เลอค่า ! ชวนทำอาหารไทยโบราณ สูตรอาหารว่างหากินยาก หน้าตาคืองดงามประณีตอ่อนช้อย แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย เห็นทีวันหยุดต้องลองทำหน่อยแล้ว
1. หมูสร่ง
ชวนเด็ก ๆ มาทำอาหารว่างไทยโบราณสูตรนี้กัน พบกับเมนูหมูสร่ง สูตรจาก Phorn_Kitchen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ความพิเศษคือหมูสับก้อนกลมถูกพันด้วยเส้นหมี่ รสชาติจะอร่อยแค่ไหนต้องลองทำตามค่ะ
ส่วนผสม หมูสร่ง
• หมูสับ 500 กรัม
• หมี่ซั่ว 250 กรัม
• รากผักชี 10 กรัม
• พริกไทยเม็ด 10 กรัม
• กระเทียม 30 กรัม
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำหมูสร่ง
2. นำหมี่ซั่วแช่น้ำ ให้พอเส้นนุ่มแล้ว เทน้ำออกผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
3. เริ่มจากปั้นหมูสับให้เป็นก้อนพอดีคำ แล้วใช้เส้นหมี่ 4 เส้นค่อย ๆ พันให้รอบหมู เก็บปลายเส้นโดยหาช่องว่างแล้วกดปลายเส้นยัดเข้าไปเลย เมื่อพันเสร็จจะได้หน้าตาแบบนี้ แล้วจึงนำไปทอด
4. ตั้งน้ำมันใช้ไฟกลาง พอน้ำมันร้อนนำลงทอด ใช้น้ำมันท่วม ๆ ทอดจนหมูสุกเป็นสีเหลืองทอง ตักเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มไก่
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ หมูสร่ง อาหารว่างเอาใจพี่หมื่น พร้อมวิธีพันเส้นหมี่ให้ติดแน่นสวยงาม
++++++++++++++++++
2. ไก่สร่ง
ภาพจาก : คุณฟูม่อน สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไก่สร่ง
• สะโพกไก่สับ 1 ถ้วย
• สามเกลอ (กระเทียม พริกไทยเม็ด และรากผักชี โขลกรวมกัน) 1 ช้อนโต๊ะ
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
• เส้นหมี่ซั่วต้มสุก
• น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
• น้ำจิ้มไก่
วิธีทำไก่สร่ง
1. หมักไก่สับกับสามเกลอ แป้งข้าวโพด และซีอิ๊วขาว คลุกให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ 20 นาที
2. ปั้นไก่ที่หมักไว้เป็นก้อนกลมขนาดพอดีคำ เรียงใส่จานแล้วนำไปแช่ในช่องฟรีซ 15 นาที เพื่อให้เกาะตัวแข็งจับง่ายเวลาพันเส้น
3. นำเส้นหมี่ซั่วมาพันไก่ที่ปั้นไว้ ของเราจับรวบเรียงทีละ 3-4 เส้นแล้วพัน ก่อนทอดนำเข้าไปอุ่นในไมโครเวฟ 1 นาที เพื่อให้คงสภาพ ไม่เสียทรง เส้นหมี่ไม่หลุดจากก้อน
4. นำไปทอดในน้ำมันร้อน ปรับไฟปานกลางทอดจนเหลืองกรอบ กินคู่กับน้ำจิ้มไก่ ซอสพริก หรือน้ำจิ้มบ๊วย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำหมูสร่ง ไก่สร่ง อาหารว่างไทยโบราณตามรอยละครดัง
++++++++++++++++++
3. ล่าเตียง
ภาพจาก : คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ล่าเตียง
• กุ้ง
• หมูสับ
• กระเทียม
• รากผักชี
• พริกไทยเม็ด
• หอมแดง
• น้ำปลา
• น้ำตาลปี๊บ
• ถั่วลิสงคั่วป่น
• ไข่ไก่ 2-3 ฟอง (หรือไข่เป็ด)
• แป้งมัน 1 ช้อนชา
• พริกชี้ฟ้าแดง
• ผักชี
วิธีทำล่าเตียง
1. เด็ดหางกุ้งออก เอาไปสับละเอียดพอประมาณ ผสมกับหมูสับ เตรียมไว้
2. ใส่กระเทียม รากผักชี และพริกไทยเม็ดลงในครก โขลกรวมกันให้ละเอียด เสร็จแล้วเอาไปผัดในน้ำมันเล็กน้อย
3. ใส่หอมแดง กุ้ง และหมูลงผัดจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่น
4. ตีไข่ไก่ ใช้ส้อมตี ๆ ไม่ต้องให้ฟู เอาแค่พอเข้ากัน ใส่แป้งมัน 1 ช้อนชา เทไข่ใส่ถุงพลาสติก ตัดก้นถุงให้เป็นรูเล็ก ๆ บีบไข่เป็นเส้น ๆ ลงกระทะไฟร้อนปานกลาง ไม่ต้องรอให้เกรียม เดี๋ยวจะกรอบทำให้พับและห่อไม่ได้ ทำแบบนี้หลาย ๆ แผ่น หาผ้าหรือถุงพลาสติกมาคลุมไว้หน่อย เดี๋ยวจะแห้ง ใครจะใช้มือก็ได้ เอามือจุ่มไข่แล้วกวาดไปมาก็ได้
5. หั่นพริกแดงเป็นเส้นวางลงตรงกลาง เด็ดผักชีใส่ไปหน่อย ตักไส้สัก 1 ช้อนกินข้าว วางทับลงไป ห่อเป็นชิ้นให้สวยงาม
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ล่าเตียง อาหารว่างไทยงามล้ำตำรับกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
++++++++++++++++++
4. กระทงทอง
ภาพจาก : คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม กระทง
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 65 กรัม
• แป้งข้าวเจ้า 75 กรัม
• เกลือป่นเล็กน้อย
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• ไข่แดง 1 ฟอง
• น้ำปูนใส 85 มิลลิลิตร
• น้ำเปล่า 85 มิลลิลิตร
ส่วนผสม ไส้ขนมกระทงทอง
• หอมแดงสับ
• น้ำมันพืชเล็กน้อย
• หมูสับ
• ข้าวโพดต้ม ฝานเป็นเม็ด
• มะพร้าวขาวขูด (ที่ยังไม่ได้คั้น) 2 ทัพพี
• น้ำตาลปี๊บ
• น้ำปลา
• น้ำตาลทราย
• สับปะรดสับ
• พริกชี้ฟ้าแดงซอย
• ผักชี
• พิมพ์สำหรับทำกระทงทอง
วิธีทำกระทงทอง
2. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งข้าวเจ้า เกลือเล็กน้อย น้ำตาลทราย และไข่แดงลงในอ่างผสม
3. ผสมน้ำเปล่ากับน้ำปูนใสเข้าด้วยกัน จากนั้นค่อย ๆ เทลงในส่วนผสมแป้ง คนผสมให้เข้ากันจนแป้งเนียนและเหนียว พักไว้ หากยังไม่เหนียวให้เพิ่มแป้งข้าวเจ้าลงไปอีกเล็กน้อยได้ ให้ความข้นลักษณะคล้ายกาวลาเท็กซ์
4. ผัดหอมแดงสับกับน้ำมันพืชเล็กน้อยพอหอม ใส่หมูสับ ข้าวโพด และมะพร้าวขูดลงไปผัด
5. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ (ใส่ลงไปประมาณค่อนทัพพี) น้ำปลา และพริกไทยเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน
6. ใส่สับปะรดสับลงไปผัด (สับปะรดควรหาเอาแบบเปรี้ยว ๆ ก็จะดี) ผัดจนแห้ง ตักใส่ภาชนะแล้วนำไปแช่ตู้เย็นสักครู่
7. ใส่น้ำมันลงในหม้อหรือกระทะสำหรับทอด จากนั้นนำพิมพ์ขนมใส่ลงไปอุ่นในน้ำมันพืชจนร้อน นำพิมพ์ขนมขึ้นมาซับน้ำมันบนกระดาษทิชชู จุ่มก้นพิมพ์ขนม (ที่ซับน้ำมันออกแล้ว) ลงในส่วนผสมแป้งจนเกือบมิดพิมพ์ (ต้องดูด้วยว่าแป้งติดก้นพิมพ์ไหม หากไม่ติดหรือติดมาน้อยแสดงว่าแป้งยังไม่เหนียวพอ ให้เพิ่มแป้งข้าวเจ้าอีกจนส่วนผสมข้นเหนียวและติดพิมพ์) จากนั้นรีบจุ่มพิมพ์ลงน้ำมันทันที (เพราะหากชักช้าแป้งก็จะหลุดลงไปเรื่อย ๆ ทำให้ไม่เป็นรูปทรงกระทง)
8. ทอดจนแป้งเหลืองสวย ยกขึ้นจากน้ำมัน แกะออกจากพิมพ์ (หากแซะออกจากพิมพ์ยาก ลองใช้ไม้จิ้มฟันเข้าช่วยแซะ ก็จะหลุดออก) ซับน้ำมัน พักทิ้งไว้ให้เย็น (**แป้งสูตรนี้ใช้แป้งข้าวเจ้าเยอะก็เลยกรอบทนกรอบนาน**)
9. ตักไส้ใส่กระทง โรยพริกชี้ฟ้าแดง สับปะรดเปรี้ยว และผักชี พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กระทงทอง ของกินเล่นน่ารัก ๆ อาหารว่าง พอดีคำ
++++++++++++++++++
5. ช่อม่วง
และแล้วก็ถึงเมนูอาหารว่างไทยโบราณที่รอคอยนั่นคือ ช่อม่วง มีทั้งวิธีทำแป้งขนมช่อม่วงและไส้ช่อม่วง รวมถึงวิธีทำดอกช่อม่วงขั้นเทพ ไปหาซื้อแหนบทองเหลืองรอเลยค่ะ
ส่วนผสม ไส้ช่อม่วง
• น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
• หมูสามชั้นต้มสุก 1/4 ถ้วย (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
• ฟักเชื่อมแห้ง 150 กรัม (หั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ)
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• งาขาวคั่ว 50 กรัม
• ถั่วลิสงคั่ว 50 กรัม
ส่วนผสม แป้งช่อม่วง
• แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
• ดอกอัญชัน 10 ดอก
• แป้งมันสำปะหลัง เล็กน้อย (สำหรับทาแหนบตอนจับจีบขนม)
• ผักกาดหอม สำหรับเสิร์ฟ
• กระเทียมเจียว (โรยหน้า)
• พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
อุปกรณ์
• กระทะทองเหลือง
• แหนบทองเหลืองสำหรับจับจีบ
• ชุดนึ่ง
วิธีทำไส้ขนมช่อม่วง
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป เอาหมูสามชั้นที่หั่นไว้ลงไปผัด ใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำมันหมูออกมาและหมูเริ่มสุกสีเหลือง
2. ใส่ฟักเชื่อมลงไปผัดใช้ไฟอ่อน ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ใส่งาขาวและถั่วลิสงลงไป ผัดให้เข้ากันดีจนแห้ง ตักใส่ชาม เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมช่อม่วง
1. ร่อนแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน 2-3 รอบจนเนียนละเอียด
2. ใส่น้ำมันพืชลงไป ค่อย ๆ เติมน้ำเปล่าและน้ำดอกมะลิลงไปจนหมด ใช้มือขยำคนนวดส่วนผสมแป้งให้ละเอียดเข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กัน
3. คั้นน้ำดอกอัญชันแล้วบีบน้ำมะนาวลงไป เทใส่ลงในส่วนผสมแป้ง 1 ถ้วยคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ใส่ส่วนผสมแป้งลงในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใช้ไม้พายกวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมร่อนจากกระทะ ประมาณ 5-10 นาที ตักใส่ภาชนะ พักไว้จนแป้งเริ่มอุ่น
5. โรยแป้งนวลลงไปเล็กน้อยแล้วลงมือนวดแป้งให้เนียนแล้วคลุมด้วยผ้าขาวบางหมาด ๆ เพื่อไม่ให้แป้งแห้ง
วิธีทำดอกช่อม่วง
1. เริ่มทำดอกช่อม่วงโดยปั้นแป้งให้เป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 3/4 นิ้ว แล้วแผ่แป้งให้เป็นแผ่นบาง ๆ กะพอให้หุ้มไส้ได้จนมิด ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่ลงไปแล้วห่อจากมุมเข้าหากัน จากนั้นใช้มือคลึงให้แป้งหุ้มไส้จนมิด ทำจนหมด เตรียมไว้
2. เริ่มทำจีบโดยเอาทาแป้งข้าวเจ้าที่ปลายแหนบทองเหลืองเล็กน้อย เริ่มจับจีบชั้นที่ 1 โดยจับจากกึ่งกลางของขนม จับจีบวนไปเรื่อย ๆ จนครบรอบ (อย่าจับจีบให้ติดกันมาก)
3. เริ่มชั้นที่ 2 โดยจับจีบให้เอียงจากชั้นแรกเล็กน้อย (ประมาณ 45 องศา) และสับหว่างกันกับชั้นแรก จับจีบจนครบรอบ
4. เริ่มจับจีบชั้นที่ 3 ประมาณ 2-3 จีบและสับหว่างกันกับกลีบชั้นที่ 2
5. นำไปเรียงบนใบตองที่ทาน้ำมันแล้วในชุดนึ่ง โดยวางเรียงห่างกันเล็กน้อยเวลาสุกจะได้ไม่ติดกัน
6. ตั้งชุดนึ่งใช้ไฟแรง รอจนน้ำเดือดจัดจึงนำขนมไปนึ่งนานประมาณ 5 นาที
7. พอสุกแล้วนำช้อนจุ่มน้ำมันพืชตักช่อม่วงใส่จาน เสิร์ฟคู่กับผักกาดหอม และพริกขี้หนูสวน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมช่อม่วง อาหารว่างไทยแท้ ดอกไม้สีม่วงงดงามเลอค่าน่าลิ้มลอง
++++++++++++++++++
6. ช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง
ภาพจาก : คุณคุ้มข้าวกล้อง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ขนมช่อมะลิซ้อน
• แป้งข้าวเจ้า
• แป้งเท้ายายม่อม
• แป้งมัน
• กุ้งสับ
• หอมใหญ่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย
• น้ำกะทิ
• น้ำมันพืช
• น้ำลอยดอกมะลิ
• เครื่องปรุงรส
วิธีทำขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง
1. เริ่มจากนำแป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ และแป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วอบควันเทียนเอาไว้ โดยจุดเทียนอบให้ไฟลุกละลายถึงเนื้อเทียนแล้วค่อยดับไฟ ปิดฝาให้ควันกรุ่นอยู่ในหม้อ พอควันหมดก็จุดใหม่ ทำซ้ำเช่นนี้สัก 2-3 รอบ
2. ระหว่างที่รออบควันเทียน ก็มานั่งแกะกุ้งกันดีกว่าค่ะ โดยรีดมันกุ้งเก็บไว้ด้วย จากนั้นก็นำกุ้งไปสับ แล้วใส่มันกุ้งที่รีดไว้ลงไปสับผสมด้วยกัน
3. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย เตรียมไว้ให้เรียบร้อย
4. ตั้งกระทะไว้ ใส่น้ำมันนิดหน่อยพอให้เคลือบกระทะ นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ที่โขลกไว้แล้วลงไปผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่สับลงไป ผัดจนสุกใส
5. จากนั้นก็ถึงคิวที่จะใส่กุ้งสับลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ๊วขาว พริกไทย ให้มีรสเค็มกว่าปกตินิดหน่อย เพื่อที่กินกับแป้งจะได้อร่อยพอดีกัน ผัดจนส่วนผสมแห้งเล็กน้อย พอปั้นหรือจับตัวเป็นก้อนได้ พักส่วนผสมไว้
6. เตรียมแป้งห่อไส้โดยนำแป้งที่อบควันเทียนไว้เรียบร้อยแล้วถ่ายลงมาใส่ในภาชนะที่สามารถใช้ผสมน้ำได้
7. นำน้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย (หรือจะใช้ดอกชมนาด หรือกระดังงาลนไฟก็ได้ค่ะ) ผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ รอให้ละลายเข้ากันจะได้น้ำแป้งสีขาวข้น จากนั้นก็นำน้ำแป้งมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปกวนกับไฟอ่อน ๆ ค่ะ (เทใส่กระทะทอง หรือหม้อเคลือบกวนก็ได้)
8. กวนน้ำแป้งด้วยไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มแห้ง และล่อนออกจากหม้อเอง จากนั้นก็นำออกมานวดต่ออีกสักพัก เมื่อได้แป้งพร้อมแล้ว ก็ให้แบ่งแป้งเป็นลูกกลมขนาดเท่ากัน (เตรียมอ่างใส่น้ำไว้ล้างมือ กับผ้าเช็ดมือวางไว้ใกล้ ๆ ตัวด้วย)
9. แผ่ก้อนแป้งกลม ๆ เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วใช้มือคลึงให้เป็นรูปหม้อขึ้นมา ตักไส้กุ้งที่เตรียมไว้ใส่ตรงกลางแป้ง (กะให้พอดีอย่าให้ไส้มากเกิน เดี๋ยวไส้จะแตกได้) แล้วห่อให้มิดไส้ คลึงไว้ให้เป็นลูกกลม ๆ ใช้แหนบทองเหลืองหัวแบนจีบรอบ ๆ ขนม เพื่อที่จะทำให้เป็นรูปดอกมะลิ โดยจับจีบวน ๆ ไปให้เป็นดอกขึ้นมา (จะจีบจากด้านล่างหรือด้านบนก็ได้ตามถนัด)
10. จากนั้นก็เตรียมนำขนมไปนึ่ง โดยทาน้ำมันที่ขนมสักเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะ แล้วนำไปนึ่งโดยใช้ไฟแรง นึ่งประมาณไม่เกิน 10 นาที (หากทิ้งไว้นานกว่านี้ขนมอาจจะเละได้) พอขนมเริ่มสุกนิ่มและใสขึ้นมาแล้วก็ยกลง แล้วจัดใส่จาน ราดกะทิ โรยกระเทียมเจียว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมช่อมะลิซ้อนไส้กุ้ง เมนูเด็ดบอกรักคุณแม่
++++++++++++++++++
7. ขนมจีบนกไทย
ภาพจาก : คุณหอมกาแฟ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ไส้ขนมจีบ
• รากผักชี 4-5 ราก
• กระเทียม 3 กลีบ
• พริกไทย (ตามชอบ)
• หอมใหญ่ (ขนาดกลาง) สับละเอียด 1 หัว
• เนื้อกุ้งสับละเอียด 400-500 กรัม
• น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1 ช้อนชา
• ถั่วลิสงคั่วบดหยาบ
ส่วนผสม แป้งขนมจีบ
• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
• หัวกะทิ 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลังสำหรับโรย
• สีผสมอาหารสีเหลือง, สีชมพู, สีฟ้า และสีม่วง
• แครอต
• งาดำ
• น้ำมันกระเทียมเจียว
• ผักกาดหอม
• ผักชี
• พริกชี้ฟ้าแดง
วิธีทำไส้ขนมจีบ
1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันพืชลงไปเล็กน้อย พอร้อนใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ใส่หอมใหญ่สับลงไปผัดจนนิ่ม ใส่เนื้อกุ้งสับลงไปผัดให้สุกเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ตามด้วยน้ำตาลทราย และเกลือ
3. ผัดผสมให้เข้ากันจนเริ่มงวด ใส่ถั่วลิสงคั่วบดลงไป ผัดให้เข้ากันจนแห้งจนสามารถปั้นเป็นก้อนได้ ตักใส่จาน พักทิ้งไว้จนเย็น
4. หั่นแครอตเป็นสามเหลี่ยมสำหรับทำเป็นปากนก และเตรียมงาดำสำหรับทำเป็นตาเอาไว้
5. พอส่วนผสมไส้เย็นแล้ว นำมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดพอดีคำ เตรียมไว้
วิธีทำแป้งขนมจีบ
1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกันในอ่างผสม ใส่หัวกะทิลงไปนวดผสมด้วยมือ เติมน้ำเปล่าลงไปนวดจนแป้งละลายและไม่เป็นเม็ด
2. เทกรองผ่านผ้าขาวบางแล้วเทลงกวนในกระทะทองใช้ไฟอ่อน กวนจนแป้งล่อนออกจากกระทะ นำมานวดโดยโรยแป้งมันสำปะหลังลงไปเล็กน้อยเพื่อกันติดด้วย ใช้ตัวช่วยนวดแป้งป้องกันมือพอง พอแป้งอุ่นแล้วก็ใช้มือนวดแป้งตามปกติ
3. แบ่งส่วนผสมแป้งเป็น 4 ส่วนแล้วนวดผสมกับสีผสมอาหารทั้ง 4 สี (ผสมสีกับแป้งนิดเดียวพอ สีจะได้ออกมาแบบธรรมชาติ ห่อแป้งแต่ละสีด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นตัดแป้งแต่ละสีเป็นก้อน ๆ ขนาดให้ใหญ่กว่าไส้นิดหนึ่ง
4. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม ๆ แล้วขึ้นรูปให้คล้ายผลชมพู่ กดก้นให้เป็นเบ้าลึก (พอให้ใส่ไส้ได้) นำไส้ใส่ลงไปในหลุมแป้งแล้วห่อปิดแป้งให้มิด จากนั้นทำรูปร่างให้เป็นนก ใส่ปากทำจากแครอต ติดตาจากงาดำ เตรียมไว้
5. ใช้แหนบบีบเพื่อทำจีบที่ตัวขนมให้มีลักษณะคล้ายปีกนกให้สวยงาม ใส่ขนมจีบลงในชุดนึ่งที่รองใบตองไว้ พรมน้ำลงไป จากนั้นปิดฝานึ่งด้วยไฟแรง นาน 5 นาที
6. เมื่อครบ 5 นาทีให้พรมน้ำอีกครั้ง จากนั้นทาน้ำมันกระเทียมเจียวให้ทั่วขนม จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม ผักชี และพริกชี้ฟ้าแดง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมจีบนกไทย อาหารว่างไทยโบราณหากินยาก
++++++++++++++++++
8. ขนมช่อผกากรอง
ภาพจาก : คุณ Poppy farm สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม แป้งขนมช่อผกากรอง
• แป้งเค้ก 1+1/2 ถ้วย
• กะทิ 250 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
• สีผสมอาหารตามชอบ
ส่วนผสม ไส้มันหวาน
• มันหวานญี่ปุ่น 180 กรัม
• กะทิ 150 มิลลิลิตร
• น้ำตาลทราย 40 กรัม
วิธีทำขนมช่อผกากรอง
1. ทำแป้งกันก่อนเลยค่ะ โดยผสมแป้งเค้ก กะทิ และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน เอาขึ้นตั้งไฟ กวนแป้งด้วยไฟอ่อนจนมีลักษณะเหนียวข้น ไม่ติดไม้พายและไม่ติดกระทะก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ พักไว้ให้แป้งเย็น
2. ทำไส้มันหวาน โดยบดมันหวานให้ละเอียด นำไปกวนด้วยไฟอ่อนกับกะทิ ค่อย ๆ ใส่น้ำตาลทรายแล้วกวนจนไส้ไม่ติดพายก็ใช้ได้ พักไว้ให้เย็น
3. นำแป้งมานวดให้เนียนอีกครั้ง แล้วแบ่งส่วนตามจำนวนสีที่ต้องการทำ ใส่สีผสมอาหารแล้วนวดให้เนียน
4. นำไส้มันหวานที่พักจนเย็นแล้ว มาปั้นเป็นทรงกลม
5. นำแป้งมาคลึงและกดให้แบนเป็นแผ่น แล้วนำไส้มันหวานมาห่อให้เรียบร้อย แล้วคลึงจัดทรงของขนมให้สวยงาม
6. ค่อย ๆ จับจีบกลีบขนมเบา ๆ ด้วยแหนบช่อม่วง ระวังกลีบขาด อย่ากดแหนบแรงเกินไป ทำจนครบรอบ แล้วขึ้นแถวใหม่ โดยให้จีบกลีบสับระหว่างกลีบของแถวแรก จะได้สวยงาม ทำไปประมาณ 3-4 ชั้น ให้ครบทั้งดอก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมช่อผกากรองไส้มันหวาน สูตรขนมหวานงามล้ำอย่างไทย
++++++++++++++++++
9. เมี่ยงกลีบบัว (เมี่ยงคำกลีบบัว)
ภาพจาก : คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม เมี่ยงคำกลีบบัว
• กลีบบัวหลวง
• ขิง
• หอมแดง
• มะนาวหั่นชิ้นเล็ก
• ถั่วลิสงคั่ว
• กุ้งแห้ง
• พริกขี้หนูสวน
ส่วนผสม น้ำจิ้มเมี่ยงคำ
• น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
• น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย
• กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
• รากผักชี 1 ช้อนชา
• ข่าคั่วโขลก 1 ช้อนชา
วิธีทำน้ำจิ้มเมี่ยงคำ
• นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในหม้อแล้วเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนเข้มข้น
เคล็ดลับ : วิธีการเคี่ยวน้ำตาลปี๊บให้เข้มข้นแบบไม่เปลืองแก๊ส คือให้เปิดไฟแรง ๆ แล้วใช้ทัพพีคนน้ำตาลให้เดือดขึ้น ๆ ลง ๆ แบบเร่งไฟ-ลดไฟไปเรื่อย ๆ แป๊บเดียวก็ได้น้ำตาลปี๊บแบบเหนียวเข้มข้นโดยไม่ต้องเคี่ยวนานเป็นชั่วโมง และที่สำคัญไม่เปลืองแก๊สด้วย
วิธีทำเมี่ยงคำกลีบบัว
1. เตรียมเครื่องเคียงให้พร้อม ได้แก่ ขิง หอมแดง มะนาว ถั่วลิสงคั่ว กุ้งแห้ง และพริกขี้หนูสวน
2. นำกลีบบัวหลวงไปล้างทำความสะอาด โดยเอาน้ำสะอาดใส่กะละมัง ใส่เกลือป่นไปสัก 1 ช้อนชา แล้วล้างทีละกลีบ ล้างเสร็จแล้วสะบัดน้ำออกให้หมด หรือใส่กระชอนแล้วแกว่ง ๆ ให้สะเด็ดน้ำ
3. หั่นเครื่องเคียงให้เรียบร้อย จัดน้ำจิ้มเมี่ยงคำใส่ถ้วยแก้ว และจัดวางเมี่ยงกลีบบัวบนช้อนกระเบื้อง
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เมี่ยงกลีบบัว ของว่างจากเมนูเมี่ยงคำแสนสวยชวนหลงใหล
อยากชวนเพื่อน ๆ มาทำอาหารว่างไทยโบราณ ทุกเมนูแม้ต้องใช้ความพิถีพิถันหน่อย แต่เชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นค่ะ และเพื่อเป็นการอนุรักษ์และสานต่อวัฒนธรรมอาหารที่ดีงามของไทยสืบต่อไปด้วย