ใกล้วันวาเลนไทน์เป็นธรรมเนียมที่คนมีคู่มักจะหาของขวัญให้กับคนพิเศษ สำหรับคนชอบเข้าครัวอยากให้ลองทำขนมหวานอร่อย ๆ กัน กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมหวานสีชมพู ขนมสีหวานสดใส หน้าตาน่ารักน่ากิน รับรองคนรับยิ้มกว้างแน่นอนจ้า
เริ่มต้นกันที่เมนูเต้าหู้เย็น สูตรขนมหวานสีชมพูที่ยังคงฮิตข้ามปี สูตรจาก คุณโจนส์เปลี่ยนใจ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับน้ำเต้าหู้ใส่น้ำหวานกลิ่นสละ เติมความหวานจากนมข้น และใส่ผงวุ้นเพื่อให้เซตตัว เสิร์ฟกับท็อปปิ้งตามชอบ
ส่วนผสม เต้าหู้เย็น
• น้ำเต้าหู้ 2 ถ้วย (หรือนมสด)
• นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นสละ (ปริมาณคือให้ใส่จนได้สีที่ชอบ)
• ผงวุ้น 2+1/2 ช้อนชา
ท็อปปิ้ง เต้าหู้เย็น
• กีวีหั่นเต๋า
• ส้มแกะเป็นกลีบ
• กล้วยหอม หั่นแว่น
• แคนตาลูป หั่นชิ้นพอดีคำ
• เยลลี่ (ตามชอบ)
วิธีทำเต้าหู้เย็น
1. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางพออุ่น เทน้ำเต้าหู้ นมข้นหวาน และน้ำหวานลงไป พอส่วนผสมเริ่มอุ่น เทผงวุ้นลงไป (เคล็ดลับ คือ ให้เทแบบเคาะช้อน ผงวุ้นจะได้กระจาย ละลายง่าย และไม่เป็นก้อน)
2. คนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนผงวุ้นไม่เป็นเม็ดเล็ก ๆ ติดปลายช้อน หากผงวุ้นละลายดีแล้วให้เร่งไฟแรงขึ้นเล็กน้อย รอจนส่วนผสมในกระทะเริ่มมีฟอง (แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด) ปิดไฟ พักไว้
3. นำส่วนผสมมากรองผ่านตะแกรง ประมาณ 2-3 รอบ
4. เทส่วนผสมใส่พิมพ์ทรงกลม หรือถ้วยทรงกลม พักทิ้งไว้จนเย็น (หรือใช้พัดลมช่วยเป่าจนเย็น) จากนั้นจึงนำเข้าตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง
5. พอครบเวลานำเต้าหู้เย็นออกมาจากถ้วยกลม เทออกมาบั้ง เป็นแฉก ๆ เสิร์ฟคู่กับกีวี ส้ม กล้วยหอม แคนตาลูป และเยลลี่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เต้าหู้เย็น วิธีทำเมนูดังกินเองง่ายกว่า หวานเย็นกลิ่นหอม
+++++++++++++++++++
2. แตงโมไส
จากที่เคยทำน้ำแข็งไสจากน้ำแข็งลองเปลี่ยนไอเดียทำจากผลไม้กันดีไหม ขอนำเสนอแตงโมไส สูตรจาก คุณ rabira bira bila สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม น้ำแข็งสีชมพูจากเนื้อแตงโม ราดนมข้นหวานลงไปตามชอบ แต่งด้วยเจลลี่
ส่วนผสม แตงโมไส
• แตงโม
• นมข้นหวาน
• เม็ดเจลลี่ (ตกแต่ง) หรือท็อปปิ้งอื่นตามชอบ
• เครื่องปั่น หรือเครื่องทำน้ำแข็งไส
วิธีทำแตงโมไส
1. หั่นเฉพาะเนื้อแตงโมเป็นชิ้น ๆ นำเม็ดออกให้หมด จากนั้นนำเข้าช่องแช่แข็งให้แตงโมเป็นก้อนน้ำแข็งประมาณ 1 คืน
2. นำแตงโมที่แข็งแล้วไปปั่นในเครื่องปั่นจนละเอียดตามชอบ
3. ตักใส่ถ้วย ราดด้วยนมข้นหวาน แต่งด้วยเจลลี่ให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แตงโมไส ไอศกรีมเกล็ดหิมะ เมนูคลายร้อนเย็นฉ่ำชื่นใจจากไอเดียล้วน ๆ
+++++++++++++++++++
3. ราสป์เบอร์รีซอร์เบท
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่อยากทำขนมหวานสีชมพูเอาใจสาวที่กลัวหุ่นพัง ขอนำเสนอราสป์เบอร์รีซอร์เบท สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใช้เครื่องทำไอศกรีม ได้ลิ้มรสผลไม้เน้น ๆ รสเปรี้ยวอมหวาน กินแล้วชื่นใจ
ส่วนผสม ราสป์เบอร์รีซอร์เบท
• ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง
• น้ำตาลทราย
• น้ำเปล่า
• เกลือป่น
วิธีทำราสป์เบอร์รีซอร์เบท
1. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟ พักไว้
เคล็ดลับ : ปริมาณน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าต้องเท่ากัน จึงจะออกมาเป็นน้ำเชื่อมระดับมาตรฐาน
2. นำราสป์เบอร์รีไปปั่นจนละเอียด กะปริมาณตามชอบ เทลงในน้ำเชื่อม เติมเกลือลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน หากหวานมากไปก็เติมน้ำเปล่า นำส่วนผสมมากรองเอาเม็ดออก
3. นำน้ำเชื่อมราสป์เบอร์รีไปแช่ตู้เย็นในช่องปกติ อย่างน้อย 4 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
4. นำโถปั่นชั้นในที่มีเจลทำความเย็นไปแช่ช่องฟรีซ อย่างน้อย 12 ชั่วโมงก่อนนำมาปั่นไอศกรีม (หากแช่น้อยกว่านั้น จะไม่เกิดเป็นไอศกรีม) เทส่วนผสมน้ำเชื่อมราสป์เบอร์รีลงไปในเครื่อง เปิดเครื่องปั่นประมาณ 30 นาที หรือจนเป็นเนื้อไอศกรีม ปิดเครื่อง ดึงใบพัดออกแล้วนำไปแช่ช่องฟรีซอีก 3 ชั่วโมง ตักไอศกรีมใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ราสป์เบอร์รีซอร์เบท ไอศกรีมผลไม้เน้น ๆ เปรี้ยวปรี๊ดจี๊ดจ๊าด ไร้ไขมัน
+++++++++++++++++++
4. สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
คนพิเศษชอบกินสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต วันแห่งความรักก็จัดขนมหวานสีชมพูถ้วยนี้ให้เลยสิ สูตรจาก คุณน้องซาแมนต้า สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับทุกอย่างใส่ลงในเครื่องปั่น พอเนื้อเนียนปุ๊บก็เอาไปแช่แข็งจนเซตตัว เห็นไหมว่าทำไม่ยากเลยค่ะ
ส่วนผสม สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
• สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 500 กรัม
• โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 4-5 ช้อนโต๊ะ
• น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะพูน ๆ
• น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (ใช้มะนาวสีเหลืองหรือเลมอน)
• เกลือป่น
วิธีทำสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต
1. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนส่วนผสมเนียนละเอียด
2. เทส่วนผสมใส่ภาชนะ นำไปแช่แข็ง 2 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ต เมนูเย็นฉ่ำกินเพลินไม่ต้องกลัวอ้วน
+++++++++++++++++++
5. ไอศกรีมโยเกิร์ต
ถ้ามีสตรอว์เบอร์รีเหลือ ๆ อย่ารอช้า ชวนทำไอศกรีมโยเกิร์ต สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ผสมผสานระหว่างโยเกิร์ตรสธรรมชาติกับรสสตรอว์เบอร์รี เติมความฟรุ้งฟริ้งด้วยสตรอว์เบอร์รีสด
ส่วนผสม ไอศกรีมโยเกิร์ต
• โยเกิร์ต รสธรรมชาติ 2 ถ้วยตวง
• โยเกิร์ต รสสตรอว์เบอร์รี 1/2 ถ้วยตวง
• สตรอว์เบอร์รี 100 กรัม
• ใบสะระแหน่
วิธีทำไอศกรีมโยเกิร์ต
1. หั่นครึ่งสตรอว์เบอร์รี วางลงในพิมพ์สำหรับทำไอศกรีม
2. เทโยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่ในพิมพ์ไอศกรีมประมาณ 3/4 พิมพ์ แช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที
3. นำส่วนผสมออกจากตู้เย็น ใส่โยเกิร์ตรสสตรอว์เบอร์รีด้านบน นำเข้าช่องแช่แข็งต่อจนแข็งตัว นำออกจากพิมพ์ ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไอศกรีมโยเกิร์ต ขนมหวานหน้าตาจิ้มลิ้มสีชมพูสดใสต้อนรับปาร์ตี้
+++++++++++++++++++
ภาพจาก handmadecharlotte.com
6. เค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพู
อยากทำเค้กสีชมพูไม่จำเจมอบแด่คนพิเศษก็จัดไป ! ขอแนะนำเค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพู จับเค้กทั่วไปแปลงร่างเป็นสตรอว์เบอร์รี แต่งแต้มครีมสีชมพูหวานแหวว ผ่าเค้กออกมาก็เป็นสีชมพูด้วย อะไรจะดีงามปานนี้
ส่วนผสม เค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพู
• แป้งเค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพูสำเร็จรูป 1 กล่อง
• พิมพ์เค้กรูปหัวใจ
• บัตเตอร์ครีมผสมสีชมพู 4 ถ้วย หรือฟรอสติ้งสีชมพูสำเร็จรูป 2 กระป๋อง
• ไวท์ช็อกโกแลตชิพ 24 เม็ด
• มีดสำหรับปาดครีม
• ถุงบีบครีม
• กระดาษสีเขียว
• ไม้เสียบลูกชิ้น
• เทปกาว
วิธีทำเค้กสตรอว์เบอร์รีสีชมพู
1. ทำเค้กสตรอว์เบอร์รีตามวิธีทำข้างกล่องที่ระบุไว้ นำไปใส่ในพิมพ์รูปหัวใจ จากนั้นนำไปอบจนสุก นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
2. ใช้มีดตัดด้านบนส่วนเกินของเค้กออกให้เรียบเป็นระนาบเดียวกัน วางลงบนกระดานสำหรับแต่งเค้ก
3. ปาดบัตเตอร์ครีมสีชมพูลงบนเค้กให้ทั่ว ทั้งด้านบนและด้านข้าง
4. นำบัตเตอร์ครีมสีชมพูที่เหลือใส่ในถุงบีบ โดยใช้หัวบีบครีมรูปดาวแล้วค่อย ๆ บีบลงไปให้ทั่วเค้ก ทั้งด้านบนและด้านข้าง
5. นำไวท์ช็อกโกแลตชิพมาแต่งบนหน้าเค้กให้สวยงาม
6. ทำใบสตรอว์เบอร์รีสีเขียว โดยตัดกระดาษสีเขียวเป็นรูปใบไม้ จากนั้นนำไปติดกับไม้เสียบลูกชิ้นแล้วแปะด้วยเทปกาว จากนั้นนำไปเสียบด้านบนของเค้ก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ handmadecharlotte.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก flouronmyface.com
7. เวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต
อะไรจะง่ายเว่อร์ ! ใครอยากทำขนมหวานสีชมพูสุดง่ายมอบแด่คนรัก ขอนำเสนอเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต จับเวเฟอร์สีชมพูจุ่มช็อกโกแลตให้สวยงาม ตบท้ายก็โรยเกล็ดน้ำตาลเพิ่มความฟรุ้งฟริ้ง
ส่วนผสม เวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต
• ช็อกโกแลตสำหรับเคลือบ
• เวเฟอร์สีชมพู 1-2 ห่อ
• เกล็ดน้ำตาลหลากสี (ตกแต่ง)
วิธีทำเวเฟอร์เคลือบช็อกโกแลต
1. ละลายช็อกโกแลตสำหรับเคลือบ เตรียมไว้
2. นำเวเฟอร์ลงไปจุ่มลงในช็อกโกแลตที่ละลาย
3. นำเวเฟอร์ที่ชุบช็อกโกแลตแล้วมาวางลงบนกระดาษไขหรือแผ่นรองอบ
4. โรยเกล็ดน้ำตาลตกแต่งตามชอบ จากนั้นพักทิ้งไว้จนช็อกโกแลตเซตตัว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ flouronmyface.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก cookiesandcups.com
8. สตรอว์เบอร์รีฟัดจ์
ไม่มีเตาอบก็อดทำเค้ก แต่สามารถทำสตรอว์เบอร์รีฟัดจ์ได้นะคะ สูตรขนมไม่ต้องอบ ใช้ครีมสตรอว์เบอร์รีฟรอสติ้งผสมกับไวท์ช็อกโกแลตชิพ เนื้อแน่นละมุนลิ้น แช่เย็นอร่อยมากบอกเลย
ส่วนผสม สตรอว์เบอร์รีฟัดจ์
• ครีมสตรอว์เบอร์รีฟรอสติ้ง (ขนาด 16 ออนซ์) 1 กระป๋อง
• ไวท์ช็อกโกแลตชิพสำหรับละลาย 12 ออนซ์
• เกล็ดน้ำตาล (ตกแต่ง)
วิธีทำสตรอว์เบอร์รีฟัดจ์
1. เตรียมถาดก้นลึกขนาด 9 x 9 พ่นสเปรย์กันติด เตรียมไว้
2. นำไวท์ช็อกโกแลตไปละลายในไมโครเวฟ นำออกมาคนจนเข้ากัน
3. เติมครีมสตรอว์เบอร์รีฟรอสติ้งลงไป คนให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว เทใส่ถาดที่เตรียมไว้ สร้างลวดลายให้สวยงาม แล้วนำแช่ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที
4. นำออกจากตู้เย็น โรยเกล็ดน้ำตาล ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ cookiesandcups.com
+++++++++++++++++++
9. มาการองราสป์เบอร์รี
แม้มาการองจะเป็นขนมที่มีขั้นตอนเยอะและทำยาก แต่เชื่อว่าถ้าฝึกฝีมือบ่อย ๆ จะออกมาสวยงามแน่นอนค่ะ ขอนำเสนอมาการองราสป์เบอร์รี สูตรจาก เฟซบุ๊ก Kaew A Little Chef ตัวฝามาการองสีชมพู สอดไส้ราสป์เบอร์รี เพิ่มความเลอค่าด้วยราสป์เบอร์รีสด
ส่วนผสม มาการอง
• อัลมอนด์บดละเอียด 125 กรัม
• น้ำตาลไอซิ่ง 200 กรัม
• ไข่ขาว น้ำหนัก 60 กรัม (หรือไข่ขาว 3 ฟอง)
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• สีผสมอาหารสีชมพู
ส่วนผสม ไส้ราสป์เบอร์รี
• เนยสด 150 กรัม
• น้ำตาลไอซิ่ง 75 กรัม
• ราสป์เบอร์รี 100 กรัม
วิธีทำมาการองราสป์เบอร์รี
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
2. บดน้ำตาลไอซิ่งและผงอัลมอนด์เข้าด้วยกันจนเป็นผงละเอียด กรองด้วยตะแกรง พักไว้
3. ตีไข่ขาวและน้ำตาลทรายจนตั้งยอดแข็ง ค่อย ๆ ผสมผงอัลมอนด์บดละเอียดที่กรองแล้วลงไป คนเบา ๆ ใส่สีผสมอาหารลงไป คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ระวังอย่าคนมากจนเกินไป เพราะจะทำให้มาการองไม่ฟู
4. นำส่วนผสมใส่ลงในถุงทรงกรวย (หรือถุงบีบ) แล้วบีบให้กว้างประมาณ 2 ซม. (ถ้าขนาดปกติจะกว้างประมาณ 1 ซม.) ลงบนกระดาษที่ใช้สำหรับทำขนม บีบจนเต็มถาด เคาะถาดกับโต๊ะเบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศ พักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที ก่อนเข้าอบ จากนั้นนำเข้าอบ ประมาณ 20-25 นาที (ถ้าขนาดปกติจะอบประมาณ 10-15 นาที) นำออกมาผึ่งให้เย็น
5. ทำไส้ราสป์เบอร์รี โดยปั่นราสป์เบอร์รี 50 กรัม พักไว้ และปั่นผสมเนยและน้ำตาลไอซิ่งจนฟู ใส่ลงในราสป์เบอร์รีที่ปั่นไว้ คนให้เข้ากัน นำไปทาบนตัวมาการอง แต่งด้วยราสป์เบอร์รีตามชอบ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำมาการองราสป์เบอร์รี พร้อมสารพัดวิธีแก้ปัญหาขนมสุดยากให้ง่ายในพริบตา
+++++++++++++++++++
ภาพจาก sallysbakingaddiction.com
10. บราวนี่ราสป์เบอร์รีชีสเค้ก
คงจะดีไม่น้อยถ้าจับทั้งบราวนี่และชีสเค้กมาอยู่ในชิ้นเดียวกัน ขอนำเสนอสูตรบราวนี่ราสป์เบอร์รีชีสเค้ก ผสมผสานความอร่อยของเนื้อช็อกโกแลตรสเข้มกับชีสเค้กราสป์เบอร์รีสีชมพูสวย อร่อยคูณสองในชิ้นเดียว
ส่วนผสม บราวนี่
• เนยจืด 1/2 ถ้วย
• ช็อกโกแลตสับ 225 กรัม
• น้ำตาลทรายป่น 1+1/4 ถ้วย
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
ส่วนผสม ราสป์เบอร์รีชีสเค้ก
• ครีมชีส 225 กรัม
• น้ำตาลทรายป่น 1/4 ถ้วย
• ไข่แดง 1 ฟอง
• แยมราสป์เบอร์รี 1/4 ถ้วย
• ราสป์เบอร์รี สำหรับแต่ง
วิธีทำบราวนี่ราสป์เบอร์รีชีสเค้ก
1. วางตะแกรงอบที่ชั้นล่างสุด (ชั้นที่ 3 นับจากบน) และเปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
2. ปูอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ถาดอบขนาด 11x7 นิ้ว และนำครีมชีสไปละลายจนนิ่ม
3. ทำบราวนี่ โดยละลายเนยกับช็อกโกแลตสับด้วยไฟปานกลาง คนผสมจนเข้ากัน พักไว้จนเย็น หรือนำเข้าแช่เย็น
4. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนผสมจนเข้ากัน ใส่ไข่ไก่ลงไป คนผสมจนเข้ากัน เติมกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง สุดท้ายใส่แป้งและเกลือลงไป คนผสมจนเข้ากัน เทใส่ลงในถาดอบ
5. ทำชีสเค้ก โดยตีผสมครีมชีสด้วยความเร็วปานกลางจนตั้งยอดอ่อน เติมน้ำตาลทราย ไข่แดง และแยมราสป์เบอร์รีลงไป ตีผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าไม่อยากให้ชีสเค้กเป็นสีเดียวกันให้หยดสีผสมอาหารสีแดงลงไปประมาณ 2-3 หยด คนผสมพอเข้ากัน เทลงไปด้านบนของบราวนี่ในถาดอบที่เตรียมไว้ ใช้มีดทำลวดลายด้านบนให้สวยงาม วางราสป์เบอร์รีลงไปด้านบน
6. นำส่วนผสมเข้าเตาอบประมาณ 35-45 นาที หรือจนสุก นำออกมาพักไว้จนเย็น นำไปแช่เย็นจนเซตตัว หั่นเป็นชิ้น
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ sallysbakingaddiction.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก catchmyparty.com
11. ป๊อปคอร์นสีชมพู
วันแห่งความรักชวนคนพิเศษไปดูหนังพร้อมกับป๊อปคอร์นสีชมพูสักถังก็ดูเก๋เหมือนกันนะคะ เพิ่มเติมความคัลเลอร์ฟูลด้วยเกล็ดน้ำตาลอีกหน่อย รับรองคนรักปลื้มแน่นอนค่ะ
ส่วนผสม ป๊อปคอร์นสีชมพู
• เมล็ดป๊อปคอร์นสำเร็จรูป 2 ห่อ
• ลูกอมสีชมพู 1 ถุง
• เกล็ดน้ำตาล
วิธีทำป๊อปคอร์นสีชมพู
1. นำป๊อปคอร์นไปคั่วให้สุกในไมโครเวฟ ทำตามวิธีทำและเวลาที่ระบุไว้ในผลิตภัณฑ์จนสุก จากนั้นคัดเอาเมล็ดป๊อปคอร์นที่ไม่แตกทิ้งไป
2. นำลูกอมสีชมพูไปละลายจนเป็นเนื้อเดียวกัน ตักลงไปบนป๊อปคอร์น คนผสมจนเข้ากัน โรยเกล็ดน้ำตาล
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ catchmyparty.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก bakingamoment.com
12. พานาคอตตาสตรอว์เบอร์รี
ถ้าคนพิเศษชอบกินพานาคอตต้าก็จัดไปเลยค่ะ ขอแนะนำพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี เนื้อเยลลี่นมสดนุ่มลิ้นแทรกกลิ่นหอมของสตรอว์เบอร์รีและกลิ่นวานิลลาจาง ๆ ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีสดสักหน่อย ดูปังเว่อร์แน่นอนจ้า
ส่วนผสม พานาคอตตาสตรอว์เบอร์รี
• สตรอว์เบอร์รีหั่นชิ้น 450 กรัม (หรือ 16 ออนซ์)
• บัตเตอร์มิลค์ 1+1/2 ถ้วย
• น้ำตาลทรายป่น 1/2 ถ้วย
• ผงเจลาติน 15 กรัม (หรือ 2 ซอง)
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำพานาคอตตาสตรอว์เบอร์รี
1. ฉีดสเปรย์น้ำมันมะกอกลงไปในพิมพ์ขนาด 4 ออนซ์ จำนวน 6 ถ้วย
2. นำสตรอว์เบอร์รีไปปั่น หรือสับจนละเอียด เทใส่ลงในกระทะ เติมบัตเตอร์มิลค์และน้ำตาลทรายลงไป เทผงเจลาตินลงไป รอจนนุ่มประมาณ 5 นาที เปิดไฟความร้อนต่ำ เคี่ยวจนน้ำตาลและเจลาตินจะละลาย ประมาณ 5-10 นาที ปิดไฟ เติมกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมจนเข้ากัน
3. เทส่วนผสมลงในพิมพ์ นำแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ bakingamoment.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก jessfuel.com
13. คุกกี้สตรอว์เบอร์รีมิลค์เชคสีชมพู
และแล้วก็มาถึงขนมหวานสีชมพูสุดฮิตที่รอคอย นั่นคือคุกกี้สตรอว์เบอร์รีมิลค์เชคสีชมพู ความพิเศษคือเพิ่มไวท์ช็อกโกแลตชิพ จัดใส่กล่องสวย ๆ มอบแด่คนพิเศษได้เลยจ้า
ส่วนผสม คุกกี้สตรอว์เบอร์รีมิลค์เชคสีชมพู
• แป้งเค้กสตรอว์เบอร์รีสำเร็จรูป 1 กล่อง
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• ไวท์ช็อกโกแลตชิพ 2 ถ้วย
วิธีทำคุกกี้สตรอว์เบอร์รีมิลค์เชคสีชมพู
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ และปูกระดาษรองอบที่ถาดอบ เตรียมไว้
2. ตีผสมส่วนผสมทั้งหมด ยกเว้นไวท์ช็อกโกแลตชิพ พอส่วนผสมเนียนดีแล้วก็ใส่ไวท์ช็อกโกแลตชิพลงไป คนผสมพอเข้ากัน
3. ตักส่วนผสมคุกกี้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หยอดลงบนถาดอบ นำเข้าเตาอบประมาณ 10 นาทีจากนั้นยกออกจากเตา แซะวางบนตะแกรง รอจนเย็นแล้วค่อยเก็บใส่กล่อง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ jessfuel.com
+++++++++++++++++++
ภาพจาก nestofposies-blog.com
14. คุกกี้โอรีโอ้ชีสเค้กสีชมพู
มาต่อกันที่อีกสูตรคุกกี้เหมาะเป็นของขวัญของฝากนั่นคือ คุกกี้โอรีโอ้ชีสเค้กสีชมพู เนื้อคุกกี้สีชมพูแทรกความกรอบของโอรีโอ้ กินอร่อยไม่มีเบื่อแน่นอน
ส่วนผสม คุกกี้โอรีโอ้ชีสเค้กสีชมพู
• ครีมชีส 115 กรัม (4 ออนซ์)
• เนยเค็ม 8 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทรายป่น 3/4 ถ้วย
• สีผสมอาหารสีชมพู
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
• โอรีโอ้หักชิ้นเล็ก 10 ชิ้น
วิธีทำคุกกี้โอรีโอ้ชีสเค้กสีชมพู
1. ตีผสมครีมชีสกับเนยจนขึ้นฟู เติมน้ำตาลทรายและสีผสมอาหารสีชมพู ตีผสมจนเข้ากัน
2. ใส่แป้งลงไป ตีผสมด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากัน ใส่โอรีโอ้ลงไป คนผสมพอเข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นประมาณ 45 นาที ถึง 2 ชั่วโมง
3. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 30 นาที และปูกระดาษรองอบที่ถาดอบ เตรียมไว้
4. ใช้ที่ตักไอศกรีม ตักแป้งคุกกี้หยอดลงบนถาดอบ นำเข้าเตาอบประมาณ 10-11 นาที หรือจนสุกกรอบ นำออกมาพักไว้ประมาณ 10 นาที แซะวางบนตะแกรง รอจนเย็นแล้วค่อยเก็บใส่กล่อง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ nestofposies-blog.com
+++++++++++++++++++
ขอบายดอกกุหลาบสดแสนแพง พอเหี่ยวก็ต้องโยนทิ้ง วันวาเลนไทน์ปีนี้มาทำดอกกุหลาบกินได้กันดีกว่า ขอนำเสนอขนมชั้นดอกกุหลาบ สูตรนี้ทำเป็นดอกกุหลาบสีชมพูสลับกับดอกกุหลาบสีขาว ดูสวยแปลกตาไม่ซ้ำใคร ทำเสร็จจัดแจงใส่กล่องผูกโบเก๋ ๆ กันเลยจ้า
ส่วนผสม ขนมชั้นดอกกุหลาบ
• หัวกะทิ 2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• แป้งท้าวยายม่อม 1/8 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
• แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
• สีผสมอาหารสีแดง
• กลิ่นมะลิ
• น้ำมันพืช
วิธีทำขนมชั้นดอกกุหลาบ
1. ใส่กะทิลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากันจนละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้ให้เย็น พอเย็นให้ตักช้อนเอาหัวกะทิที่อยู่ด้านบนใส่ภาชนะเก็บไว้
2. ผสมแป้งท้าวยายม่อม แป้งมันสำปะหลัง และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทหัวกะทิใส่ลงไปทีละน้อยสลับกับใช้มือนวดแป้งจนแป้งรวมตัวกันเป็นก้อนแล้วนวดต่ออีก ประมาณ 15 นาที เทน้ำกะทิที่เหลือใส่ลงไป ตามด้วยกลิ่นมะลิ คนผสมให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นำส่วนผสมไปกรองด้วยกระชอน เตรียมไว้
3. แบ่งส่วนผสมแป้งออกเป็น 2 ส่วน ใส่สีผสมอาหารสีแดงลงไป 1 ส่วน คนผสมสีให้เข้ากัน
4. ทาน้ำมันพืชลงบนถาดสำหรับนึ่งขนมชั้นให้ทั่ว เตรียมไว้
5. นำชุดนึ่งขึ้นตั้งไฟ รอจนน้ำเดือดพล่าน จากนั้นวางถาดสำหรับนึ่งขนมลงไปแล้วตักส่วนผสมแป้งสีชมพูใส่ลงไปในพิมพ์ทำเป็นชั้นที่ 1 ปิดฝานึ่งประมาณ 5-7 นาที
6. พอชั้นที่ 1 สุกแล้วให้เปิดฝาแล้วตักส่วนผสมสีขาวใส่ลงไป ปิดฝานึ่งต่อ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแป้งหมดและเต็มพิมพ์
7. เมื่อนึ่งเสร็จแล้วนำขนมชั้นออกมาจากชุดนึ่ง พักไว้ให้เย็นลง นำขนมชั้นออกจากพิมพ์ ผ่าแบ่งครึ่งขนมชั้นตามยาวแล้วลอกขนมแต่ละชั้นออกมาเป็นแผ่น
8. วิธีม้วนดอกกุหลาบ คือ ให้ม้วนแผ่นขนมชั้นเข้ามา 1 ทบ พับกลีบแรกไปข้างหลัง 45 องศา แล้วจึงพับตลบขึ้นมา ทำซ้ำเรื่อย ๆ จนหมด พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมชั้นดอกกุหลาบ ขนมไทยใส่ไอเดีย เมนูล้ำค่าหนึ่งเดียวในปฐพี
+++++++++++++++++++
16. ขนมปุยฝ้าย
ถ้าเบื่อทำขนมสไตล์ฝรั่งกันแล้วลองเปลี่ยนมาทำขนมไทยกันบ้างดีกว่า ขอนำเสนอขนมปุยฝ้าย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรนี้ใช้แป้งเค้กอร่อยนุ่ม กินไม่ติดคอ ท็อปด้วยเชอร์รีเชื่อม จะทำชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็ตามชอบเลยค่ะ
ส่วนผสม ขนมปุยฝ้าย
• แป้งเค้ก 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 1+3/4 ถ้วยตวง
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• เอสพี (SP) 2 ช้อนโต๊ะ
• นมข้นหวาน 3/4 ถ้วยตวง
• น้ำเปล่า 1+3/4 ถ้วยตวง
• น้ำหวานเข้มข้นกลิ่นสละ 1/4 ถ้วยตวง
• เชอร์รีเชื่อมสีแดงหั่นชิ้นเล็ก ๆ สำหรับโรยหน้าขนม
• น้ำมะนาว
• ไม้ปลายแหลม
วิธีทำขนมปุยฝ้าย
1. ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม เตรียมไว้
2. ผสมน้ำเปล่ากับน้ำหวานเข้มข้นกลิ่นสละ คนให้เข้ากัน จากนั้นแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน พักไว้
3. ตีไข่ไก่กับเอสพีด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุดของเครื่อง พอขึ้นฟู ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายสลับกับส่วนผสมน้ำหวานในข้อที่ 2 (ส่วนแรก) จนหมด ตีต่อจนขึ้นฟู
4. ใส่นมข้นหวานลงเป็นสายจนหมด ตีพอเข้ากันดี ลดความเร็วเครื่องลงเหลือต่ำสุด
5. ค่อย ๆ เติม แป้งเค้กที่ร่อนไว้ สลับกับน้ำในข้อที่ 2 (ส่วนที่เหลือ) จนหมด ผสมจนเข้ากันดี
6. ตักส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์ถ้วยกระดาษจนเต็ม ใช้ไม้ปลายแหลม จุ่มน้ำมะนาวแล้วกรีดที่หน้าขนมเป็นรูปกากบาท โรยหน้าด้วยเชอร์รี วางเรียงใส่ลังถึง นำขึ้นนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 12 นาที หรือจนสุก ยกลง นำออกจากพิมพ์ วางพักไว้บนตะแกรง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมปุยฝ้าย ขนมตรุษจีน เสริมความเฟื่องฟู
+++++++++++++++++++
17. ขนมโค
อยากทำขนมไทยโบราณหากินยากก็ลองทำขนมโค สูตรจาก คุณแมวเหมียวโมจิ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งสีชมพูห่อน้ำตาลแว่น เคี้ยวเหนียวนุ่มกำลังดี โรยมะพร้าวขูดเพิ่มความฟิน
ส่วนผสม ขนมโค
• แป้งข้าวเหนียว
• น้ำตาลแว่น
• มะพร้าวขูด (ในสูตรใช้เนื้อมะพร้าวทึนทึกสับ)
• เผือกหอมนึ่ง
• เกลือป่นเล็กน้อย (ใช้สำหรับคลุกกับมะพร้าวขูด)
• เฮลซ์บลูบอยสีแดง (สีอื่น ๆ หรือน้ำคั้นจากผักสีธรรมชาติ)
วิธีทำขนมโค
1. ใช้ช้อนกับส้อมบดเผือกนึ่ง เสร็จแล้วนำไปผสมกับแป้งข้าวเหนียว นวดผสมกันจนเป็นก้อน ถ้าส่วนผสมแห้งเกินไปก็เติมน้ำ ถ้าเหนียวไปก็ต้องเติมแป้งเพิ่ม ถ้าต้องการแป้งสีชมพูก็เอาน้ำหวานสีแดงผสมน้ำเปล่าเทใส่ลงไปแล้วนวดจนเข้ากัน
2. แบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แผ่เป็นแผ่นบาง วางน้ำตาลลงไปแบบนี้แล้วก็คลึงให้เป็นก้อนกลม ๆ อีกครั้ง
3. เติมน้ำสะอาดใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟกลางรอจนน้ำเดือด ใส่ขนมโคลงไปลวก เมื่อสุกขนมโคจะลอยขึ้นมา ตักนำไปแช่น้ำเย็นไว้ครู่หนึ่งกันขนมติดกัน (ในสูตรเดิมไม่ต้องแช่น้ำ)
4. ตักขนมขึ้นมาใส่จาน และนำมะพร้าวขูดคลุกกับเกลือป่นเล็กน้อย แล้วนำไปคลุกกับตัวขนมหรือจะโรยก็ได้
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมโค ตำรับปักษ์ใต้ แป้งนุ่มไส้หวานหอมอร่อยน่าลองทำ
+++++++++++++++++++
18. สาคูบัวลอยสีชมพู
เอาใจคนอยากทำขนมหวานสีชมพูประหยัดงบแต่ดูเลอค่า ขอนำเสนอสาคูบัวลอยสีชมพู สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สาคูสีชมพูสุดน่ารัก ปั้นเป็นก้อนกลม ใส่มะพร้าวอ่อนและลิ้นจี่ ราดน้ำกะทิเข้มข้น
ส่วนผสม สาคูบัวลอย
• สาคูเม็ดเล็ก 200 กรัม
• สีผสมอาหารตามชอบ
• มะพร้าวอ่อน
• ลิ้นจี่แกะเม็ด
ส่วนผสม น้ำกะทิ
• กะทิ 500 กรัม
• น้ำตาลโตนด 300 กรัม
• น้ำตาลทราย 80 กรัม
• เกลือนิดหน่อย
• ใบเตย
วิธีทำสาคูบัวลอย
1. นำเม็ดสาคูแช่สีผสมอาหาร ประมาณ 20 นาที พอครบเวลาเทใส่กระชอนกรองเอาแต่สาคู ปั้นเป็นก้อนกลม
2. ใส่สาคูบัวลอยลงไปต้มในน้ำเดือด เมื่อสุกบัวลอยสาคูจะลอยขึ้นมา ก็ตักขึ้นมาผ่านน้ำเย็น
3. ต้มน้ำกะทิ ใส่ลิ้นจี่ มะพร้าวอ่อน และสาคูบัวลอย พอเดือดตักใส่ถ้วย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สาคูบัวลอย ใส่ลิ้นจี่กับมะพร้าวอ่อน ขนมไทยหวานหอมเพิ่มพลังหลังเที่ยง
ใครกำลังมองหาเมนูขนมแด่คนพิเศษ อยากให้ลองทำสูตรขนมหวานสีชมพูกันค่ะ รับรองคนรับชอบใจแน่นอน สำหรับคนไร้คู่ก็ทำกินเองได้ไม่ต้องแคร์ เอาล่ะ… เลือกสูตรกันเลยดีกว่า