แจกสูตรทำเมนูขนมวันไหว้ สูตรขนมไหว้เจ้าหลากแบบเสริมสิริมงคล ทุกเมนูทำไม่ยากและกินอร่อย มาทำไหว้วันตรุษจีนและสารทจีนกันเถอะ
วันสำคัญ ๆ สำหรับคนไทยเชื้อสายจีนทั้งวันตรุษจีน และวันสารทจีน เหล่าบรรดาลูกหลานต่างต้องจัดแจงของไหว้ตรุษจีน สารทจีน มีทั้งอาหารคาวหวานและผลไม้ โดยเฉพาะขนมที่แม้จะมีขายแต่หาอร่อยถูกปากยากมาก ใครชอบเข้าครัวมาทำขนมไหว้เองดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมวันไหว้สารทจีน ตรุษจีน ได้แก่ ขนมเทียน ขนมเข่ง ขนมปุยฝ้าย ขนมไข่ ขนมกุยช่าย ขนมเปี๊ยะ ซาลาเปา และหมั่นโถว บอกเลยว่าทำไม่ยาก อยากให้ลองทำดูจ้า
อาหารไหว้ตรุษจีน
ขนมไหว้เจ้ามีอะไรบ้าง
1. ขนมเข่ง
ส่วนผสม ขนมเข่ง
- แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
- น้ำ 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
- มะพร้าวขูด 300 กรัม
- กระทงขนมเข่ง
- น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)
วิธีทำขนมเข่ง
- ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
- นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทง ประมาณ 3/4 ของกระทง
- วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 30 นาที
- ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ใช้กรรไกรตัดเจียนกระทงที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ
เทคนิค : คนสมัยก่อนจะใช้วิธีการจุดธูปเพื่อจับเวลานึ่งขนม ใช้ธูปสำหรับไหว้พระ ขนาดยาว 1 ดอก พอธูปหมดแสดงว่าขนมเข่งสุกแล้ว
2. ขนมเข่งข้าวเหนียวดำ
ส่วนผสม ขนมเข่งข้าวเหนียวดำ
- แป้งข้าวเหนียวขาว 400 กรัม
- แป้งข้าวเหนียวดำ 100 กรัม
- น้ำตาลปี๊บ 500 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- น้ำมะพร้าว หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
- มะพร้าวอ่อน 3 ลูก
- แปะก๊วย 200 กรัม
- น้ำมันพืชสำหรับทากระทง
วิธีทำขนมเข่งข้าวเหนียวดำ
- นำกระทงใบตองแห้งล้างน้ำเปล่าให้สะอาด ทาน้ำมันพืชด้านใน เตรียมไว้
- ใส่แป้งทั้งสองสีลงอ่างผสม ใส่น้ำตาลปี๊บกับเกลือ นวดพอเข้ากัน เติมน้ำมะพร้าว นวดจนน้ำตาลละลาย
- เติมเนื้อมะพร้าวอ่อน และแปะก๊วยลงไป นวดผสมให้เข้ากัน ตักส่วนผสมใส่กระทง
- ตั้งชุดนึ่งพอน้ำเดือดจัด วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง นึ่งประมาณ 30 นาที เช็กความสุกด้วยไม้จิ้มฟันจิ้มลงไป ถ้าแป้งไม่ติดขึ้นมาแสดงว่าแป้งสุก พักไว้จนเย็น
3. ขนมเข่งอัญชัน
ส่วนผสม ขนมเข่งอัญชัน
- แป้งข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม
- น้ำเปล่าผสมน้ำดอกอัญชันคั้น 1 ถ้วย
- น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม
- มะพร้าวขูด 300 กรัม
- กระทงขนมเข่ง
- น้ำมันพืช (สำหรับทากระทง)
วิธีทำขนมเข่งอัญชัน
- ทากระทงด้วยน้ำมันพืชให้ทั่ว เตรียมไว้
- นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเปล่าผสมน้ำดอกอัญชันจนแป้งนุ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ใส่มะพร้าวขูดลงคนผสมให้เข้ากัน ตักใส่กระทง ประมาณ 3/4 ของกระทง
- วางขนมเรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือด นานประมาณ 1/2 ชั่วโมง
- ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ใช้กรรไกรตัดเจียนกระทงที่เกินออกให้พอดีกับขนม พร้อมเสิร์ฟ
4. ขนมเทียน
ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ขนมเทียนไส้เค็ม)
- ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
- กระเทียม
- พริกไทย
- น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
- เกลือป่น (สำหรับปรุงรส)
- น้ำตาลทราย (สำหรับปรุงรส)
ส่วนผสม แป้งขนมเทียน
- แป้งข้าวเหนียวดำ 1 กิโลกรัม
- น้ำตาลปี๊บ 200-300 กรัม
- ไส้ขนมเทียน
- ใบตองสำหรับห่อขนม
วิธีทำไส้ขนมเทียน
- ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
- โขลกกระเทียมกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
- ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม และเผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้
วิธีทำขนมเทียน
- นำน้ำตาลปี๊บไปละลาย ใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนละลาย ปิดไฟแล้วพักทิ้งไว้จนเย็น
- นวดผสมแป้งข้าวเหนียวดำกับน้ำตาลปี๊บที่ละลายไว้จนเข้ากันดี เตรียมไว้
- จับใบตองให้เป็นทรงกรวย ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ลงไป ตักส่วนผสมแป้งใส่ จากนั้นห่อให้สวยงาม เรียงลงในชุดนึ่ง
- นำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาทีหรือจนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง
5. ขนมเทียนแก้ว
ส่วนผสม แป้งขนมเทียนแก้ว
- แป้งถั่วเขียว 1 ถ้วย
- น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
- น้ำลอยดอกมะลิ (หรือน้ำผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ) 5 ถ้วย
- ใบตอง หรือกระทงใบตอง
ส่วนผสม ไส้ขนมเทียน (ไส้เค็ม)
- ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 1 กิโลกรัม
- หอมแดง
- พริกไทย
- น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
- เกลือป่น สำหรับปรุงรส
- น้ำตาลทราย สำหรับปรุงรส
วิธีทำแป้งขนมเทียนแก้ว
- ใส่น้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกมะลิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
- ผสมแป้งถั่วเขียวและน้ำลอยดอกมะลิให้เข้ากัน กรองด้วยตะแกรง จากนั้นเทใส่กระทะทองเหลือง ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนจนส่วนผสมแป้งสุกและใส ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนอุ่น
- ตักส่วนผสมแป้งลงในกรวยใบตอง ตามด้วยไส้ ห่อเป็นทรงสามเหลี่ยมให้สวยงาม หรือวางไส้ขนมลงในกระทงใบตอง ตามด้วยส่วนผสมแป้งขนม
- เรียงลงในชุดนึ่ง จากนั้นนำขนมไปนึ่งด้วยไฟแรงที่มีน้ำเดือดพล่าน นึ่งนานประมาณ 30 นาที หรือจนขนมสุก ปิดไฟ นำออกจากชุดนึ่ง
วิธีทำไส้ขนมเทียน
- ล้างถั่วเขียวซีกเราะเปลือกให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
- นำถั่วเขียวไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
- โขลกหอมแดงกับพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด
- ใส่ถั่วเขียวนึ่งลงโขลกพอหยาบ
- ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ใส่ส่วนผสมไส้ลงผัดจนหอม ปรุงรสด้วยเกลือป่น และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ให้มีรสหวาน เค็ม เผ็ด ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
- ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้
6. ขนมปุยฝ้าย
ส่วนผสม ขนมปุยฝ้าย
- แป้งเค้ก 2+1/2 ถ้วย (ประมาณ 300 กรัม)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
- น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วย
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
- นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำหอมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา (หรือกลิ่นนมแมว 2 หยด)
- สีผสมอาหาร (ตามชอบ)
วิธีทำขนมปุยฝ้าย
- ร่อนแป้งเค้ก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
- ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำลงในอ่างผสม จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า
- ลดความเร็วเครื่องตีลง ใช้ความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่าง ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู
- ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด
- เมื่อครบเวลา ใช้พายยางคนตะล่อมแป้งให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งแป้งผสมสีผสมอาหารตามชอบ เตรียมไว้
- วางถ้วยกระดาษ (ถ้วยจีบ) ลงในพิมพ์อะลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งใส่ประมาณ 3/4 พิมพ์ จากนั้นวางเรียงในชุดนึ่ง (โดยวางถ้วยให้ระยะห่างกันประมาณ 2 ซม. เพื่อให้ความร้อนกระจายขึ้นมาอย่างทั่วถึง)
- นำไปนึ่งด้วยไฟแรง นานประมาณ 15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
7. ขนมปุยฝ้าย ลายแตงโมและแก้วมังกร
ส่วนผสม ขนมปุยฝ้าย
- แป้งเค้ก 2+1/2 ถ้วย (หรือ 300 กรัม)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย (หรือ 250 กรัม)
- น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วย
- สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
- นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา
- สีผสมอาหารสีแดงและสีเขียว
- งาดำคั่ว
วิธีทำแป้งขนมปุยฝ้าย (แป้งสีขาว)
- ร่อนแป้งเค้ก กับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
- ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำลงในอ่างผสม
- จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพบนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า ลดเป็นความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่างแล้วตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
- ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว และน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู
วิธีทำขนมปุยฝ้ายลายแก้วมังกร
- ทำเนื้อแก้วมังกรสีขาว โดยแบ่งผสมแป้งแบทเทอร์สีขาว 2+1/2 ถ้วยตวง ใส่งาดำคั่วลงไปประมาณ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ (หรือมากกว่า) คนให้เข้ากัน พักไว้
- ทำเปลือกแก้วมังกรสีชมพู โดยแบ่งแป้งแบทเทอร์สีขาว 3/4 ถ้วยตวง หยดสีชมพูหรือสีแดงลงไป ครั้งละ 5-6 หยด คนผสมจนเป็นสีชมพูเข้มตามต้องการ
- วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์จีบ ตักส่วนผสมแป้งสีขาวผสมงาดำลงไปประมาณ 3/4 พิมพ์ (ประมาณ 90% ของถ้วย) จากนั้นเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ
- ตักแป้งสีชมพูทับแป้งสีขาวลงไปจนเต็มขอบกระดาษของพิมพ์ (อีก 10% ของถ้วย) (เพื่อขนมจะได้ขึ้นฟูสวยเต็มถ้วย) เกลี่ยให้ทั่ว เตรียมไว้
วิธีทำขนมปุยฝ้ายแตงโม
- ทำเนื้อแตงโมสีแดง โดยใช้แบ่งแป้งแบทเทอร์สีขาว 2+1/2 ถ้วยตวง หยดสีแดงลงไปประมาณ 10 หยด คนผสมจนได้สีแดงตามต้องการ จากนั้นใส่งาดำคั่วลงไปประมาณ 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน พักไว้
- ทำเปลือกแตงโมสีเขียว โดยผสมแป้งแบทเทอร์สีขาว 3/4 ถ้วยตวง ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไป (ถ้าสีออกฟ้ามากใส่สีเหลืองลงไปผสมเล็กน้อย) ถ้าต้องการให้มีลายค่อย ๆ หยดสีเขียวลงไปเพิ่ม แต่อย่าคนผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว พยายามคนให้เป็นลาย ๆ
- วางถ้วยกระดาษลงในพิมพ์จีบ ตักส่วนผสมแป้งสีแดงผสมงาดำลงไปประมาณ 3/4 พิมพ์ (ประมาณ 90% ของถ้วย) จากนั้นเคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศ ตามด้วยแป้งสีขาวประมาณ 1 ช้อนชา เกลี่ยให้ทั่ว ต่อด้วยแป้งสีเขียวจนเต็มพิมพ์ เกลี่ยให้ทั่ว นำไปวางเรียงในชุดนึ่ง เตรียมไว้
- ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด ปิดฝาแล้วลดเป็นไฟกลางอ่อน นึ่งประมาณ 13-15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
8. ขนมไข่
ส่วนผสม ขนมไข่
- ไข่ไก่ 3 ฟอง (แยกไข่ขาว+ไข่แดง)
- ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1/2 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 100-110 กรัม (สามารถลดหรือเพิ่มได้)
- กลิ่นวานิลลา
- น้ำเปล่า 1-2 ช้อนชา
- แป้งเค้กหรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 65 กรัม
- ผงฟู 1 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
- เกลือป่นเกือบ ๆ 1/4 ช้อนชา หรือประมาณ 1/8 ช้อนชากว่า ๆ หรือถ้าไม่ชอบเค็มก็ใส่ประมาณ 1/8 ช้อนชา
วิธีทำขนมไข่
- นำพิมพ์ขนมไข่ไปอุ่นในเตาอบที่อุณหภูมิประมาณ 180-190 องศาเซลเซียส
- ตีไข่ขาวจนเป็นฟองหยาบ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์หรือน้ำมะนาวลงไปตีพอเข้ากัน
- หลังจากนั้นทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป แบ่งใส่สัก 3-4 รอบ ตีจนเมอแรงค์ตั้งยอด *ในสูตรแยกไข่ตีเพราะมันขึ้นฟูเร็ว แต่สามารถตีไข่ทั้งฟองตามสูตรทั่วไปได้ ที่สำคัญคือ ต้องตีให้ฟู*
- ทยอยใส่ไข่แดงลงไป ตามด้วยกลิ่นวานิลลาและน้ำเปล่า ตีจนฟู *สังเกตจากการยกหัวตะกร้อขึ้น ถ้าส่วนผสมหยดลงและลอยบนผิวไม่จมลงถือว่าใช้ได้แล้ว*
- ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือป่นลงไป แล้วตะล่อมอย่างเบามือจนเข้ากัน (แบ่งร่อนสัก 2 รอบ) แล้วนำไปใส่ถุงบีบ ถ้าไม่มีถุงบีบก็ตักหยอดเอาก็ได้
- นำพิมพ์ขนมไข่ออกจากเตา รีบทาไขมันและหยอดขนมตอนที่พิมพ์ยังร้อนอยู่ ถ้าพิมพ์เย็นจะทำให้ขนมติดพิมพ์
- พอหยอดเสร็จก็นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180-190 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10-12 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง ถ้าอยากให้กรอบนอกนุ่มในก็อบสัก 200-220 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 10-12 นาที
- พออบเสร็จรีบแซะขนมออก แล้วทาไขมัน หยอดขนมต่อจนหมดแป้ง
9. ซาลาเปา
ส่วนผสม ไส้หมูสับไข่เค็ม
- หมูสับ 500 กรัม
- เห็ดหอมหั่นเต๋า 6-7 ดอก
- แครอตหั่นเต๋า 4-5 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 5 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 3+1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันหอย 5 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งข้าวโพด 5 ช้อนโต๊ะ
- ไข่แดงเค็ม
วิธีทำไส้หมูสับไข่เค็ม
- ผสมหมูสับ เห็ดหอม แครอต และต้นหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และพริกไทย ใส่แป้งข้าวโพดลงไป คนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
- คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็นจนกว่าแป้งซาลาเปาจะเสร็จ หรือใครจะหมักค้างคืนก็ได้
ส่วนผสม แป้งซาลาเปา (แป้งสปันจ์)
- น้ำอุ่น 200 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
- ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งซาลาเปา 375 กรัม
วิธีทำแป้งซาลาเปา (แป้งสปันจ์)
- ใส่น้ำอุ่นในภาชนะ ตามด้วยน้ำตาลทราย ใส่ยีสต์ คนให้เข้ากันเล็กน้อย พักไว้ 5 นาที วิธีนี้เป็นการทดสอบยีสต์ด้วยว่ายังใช้งานได้ไหม ถ้าใช้ได้ยีสต์จะฟูเป็นฟอง
- ร่อนแป้งซาลาเปา นำส่วนผสมยีสต์เทลงในแป้งซาลาเปาที่ร่อนไว้แล้ว โดยเทลงทีละนิด ค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วนวดประมาณ 5 นาที ให้แป้งไม่ติดมือ (ไม่ต้องนวดจนแป้งเนียน)
- แล้วนำแป้งใส่อ่าง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารหรือหาอะไรมาปิดกันลมไว้ พักแป้งในที่อุ่น ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือรอจนแป้งขึ้นเป็น 2 เท่า ยิ่งอากาศร้อนแป้งยิ่งขึ้นเร็ว พอใกล้ ๆ เวลาที่แป้งเชื้อจะได้ที่ก็มาทำในส่วนของแป้งโดว์
ส่วนผสม แป้งซาลาเปา (แป้งโดว์)
- น้ำสะอาด 40 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- แป้งซาลาเปา 150 กรัม
- ดับเบิลผงฟู 2 ช้อนชา (หรือใช้ผงฟูธรรมดาก็ได้)
วิธีทำแป้งซาลาเปา (แป้งโดว์)
- ผสมน้ำ น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้ละลาย แล้วพักไว้
- ร่อนแป้งซาลาเปากับผงฟู ทำหลุมตรงกลาง ค่อย ๆ เทส่วนผสมของเหลวที่ผสมไว้ลงไปในหลุมทีละนิด แล้วค่อย ๆ ตะล่อมจนแป้งมีลักษณะเป็นก้อนก็จะได้แป้งโดว์
ส่วนผสม แป้งซาลาเปา
- แป้งสปันจ์
- แป้งโดว์
- เนยขาว 25 กรัม
- น้ำมัน 50 กรัม
วิธีทำแป้งซาลาเปา
- นำแป้งสปันจ์ที่พักเสร็จแล้วมาผสมกับแป้งโดว์ ลักษณะของแป้งสปันจ์ที่หมักไว้จะเป็นใยหยาบ ๆ ใส่เนยขาวกับน้ำมัน นวดจนแป้งเนียน ประมาณ 20-30 นาที แล้วแต่แรงนวด เอาให้แป้งเนียนไม่ต้องให้ขึ้นฟิล์มเหมือนขนมปัง (ใครมีเครื่องผสมแป้งก็ใช้ได้เลย)
- พอนวดจนเนียนดีแล้ว ใส่ลงในอ่างผสม คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักแป้งอีกประมาณ 30-60 นาทีจนแป้งขึ้นฟูเป็น 2 เท่า
- ชกไล่ลมออกจากแป้ง แล้วเอามาแบ่งเป็นก้อนเท่า ๆ กันตามขนาดที่ต้องการ (แบ่ง 40 กรัมต่อลูก)
- นำก้อนแป้งเรียงใส่ถาด คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วพักแป้งอีก 10 นาที
- พอครบเวลาแล้วก็นำแป้งมารีดเป็นแผ่นกลมไม่ต้องบางมาก ใส่ไส้หมูสับกับไข่เค็มที่เตรียมไว้ ห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษรองซาลาเปา แล้วพักอีก 10 นาทีก่อนค่อยเอาไปนึ่ง
- โดยนึ่งประมาณ 9-10 นาที ไม่ต้องนึ่งนาน ใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำที่ใช้นึ่งด้วย เพราะจะช่วยให้ซาลาเปาขาว นำซาลาเปาพักบนตะแกรง หรือจัดเสิร์ฟกินร้อน ๆ ได้เลย
- ถ้ากินไม่หมดสามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ประมาณ 3-5 วัน แต่ถ้าห่ออย่างดี นำใส่ช่องแช่แข็งเก็บไว้ได้เป็นเดือน พอจะกินก็เอามาเข้าไมโครเวฟสัก 30 วินาที แป้งซาลาเปาก็ยังนุ่มเหมือนเดิม
10. หมั่นโถว
ส่วนผสม หมั่นโถว (ประมาณ 10 ลูก)
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
- เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- นมสด หรือนมจืด 280 กรัม
- แป้งซาลาเปา (แป้งบัวแดง) 450 กรัม
- ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
- แป้งข้าวโพด 30 กรัม
- ยีสต์ 5 กรัม
- เนยขาว 25 กรัม
- ผงโกโก้ 10 กรัม เพิ่มน้ำ 1+1/2 ช้อนชา
- กระดาษรองซาลาเปา
วิธีทำหมั่นโถวทูโทน
- ผสมน้ำตาลทรายกับเกลือลงไปในนม แล้วคนให้ละลายเข้ากัน ใส่แป้งซาลาเปาที่ร่อนพร้อมผงฟู แป้งข้าวโพด และยีสต์ลงไปในโถผสม ตีด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน
- เทนมที่ผสมพักไว้ลงไป ตีให้เข้ากัน แล้วเติมเนยขาวลงไป ตีแค่พอเข้ากัน เนื้อที่ได้จะไม่เนียนมาก เพราะเดี๋ยวจะนำแป้งมานวดมือต่ออีกที แบ่งแป้งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน นำส่วนแรกมานวดด้วยมือจนเนื้อเนียน แล้วพักไว้ 10 นาที ใช้ผ้าหมาด ๆ คลุมไว้ก็ได้
- นำแป้งอีกส่วนมานวด เติมผงโก้โก้และนำลงไป นวดจนเนื้อเนียน แล้วพักแป้งไว้ 10 นาที พอพักแป้งเสร็จแล้ว นำแป้งมาคลึงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 22x50 เซนติเมตร ความหนาประมาณ 3 มิลลิเมตร
- ทาน้ำแค่พอหมาด ๆ บนแป้งแผ่นสีขาวเพื่อให้แป้งเกิดความเหนียว แล้วนำแป้งโกโก้มาวางทับลงไปให้พอดี รีดให้แป้งทั้ง 2 แผ่นติดกันเรียบและแน่นขึ้น เวลานำไปนึ่งแป้งจะได้ไม่แตกทำให้ลายหลุดออกจากกัน
- ทาน้ำบนแป้งโกโก้แล้วม้วนตามภาพ หลังจากนั้นก็คลึงให้แน่น พักแป้งไว้อีก 10 นาที
- ตัดแป้งให้ได้ความยาว 5 เซนติเมตร แล้วรองบนกระดาษไข จะได้หมั่นโถวประมาณ 10 ชิ้น พักแป้งในที่อุ่นประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง หรือจนแป้งฟูขึ้นมาประมาณ 1.5-2 เท่า
- นำไปนึ่งไฟกลาง ๆ ประมาณ 15-18 นาที
หมายเหตุ : หมั่นโถวสำคัญตรงตอนนวดกับตอนหมักแป้งให้ขึ้นฟูเป็น 1.5-2 เท่า ถ้าขึ้นฟูไม่ได้ที่ อบแล้วแป้งอาจจะแน่นไป
11. ขนมกุยช่าย
ส่วนผสม ไส้กุยช่าย (ไส้ผัก)
- ใบกุยช่ายซอย 200 กรัม
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- โซเดียมไบคาร์บอเนต 1/4 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้กุยช่าย (ไส้ผัก)
- ใช้มือขยำส่วนผสมไส้ทั้งหมดเข้าด้วยกันสักครู่ เตรียมไว้ (ไม่ต้องนำไปผัด)
ส่วนผสม ไส้กุยช่าย (ไส้เผือก)
- เผือกซอยฝอย 1/2 ถ้วย
- แครอต หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
- หอมใหญ่ หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงซอยอบ หรือคั่วสุก 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งฝอย 1 ช้อนชา
- รากผักชีและกระเทียมตำละเอียด 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันหอย 1 ช้อนชา
- น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
- ผงซุปปรุงรส 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำไส้กุยช่าย (ไส้เผือก)
- นำส่วนผสมทั้งหมดไปผัดรวมกัน แล้วแบ่งเป็นกอง ๆ จะได้ตักสะดวก
ส่วนผสม แป้งกุยช่าย
- แป้งข้าวเจ้า (ตราช้างสามเศียร) 1/2 ถ้วย
- แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
- สีผสมอาหารตามชอบ
วิธีทำแป้งกุยช่าย
- ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำเปล่า และน้ำมันรวมกัน จากนั้นคนให้ละลายเทใส่กระทะ เปิดไฟปานกลาง
- กวนไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวกันเป็นก้อน หรี่ไฟลงและกวนต่อไปอีกสักพักจนแป้งนิ่มเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน หลุดร่อนจากกระทะ เวลากวนให้กดไม้พายลงบนตัวแป้งให้ติดกับกระทะ เพื่อแป้งที่กวนจะได้โดนความร้อนมาก ๆ ต่อจากนั้นใช้มือจับแป้งที่กวน ถ้ามีลักษณะเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ แปลว่าใช้ได้
- จากนั้นใส่น้ำมันเพิ่ม 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนำแป้งมานวดด้วยมือจนเป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งแป้งใส่สีตามใจชอบ นวดจนสีเข้ากันดีแล้ว เก็บใส่ภาชนะปิดฝาอย่าให้ลมเข้า
วิธีใส่ไส้ในแป้งกุยช่าย
- คลึงแป้งให้เป็นแผ่น ขนาดพอเหมาะ หนาเล็กน้อย ตักไส้ใส่แป้งแล้วจัดการห่อให้มิดชิด
- นำที่จับจีบดอกไม้มาจับจีบแป้งให้เป็นดอกไม้ตามใจชอบ ต่อจากนั้นฉีดพรมน้ำเล็กน้อย แล้วนำไปนึ่ง
ส่วนผสม น้ำจิ้มกุยช่าย
- พริกเหลืองโขลก 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำจิ้มกุยช่าย
- นำส่วนผสมทุกอย่างละลายให้เข้ากัน
- ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายหมด ปิดไฟ ยกลงวางไว้ให้เย็น
12. ขนมเปี๊ยะ (ไส้ถั่วไข่เค็ม)
ส่วนผสม ไส้ขนมเปี๊ยะ (ไส้ถั่วไข่เค็ม)
- ถั่วเขียวเราะเปลือก 300 กรัม
- น้ำตาลทราย 320 กรัม
- น้ำมันพืช 50 กรัม
- ไข่เค็มต้มสุก
ส่วนผสม แป้งขนมเปี๊ยะ (แป้งชั้นนอก)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 250 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 175 กรัม
- น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
- น้ำมันพืช 150 กรัม
- น้ำเย็น 180 กรัม
ส่วนผสม แป้งขนมเปี๊ยะ (แป้งชั้นใน)
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 150 กรัม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 125 กรัม
- น้ำมันพืช 100 กรัม
วิธีทำไส้ถั่วกวน
- แช่ถั่วเขียวในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง) จนถั่วพองตัว นำไปต้มจนนิ่ม ประมาณ 30 นาที แล้วนำไปปั่นในโถปั่นจนเนียนละเอียด
- เทลงในกระทะทองเหลืองแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มข้น
- ใส่น้ำมันพืชลงไปกวนต่อจนได้ส่วนผสมถั่วข้นและแห้งพอที่จะปั้นเป็นก้อนได้ ยกลงจากเตา พักไว้จนเย็น
- ผ่าไข่เค็มแล้วคว้านเอาเฉพาะไข่แดงออก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (8 ชิ้นต่อ 1 ฟอง)
- แบ่งถั่วให้ได้เท่าจำนวนลูกที่จะทำ (ลูกละ 12 กรัม) แผ่เป็นแผ่นแล้ววางไข่แดงลงบนถั่วที่แผ่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ทำจนหมด เตรียมไว้
วิธีทำแป้งชั้นนอก
- ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน
- ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชและน้ำเย็นลงไปในหลุม ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกันโดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
วิธีทำแป้งชั้นใน
- ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน
- ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในหลุม ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
วิธีห่อขนมเปี๊ยะ
- แบ่งแป้งชั้นนอกออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 38 กรัม)
- แบ่งแป้งชั้นในออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 18 กรัม) แป้งที่ได้จะขาวและเนียน
- แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่นแล้ววางแป้งชั้นในไว้ตรงกลาง
- จับมุมแป้งชั้นนอกขึ้นมาก่อแป้งชั้นในให้มิด ใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งขึ้น-ลง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) จะได้แป้งแบน ๆ ยาว ๆ
- พับแป้งด้านบนลงมาโดยให้ปลายมาจรดตรงกลางแผ่นแล้วพับปลายด้านล่างขึ้นไป จากนั้นหมุนแป้งที่พับไว้ 90 องศา
- จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้งรีดแป้งขึ้น-ลงอีกครั้ง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) ม้วนแป้งจากปลายด้านใดด้านหนึ่ง (เหมือนม้วนเสื่อ) ตัดแบ่งให้ได้ส่วนตามต้องการ (ประมาณ 4 ส่วน)
- วางแป้งให้ระนาบที่กลมลงบนพื้นโต๊ะ (แบบแถวซ้าย ส่วนด้านขวาเราจะทดลองดูว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร) แล้วกดแป้งลงไปให้แบนราบ จากนั้นนำมารีดเฉพาะขอบให้บางแล้ววางไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ลงไป ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ เก็บรอยบีบไว้ด้านล่าง (จะเห็นเป็นลายวน ๆ)
- วางเรียงแป้งใส่ถาดอบที่ทาน้ำมันไว้ เตรียมอบ (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นถาดที่ใช้ใส่แป้งชั้นนอกตอนพัก จึงไม่ต้องทาน้ำมันเพิ่มเลย เนื่องจากมีน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมาจากแป้งชั้นนอกแล้วบ้าง)
- ทาส่วนผสมไข่แดงผสมน้ำลงบนหน้าขนม แต้มสีผสมอาหารสีส้มลงบนหน้าขนมให้เป็นจุด ๆ
- นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (อุ่นเตาไว้ก่อนแล้ว) ประมาณ 20-25 นาที (แล้วแต่ขนาดของขนม) อบเสร็จแป้งจะแห้ง ๆ นำขนมออกจากถาดใส่ลงในหม้อสำหรับอบควันเทียน พร้อมเสิร์ฟ
วันตรุษจีนและวันสารทจีนปีนี้ร้านขนมวันไหว้คงไม่ได้แอ้มเงินเราหรอก เพราะเราจะทำขนมวันไหว้เอง ทำเองกินเองรับรองถูกปากแน่นอนจ้า