มะยงชิดทำอะไรได้บ้าง ? จับมาทำ 3 เมนูมะยงชิด ทั้งขนมไทย เบเกอรี และเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นดับร้อนกันเถอะ
จากที่เคยกินมะยงชิดผลสุก ลองแปลงร่างเป็นขนม หรือเครื่องดื่มกันดีไหม
กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูมะยงชิด ได้แก่ มะยงชิดโซดา มะยงชิดชีสพาย และมะยงชิดลอยแก้ว ก่อนเข้าครัวเรามาทำความรู้จักกับมะยงชิดกันหน่อยดีไหม ทั้งรูปร่างหน้าตา สรรพคุณ และความแตกต่างจากมะปราง
มะยงชิด เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับมะปราง ทำให้ลักษณะของมะยงชิดจะคล้ายคลึงกับมะปรางมาก โดยผลมะยงชิดมีทั้งผลขนาดเล็ก ขนาดปานกลาง และขนาดใหญ่ ตามลักษณะของสายพันธุ์ ส่วนรสชาติของมะยงชิดผลดิบจะออกเปรี้ยว ถ้าผลสุกจะให้รสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย หรือบางพันธุ์อาจมีรสหวานน้อยและเปรี้ยวมาก
มะยงชิด ภาษาอังกฤษ คือ Marian Plum
มะยงชิดกับมะปราง ต่างกันอย่างไร
ผลดิบของมะยงชิดจะเปรี้ยว ถ้าผลสุกมีรสหวานอมเปรี้ยว สีออกเหลืองอมส้ม ส่วนมะปรางดิบจะมีรสมัน ผลสุกมีรสหวานถึงหวานจืด สีออกเหลือง ๆ ซึ่งมะยงชิดลูกจะใหญ่กว่ามะปราง และเนื้อจะเยอะกว่า
มะยงชิดบำรุงสายตา ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกันเลือดออกตามไรฟัน มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสจำเป็นต่อกระดูกและฟัน ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน และโรคกระดูกเสื่อม
ราคามะยงชิดตามท้องตลาดแต่ละปีก็จะผกผันไปตามสภาพอากาศ และขนาด โดยราคาจาก Talaadthai.com ตลาดกลางการค้าส่งสินค้าเกษตรของประเทศไทย มีดังนี้
- มะยงชิด เบอร์เล็ก ราคากิโลกรัมละ 40-45 บาท
- มะยงชิด เบอร์กลาง ราคากิโลกรัมละ 70 บาท
- มะยงชิด เบอร์ใหญ่ ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท
หมายเหตุ : ราคาเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2023
สำหรับใครที่เบื่อปอกมะยงชิดกินเล่น ๆ เป็นผลไม้คลายร้อนเต็มที วันนี้เราก็หยิบยก 3 เมนูจากมะยงชิดสุดอร่อยมาฝาก จาก คุณ KateVariety ตามมาดูมาชมกันเลยจ้า
1. น้ำมะยงชิดโซดา
เติมความซาบซ่ากับมะยงชิดโซดากัน ส่วนผสมหลัก ๆ มีเนื้อมะยงชิดกับโซดา เพิ่มความหวานจากน้ำเชื่อม ลองทำดูดื่มแล้วสดชื่น
ส่วนผสม น้ำมะยงชิดโซดา
- เนื้อมะยงชิด
- น้ำเชื่อม
- โซดา
- น้ำแข็ง
วิธีทำน้ำมะยงชิดโซดา
► ปั่นเนื้อมะยงชิดผสมกับน้ำเชื่อมเล็กน้อย ปั่นแบบไม่ละเอียดมากให้พอได้เคี้ยวอร่อย ๆ
► เทลงแก้ว ใส่น้ำแข็งตามลงไป (ใช้น้ำแข็งที่ทำไว้เองในตู้เย็น เพื่อความสะอาดปลอดภัย)
► เทน้ำโซดาแช่เย็นให้เต็มแก้ว
► วางเนื้อมะยงชิดและใบสะระแหน่ ตกแต่งให้สวยงาม พร้อมดื่มเย็นชื่นใจ
2. มะยงชิดชีสพาย (ไม่ใส่ครีมชีส)
ใครไม่มีเตาอบก็ทำมะยงชิดชีสพายกันได้ ฐานพายทำจากแครกเกอร์บดกับเนย มาพร้อมโยเกิร์ตสลับชั้นกับซอสมะยงชิด
ส่วนผสม มะยงชิดชีสพาย (สำหรับ 2 ที่)
- แครกเกอร์ 20 แผ่นเ
- เนยละลาย 2 ก้อน (เนยรสเค็ม)
- โยเกิร์ตรสออริจินัล 4 ถ้วยเล็ก (ถ้วยละ 90 กรัม)
- มะยงชิดสดแบบคว้าน และแบบฝาน
ส่วนผสม ซอสมะยงชิด
- เนื้อมะยงชิด 10 ลูก
- น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำมะยงชิดชีสพาย
► ปั่นแครกเกอร์ให้ละเอียด หรือใครจะใช้มือบดก็ได้เช่นกัน
► นำแครกเกอร์มาผสมกับเนยละลาย คนให้เข้ากัน และนำไปแช่ตู้เย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ให้เซตตัวเข้ากันดี
► ระหว่างที่รอเวลาก็มาทำน้ำซอสมะยงชิดกัน เริ่มจากปั่นเนื้อมะยงชิดให้ละเอียดเทลงหม้อ ใส่น้ำเชื่อม 1 ช้อนโต๊ะ รสชาติจะออกหวานอมเปรี้ยว เพื่อให้คงรสชาติของมะยงชิด จะไม่ใส่ให้หวานเกินไป ตั้งไฟอ่อน ๆ คนจนกว่าจะเดือดและมีความหนืดเล็กน้อย จากนั้นก็ปิดเตาและวางพักไว้ให้เย็น
► นำแครกเกอร์ที่แช่เย็นไว้มาใส่ในแก้วตามปริมาณที่ต้องการ และกดทับเบา ๆ ให้อยู่ตัว (ใช้ปลายสากเล็ก ๆ กด)
► ใช้โยเกิร์ตรสออริจินัลที่มีความหวานนิดหน่อยมาใส่แทนครีมชีส วางสลับชั้นด้วยซอสมะยงชิดที่เย็นตัวแล้ว ใส่วางสลับกันไปมาให้ดูสวยงาม
► แต่งหน้าด้วยมะยงชิดสด ราดซอสมะยงชิดลงไป และวางใบสะระแหน่ให้สวยงาม เป็นอันเรียบร้อย พร้อมชิมความอร่อยให้ชื่นใจไปเลย
3. มะยงชิดลอยแก้ว
ปิดท้ายด้วยมะยงชิดลอยแก้ว เริ่มจากคว้านเมล็ดมะยงชิดออกแล้วปอกเปลือก จากนั้นก็มาทำน้ำเชื่อม พอมะยงชิดและน้ำเชื่อมเย็นก็จับฟีเจอริ่งกันเลยจ้า
ส่วนผสม มะยงชิดลอยแก้ว
- มะยงชิดสด (คว้านเมล็ดออก)
- น้ำเปล่า 1 ลิตร
- น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ
- เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีคว้านมะยงชิด
► ล้างมะยงชิดให้สะอาด และคว้านเมล็ดให้สวยงาม โดยคว้านเมล็ดให้หลุดจากเนื้อก่อนแล้วค่อยปอกเปลือก จากนั้นก็ดันเม็ดออก เป็นอันเรียบร้อยสวยงาม และนำไปแช่ตู้เย็นรอไว้เลย
วิธีทำมะยงชิดลอยแก้ว
► มาทำน้ำเชื่อมง่าย ๆ กันค่ะ ใส่น้ำเปล่า 1 ลิตร ตามด้วยน้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ (ปรับความหวานได้ตามต้องการ) และใส่เกลือป่นนิดหน่อยตัดรสชาติให้อร่อย คนให้ละลายเข้ากันจนเดือด ปิดเตาและวางพักไว้ให้เย็น
► นำมะยงชิดเย็นเจี๊ยบมาใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำเชื่อม และใส่น้ำแข็งตามต้องการ แค่นี้ก็ได้ขนมหวานคลายร้อน เย็นชื่นใจแล้ว ตักเสิร์ฟกันได้เลย
อื้อหือ ! มะยงชิด ผลไม้ที่คุ้นเคยลองจับแปลงร่างก็ดูน่าอร่อยเหมือนกันเนอะ เอาล่ะ… ถ้าชอบเมนูไหนลองจัดสักครั้งเถอะ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คุณ KateVariety และยูทูบ Kate Variety
ขอบคุณข้อมูลจาก : Talaadthai.com