9 สูตรเค้กผัก อร่อยนุ่ม อิ่มเบา ๆ เอาใจสายสุขภาพ

     1. ผสมแป้งสาลี เกลือ ผงฟู เบกกิ้งโซดา และน้ำตาลทราย เข้าด้วยกัน พักไว้

     2. ปั่นผักโขมกับนมสดจนละเอียด ใส่ไข่ไก่ ปั่นต่อให้เข้ากัน เทลงในชามแป้ง ค่อย ๆ คนให้เข้ากันจนส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน แช่ไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาที

     3. ลวกแฮมแล้วผสมกับน้ำส้มสายชูหมัก น้ำผึ้ง เกลือ และพริกไทย เข้าด้วยกัน เตรียมไว้

     4. ตั้งกระทะเทฟลอนให้พอร้อน ทาด้วยน้ำมันบาง ๆ ตักส่วนผสมแป้งแพนเค้กใส่ ทอดจนด้านหนึ่งสุกแล้วกลับอีกด้าน ทอดให้สุก จัดใส่จาน

     5. เวลาเสิร์ฟวางแป้งแพนเค้ก ใส่แฮมปรุงรส วางแพนเค้กอีกแผ่น วางไข่ดาว ประกบด้านบนด้วยแป้งแพนเค้ก
 

     1. ปอกเปลือกแครอต หั่นฝอย พักไว้

     2. ผสมของแห้งเริ่มจากแป้งข้าวโอ๊ต แป้งโฮลวีต ผงฟู เบกกิ้งโซดา และผงอบเชย คนให้เข้ากัน พักไว้

     3. ตอกไข่ใส่ชามผสมอีกใบ ตามด้วยน้ำผึ้ง และเกลือป่น คนจนส่วนผสมเข้ากัน เติมนมสด ตามด้วยน้ำมันรำข้าวลงไป คนจนเข้ากัน

     4. นำส่วนของแห้งลงผสมคนจนเข้ากัน ตามด้วยแครอตซอยละเอียด คนจนเข้ากัน

     5. เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง นาน 25 นาที

     6. ผสมชอร์ตเทนนิ่งน้ำมันรำข้าวกับน้ำผึ้ง คนจนเข้ากันเป็นเนื้อเนียน

     7. รอขนมเย็นตัวลง ตักราดบนคัพเค้กโรยหน้าด้วยท็อปปิ้งตามชอบ
 

     1. ผสมไขไก่ ผงอบเชย โยเกิร์ต และน้ำตาลหญ้าหวาน ใส่แครอตสับละเอียด คนให้เข้ากัน ใส่เมล็ดเจียลงไปผสม

     2. ร่อนแป้งโฮลวีตและเบกกิ้งโซดารวมกัน ใส่ลงไป คนให้แป้งละลายเข้ากัน

     3. ตักใส่พิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 20 นาที หรือเอาไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมสุก

     4. ระหว่างอบทำน้ำราดโดยนำโยเกิร์ตที่เหลือใส่ชามผสม เติมน้ำตาลหญ้าหวาน คนให้เข้ากัน ตักราดบนขนมที่อบแล้วโรยหน้าด้วยธัญพืช แช่ตู้เย็นให้เซตตัวแล้วจัดเสิร์ฟ
 

     1. ปอกเปลือกมันฝรั่ง ล้างทำความสะอาดและนำมาหั่นเป็นชิ้น จากนั้นนำไปล้าง 2 รอบ หรือจนกว่าน้ำจะใส นำไปต้มประมาณ 20-30 นาที จนกระทั่งมันฝรั่งสุกดี ใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มเช็กความสุก ถ้านิ่มแสดงว่าสุกแล้ว

     2. เทน้ำร้อนทิ้ง และนำไปบดให้ละเอียดในขณะที่ยังร้อน ๆ อยู่ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายกับเกลือ ใส่แป้งข้าวเหนียว บดจนเนียน ใส่พริกไทยขาวป่น จากนั้นใช้อุ้งมือและหลังมือนวดให้ทุกอย่างเข้ากันดี

     3. ใช้ช้อนหรือสกู๊ปไอศกรีมตักเป็นก้อนขนาดตามต้องการ ทำการแผ่ ๆ แป้งออกเพื่อทำหลุมยัดไส้ชีส

     4. ใส่ชีสตรงกลางหลุมและใช้อุ้งมือขยุ้มปิดไส้ชีส พร้อมทั้งปิดตกแต่งและปั้นให้เป็นก้อนกลม ๆ

     5. ใส่น้ำมันสำหรับจี่ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ไฟกลางค่อย ๆ จี่แพนเค้กมันฝรั่งจนกระทั่งสุกดีทั้ง 2 ข้างและด้านข้างด้วย กินตอนร้อน ๆ ก็จะได้ชีสเยิ้ม ๆ แต่ถ้ากินตอนเย็นแล้วก็จะฟินไปอีกแบบ
 

     1. นำเนยอุณหภูมิห้องมาใส่โถ เราจะใช้เครื่อง Mixed ใครไม่มีใช้ตะกร้อมือแบบไฟฟ้าได้ ใส่น้ำตาลทราย (ขอเป็นน้ำตาลทรายละเอียดจะดีมาก) ตีเนยประมาณ 5 นาที พักไว้

     2. ร่อนแป้งเค้ก เบกกิ้งโซดา และผงฟู ใส่เกลือ คนให้เข้ากัน พักไว้

     3. นำบัตเตอร์มิลค์ น้ำเลมอน น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลา คนผสมรวมกัน ใส่ไข่ลงไป ตีส่วนผสมจนเข้ากัน ใส่ผิวเลมอน ตีต่อจนเข้ากัน จากนั้นให้ทยอยใส่แป้งสลับกับส่วนผสมของเหลวจนหมด แล้วตีต่อไปประมาณ 3-5 นาที

     4. ระหว่างรอให้เปิดเตาอบที่ 325 ฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 160-162 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์ที่จะอบ ใครมีพิมพ์กลมหรือพิมพ์เหลี่ยมก็ใช้ได้ แต่ขอให้ใช้อย่างน้อยพิมพ์ 2 ปอนด์ ทาเนยหรือสเปรย์แล้วนำผงแป้งอเนกประสงค์มาโรยให้ทั่ว ๆ แล้วเคาะแป้งออกให้แค่เคลือบตัวพิมพ์เท่านั้น ทำแบบนี้จะทำให้เมื่ออบเค้กสุก พอเย็นตัวแล้วจะแกะออกจากพิมพ์ได้ง่ายมากค่ะ เมื่อเค้กตีจนเนียนแล้วนำออกมาเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้เลย

     5. ก่อนเข้าเตาอบให้กระแทกพิมพ์ ประมาณ 2 ครั้ง หรือจะใช้ไม้พายปิดหน้าเค้กให้เรียบก่อนอบ

     6. นำเข้าอบประมาณ 1 ชั่วโมง ต้องระวังด้วย เตาแต่ละบ้านร้อนไม่เท่ากัน คอยหมั่นดูก็ดี วิธีเช็กว่าเค้กสุกหรือยัง ให้หาไม้แหลมจิ้มลงไป หากไม่มีของเหลวติดออกมาก็สุกใช้ได้

     7. พักเค้กจนเย็นแล้วค่อยมาคว่ำหน้าเค้ก หาจานที่ใหญ่กว่าเค้กมาปิดแล้วคว่ำ

     8. ทำน้ำเลมอนเกลซสำหรับราดหน้าขนมเค้ก นำน้ำตาลไอซิ่งใส่ในอ่างผสม เติมน้ำเลมอน ใส่เกลือนิดหน่อย คนให้เข้ากัน เทใส่ถุงบีบหรือจะใช้ช้อนตักราดก็ได้ (หากใครต้องการแบบที่หวานมันด้วยก็ให้ให้เพิ่มนม 3 ช้อนโต๊ะ และเนยละลาย 3 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน) จากนั้นก็นำมาราดลงบนตัวขนมเค้กให้ทั่ว
 

     1. เอาฟักทองมาปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด นำไปนึ่งให้สุก หลังจากนั้นนำมาบดพอหยาบ ๆ

     2. นำฟักทอง น้ำเปล่า และน้ำตาลทราย ใส่ลงชามผสม คนให้เข้ากัน

     3. ผสมแป้ง เบกกิ้งโซดา และผงฟู เข้าด้วยกัน ร่อนลงชามผสม ตะล่อมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่น้ำมันแล้วค่อย ๆ ตะล่อมให้เข้ากัน

     4. เทใส่พิมพ์โรยด้วยฟักทองหั่นเต๋า นึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 25-30 นาที หรือจนกว่าจะสุก พอสุกแล้วพักให้อุ่น หรือเสิร์ฟร้อน ๆ ก็ได้เช่นกัน
 

     1. ผสมไข่ไก่กับน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน

     2. เติมโยเกิร์ตรสธรรมชาติ น้ำมะนาว และน้ำมันรำข้าว คนให้เข้ากัน

     3. ร่อนแป้งและผงฟูลงไป ตะล่อมจนแป้งละลาย พักไว้ 15 นาที

     4. เมื่อพักแป้งครบเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์เบอร์ 2818 นึ่งไฟแรงหลังน้ำเดือด ประมาณ 10-12 นาที กรณีเตาที่ใช้ไฟแรงมากให้ใช้ไฟปานกลางในการนึ่ง เพิ่มเวลาตามขนาดพิมพ์ที่ใช้

     5. พิมพ์สำหรับอบแอนใช้พิมพ์มัฟฟิน ขนาด 6 ชิ้น อบไฟบน-ล่างที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20 นาที จากนั้นใช้ไฟล่างอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ต่ออีก 5 นาที
 

     1. ปั่นข้าวโพดดิบ ไข่ไก่ น้ำกะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น และกลิ่นวานิลลา จนเนียน

     2. ร่อนแป้ง ผงฟู และเบกกิ้งโซดา รวมกัน แบ่งแป้งประมาณ 3 รอบ ลงไปในส่วนผสมตัวเค้ก คนจนแป้งละลาย พักแป้งไว้ 30 นาที

     3. ทำไส้ขนมโดยผสมน้ำกะทิ น้ำตาลทราย แป้งกวนไส้ และข้าวโพดต้มสุก คนจนแป้งละลาย นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อนคนจนส่วนผสมหนืด ตักใส่ถ้วยพักไว้ให้เย็น

     4. เมื่อพักแป้งครบตามเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักใส่พิมพ์พร้อมไส้ขนม นึ่งไฟปานกลาง ใช้เวลานึ่งนาน 15-20 นาที หรือจนขนมสุก
 

     1. ทำไส้ขนมโดยเอามันม่วงนึ่งใส่เครื่องปั่น เติมน้ำตาลทรายและกะทิปั่นจนเนียน จากนั้นเทใส่กระทะก้นลึก

     2. เติมแป้งกวนไส้ คนจนแป้งละลายแล้วจึงนำขึ้นตั้งไฟใช้ไฟอ่อน คนตลอดเวลาจนข้นตามชอบ ตั้งทิ้งไว้ให้เย็นหรือนำเข้าตู้เย็นพักไว้

     3. ทำตัวขนมโดยปั่นมันม่วงนึ่งสุก ไข่ไก่ น้ำมันรำข้าว กะทิ น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเกลือป่น จนเนียน เทใส่อ่างผสมพักไว้

     4. ร่อนแป้งและผงฟูใส่อ่างผสมอีกใบ จากนั้นใส่ลงไปผสมกับส่วนผสมมันม่วงประมาณ 3 รอบ คนจนแป้งละลาย พักไว้ 30 นาที

     5. เมื่อพักแป้งครบตามเวลา คนไล่ฟองอากาศ ตักแป้งมันม่วงใส่พิมพ์คัพเค้กที่รองด้วยถ้วยกระดาษแล้วใส่ไส้ขนมตามลงไป และโปะด้วยแป้งมันม่วงด้านบน นำไปนึ่งหลังน้ำเดือด ประมาณ 20 นาที หรือจนขนมสุก โดยใช้ไฟแรงช่วงแรกประมาณ 7 นาที จากนั้นปรับเป็นไฟปานกลางถึงอ่อนนึ่งต่ออีก 13 นาที หรือจนขนมสุก