1. ขนมเข่ง
ขนมเข่ง ถือเป็นขนมมงคลอันดับต้น ๆ ที่ชาวจีนนิยมนำไปไหว้ในเทศกาลมงคลต่าง ๆ เพราะขนมเข่ง คนจีนเชื่อว่าเป็นตัวแทนของความหวานชื่น มีชีวิตที่ราบรื่น และอุดมสมบูรณ์ ภาษาจีนแต้จิ๋วเรียกว่า "ตีก้วย" แปลว่า ขนมหวาน หนึ่งในเมนูขนมไหว้สารทจีน รวมถึงวันตรุษจีนและเช็งเม้งด้วย ขนมเข่งสูตรนี้ได้เนื้อแป้งสีขาวเหนียวนุ่ม รสชาติหวานน้อย ถ้าอยากได้ขนมเข่งสีน้ำตาลก็ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป และถ้าหากอยากได้ขนมเข่งสีดำก็ผสมแป้งข้าวเหนียวดำลงไปด้วย และจะสังเกตเห็นว่าทุกชิ้นแต้มจุดแดงตรงกลางเนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อว่า สีแดงเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล
สิ่งที่ต้องเตรียม
• แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
• น้ำเปล่า 1 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
• มะพร้าวขูด 300 กรัม
• กระทงใบตองแห้ง
• น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)
วิธีทำ
1. ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
2. นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
3. ใส่มะพร้าวขูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทง ประมาณ 3/4 ของกระทง วางเรียงในชุดนึ่ง
4. ใส่น้ำลงในชุดนึ่งแล้วนำขึ้นตั้งไฟแรงต้มจนน้ำเดือด จากนั้นนำขนมไปนึ่งประมาณ 30 นาทีจนขนมสุก ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
5. นำขนมออกจากชุดนึ่งแล้วใช้กรรไกรตัดเจียนขอบกระทงด้านบนที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ
สาระน่ารู้ : คนสมัยก่อนจะใช้วิธีการจุดธูปเพื่อจับเวลานึ่งขนม ใช้ธูปสำหรับไหว้พระ ขนาดยาว 1 ดอก พอธูปหมดแสดงว่าขนมเข่งสุกแล้ว
++++++++++++++++++++
2. ขนมเทียน
ขนมเทียน สื่อความหมายเดียวกับขนมเข่ง คือ ความหวานชื่น มีชีวิตที่ราบรื่น และอุดมสมบูรณ์ แต่เพิ่มความสว่างรุ่งเรืองดังแสงเทียนเข้ามา นอกจากใช้เป็นขนมมงคลไหว้เจ้าในวันสารทจีนแล้วก็ยังใช้ในวันตรุษจีนและเช็งเม้งด้วย ขนมเทียนเป็นขนมที่เกิดจากการดัดแปลงสูตรของขนมเข่งมาโดยใช้แป้งข้าวเหนียว กวนใส่ไส้ถั่วบดลงไป ถ้าหากชอบรสเผ็ดร้อนของพริกไทยก็ใส่เยอะหน่อย บางสูตรจะใส่ฉือคัก (คนไทยเรียกติดปากว่า ชิว-คัก เป็นหญ้าชนิดหนึ่งของจีน) ลงในแป้งด้วยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมค่ะ
ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)
• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
• กระเทียม
• พริกไทย
• น้ำมันพืชสำหรับผัด
• เกลือป่น สำหรับปรุงรส
• น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส
ส่วนผสม แป้งขนมเทียน
• แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กิโลกรัม
• น้ำตาลปี๊บ 200-300 กรัม
• ใบตองสำหรับห่อขนม
วิธีทำไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)
1. ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกกระเทียมกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
3. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมเทียน
1. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวให้น้ำตาลปี๊บพอละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
2. นวดผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำตาลปี๊บที่ละลายไว้จนเข้ากันดี เตรียมไว้
3. จับใบตองให้เป็นทรงกรวย ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ลงไป ตักส่วนผสมแป้งใส่ จากนั้นห่อให้เป็นทรงสามเหลี่ยม เรียงลงในชุดนึ่ง
4. ใส่น้ำลงในชุดนึ่งแล้วนำขึ้นตั้งไฟแรงต้มจนน้ำเดือด จากนั้นนำขนมไปนึ่งประมาณ 30 นาที จนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++++
3. ขนมปุยฝ้าย
ขนมปุยฝ้าย มีความหมายว่า เฟื่องฟู งอกงาม ขนมไหว้เจ้าวันสารทจีนที่เป็นสิริมงคลอีกชนิดหนึ่ง มองภายนอกจะเห็นว่าเนื้อฟู ทำได้หลายสี แต่ส่วนใหญ่จะใช้สีชมพูในการไหว้เจ้ากัน แถมมีกลิ่นหอม อาจใส่กลิ่นมะลิ หรือกลิ่นนมแมว จะทำเป็นชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ไหว้ก็แล้วแต่ความชอบ [สูตรจาก คุณ RinS Cook Book]
สิ่งที่ต้องเตรียม
• แป้งเค้ก 2 1/2 ถ้วย (หรือ 300 กรัม)
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง 3 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
• น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง 1 ถ้วย
• เอสพี (SP) 4 ช้อนชา **สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนม**
• นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำหอมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา (หรือน้ำหอมกลิ่นนมแมว 2 หยด)
• สีผสมอาหาร ตามชอบ
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าลงในอ่างผสม จากนั้นป้ายเอสพีบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง ประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า
3. ลดความเร็วเครื่องตีลง ใช้ความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่าง ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาวและน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู
4. ใส่น้ำเปล่าลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด เมื่อครบเวลา ใช้พายยางคนตะล่อมแป้งให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งแป้งผสมสีผสมอาหารตามชอบ เตรียมไว้
5. วางถ้วยกระดาษ (ถ้วยจีบ) ลงในพิมพ์อะลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งใส่ประมาณ 3/4 พิมพ์ จากนั้นวางเรียงในชุดนึ่ง (โดยวางถ้วยให้ระยะห่างกันประมาณ 2 เซนติเมตร เพื่อให้ความร้อนกระจายขึ้นมาอย่างทั่วถึง) จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรง ประมาณ 15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++++
4. ขนมกุยช่าย
ขนมกุยช่าย มีความหมายถึง การมีชีวิตที่ยืนยาว นิยมไหว้เจ้าทุกเทศกาลรวมถึงวันสารทจีนด้วย ส่วนใหญ่จะใช้กุยช่ายสีชมพูอาจเป็นทรงกลมทั่วไปหรือรูปลูกท้อ สูตรนี้เป็นการดัดแปลงกุยช่ายทรงกลมให้กลายร่างเป็นดอกไม้ด้วยการจับจีบดู น่าหม่ำไปอีกแบบ มีให้เลือกถึงสองไส้ทั้งไส้ผักกุยช่ายและไส้เผือก รวมถึงมีสูตรน้ำจิ้มรสเด็ดไว้ราดให้สะใจไปข้างหนึ่ง จะกินแบบนึ่งร้อน ๆ หรือกินแบบทอดก็อร่อย [สูตรจาก คุณอุบลธชาติ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]
ส่วนผสม ไส้ผัก
• ใบกุยช่ายซอย 200 กรัม
• กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• โซเดียมไบคาร์บอเนต 1/4 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำ
• ใช้มือขยำส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันสักครู่ เตรียมไว้ (ไม่ต้องนำไปผัด)
ส่วนผสม ไส้เผือก
• เผือกซอยฝอย 1/2 ถ้วย
• แครอต หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
• หอมใหญ่ หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
• ถั่วลิสงซอยอบ หรือคั่วสุก 2 ช้อนโต๊ะ
• กุ้งฝอย 1 ช้อนชา
• รากผักชีและกระเทียมตำละเอียด 1 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
• ผงซุปปรุงรส 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
• นำส่วนผสมทั้งหมดไปผัดรวมกัน แล้วแบ่งเป็นกอง ๆ จะได้ตักสะดวก
ส่วนผสม แป้งกุยช่าย
• แป้งข้าวเจ้า (ตราช้างสามเศียร) 1/2 ถ้วย
• แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
• สีผสมอาหาร ตามชอบ
วิธีทำ
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำเปล่า และน้ำมันรวมกัน จากนั้นคนให้ละลายเทใส่กระทะ เปิดไฟปานกลาง
2. กวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวกันเป็นก้อน หรี่ไฟลงและกวนต่อไปอีกสักพักจนแป้งนิ่มเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หลุดล่อนจากกระทะ เวลากวนให้กดไม้พายลงบนตัวแป้งให้ติดกับกระทะ เพื่อแป้งที่กวนจะได้โดนความร้อนมาก ๆ ต่อจากนั้นใช้มือจับแป้งที่กวน ถ้ามีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ แปลว่าใช้ได้
3. จากนั้นใส่น้ำมันเพิ่ม 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำแป้งมานวดด้วยมือจนเป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งแป้งใส่สีตามใจชอบ นวดจนสีเข้ากันดีแล้ว เก็บใส่ภาชนะปิดฝาอย่าให้ลมเข้า
วิธีใส่ไส้ในแป้ง
1. คลึงแป้งให้เป็นแผ่น ขนาดพอเหมาะ หนาเล็กน้อย ตักไส้ใส่แป้งแล้วจัดการห่อให้มิดชิด
2. นำที่จับจีบดอกไม้มาจับจีบแป้งให้เป็นดอกไม้ตามใจชอบ ต่อจากนั้นฉีดพรมน้ำเล็กน้อย แล้วนำไปนึ่ง
ส่วนผสม น้ำจิ้มกุยช่าย
• พริกเหลืองโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
• นำส่วนผสมทุกอย่างละลายให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายหมด ปิดไฟ ยกลงวางไว้ให้เย็น
++++++++++++++++++++
5. ซาลาเปา (ไส้ครีมลาวา)
ซาลาเปาเป็นขนมมงคลอีกอย่างหนึ่งของคนจีนที่มักนำมาไหว้เจ้าในวันสารทจีน คำว่า “เปา” ภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า ห่อ ความหมายของซาลาเปาจึงหมายถึง ห่อโชค ห่อเงินห่อทองมาให้ลูกหลาน สำหรับใครที่กำลังมองหาซาลาเปามาไหว้เจ้า แต่อยากไหว้ซาลาเปาลาวาไส้ครีมเยิ้ม ๆ ครั้นจะซื้อหลายสิบลูกก็ราคาแพงเอาการ ถ้าอย่างนั้นลองทำง่าย ๆ ตามสูตรได้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิด [สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน]
ส่วนผสม ไส้ครีมลาวา
• ไข่เค็มต้มสุก (เฉพาะไข่แดง) 5 ฟอง
• นมผง 7 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• ผงคัสตาร์ดสำเร็จรูป 6 ช้อนโต๊ะ
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
• นมสด 1/4 ถ้วยตวง
• นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
• เนยสดชนิดจืดละลาย 120 กรัม
วิธีทำ
1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนส่วนผสมเนียนละเอียด
2. เทส่วนผสมที่ได้ลงอ่างผสม นำเข้าแช่เย็นพอเซตตัว ใช้ที่ตักไอศกรีมตักเป็นลูก ๆ หรือปั้นเป็นก้อนกลมวางเรียงใส่ถาด นำเข้าแช่ตู้เย็นจนเซตตัวอีกครั้งก่อนนำไปใช้
ส่วนผสม แป้งเชื้อ
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม
• แป้งเค้ก 100 กรัม
• ยีสต์ 2 1/4 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 245 มิลลิลิตร
ส่วนผสม แป้งโดว์
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
• ผงฟู 2 ช้อนชา
• สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 1 1/2 ช้อนชา (*สารเสริมสำหรับทำให้ขนมปังขึ้นฟู)
• น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• เกลือป่นละเอียด 3/4 ช้อนชา
• เนยขาว 55 กรัม
• แป้งเชื้อที่หมักไว้ทั้งหมด
• กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำแป้งเชื้อ
• 1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์และแป้งเค้กรวมกันลงอ่างผสม ใส่ยีสต์ลงไปคนพอเข้ากัน จากนั้นทำแป้งให้เป็นบ่อตรงกลาง
• 2. เติมน้ำเปล่าลงในแป้ง นวดจนแป้งจับตัวเป็นก้อน ใช้ฝาปิดให้สนิท พักแป้งไว้ประมาณ 30-40 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็นสองเท่า
วิธีทำแป้งโดว์
1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์กับผงฟูรวมกันใส่อ่างผสม เตรียมไว้
2. ผสมสารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพีกับน้ำเปล่าคนพอเข้ากัน พักไว้
3. ใส่แป้งเชื้อลงในเครื่องผสม เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่น ใช้หัวตีรูปตะขอนวดด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง พอเข้ากันลดความเร็วของเครื่องเหลือต่ำสุด
4. เติมแป้งที่ร่อนไว้นวดต่อพอจับตัวเป็นก้อน ใส่ส่วนผสมสารเสริมเอสพีและเนยขาวลงไป นวดต่อด้วยความเร็วปานกลางของเครื่อง จนแป้งมีลักษณะเนียนนุ่มไม่ติดภาชนะ ปิดเครื่อง
5. นำแป้งที่ได้คลึงเป็นก้อนกลมคลุมด้วยแผ่นพลาสติก พักไว้ประมาณ 10 นาที จากนั้นตัดแป้งก้อนละ 30-35 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมใช้แผ่นพลาสติกคลุม พักไว้อีกประมาณ 5 นาที
6. ใช้ไม้คลึงแป้งรีดก้อนแป้งให้เป็นแผ่นวงกลม ตักไส้ใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้งหุ้มแป้งให้มิดไส้ วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา ใช้แผ่นพลาสติกคลุม พักไว้ประมาณ 30 นาที หรือจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
7. เรียงซาลาเปาลงในชุดนึ่ง นำขึ้นนึ่งในน้ำเดือด ประมาณ 6 นาที ยกลง พักไว้บนตะแกรง รับประทานขณะอุ่น ๆ
++++++++++++++++++++
6. ขนมเปี๊ยะ (ไส้ถั่วไข่เค็ม)
ขนมเปี๊ยะ ขนมมงคลมักใช้ไหว้เจ้าในวันสารทจีน หมายถึง ความพรั่งพร้อม สมบูรณ์ และความสมหวัง ชาวจีนส่วนใหญ่มักจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวกินขนมเปี๊ยะเพื่อให้เกิดสิริมงคล สำหรับขนมเปี๊ยะยอดนิยมคงต้องยกให้ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม ก้อนกลม ๆ พอดีคำ นอกจากหน้าตาน่าหม่ำแล้วยังมีสีเหลืองนวล [สูตรจาก คุณ sokheang14 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม]
ส่วนผสม ไส้ถั่วไข่เค็ม
• ถั่วเขียวเราะเปลือก 300 กรัม
• น้ำตาลทราย 320 กรัม
• น้ำมันพืช 50 กรัม
• ไข่เค็มต้มสุก
ส่วนผสม แป้งชั้นนอก
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 250 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 175 กรัม
• น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
• น้ำมันพืช 150 กรัม
• น้ำเย็น 180 กรัม
ส่วนผสม แป้งชั้นใน
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 150 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 125 กรัม
• น้ำมันพืช 100 กรัม
วิธีทำไส้ถั่วกวน
1. แช่ถั่วเขียวในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง) จนถั่วพองตัว นำไปต้มจนนิ่ม ประมาณ 30 นาที แล้วนำไปปั่นในโถปั่นจนเนียนละเอียด
2. เทลงในกระทะทองเหลืองแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มข้น
3. ใส่น้ำมันพืชลงไปกวนต่อจนได้ส่วนผสมถั่วข้นและแห้งพอที่จะปั้นเป็นก้อนได้ ยกลงจากเตา พักไว้จนเย็น
4. ผ่าไข่เค็มแล้วคว้านเอาเฉพาะไข่แดงออก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (8 ชิ้นต่อ 1 ฟอง)
5. แบ่งถั่วให้ได้เท่าจำนวนลูกที่จะทำ (ลูกละ 12 กรัม) แผ่เป็นแผ่นแล้ววางไข่แดงลงบนถั่วที่แผ่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ทำจนหมด เตรียมไว้
วิธีทำแป้งชั้นนอก
1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน
2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชและน้ำเย็นลงไปในหลุม ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกันโดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
วิธีทำแป้งชั้นใน
1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน
2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในหลุม ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
วิธีห่อขนมเปี๊ยะ
1. แบ่งแป้งชั้นนอกออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 38 กรัม)
2. แบ่งแป้งชั้นในออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 18 กรัม) แป้งที่ได้จะขาวและเนียน
3. แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่นแล้ววางแป้งชั้นในไว้ตรงกลาง
4. จับมุมแป้งชั้นนอกขึ้นมาห่อแป้งชั้นในให้มิด ใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งขึ้น-ลง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) จะได้แป้งแบน ๆ ยาว ๆ
5. พับแป้งด้านบนลงมาโดยให้ปลายมาจรดตรงกลางแผ่นแล้วพับปลายด้านล่างขึ้นไป จากนั้นหมุนแป้งที่พับไว้ 90 องศา
6. จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งขึ้น-ลงอีกครั้ง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) ม้วนแป้งจากปลายด้านใดด้านหนึ่ง (เหมือนม้วนเสื่อ) ตัดแบ่งให้ได้ส่วนตามต้องการ (ประมาณ 4 ส่วน)
7. วางแป้งให้ระนาบที่กลมลงบนพื้นโต๊ะ (แบบแถวซ้าย ส่วนด้านขวาเราจะทดลองดูว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร) แล้วกดแป้งลงไปให้แบนราบ จากนั้นนำมารีดเฉพาะขอบให้บางแล้ววางไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ลงไป ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ เก็บรอยบีบไว้ด้านล่าง (จะเห็นเป็นลายวน ๆ)
8. วางเรียงแป้งใส่ถาดอบที่ทาน้ำมันไว้ เตรียมอบ (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นถาดที่ใช้ใส่แป้งชั้นนอกตอนพัก จึงไม่ต้องทาน้ำมันเพิ่มเลย เนื่องจากมีน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมาจากแป้งชั้นนอกแล้วบ้าง)
9. ทาส่วนผสมไข่แดงผสมน้ำลงบนหน้าขนม แต้มสีผสมอาหารสีส้มลงบนหน้าขนมให้เป็นจุด ๆ
10. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (อุ่นเตาไว้ก่อนแล้ว) ประมาณ 20-25 นาที (แล้วแต่ขนาดของขนม) อบเสร็จแป้งจะแห้ง ๆ นำขนมออกจากถาดใส่ลงในหม้อสำหรับอบควันเทียน พร้อมเสิร์ฟ
ของไหว้สารทจีนทั้ง 6 อย่างน่าสนใจและน่าลองมาก ๆ เลยค่ะ ใครที่กำลังมองหาสูตรอาหารว่างอยู่เข้ามาจดได้เลย ที่สำคัญสูตรเหล่านี้สามารถทำกินเล่นเวลาไหนก็ได้ด้วยนะคะ
บทความเกี่ยวข้องกับอาหารสารทจีน ตรุษจีน ที่น่าสนใจ