ตามกระแสละครดังเลยอยากทำเมนูขนมไทยต้นกำเนิดจากท้าวทองกีบม้า หนึ่งในตัวละครจากบุพเพสันนิวาส เคี้ยวเพลินหวานอร่อย ใคร ๆ ก็ทำตามได้
1. ฝอยทอง
ใครอยากกินฝอยทองชุ่มฉ่ำน้ำเชื่อมสดใหม่ พบกับเมนูฝอยทอง เริ่มจากตีไข่แดงพอเป็นเนื้อเดียวกันแล้วนำไปโรยในน้ำเชื่อมใบเตย จะกินเปล่า ๆ หรือทำเป็นไส้ขนมปังหรือแต่งหน้าเค้กก็ตามสะดวกจ้า
ส่วนผสม ฝอยทอง
• ไข่เป็ด 6 ฟอง
• ไข่ไก่ 3 ฟอง
• น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม
• น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 มิลลิลิตร (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
• ใบเตย (มัดรวมกัน) 4 ใบ
อุปกรณ์ทำฝอยทอง
• กระทะทองเหลือง
• กรวยใบตองหรือกรวยโลหะ
• ไม้แหลม ยาวประมาณ 1 ฟุต
• ตะแกรง
• ถาดรองน้ำเชื่อม
วิธีทำฝอยทอง
1. แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกันและรีดไข่น้ำค้าง (ไข่ขาวที่เป็นน้ำใส ๆ เหมือนน้ำค้างติดอยู่ภายในเปลือกไข่) ลงไปในไข่แดง (ไข่น้ำค้างทำให้เส้นฝอยทองเหนียวนุ่ม ไม่ขาดง่าย) ตีผสมไข่แดงให้พอเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟู เพราะจะทำให้เส้นขาดเวลาโรยลงในกระทะ) จากนั้นนำไปกรองในผ้าขาวบาง เตรียมไว้
2. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทราย และใบเตยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลางรอจนน้ำตาลละลาย จากนั้นนำไปกรองแล้วเทใส่ลงกระทะทองเหลือง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนอีกครั้งจนเหนียวข้น
3. ตักส่วนผสมไข่แดงลงในกรวยแล้วค่อย ๆ โรยไข่แดงลงไปในน้ำเชื่อมที่เดือด (ใช้ไฟกลาง) วนให้รอบกระทะทองเหลืองประมาณ 20-30 รอบต่อชิ้น จากนั้นยกกรวยขึ้น
เคล็ดลับ : ถ้าต้องการฝอยทองเส้นเล็กให้ยกกรวยสูงจากน้ำเชื่อม แต่ถ้าต้องการฝอยทองเส้นใหญ่ ก็ให้ถือกรวยต่ำ ๆ
4. พอไข่แดงสุกให้ใช้ไม้ปลายแหลมพับครึ่งเส้นฝอยทองแล้วเอามาพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ฝอยทอง สีสวยเงาวับพร้อมเทคนิคโรยฝอยทองเส้นยาวไม่ขาด
++++++++++++++++++
2. ทองหยิบ
ถ้าฝอยทองทำยากไปก็ลองเปลี่ยนมาทำเมนูทองหยิบสิคะ ส่วนผสมมีแค่ไข่แดงกับน้ำเชื่อม พอหยอดส่วนผสมเรียบร้อยก็เอาขึ้นมาจับจีบให้สวยงาม และเพื่อให้คงรูปไว้ก็เสิร์ฟในถ้วย
ส่วนผสม ทองหยิบ
• ไข่แดงของไข่เป็ด 4 ฟอง
• น้ำเปล่า 3 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
วิธีทำทองหยิบ
1. เติมน้ำและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟอ่อน คนจนละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนเย็นแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วเทน้ำเชื่อมลงในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางพอน้ำเชื่อมร้อน แต่ไม่ให้เดือดพล่าน
2. ตีผสมไข่แดงจนขึ้นฟู ตักหยอดลงในน้ำเชื่อม พอสุกทั้งสองด้านตักขึ้น พักไว้ให้เย็นแล้วจับจีบให้สวยงาม วางใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++
3. ทองหยอด
วันหยุดชวนเด็ก ๆ มาทำเมนูทองหยอดกันดีไหม ตัวทองหยอดใช้แป้งทองหยอดกับไข่แดง ส่วนน้ำเชื่อมทำจากน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทราย รับรองทั้งอร่อยและหยอดสนุกเชียวล่ะ
ส่วนผสม ทองหยอด
• ไข่แดงของไข่เป็ด 9 ฟอง
• แป้งทองหยอด 1/2 ถ้วย (หรือแป้งข้าวเจ้า)
• น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วย
• น้ำลอยดอกมะลิ 2+1/2 ถ้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
วิธีทำทองหยอด
1. เทน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟแรงจนเดือดปุด ๆ และเคี่ยวต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีหรือจนน้ำเชื่อมข้น ตักส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว อีกส่วนหนึ่งตั้งไฟไว้
2. นำไข่แดงไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ตีจนขึ้นฟู ใส่แป้งลงไป คนผสมจนเข้ากัน เสร็จแล้วนำไปหยอดในน้ำเชื่อมเดือด วิธีหยอดทำโดยใช้ปลายช้อนแกงตักส่วนผสมขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งดันลงไปในกระทะ หรือใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางหยิบส่วนผสมขึ้นมาเป็นลูกพอเหมาะ แล้วสะบัดลงในน้ำเชื่อม พอสุกจะลอยขึ้นแล้วใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ในชามน้ำเชื่อม จัดใส่ภาชนะเสิร์ฟ
++++++++++++++++++
4. ทองม้วน
ภาพจาก : คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ทองม้วน
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม
• แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ (เพิ่มเติม)
• ไข่ 2 ฟอง
• น้ำตาลปี๊บ (หรือน้ำตาลปึก) 140 กรัม
• กะทิอบควันเทียน 1+3/4 ถ้วย
• น้ำปูนใส 30 มิลลิลิตร
• งาดำ 1 ช้อนกินข้าว
หมายเหตุ : สูตรนี้เป็นสูตรที่ใช้แป้งสาลีเป็นหลัก เพราะบางสูตรจะใช้แป้งมันสำปะหลังล้วน ๆ เลยก็มี หากใครคิดว่าแป้งบางเกินไปอยากได้แบบหนา ๆ หน่อย ก็แค่เพิ่มแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปอีกสัก 20 กรัม บางคนใช้ใบเตยใส่ลงไปขณะที่คนส่วนผสม แต่ในสูตรใช้กะทิอบควันเทียนที่หอมอยู่แล้วจึงไม่ใช้ใบเตยใส่ลงไปตอนขยำแป้งนั่นเอง
วิธีทำทองม้วนทรงกรวย
1. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งเท้ายายม่อม เกลือป่น และแป้งข้าวเจ้าลงในอ่างผสม ตามด้วยไข่ไก่กับน้ำตาลปี๊บ คนผสมให้เข้ากัน
2. เทกะทิอบควันเทียนลงไปคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เทน้ำปูนใสลงไปผสมให้เข้ากัน ใส่งาดำลงไป
3. เปิดเครื่องทำวาฟเฟิลโคนให้ร้อน ตักแป้งประมาณ 1 ช้อนกินข้าวหยอดลงไป รอประมาณ 1 นาทีก็สุกดี รีบนำพิมพ์กรวยมาม้วน ขณะที่แป้งยังร้อน หรือใครจะม้วนแบบทั่วไปก็ตามสะดวก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำทองม้วนทรงกรวย สูตรแป้งบางกรอบหอมอร่อย
++++++++++++++++++
5. กะหรี่ปั๊บ
ภาพจาก : คุณสมาชิกหมายเลข 2163442 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
จากที่เคยซื้อกะหรี่ปั๊บจากร้านดัง ลองมาทำเองกันเถอะ พบกับเมนูกะหรี่ปั๊บ มีวิธีทำแป้งชั้นในกับแป้งชั้นนอกพร้อมทั้งไส้ไก่แสนอร่อย กินตอนอุ่น ๆ อร่อยฟิน
ส่วนผสม แป้งชั้นใน
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 140 กรัม
• น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม แป้งชั้นนอก
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 270 กรัม
• น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปูนใส 6 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1 ช้อนชา
• น้ำเย็น 6 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ไส้กะหรี่ปั๊บ
• หอมใหญ่ (หั่นเต๋าเล็ก) 100 กรัม
• หอมแดงสับ 20 กรัม
• เนื้ออกไก่ 200 กรัม
• มันเทศสีม่วง หรือมันฝรั่ง (หั่นเต๋าเล็ก) 300 กรัม (นำไปต้มให้สุกประมาณ 5 นาที แล้วสะเด็ดน้ำพักไว้)
• ซอสปรุงรส 2-3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
• ผงกะหรี่ 1+1/2 ช้อนชา
• เนยสด หรือน้ำมันพืช (สำหรับผัด)
วิธีทำกะหรี่ปั๊บ
1. ทำแป้งชั้นในโดยร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำหลุมตรงกลางแป้ง ใส่น้ำมันพืชลงไปในหลุม ใช้ไม้พายคนตะล่อมจนแป้งจับตัวเป็นก้อน จากนั้นใช้มือนวดจนแป้งเนียน
2. ทำแป้งชั้นนอกโดยร่อนแป้ง 1 ครั้ง แล้วทำแป้งเป็นหลุมตรงกลาง
3. ผสมน้ำปูนใส น้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเย็นเข้าด้วยกัน คนผสมให้ละลาย เทลงไปในหลุมแป้ง ตามด้วยน้ำมันพืช นวดพอเข้ากัน
4. แบ่งแป้งทั้งสองเป็น 10 ก้อนขนาดเท่ากัน (สูตรนี้จะได้ 10 ก้อน แป้งใน 30 กรัม แป้งนอก 50 กรัม จะได้กะหรี่ปั๊บทั้งหมด 30 ตัว) แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่น ๆ แล้วนำไปหุ้มแป้งชั้นในให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วพักแป้งทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที นำแป้งที่พักแล้วมารีดเป็นแผ่นยาว ๆ โดยรีดขึ้น-ลงเท่านั้นแล้วม้วนแป้งให้แน่น
5. ทำไส้กะหรี่ปั๊บโดยใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อย พอเนยร้อนใส่หอมใหญ่ลงไปผัดให้เหลืองหอม ตามด้วยหอมแดง ผัดให้หอม ใส่เนื้อไก่ลงไปผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซอสปรุงรส เกลือป่น พริกไทยป่น และผงกะหรี่ ใส่มันต้มสุกลงไปผัดให้เข้ากัน ผัดจนให้ส่วนผสมแห้งดี ยกลงจากเตา ตักใส่จานพักไว้จนส่วนผสมแห้งสนิท
6. ห่อกะหรี่ปั๊บโดยนำแป้งที่ม้วนไว้ 1 ก้อน มารีดตามยาวให้ได้ความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว (**รีดขึ้น-ลงเท่านั้น ห้ามรีดไปด้านข้าง**) จากนั้นม้วนแป้งให้แน่น จับแป้งวางแนวตั้งแล้วรีดให้ได้ความยาวประมาณ 10-11 นิ้ว จากนั้นม้วนแป้งให้แน่น ตัดแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน พักแป้งประมาณ 10 นาทีแล้วรีดอีกครั้ง เอาด้านที่สวยคว่ำลง (ด้านที่โดนมีดหั่น) จับปลายแป้งมาแปะไว้ตรงกลาง) รีดแป้งออกเป็นแผ่นวงรี หนาประมาณ 1/8 นิ้ว ตักส่วนผสมไส้ใส่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จับริมแป้งแล้วพับทบเข้าหากัน บีบริมแป้งให้แน่น ๆ แล้วจับจีบให้สวยงาม ทำจนหมด เตรียมไว้
7. นำกะหรี่ปั๊บที่ห่อแล้วไปทอดในน้ำมันร้อน ๆ ใช้ไฟค่อนข้างอ่อน หมั่นพลิกไปพลิกมาเรื่อย ๆ จนขนมเป็นสีเหลืองสวย จากนั้นเร่งไฟแรงก่อนตักขึ้น (เคล็ดลับ : กะหรี่ปั๊บจะได้ไม่อมน้ำมัน) จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กะหรี่ปั๊บไส้ไก่ ของว่างกรอบอร่อยที่ต้องลองทำเองสักครั้ง
++++++++++++++++++
6. ขนมหม้อแกง
ภาพจาก : คุณ Phorn_Kitchen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ขนมหม้อแกงเผือก
• ไข่เป็ด 5 ฟอง
• หัวกะทิ 400 กรัม
• น้ำตาลโตนด 250 กรัม
• ใบเตย 5 ใบ
• เผือกนึ่ง 300 กรัม
• หอมแดงเจียวตามชอบ (สำหรับโรยหน้าขนม)
• น้ำมันหอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำขนมหม้อแกงเผือก
1. เจียวหอมแดงให้เหลืองพักไว้
2. ผสมไข่ หัวกะทิ น้ำตาลโตนด และใบเตย ขยำ ๆ ให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย พักไว้
3. บดเผือกนึ่งด้วยส้อมหรือที่บดให้ละเอียด นวดให้เข้ากัน
4. นำส่วนผสมไข่มากรองแล้วเทลงในชามเผือกบด ใส่น้ำมันหอมเจียว คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ตักใส่ถ้วย เปิดไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 20 นาทีหรือจนสุก โรยด้วยหอมเจียว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมหม้อแกงเผือก สูตรไร้แป้งอบร้อน ๆ หอมอร่อยหวานมัน
++++++++++++++++++
7. สังขยา
ส่วนผสม สังขยาไข่
• ไข่ไก่ 10 ฟอง
• น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
• หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง
วิธีทำสังขยาไข่
1. ผสมไข่ไก่ น้ำตาลปี๊บ และหัวกะทิให้เข้ากัน นำไปกรองผ่านตะแกรง เทใส่ภาชนะสำหรับนึ่ง
2. นึ่งสังขยานานประมาณ 15 นาทีหรือจนสุกยกลง พักไว้จนเย็น
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สังขยาไข่ หวานหอมกินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ
++++++++++++++++++
8. ขนมผิง
ภาพจาก : อาหารง่าย ๆ สไตล์ Rita
ปัดฝุ่นเตาอบรอเลย จะได้เอามาทำเมนูขนมผิง เคี้ยวกรอบละลายในปาก ใครจะอบควันเทียนเพิ่มหรือไม่ก็ตามชอบค่ะ
ส่วนผสม ขนมผิง
• แป้งมัน 500 กรัม
• กะทิ 250 กรัม
• น้ำตาลทรายขาว 250 กรัม
• ไข่แดงของไข่ไก่ 2 ฟอง
วิธีทำขนมผิง
1. ผสมกะทิกับน้ำตาลทราย คนให้ละลาย นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวให้เป็นยางมะตูม ยกลงพักไว้ให้อุ่น
2. พอกะทิอุ่น ใส่ไข่แดงลงไปผสมให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมแป้งลงไป (บางสูตรอาจจะมีการคั่วแป้งมันให้สุกก่อนแล้วพักไว้ ขนมจะกรอบมากกว่าไม่คั่ว) นวดให้เข้ากันจนแป้งเนียน พักไว้ 1 คืน เอาพลาสติกถนอมอาหารคลุมไว้
3. ตอนเช้าเอามานวดใหม่อีกครั้งแล้วค่อยปั้นเป็นก้อนกลม เรียงใส่ถาดที่ทาน้ำมัน
4. เอาเข้าอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 15 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง เอาออกมาพักให้เย็นแล้วเอาไปอบควันเทียน เสร็จแล้วก็เก็บใส่ภาชนะปิดมิดชิด
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมผิง ขนมไทยโบราณกรอบหอมอร่อยทำง่ายไม่ต้องซื้อ
++++++++++++++++++
9. สำปันนี
เกิดมาขอลองชิมสักครั้งกับเมนูสำปันนี จับแป้งไปคั่วเพิ่มความกรอบแล้วเติมสีสันตามชอบ สุดท้ายกดลงในพิมพ์สวย ๆ เพิ่มความฟรุ้งฟริ้ง
ส่วนผสม สำปันนี
• น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
• กะทิ 3 ถ้วย
• แป้งมัน 5 ถ้วย
• สีผสมอาหารตามชอบ
• แป้งนวล
วิธีทำสำปันนี
1. นำแป้งมาคั่วในกระทะด้วยไฟอ่อนจนสุก สังเกตจากแป้งจะลื่นไม่ติดกระทะ
2. ผสมน้ำตาลกับกะทิ นำไปตั้งไฟคนจนน้ำตาลละลาย ยกลงกรองจนเนียน เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟอ่อน เคี่ยวจนเป็นยางมะตูม ร่อนแป้งคั่วใส่ลงไป คนให้จับกันเป็นก้อน ยกขึ้นตั้งไฟใหม่ คนให้ละลายแล้วกวนเป็นก้อนกลมร่อน ใส่สีผสมอาหารลงไป คนจนเข้ากัน ยกลงทิ้งไว้จนอุ่น
3. โรยแป้งนวลบาง ๆ ลงในพิมพ์ ใส่ขนมลงไป กดจนแน่น เคาะออกจัดเสิร์ฟ
++++++++++++++++++
10. ขนมไข่เต่า ขนมไข่นกกระทา
ส่วนผสม ขนมไข่นกกระทา
• แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ หรือแป้งข้าวโพด 25 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
• มันเทศนึ่งบดละเอียด 350 กรัม
• น้ำปูนใสประมาณ 5 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำขนมไข่นกกระทา
2. ร่อนแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟู เข้าด้วยกัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
3. เทใส่ส่วนผสมแป้งลงไปในมันเทศบด (แบ่งใส่ 3 ครั้ง) นวดขยำจนเข้ากัน
4. ค่อย ๆ ใส่น้ำปูนใสลงไป นวดจนแป้งเนียนไม่ร่วน
5. ปั้นเป็นลูกกลม ๆ เตรรียมไว้
6. ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วนำไข่นกกระทาลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ๆ คนไปด้วยขนมจะได้ไม่ไหม้ พอทอดจนขนมเริ่มเหลืองฟูขึ้น ก็นำตะหลิวกดยีขนม เพื่อให้ขนมฟูขึ้นและกลวง พอพองเหลืองแล้วก็ต้องทอดต่อไปอีกสัก 5 นาที ตักขึ้นมาวางพักบนตะแกรง พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมไข่นกกระทา สูตรพองกรอบไม่เหี่ยวไม่แฟบอร่อยเคี้ยวเพลิน
คุณแม่ที่อยากให้ลูกมีกิจกรรมวันว่าง ขอนำเสนอเมนูลูกชุบ มาพร้อมวิธีทำถั่วกวน พอปั้นเป็นรูปตามชอบก็เอาไปจุ่มสีและทาสี พอแห้งก็เอาไปชุบน้ำวุ้น แค่นี้ก็เรียบร้อยจ้า
• ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำ 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
• สีผสมอาหารสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส้ม และสีม่วง (ใช้สีแดง 10 หยด + สีน้ำเงิน 2 หยด)
หมายเหตุ : สัดส่วนการผสมสีใช้น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ ต่อสี 10-15 หยด
• ถั่วเขียวเราะเปลือก 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 450 กรัม
• น้ำมันพืช หรือกะทิ 1 ถ้วยตวง
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
1. ล้างถั่วเขียวเราะเปลือกให้สะอาด ล้างหลาย ๆ รอบจนน้ำใส หลังจากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้อย่างต่ำ 5 ชั่วโมง หรือใครจะเอาไปแช่ตู้เย็นเลยก็ได้ หลังจากนั้นนำถั่วมาล้างอีกสักรอบแล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พอนึ่งเสร็จแล้วก็พักให้เย็น
2. นำถั่วที่เย็นแล้วมาปั่นกับน้ำพอประมาณ พอปั่นเสร็จหมดแล้วก็เทใส่หม้อทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน ใส่น้ำตาลทราย น้ำมันพืชหรือกะทิ และเกลือ คนให้พอเข้ากันแล้วนำไปตั้งไฟ กวนด้วยไฟอ่อนจนถั่วร่อนไม่ติดกระทะ พอกวนเสร็จก็พักไว้โดยใช้ผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ถั่วแห้ง
3. พอถั่วเย็นแล้วก็เอามาใส่ถุงแล้วนวดอีกครั้งเพื่อให้ถั่วเนียนและสีใสไม่ขุ่น ปั้นเป็นผลไม้หรือสัตว์ต่าง ๆ ตามชอบ
4. นำถั่วกวนไปจุ่มสี และทาสี แล้วพักให้สีแห้งสนิท
5. ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ 10 นาที พอครบเวลาก็นำมาต้มจนเดือด และผงวุ้นละลายหมด เติมน้ำตาลทรายลงไปต้มจนน้ำตาลทรายละลาย ปิดเตา พักพออุ่นหน่อยก่อนนำลูกชุบไปชุบ ไม่เช่นนั้นสีอาจจะหลุดเลอะเทอะ
6. พอน้ำวุ้นอุ่นลงบ้างแล้วก็นำลูกชุบไปชุบ ชุบเสร็จก็พักไว้ให้เซตตัวแล้วนำมาชุบซ้ำ 3-4 ครั้ง แล้วแต่ชอบความหนาบางของวุ้นเลย แต่ถ้าวุ้นในชามเริ่มแข็งก็นำไปอุ่นได้ ชุบเสร็จหมดแล้วก็พักจนเซตตัว ตกแต่งโดยการใส่ใบแก้ว หรือใบมะยม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลูกชุบ ขนมไทยสีคัลเลอร์ฟูลทำง่ายอร่อยได้ทุกวัย
ขนมทองพลุ ขนมไทยโบราณหากินยาก ถ้าทำเองได้กินแน่นอน วันนี้จะทำทั้งทองพลุไส้หวานที่จิ้มกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม และทองพลุไส้เค็ม ลองทำดูไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
• ไข่ไก่ 6 ฟอง
• น้ำลอยดอกมะลิ หรือน้ำเปล่า 2 ถ้วย
• เนยหรือมาร์การีน 4 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 2/4 ช้อนชา
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
• น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม
• หอมใหญ่
• แครอทต้ม
• ไก่ต้มหั่นเต๋า
• น้ำตาลทราย
• เกลือ
• ซอสปรุงรส
• พริกไทย
1. ใส่น้ำลอยดอกมะลิกับเนยลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟจนเดือด คนจนเนยละลาย
2. ร่อนแป้งกับเกลือเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วเทลงในน้ำเดือด คนเร็ว ๆ กวนจนแป้งสุก ปิดไฟ พอแป้งอุ่นตอกไข่ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน
3. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางใส่น้ำมันลงไป ใช้ช้อนตักขนมเป็นทรงกลมแล้วใช้นิ้วปาดลงไปในน้ำมัน ทอดจนขนมสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
4. จัดใส่ภาชนะ เสิร์ฟกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม ถ้าทำไส้เค็มก็นำส่วนผสมไส้เค็มทั้งหมดลงไปผัดจนสุก เสร็จแล้วใช้มีดผ่าตัวขนมให้มีช่องพอประมาณแล้วใส่ไส้ลงไป
มาต่อกันที่เมนูขนมทองโปร่งหรือขนมหน้านวล ทำจากไข่แดงและแป้ง เติมสีผสมอาหารสีเหลือง กัดลงไปข้างในเป็นโพรง รสชาติหวานหอม และหน้าเรียบเนียนสมชื่อ
• ไข่แดงของไข่ไก่ 8 ฟอง
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ร่อนแล้ว) 30 กรัม
• สีผสมอาหารสีเหลือง
1. ตีไข่แดงให้ขึ้นฟู ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนเข้ากัน ใส่สีผสมอาหารลงไป ตีจนเข้ากัน ใส่แป้งลงไป คนเบา ๆ จนเข้ากัน
2. ทาน้ำมันพืชลงพิมพ์ เอาไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 นาทีหรือจนพิมพ์ร้อน
3. ตักขนมใส่พิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจนสุก นำออกจากเตา รอให้ขนมเย็นจึงเอาออกจากพิมพ์
ขูดมะพร้าวรอไว้เลย จะได้เอามาทำเมนูขนมบ้าบิ่น จะใช้แต่แป้งข้าวเหนียวขาวเพียว ๆ หรือผสมแป้งข้าวเหนียวดำด้วยก็ได้ ตักหยอดเป็นชิ้นพอคำ กินอร่อยเพลินจริง ๆ เลยค่ะ
• แป้งข้าวเหนียวขาว 1 ถ้วย (หรือแป้งข้าวเหนียวดำผสมแป้งข้าวเหนียวขาวเล็กน้อย)
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (ปรับความหวานตามชอบ)
• กะทิสด 1/2 ถ้วย
• เกลือป่น เล็กน้อย
• เนื้อมะพร้าวอ่อน (ขูดเป็นชิ้นหยาบ ๆ) 2 ถ้วย
• น้ำมันพืช (สำหรับทากระทะ)
1. ผสมแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย กะทิ และเกลือป่นให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
2. ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน
3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง ทาน้ำมันพืชที่กระทะบาง ๆ ใช้ช้อนตักส่วนผสมขนมลงจี่ พอสุกให้กลับอีกด้านจนขนมสุกเหลืองสวย จัดใส่กระทงใบตอง พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มหอมอร่อย ทำง่ายด้วยกระทะเทฟลอน
จบไปแล้วสำหรับสูตรขนมไทยที่ดัดแปลงโดยท้าวทองกีบม้า เพื่อน ๆ อยากทำเมนูไหนจัดเลยนะคะ ส่วนตัวเราขอทำทองพลุเองสักครั้ง เดี๋ยวขอโทร. ชวนเพื่อนมาร่วมด้วยช่วยกันทอดก่อนนะคะ
6. ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วนำไข่นกกระทาลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ๆ คนไปด้วยขนมจะได้ไม่ไหม้ พอทอดจนขนมเริ่มเหลืองฟูขึ้น ก็นำตะหลิวกดยีขนม เพื่อให้ขนมฟูขึ้นและกลวง พอพองเหลืองแล้วก็ต้องทอดต่อไปอีกสัก 5 นาที ตักขึ้นมาวางพักบนตะแกรง พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมไข่นกกระทา สูตรพองกรอบไม่เหี่ยวไม่แฟบอร่อยเคี้ยวเพลิน
++++++++++++++++++
11. ลูกชุบ
ภาพจาก : ครัวป้ามารายห์
ส่วนผสม ลูกชุบ
• ผงวุ้น 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำ 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
• สีผสมอาหารสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส้ม และสีม่วง (ใช้สีแดง 10 หยด + สีน้ำเงิน 2 หยด)
หมายเหตุ : สัดส่วนการผสมสีใช้น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ ต่อสี 10-15 หยด
ส่วนผสม ถั่วกวน
• ถั่วเขียวเราะเปลือก 500 กรัม
• น้ำตาลทราย 450 กรัม
• น้ำมันพืช หรือกะทิ 1 ถ้วยตวง
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำลูกชุบ
1. ล้างถั่วเขียวเราะเปลือกให้สะอาด ล้างหลาย ๆ รอบจนน้ำใส หลังจากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้อย่างต่ำ 5 ชั่วโมง หรือใครจะเอาไปแช่ตู้เย็นเลยก็ได้ หลังจากนั้นนำถั่วมาล้างอีกสักรอบแล้วนำไปนึ่ง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พอนึ่งเสร็จแล้วก็พักให้เย็น
2. นำถั่วที่เย็นแล้วมาปั่นกับน้ำพอประมาณ พอปั่นเสร็จหมดแล้วก็เทใส่หม้อทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน ใส่น้ำตาลทราย น้ำมันพืชหรือกะทิ และเกลือ คนให้พอเข้ากันแล้วนำไปตั้งไฟ กวนด้วยไฟอ่อนจนถั่วร่อนไม่ติดกระทะ พอกวนเสร็จก็พักไว้โดยใช้ผ้าคลุมเพื่อไม่ให้ถั่วแห้ง
3. พอถั่วเย็นแล้วก็เอามาใส่ถุงแล้วนวดอีกครั้งเพื่อให้ถั่วเนียนและสีใสไม่ขุ่น ปั้นเป็นผลไม้หรือสัตว์ต่าง ๆ ตามชอบ
4. นำถั่วกวนไปจุ่มสี และทาสี แล้วพักให้สีแห้งสนิท
5. ผสมน้ำกับผงวุ้นพักไว้ 10 นาที พอครบเวลาก็นำมาต้มจนเดือด และผงวุ้นละลายหมด เติมน้ำตาลทรายลงไปต้มจนน้ำตาลทรายละลาย ปิดเตา พักพออุ่นหน่อยก่อนนำลูกชุบไปชุบ ไม่เช่นนั้นสีอาจจะหลุดเลอะเทอะ
6. พอน้ำวุ้นอุ่นลงบ้างแล้วก็นำลูกชุบไปชุบ ชุบเสร็จก็พักไว้ให้เซตตัวแล้วนำมาชุบซ้ำ 3-4 ครั้ง แล้วแต่ชอบความหนาบางของวุ้นเลย แต่ถ้าวุ้นในชามเริ่มแข็งก็นำไปอุ่นได้ ชุบเสร็จหมดแล้วก็พักจนเซตตัว ตกแต่งโดยการใส่ใบแก้ว หรือใบมะยม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลูกชุบ ขนมไทยสีคัลเลอร์ฟูลทำง่ายอร่อยได้ทุกวัย
++++++++++++++++++
12. ทองพลุ
ขนมทองพลุ ขนมไทยโบราณหากินยาก ถ้าทำเองได้กินแน่นอน วันนี้จะทำทั้งทองพลุไส้หวานที่จิ้มกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม และทองพลุไส้เค็ม ลองทำดูไม่ยากอย่างที่คิดนะคะ
ส่วนผสม ทองพลุ
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
• ไข่ไก่ 6 ฟอง
• น้ำลอยดอกมะลิ หรือน้ำเปล่า 2 ถ้วย
• เนยหรือมาร์การีน 4 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 2/4 ช้อนชา
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
• น้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม
ส่วนผสม ไส้เค็ม
• หอมใหญ่
• แครอทต้ม
• ไก่ต้มหั่นเต๋า
• น้ำตาลทราย
• เกลือ
• ซอสปรุงรส
• พริกไทย
วิธีทำทองพลุ
1. ใส่น้ำลอยดอกมะลิกับเนยลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟจนเดือด คนจนเนยละลาย
2. ร่อนแป้งกับเกลือเข้าด้วยกัน เสร็จแล้วเทลงในน้ำเดือด คนเร็ว ๆ กวนจนแป้งสุก ปิดไฟ พอแป้งอุ่นตอกไข่ใส่ลงไป คนให้เข้ากัน
3. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางใส่น้ำมันลงไป ใช้ช้อนตักขนมเป็นทรงกลมแล้วใช้นิ้วปาดลงไปในน้ำมัน ทอดจนขนมสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
4. จัดใส่ภาชนะ เสิร์ฟกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อม ถ้าทำไส้เค็มก็นำส่วนผสมไส้เค็มทั้งหมดลงไปผัดจนสุก เสร็จแล้วใช้มีดผ่าตัวขนมให้มีช่องพอประมาณแล้วใส่ไส้ลงไป
++++++++++++++++++
13. ขนมทองโปร่ง / ขนมหน้านวล
มาต่อกันที่เมนูขนมทองโปร่งหรือขนมหน้านวล ทำจากไข่แดงและแป้ง เติมสีผสมอาหารสีเหลือง กัดลงไปข้างในเป็นโพรง รสชาติหวานหอม และหน้าเรียบเนียนสมชื่อ
ส่วนผสม ขนมทองโปร่ง
• ไข่แดงของไข่ไก่ 8 ฟอง
• น้ำตาลทราย 200 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ร่อนแล้ว) 30 กรัม
• สีผสมอาหารสีเหลือง
วิธีทำขนมทองโปร่ง
1. ตีไข่แดงให้ขึ้นฟู ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีจนเข้ากัน ใส่สีผสมอาหารลงไป ตีจนเข้ากัน ใส่แป้งลงไป คนเบา ๆ จนเข้ากัน
2. ทาน้ำมันพืชลงพิมพ์ เอาไปอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 นาทีหรือจนพิมพ์ร้อน
3. ตักขนมใส่พิมพ์ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิประมาณ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจนสุก นำออกจากเตา รอให้ขนมเย็นจึงเอาออกจากพิมพ์
++++++++++++++++++
14. ขนมบ้าบิ่น
ขูดมะพร้าวรอไว้เลย จะได้เอามาทำเมนูขนมบ้าบิ่น จะใช้แต่แป้งข้าวเหนียวขาวเพียว ๆ หรือผสมแป้งข้าวเหนียวดำด้วยก็ได้ ตักหยอดเป็นชิ้นพอคำ กินอร่อยเพลินจริง ๆ เลยค่ะ
ส่วนผสม ขนมบ้าบิ่น
• แป้งข้าวเหนียวขาว 1 ถ้วย (หรือแป้งข้าวเหนียวดำผสมแป้งข้าวเหนียวขาวเล็กน้อย)
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (ปรับความหวานตามชอบ)
• กะทิสด 1/2 ถ้วย
• เกลือป่น เล็กน้อย
• เนื้อมะพร้าวอ่อน (ขูดเป็นชิ้นหยาบ ๆ) 2 ถ้วย
• น้ำมันพืช (สำหรับทากระทะ)
วิธีทำขนมบ้าบิ่น
1. ผสมแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย กะทิ และเกลือป่นให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลาย
2. ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไปคนผสมให้เข้ากัน
3. นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง ทาน้ำมันพืชที่กระทะบาง ๆ ใช้ช้อนตักส่วนผสมขนมลงจี่ พอสุกให้กลับอีกด้านจนขนมสุกเหลืองสวย จัดใส่กระทงใบตอง พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน เนื้อนุ่มหอมอร่อย ทำง่ายด้วยกระทะเทฟลอน
จบไปแล้วสำหรับสูตรขนมไทยที่ดัดแปลงโดยท้าวทองกีบม้า เพื่อน ๆ อยากทำเมนูไหนจัดเลยนะคะ ส่วนตัวเราขอทำทองพลุเองสักครั้ง เดี๋ยวขอโทร. ชวนเพื่อนมาร่วมด้วยช่วยกันทอดก่อนนะคะ