ฝนเอยฝนมา... ได้เวลาหน้าฝนอันเปียกปอนมาเยือนแล้ว ไม่ใช่แค่ความชุ่มฉ่ำเท่านั้นนะ รับรองว่าโรคเพียบ ! ใครที่ไม่อยากป่วยหน้าฝนก็ลองมาดู 8 เมนูอาหารจานเด็ดต้อนรับหน้าฝน รับมือให้พร้อมจะได้ไม่ป่วย แถมอร่อยด้วย
ถ้าอากาศจะเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกแบบนี้ มีหวังร่างกายคงจะต้านทานไม่ไหว ปรับตัวไม่ทันเอาได้ง่าย ๆ ยิ่งคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำก็คงต้องดูแลร่างกายกันให้มากหน่อย เพราะโรคที่มากับฝนนั้นเยอะเหลือเกิน วันนี้กระปุกดอทคอมมี 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพต้านโรคในช่วงหน้าฝนมาแนะนำ ซึ่งในแต่ละเมนูมีทีเด็ดที่สามารถช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายอยู่ในอุณหภูมิที่ปกติและคงที่ และนอกจากจะช่วยดูแลรักษาและบำรุงสุขภาพทางกายได้แล้ว ยังจะพบกับความอร่อยที่แฝงมากับเมนูเหล่านี้อีกด้วย
1. แกงเลียง
ภาพและสูตรจาก คุณปูขาเก เซมารู
ถ้าอากาศจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตกทุกวันแบบนี้ ยังไงเสียก็คงหนีอาการเป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหล ไม่พ้นแน่นอน ถ้าขึ้นชื่อว่าเมนูอาหารแก้หวัดก็ต้องนึกถึงเมนูแกงเลียงเป็นอันดับแรก ๆ ตักซดร้อน ๆ จมูกโล่งโปร่งสบายดีนักแล ทีเด็ดก็อยู่ตรงที่ความเผ็ดร้อนจากเครื่องแกงที่จัดมาทั้งกระชาย พริกไทยดำ และหอมแดง และผักที่ใส่ลงไปในแกงเลียงนี่แหละ เขาว่ากันว่าช่วยแก้หวัดชะงัดนัก
ส่วนผสม แกงเลียง
• พริกไทยดำ 1 1/2 ช้อนชา
• กระชาย 1-2 แง่ง
• หอมแดง 3-4 หัว
• กะปิ 1 ช้อนชา
• กุ้งแห้งป่นละเอียด 1/3 ถ้วย
• น้ำซุปไก่ 3 ถ้วย
• บวบ หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
• ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 200 กรัม
• ซูกินี หั่นเป็นชิ้นพอคำ 150 กรัม
• ข้าวโพดอ่อน หั่นสไลซ์ 150 กรัม
• เห็ดกระดุม 150 กรัม
• กุ้งสด 200 กรัม
• ใบแมงลัก 80 กรัม
• น้ำปลา (ปรุงรส)
วิธีทำแกงเลียง
1. เตรียมเครื่องแกงก่อน โดยโขลกพริกไทยกับกระชายแล้วใส่หอมแดงลงไปโขลกให้ละเอียด ตามด้วยกะปิ โขลกรวมกัน จากนั้นจึงใส่กุ้งแห้งป่นลงไปโขลกรวมกันอีกครั้งให้ละเอียดเป็นอันเรียบร้อย
2. ใส่น้ำซุปไก่ลงในหม้อ ต้มให้เดือดแล้วใส่เครื่องแกงลงไป
3. พอน้ำแกงเดือดก็ใส่ผักที่สุกยากลงไปก่อน ต้มพอเดือดอีกครั้งจึงใส่ผักที่เหลืออื่น ๆ ลงไป (จริง ๆ ขึ้นอยู่กับการหั่นด้วยนะคะ อย่างฟักทองนี้แม่ปูหั่นชิ้นเล็กก็จะสุกไวค่ะ) พอน้ำเดือดปุ๊บก็ใส่บวบ ฟักทองอ่อน ซูกินีและเห็ดลงไป
4. พอน้ำแกงเดือดอีกครั้งก็ใส่กุ้งสดลงไป ปรุงรสด้วยน้ำปลาตามชอบ ชิมรส
5. พอส่วนผสมเดือดอีกครั้งก็ใส่เสน่ห์ของแกงเลียงลงไป คือใบแมงลักนั่นเอง
6. ตักเสิร์ฟร้อน ๆ ซดน้ำให้ชุ่มคอชื่นใจ หวัดหายสบายดี
++++++++++++++++++
2. แกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา
ภาพและสูตรจาก คุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ถ้ารู้สึกว่าเริ่มจะเป็นหวัดลงคอแล้ว มีอาการระคายเคืองที่คอ จะกลืนจะกินอะไรก็ค่อนข้างลำบาก แต่จะให้กินโจ๊กจนกว่าจะหายไข้ก็คงขาดสารอาหาร ลองมาดูเมนูแกงจืดรสชาติเบา ๆ ไว้ซดร้อน ๆ ให้ร่างกายได้อบอุ่นกันหน่อย กับเมนูแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา ถึงจะชื่อว่าแกงจืด แต่รสชาติไม่จืดชืดแน่นอน แถมยังเป็นเมนูที่กินง่าย ๆ เพราะเป็นเต้าหู้และเนื้อปลานุ่ม ๆ คนที่กำลังเป็นหวัดลงคอก็สามารถกินได้
ส่วนผสม แกงจืดเต้าหู้
• เต้าหู้ขาวแบบนิ่ม
• กระเทียม
• พริกไทย
• รากผักชี
• เนื้อปลาอินทรีบด (หรือเนื้อปลากรายบด)
• แตงกวา (หรือมะระสด) คว้านเม็ดออก
• เห็ดหอมสับ
• น้ำเปล่า
• ผงซุปไก่
• กระเทียมเจียว
• ผักชี-ต้นหอม
• พริกไทยป่น
1. หั่นแบ่งเต้าหู้ขาวเป็น 4 ชิ้น แล้วผ่าครึ่งเพื่อให้สอดไส้เข้าไปได้ หั่นต้นหอมและผักชีเป็นท่อน ๆ พักไว้
2. โขลกสามเกลอ กระเทียม พริกไทย และรากผักชี ให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเนื้อปลา
3. นำเนื้อปลาที่ปรุงรสแล้วยัดไส้ไปในเต้าหู้และแตงกวา
4. นำน้ำใส่หม้อ ตั้งไฟให้เดือด ใส่ผงซุปไก่ลงไป (อาจใส่เห็ดหอมหั่นลงต้มไปด้วย เพื่อให้ได้กลิ่น)
5. เมื่อน้ำเดือดจัดใส่เต้าหู้และแตงกวายัดไส้ลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว (หรือน้ำปลา, เกลือป่น)
6. ถ้าเต้าหู้และแตงกวาลอยขึ้นมาแสดงว่าสุกดีแล้ว ก่อนปิดไฟให้แบ่งใส่ต้นหอมและผักชีบางส่วนลงไป ก่อนเสิร์ฟ โรยต้นหอม ผักชี และพริกไทย ใส่กระเทียมเจียว
++++++++++++++++++++
3. ซุปขิง
ภาพและสูตรจาก นิตยสาร Health & Cuisine
หรือถ้ายังรู้สึกว่าจมูกโล่งไม่พอ คงต้องเจอซุปขิงถ้วยนี้เลย ได้ความเผ็ดร้อนของขิงไปเต็ม ๆ แถมเมนูนี้ยังเป็นเมนูอาหารสุขภาพล้างพิษดี ๆ ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะขิงมีสรรพคุณช่วยในเรื่องการขับเหงื่อที่ถือว่าเป็นการขับสารพิษในระดับผิวหนังให้หมดไปได้ ช่วยขับลมในช่องท้อง แถมยังสามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย
ส่วนผสม ซุปขิง (สำหรับ 4 ที่)
• ขิงอ่อน ปอกเปลือกซอยบาง 3 ถ้วย
• มันฝรั่งหั่นเต๋า 3 ถ้วย
• หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ต้น
• หอมฝรั่งซอย 1 ถ้วย
• ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย
• วิปปิ้งครีมสด 1/2 ถ้วย
• น้ำสต๊อกไก่ 6 ถ้วย
• เกลือ 1 1/2 ช้อนชา
• น้ำมันมะกอกสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ
• อาหารทะเลสด 2 ถ้วย เช่น หอยเชลล์สด กุ้งทะเลสด และเนื้อปลาทะเลสด หั่นเป็นชิ้นพอคำ
• พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
• ผักชี (ตกแต่ง)
วิธีทำซุปขิง
1. อุ่นน้ำสต๊อกให้เดือดแล้วใส่อาหารทะเลลงลวกจนสุก ตักขึ้นพักไว้
2. ผัดหัวหอมสับกับน้ำมันมะกอกด้วยไฟอ่อนจนสุกและใส จึงใส่ขิง ต้นหอม พริกไทย และมันฝรั่ง ลงไปผัดสักครู่จนเริ่มสุกนิ่ม เติมไวน์ขาวลงไปแล้วเร่งไฟขึ้น ผัดต่ออีกประมาณ 1 นาที เติมน้ำสต๊อกที่ลวกเนื้อสัตว์เมื่อครู่ลงไป ลดไฟลงเป็นไฟกลางค่อนไปทางอ่อน ต้มส่วนผสมจนมันฝรั่งนิ่ม ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
3. นำส่วนผสมที่ผัดไว้และเย็นแล้วใส่ลงในเครื่องปั่น ปั่นจนได้ซุปเนื้อละเอียดเนียนดี เทกรองผ่านกระชอน ใช้ทัพพียีส่วนผสมซุปให้ผ่านกระชอนลงไปมากที่สุด
4. เทซุปที่ได้กลับใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ต้มให้ร้อนอีกครั้ง เมื่อส่วนผสมร้อนแล้วปิดไฟ เติมครีมสด คนพอเข้ากัน ตักซุปใส่ถ้วยแล้วใส่เครื่องทะเลที่ลวกไว้ลงไป โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟ
++++++++++++++++++
4. น้ำพริกสมุนไพร
เมนูน้ำพริกถ้วยนี้เรียกได้ว่ายกกองทัพสมุนไพรเผ็ดร้อนที่มีคุณสมบัติช่วยรักษาสมดุลในร่างกายมาไว้ในถ้วยเดียว ทั้งกระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก และข่า แถมกินแล้วไม่อ้วนด้วย เพราะแคลอรีต่ำ ดูแปลกใหม่แต่ได้ประโยชน์เห็น ๆ
ส่วนผสม น้ำพริกสมุนไพร
• หอมแดงซอย 100 กรัม
• กระเทียมซอย 75 กรัม
• ตะไคร้ซอย 25 กรัม
• ใบมะกรูดซอย 10 กรัม
• พริกชี้ฟ้าแห้งหั่นท่อนสั้น ๆ 10 กรัม
• กุ้งแห้ง 25 กรัม
• ข่าซอย 5 กรัม
• ไข่ต้ม 2 ฟอง
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
• น้ำปรุงรส
• ผักสดและผักต้มตามชอบ
ส่วนผสม น้ำปรุงรส
• น้ำมะขามเปียกคั้นข้น ๆ 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกสมุนไพร
1. ทำน้ำปรุงรส โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ ยกขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีลักษณะเหนียวข้น ปิดไฟ เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอร้อน ใส่หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า กุ้งแห้ง และพริกชี้ฟ้า ลงทอดตามลำดับจนสุกเหลืองกรอบ จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำปรุงรสลงไป พอร้อนแล้วใส่สมุนไพรที่ทอดไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วดี ปิดไฟ ยกลง พักไว้พออุ่น จัดใส่ถ้วยรับประทานกับไข่ต้ม ผักสด และผักต้ม ตามชอบ
+++++++++++++++
5. ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู
ภาพและสูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine
ปลาแซลมอนย่างใบชะพลูจานนี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่จะช่วยปรับสมดุลของร่างกายให้กลับมาอยู่ในสภาวะที่ปกติ เป็นอาหารสุขภาพย่อยง่าย ๆ ทำจากเนื้อปลาแซลมอนนุ่ม ๆ และยังหอมกลิ่นใบชะพลูด้วย ที่สำคัญคือทำง่ายมาก ๆ
ส่วนผสม ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู
• เนื้อปลาแซลมอน (หั่นชิ้นยาวประมาณ 3 นิ้ว) 200 กรัม
• ใบชะพลู 20 ใบ
• น้ำมันพืช เล็กน้อย
• เกลือป่นและพริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย
ส่วนผสม น้ำจิ้ม
• น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูหั่นแว่น 2 เม็ด
วิธีทำแซลมอนย่างใบชะพลู
1. โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อปลาแซลมอน จากนั้นห่อด้วยใบชะพลู เสียบไม้แล้วย่างบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนเนื้อปลาสุก
2. เตรียมส่วนผสมน้ำจิ้ม โดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำ เข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ใส่พริกขี้หนู ชิมรส เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอนย่าง
+++++++++++++++++
6. บัวลอยน้ำขิง
มาดูเมนูของหวานไล่หวัดอันเลื่องชื่อกันบ้าง จะเป็นอะไรไปได้นอกเสียจาก บัวลอยน้ำขิง อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้วว่าสรรพคุณเจ๋งขนาดไหน ไหนจะน้ำขิงเผ็ดร้อนที่ซดแล้วโล่งจมูก คล่องคอ และแก้หวัดได้แล้ว ยังมีงาดำบดเพิ่มโปรตีนให้ร่างกายอีกด้วย
ส่วนผสม แป้งบัวลอย
• แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
• แป้งถั่วเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม ไส้งาดำ
• งาดำป่น 1 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• เนยถั่วชนิดหยาบ 170 กรัม
ส่วนผสม น้ำขิง
• น้ำเปล่า 5 ถ้วย
• ขิงแก่เผาไฟ 3-4 ชิ้น
• น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำบัวลอยน้ำขิง
1. ทำไส้งาดำ โดยผสมน้ำตาลทรายกับงาดำป่นและเนยถั่วเข้าด้วยกัน (ถ้าไม่ชอบหวานให้ลดน้ำตาลลงได้) จากนั้นปั้นเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 ซม. แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซ เตรียมไว้
2. ทำแป้งบัวลอย โดยผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วเขียว และน้ำ เข้าด้วยกัน นวดจนแป้งเนียนแล้วลองปั้นดู ถ้ามีรอยแป้งแตกให้เติมน้ำได้เล็กน้อยค่ะ
3. ทำน้ำขิง โดยปอกขิงที่เผาไฟสัก 2-3 ชิ้น (จะฝานเป็นแผ่นหรือทุบเล็กน้อยก็ได้ค่ะ) ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ขิงลงไปต้ม ตามด้วยน้ำตาลอ้อย จากนั้นรอให้เดือดประมาณ 5 นาที แล้วยกลงจากเตา พักไว้ค่ะ
4. นำไส้ขนมออกมาจากตู้เย็น ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ กดให้แบน วางไส้ขนมลงไปแล้วห่อแป้งให้มิด (เวลาต้มไส้จะได้ไม่แตก) พอห่อเรียบร้อยแล้วนำไปคลุกลงผงแป้งข้าวเหนียว (เพื่อขนมจะได้ไม่ติดกันค่ะ) ปั้นต่อไปเรื่อย ๆ จนไส้ขนมหมดนะคะ *อย่าห่อแป้งหนามาก เวลารับประทานจะต้องอ้าปากกว้างเห็นลิ้นไก่นะคะ*
5. นำหม้อน้ำขิงขึ้นตั้งไฟ รอให้น้ำขิงเดือดก่อนแล้วนำขนมลงต้มทันทีค่ะ เมื่อขนมสุก ตัวขนมจะลอยขึ้นเหนือน้ำ ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน
+++++++++++++++
7. ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
อีกหนึ่งเมนูขนมหวานที่เหมาะกับหน้าฝนนี้สุด ๆ เพราะข้าวฟ่างเป็นธัญพืชมากคุณค่า มีทั้งเส้นใยอาหาร และแร่ธาตุต่าง ๆ มากมาย เช่น วิตามินบี 3 ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส นั่นคือเหตุผลที่ว่า ถ้ารับประทานข้าวฟ่างเป็นประจำ จะทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และช่วยเสริมภูมิคุ้มกันได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียก
• ข้าวฟ่าง
• นมสดรสหวาน
• ดอกอัญชัน
• สาเกเชื่อม
• ดอกพวงชมพู (โรยหน้า)
วิธีทำข้าวฟ่างเปียก
1. ต้มข้าวฟ่างด้วยน้ำดอกอัญชันคั้นจนข้าวฟ่างสุกได้ที่
2. หั่นสาเกเชื่อมใส่ก้นถ้วย
3. ตักข้าวฟ่างที่หุงแล้วใส่ลงไปแล้วเกลี่ยให้มีช่องตรงกลาง
4. ใส่สาเกเชื่อมลงไปในช่องตรงกลาง
5. เทนมสดรสหวานราดลงไป แต่งด้วยกลีบดอกพวงชมพูให้สวยงาม
++++++++++++++++++
8. น้ำหมักผลไม้
เครื่องดื่มอย่างน้ำหมักผลไม้ก็ควรมีติดตู้เย็นไว้ในช่วงหน้าฝนนี้ เพราะผลไม้รสเปรี้ยวอย่างส้ม มะนาว เกรปฟรุต สตรอว์เบอร์รี องุ่น และอีกหลาย ๆ อย่างนี้ มีวิตามินซีสูงที่จะช่วยรักษาระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติดี ร่างกายเราก็จะแข็งแรง ไม่โดนเชื้อโรคร้ายใด ๆ คุกคามได้ง่าย ๆ นั่นเอง และถ้าอยากจะมิกซ์ แอนด์ แมตช์ ผลไม้ชนิดไหนหมักรวมกันก็ตามชอบใจ ได้ประโยชน์เห็น ๆ แนว ๆ ไม่ตกเทรนด์ด้วย
ส่วนผสม น้ำหมักผลไม้
• ผลไม้ตามชอบ [ดูตัวอย่างการเลือกผลไม้แต่ละชนิดมาผสมกันได้ที่ 60 สูตรน้ำหมักผลไม้แบบไทย ๆ เครื่องดื่มสุขภาพสุดฮิต]
• น้ำแข็ง
• น้ำแร่ หรือน้ำสะอาด
• ขวดหรือกระบอก
วิธีทำน้ำหมักผลไม้
1. นำผักหรือผลไม้ที่ชอบมาล้างให้สะอาด แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เด็ดผักเป็นใบหรือทั้งก้านตามสะดวก (ให้ใส่ขวดได้เป็นพอ)
2. นำผักและผลไม้ใส่ลงขวดหรือกระบอกที่เตรียมไว้ ใช้ช้อนยาว ๆ บี้นิดหน่อยให้น้ำผลไม้และน้ำมันหอมระเหยของผักออกมา ใส่น้ำแข็งลงไป ตามด้วยน้ำสะอาด ปิดฝา นำไปแช่เย็น หมักขั้นต่ำ 1 ชั่วโมง ในกรณีต้องการดื่มแบบเย็นสะใจ แช่ไม่นาน (แต่ถ้าต้องการหมักข้ามวัน ไม่จำเป็นต้องใส่น้ำแข็งค่ะ)
นอกจากทั้ง 8 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพรับหน้าฝนเหล่านี้จะมีประโยชน์ในการช่วยป้องกันและบำรุงร่างกายของเราให้พร้อมและแข็งแรงอยู่เสมอได้แล้ว เรื่องของรสชาติและความอร่อยก็ไม่เป็นสองรองใคร จดสูตรเก็บไว้ให้พร้อม !