ประโยชน์ของมะเขือเปราะ
-
มีไฟเบอร์ช่วยให้อิ่มนาน แคลอรีต่ำ ช่วยลดน้ำหนักและช่วยย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก ทำให้การขับถ่ายเป็นปกติ
-
มีแคลเซียม โพแทสเซียม และธาตุเหล็ก ช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อม
-
ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ลดไขมันที่เกาะตามผนังของเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนในร่างกายได้สะดวกขึ้น
-
มีไฟโตนิวเทรียนท์ ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้
-
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือควบคุมน้ำตาล
เคล็ดลับหั่นมะเขือเปราะไม่ให้ดำ
นำมะเขือเปราะหั่นไปแช่น้ำเกลือ หรือแช่น้ำส้มสายชูสักครู่ เพียงเท่านี้มะเขือเปราะก็จะไม่ดำหลังจากทำอาหารเสร็จ
วิธีเลือกมะเขือเปราะอ่อน
ดูตรงขั้วของมะเขือเปราะ
-
มะเขือเปราะอ่อน หมวกหรือขั้วจะหนาอูม กลีบขั้วยาว เนื้อด้านในขาว เม็ดสีขาว
- มะเขือเปราะแก่ หมวกหรือขั้วจะบาง กลีบขั้วสั้น เนื้อด้านในแก่ เม็ดมีสีเข้ม
ดูสีมะเขือเปราะ
-
มะเขือเปราะอ่อน สีจะออกเขียวอ่อน ๆ
-
มะเขือเปราะแก่ สีจะเขียวเข้มกว่า
ดูบริเวณท้ายผลมะเขือเปราะ
-
มะเขือเปราะอ่อน ท้ายกลมมน
-
มะเขือเปราะแก่ ท้ายยุบหรือมีความเว้า
เมนูมะเขือเปราะ
1. ซุปมะเขือ
ส่วนผสม ซุปมะเขือ
-
หอมแดงคั่ว 5 หัว
-
พริกขี้หนูคั่ว 5 เม็ด
-
กระเทียมคั่ว 5 กลีบ
-
มะเขือเปราะต้มสุก 5 ลูก
-
เนื้อปลาทูย่าง 1 ตัว
-
มะนาว
-
น้ำปลา
-
น้ำปลาร้า
-
เกลือ
-
ใบสะระแหน่ (สำหรับแต่ง)
-
ผักชีฝรั่ง หรือผักชีใบเลื่อยซอย 1 ต้น
วิธีทำซุปมะเขือ
-
โขลกพริกคั่ว หอมแดงคั่ว และกระเทียมคั่ว จนละเอียด ใส่มะเขือเปราะต้มสุกลงไปโขลกพอแหลกตามชอบ ใส่เนื้อปลาทูย่างลงไป
-
ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำมะนาว และเกลือ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสชาติตามชอบ ตักใส่ถ้วย แต่งด้วยใบสะระแหน่กับผักชีฝรั่ง
2. แกงเขียวหวานไก่
ส่วนผสม แกงเขียวหวานไก่
-
หัวกะทิ 500 กรัม
-
หางกะทิ 700 กรัม
-
เนื้อไก่ 600 กรัม
-
พริกแกงเขียวหวาน 4 ช้อนโต๊ะ
-
พริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำปลา 5 ช้อนโต๊ะ
-
มะเขือพวง 70 กรัม (หรือแล้วแต่ชอบ)
-
มะเขือเปราะ 15 ลูก (หรือแล้วแต่ชอบ)
-
พริกชี้ฟ้าแดง+เขียว 2-3 เม็ด (หรือแล้วแต่ชอบ)
-
เลือดไก่ 1 ก้อน
-
ใบโหระพา 30 กรัม
วิธีทำแกงเขียวหวานไก่
-
เตรียมหั่นเครื่องต่าง ๆ เอามะเขือเปราะแช่น้ำเกลือ และลวกเลือดไก่ประมาณ 5 นาที
-
ตั้งกระทะ ใส่หัวกะทิประมาณ 300 กรัมลงไปเคี่ยวให้แตกมัน ใส่พริกแกงเขียวหวานกับพริกแกงเผ็ดลงไปผัดให้หอม ที่ใส่พริกแกงเผ็ดลงไปด้วยเพราะอยากได้ความเผ็ดมากขึ้นและมีสีที่สวยขึ้น ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดกับพริกแกงให้พอสุก ใส่กะทิที่เหลือลงไปทั้งหัวกะทิและหางกะทิ ตั้งไฟจนกว่าจะเดือด ใส่มะเขือเปราะลงไป ตามด้วยเลือดไก่ต้ม
-
ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ก่อนปรุงควรชิมรสชาติก่อนหรือใส่ไปชิมไปจนกว่าจะชอบ เพราะพริกแกงแต่ละที่มีความเค็มไม่เท่ากัน ใครชอบหวานกว่านี้หรือเค็มกว่านี้ให้ใส่น้ำปลาและน้ำตาลปี๊บเพิ่ม เมื่อมะเขือเปราะสุกให้ใส่มะเขือพวงลงไป พอสุกใส่ใบโหระพากับพริกชี้ฟ้า ปิดไฟ จัดเสิร์ฟคู่กับข้าวหรือขนมจีน
3. แกงเขียวหวานเนื้อ
ส่วนผสม แกงเขียวหวานเนื้อ
-
น้ำพริกแกงเขียวหวาน (ใส่กะปิ)
-
น้ำมันพืช
-
หัวกะทิ
-
เนื้อติดมัน
-
หางกะทิ
-
น้ำตาลปี๊บ
-
เกลือเม็ด
-
มะเขือพวง
-
มะเขือเปราะผ่าสี่ส่วน
-
พริกเหลืองหั่นเป็นเส้น ๆ
-
พริกจินดา
-
ใบโหระพา
-
ปลาเค็ม หรือปลาแดดเดียว
วิธีทำแกงเขียวหวานเนื้อ
-
ผัดน้ำพริกแกงเขียวหวานกับน้ำมันให้หอม ค่อย ๆ เติมหัวกะทิใส่ลงไปเล็กน้อย เมื่อกะทิเริ่มแตกมันจึงใส่เนื้อลงไปผัดให้เข้ากัน
-
เติมหางกะทิลงไป เคี่ยวด้วยไฟอ่อนให้เนื้อนุ่ม ระหว่างรอเนื้อนุ่มให้ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและเกลือเม็ด เมื่อเนื้อเริ่มนุ่มแล้วให้เติมหัวกะทิที่เหลือลงไป รอจนเดือดอีกครั้ง
-
ใส่มะเขือพวง มะเขือเปราะ พริกเหลือง และพริกจินดา คนให้เข้ากันประมาณ 1-2 นาที ปิดไฟ ใส่ใบโหระพาลงไป ตักใส่ชาม เสิร์ฟพร้อมปลาเค็มหรือปลาแดดเดียว
จบไปแล้วสำหรับวิธีเลือกมะเขืออ่อน พร้อมเมนูมะเขือเปราะที่น่าสนใจ วันหยุดนี้เข้าครัวทำสักเมนูเลยจ้า