่วิปปิ้งครีม หรือซาวร์ครีม ตีผสมให้เข้ากันจนเนียนดี
5. ขั้นตอนสุดท้ายใส่ช็อกโกแลตตุ๋นลงไป คนผสมด้วยพายยางแบบเบามือ อย่าลืมปาดก้นอ่างขึ้นมาด้วย การตีครีมชีสให้เนียนค่อนข้างยากทีเดียว ดังนั้นต้องหมั่นปาดรอบ ๆ อ่างด้วย ถ้าเป็นครีมชีสสูตรใส่น้ำมะนาว ควรตีให้เนียนก่อนแล้วค่อยใส่น้ำมะนาว ไม่เช่นนั้นจะทำให้ครีมชีสจับตัวเป็นก้อนทรายเล็ก ๆ ทำให้ละลายตัวยาก
6. การตักใส่พิมพ์ควรตักใส่ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ อย่าให้น้อยเกินไป ในขณะที่อบไม่ต้องตกใจหากครีมชีสฟูขึ้นมามาก หรือปริ่ม ๆ ขอบพิมพ์ เพราะเวลาสุกและเย็นตัวแล้วครีมชีสจะยุบตัวลงอีกเยอะ
7. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบด้วยไฟล่างอย่างเดียว สำหรับชีสเค้กทุกชนิด อย่าลืมถาดใส่น้ำวางไว้ในเตาอบด้วย
8. นำออกจากเตาอบ จัดเสิร์ฟ หรือจะแต่งด้วยช็อกโกแลตกานาชหรือบลูเบอร์รีฟีลลิ่งตามชอบ
เห็นทีวันหยุดจะต้องจัดเค้กช็อกโกแลตเยิ้ม ๆ สักเมนู โดยเฉพาะเค้กช็อกโกแลตลาวาคลีนสูตรไร้แป้งที่เหมาะกับช่วงไดเอตแบบนี้พอดีเลยล่ะ