1. ไอศกรีมราสป์เบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมราสป์เบอร์รี
- ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง
- น้ำตาลทราย
- น้ำเปล่า
- เกลือป่น
วิธีทำไอศกรีมราสป์เบอร์รี
1. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ พักไว้
เคล็ดลับ : น้ำหนักน้ำตาลทรายเท่าไรก็ตาม ปริมาณน้ำเปล่าก็ให้หนักเท่านั้นก็จะออกมาเป็นน้ำเชื่อมระดับมาตรฐาน
2. นำราสป์เบอร์รีไปปั่นจนละเอียด (ใครไม่มีเครื่องบดอาหาร หรือ Food Processor ก็ใช้เครื่องปั่นเอาก็ได้ กะเอาปริมาณตามต้องการได้เลย คงไม่ต้องมากเพราะราสป์เบอร์รีมีรสเปรี้ยวมาก)
3. เทส่วนผสมราสป์เบอร์รีปั่นลงในน้ำเชื่อม เติมเกลือลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน
เคล็ดลับ : หากหวานมากไปก็เติมน้ำเปล่าได้ วิธีชิมรส ไม่ว่าจะอาหารคาวหรือหวาน ควรตักขึ้นมาเป่าให้เย็นก่อนจะเจอรสที่แท้จริง หากมันร้อน เวลาชิมแล้วปรุง ลิ้นเราอาจจะเพี้ยนได้
4. นำส่วนผสมมากรองเอาเม็ดออก
เคล็ดลับ : ไม่รู้เหมือนกันนะว่า เป็นเมล็ดหรือว่าตาของราสป์เบอร์รี แต่รู้ว่ามันแข็งเกินไปที่จะเอามาเป็นของหวานชนิดนี้ หากเอามาทำแยมก็คงไม่มีปัญหา เพราะแยมใช้ความร้อนนาน ตามันจะนิ่มไปเอง
5. นำน้ำเชื่อมราสป์เบอร์รีไปบ่มพักไว้ในตู้เย็นในช่องปกติ อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน (ยิ่งดี)
6. นำโถปั่นชั้นในที่มีเจลทำความเย็นไปแช่ช่องฟรีซ อย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนนำมาปั่นไอศกรีม (หากแช่น้อยกว่านั้น จะไม่เกิดเป็นไอศกรีม)
7. เทส่วนผสมน้ำเชื่อมราสป์เบอร์รีลงไปในเครื่อง เปิดเครื่องปั่นจนเป็นเนื้อไอศกรีม ประมาณ 30 นาที ปิดเครื่องดึงใบพัดออกแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซอีก 3 ชั่วโมง ตักไอศกรีมใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
2. ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี (ประมาณ 255 กรัม)
- สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 100 กรัม
- น้ำตาลทรายป่น 55 กรัม
- น้ำมะนาว 1/2 กรัม
- วิปปิ้งครีม 100 กรัม
- สตรอว์เบอร์รีแต่งหน้าไอศกรีม (จะใส่ก็ได้หรือไม่ใส่ก็ได้) 20 กรัม
วิธีทำไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี
1. นำสตรอว์เบอร์รีแช่แข็งกับน้ำตาลใส่ในหม้อ เปิดไฟอ่อน คนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลและน้ำแข็งในสตรอว์เบอร์รีละลาย ปิดไฟ ไม่ต้องให้รอให้เดือด และเวลาคน ไม่ต้องใช้ไฟแรง เพราะสตรอว์เบอร์รีจะไหม้ และทำให้สีไอศกรีมไม่สวย นำสตรอว์เบอร์รีมาใส่ชามพักไว้ แล้วเติมน้ำมะนาวลงไป เพื่อตัดให้มีความเปรี้ยวนิดหนึ่ง พักไว้ให้เย็น
2. ตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอด เพราะถ้าครีมเหลวไปเวลาใส่สตรอว์เบอร์รีซอส จะทำให้ครีมเหลวได้ จะใช้เครื่องตีมือไฟฟ้าช่วยก็ได้ แต่ในสูตรที่ทำให้ดูมันน้อย ตีมือธรรมดาเลยง่าย แต่ถ้าใครทำ 1 เท่าของสูตรขึ้นไปแนะนำว่า ให้ใช้เครื่องตีมือไฟฟ้าจะสะดวกกว่า นำซอสสตรอว์เบอร์รีมาผสมกับครีม นำไปใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
3. นำสตรอว์เบอร์รีที่เตรียมไว้ไปละลายในไมโครเวฟ 20 วินาที แล้วนำมาตัดให้เป็นชิ้นเล็ก โดยใช้ช้อนกินข้าว ตักราดบนหน้าไอศกรีมแล้วคนผสมเล็กน้อย เพื่อจะได้เป็นลายซอสสตรอว์เบอร์รี นำไปแช่ในช่องแข็ง ประมาณ 4 ชั่วโมงขึ้นไปเพื่อให้เซตตัว ตักเสิร์ฟ
3. ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ต
ส่วนผสม ไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ต
- โยเกิร์ตรสบลูเบอร์รี 2 ถ้วย
- วิปปิ้งครีม 1/4 ถ้วย
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1/4 ถ้วย
- บลูเบอร์รีแช่แข็ง 1/2 ถ้วย
อุปกรณ์
- พิมพ์ไอศกรีมแบบแท่ง
วิธีทำไอศกรีมบลูเบอร์รีโยเกิร์ต
1. ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในเครื่องปั่น ปั่นผสมจนเข้ากันดี
2. เทใส่พิมพ์ นำเข้าแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟ
4. ไอศกรีมมิกซ์เบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมมิกซ์เบอร์รี
- น้ำผลไม้ (ตามชอบ)
- ผลไม้ตามชอบ เช่น แอปเปิล กีวี สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี
อุปกรณ์
- พิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
วิธีทำไอศกรีมมิกซ์เบอร์รี
1. หั่นผลไม้ต่าง ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำ ใส่ผลไม้ลงในพิมพ์ เทน้ำผลไม้ลงไป
2. เสียบไม้ไอศกรีม นำไปแช่ช่องแข็งประมาณ 5 ชั่วโมง แกะออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
5. ไอศกรีมพาร์เฟ่ต์โยเกิร์ตเบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมพาร์เฟ่ต์โยเกิร์ตเบอร์รี
- เบอร์รีแช่แข็ง 3 ถ้วย
- น้ำผึ้ง 2-4 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- กรีกโยเกิร์ต 1+1/2 ถ้วย
- นมสดรสจืด 1/4 ถ้วย
- กราโนลา 2/3 ถ้วย
วิธีทำไอศกรีมพาร์เฟ่ต์โยเกิร์ตเบอร์รี
2. เตรียมอ่างผสมขนาดเล็ก ใส่กรีกโยเกิร์ต นมสด และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ คนผสมจนเข้ากัน ชิมรสตามชอบ
3. เตรียมพิมพ์ไอศกรีม ตักส่วนผสมหยอดเป็นเลเยอร์ เริ่มตั้งแต่โยเกิร์ต ตามด้วยกราโนลา และส่วนผสมซอสเบอร์รี ตักหยอดสลับไปจนกว่าจะเต็มพิมพ์
6. ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
ส่วนผสม ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
- สตรอว์เบอร์รีสับ 4 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
- น้ำเลมอน 1 ช้อนชา
- กรีกโยเกิร์ต 1 ถ้วย
วิธีทำไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
2. ผสมโยเกิร์ตกับซอสสตรอว์เบอร์รีจนเข้ากัน เทใส่พิมพ์ไอศกรีมแท่ง นำไปแช่แข็งประมาณ 8 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
7. ไอศกรีมแท่งโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมแท่งโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 2 ถ้วยตวง
- โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วยตวง
- สตรอว์เบอร์รี 100 กรัม
- ใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง
วิธีทำไอศกรีมแท่งโยเกิร์ตสตรอว์เบอร์รี
1. หั่นครึ่งสตรอว์เบอร์รี วางลงในพิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
2. เทโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่ในพิมพ์ไอศกรีมประมาณ 3/4 พิมพ์ นำเข้าแช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที
3. นำส่วนผสมออกจากตู้เย็นใส่โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รีด้านบน นำเข้าช่องแช่แข็งต่อจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ จัดเสิร์ฟ
8. ไอศกรีมบลูเบอร์รี
ส่วนผสม ไอศกรีมบลูเบอร์รี
- บลูเบอร์รี 2 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
- น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
- เฮฟวี่ครีม 2 ถ้วย
- นมสด 1 ถ้วย
- เกลือป่น 1/4 ถ้วย
- กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
- ไข่แดง 3 ฟอง
วิธีทำไอศกรีมบลูเบอร์รี
2. ผสมเฮฟวี่ครีม 1 ถ้วยกับกลิ่นวานิลลาให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ผสมนมสด ครีมที่เหลือ น้ำตาลทราย และเกลือป่นในกระทะขนาดกลาง นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลทรายละลาย พักทิ้งไว้จนอุ่น
4. ตีไข่แดงให้พอเข้ากัน พอส่วนผสมนมเริ่มร้อน ค่อยเทส่วนผสมนมสดอุ่นลงในไข่ไก่ที่ตีไว้ พร้อมตีผสมอย่างต่อเนื่องจนเข้ากัน จากนั้นเทส่วนผสมกลับลงในกระทะอีกครั้ง
5. เทส่วนผสมซอสบลูเบอร์รีลงไปผสมให้เข้ากัน พอส่วนผสมเริ่มเหนียวข้นแล้วเทใส่ลงไปผสมกับส่วนผสมเฮฟวี่ครีมที่เตรียมไว้ คนผสมให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่แข็งประมาณ 4-6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
6. นำออกมาปั่นจนละเอียด นำไปแช่จนกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
9. ไอศกรีมบลูเบอร์รีชีสเค้ก
ส่วนผสม ไอศกรีมบลูเบอร์รีชีสเค้ก
- บลูเบอร์รีสด 2 ถ้วยตวง
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
- วิปปิ้งครีม 2 ถ้วยตวง
- นมข้นหวาน 400 กรัม
- ครีมชีส 200 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
อุปกรณ์
- พิมพ์สี่เหลี่ยมยาว
วิธีทำไอศกรีมบลูเบอร์รีชีสเค้ก
1. กวนผสมบลูเบอร์รีกับน้ำตาลทราย และน้ำมะนาวในกระทะด้วยไฟปานกลางจนเข้ากันดี พักทิ้งไว้สักครู่ จนส่วนผสมเหนียว เตรียมไว้
2. ตีครีมชีสจนขึ้นฟู ค่อย ๆ เติมนมข้น และวานิลลา ตีผสมจนเนื้อเนียน เติมวิปปิ้งครีม ตีจนส่วนผสมขึ้นฟู เตรียมไว้
3. ตักส่วนผสมครีมชีสหนึ่งส่วนลงในพิมพ์ สลับกับส่วนผสมบลูเบอร์รีกวนหนึ่งส่วนจนเต็ม จากนั้นใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มแล้ววนเบา ๆ จนเป็นลวดลาย ปิดด้วยกระดาษอะลูมิเนียมฟอยล์ นำเข้าตู้เย็นประมาณ 6 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟ
แม้ผลไม้ตระกูลเบอร์รีจะแอบราคาสูงไปหน่อย แต่ถ้าอยากกินไอศกรีมเบอร์รีก็ต้องยอมเนอะ โดยเฉพาะไอศกรีมมิกซ์เบอร์รีที่ส่วนผสมน้อยเว่อร์ และทำง่ายสุด ๆ ต้องลองหน่อยล่ะคราวนี้