x close

15 เมนูสตรีทฟู้ดร้านดัง ถอดแบบทำกินเองอร่อยโดนใจ



สตรีทฟู้ด

        ยกเมนูสตรีทฟู้ดจากร้านดังมาไว้ที่ครัว มีทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ทำกินเองได้ไม่ง้อร้าน จะรอช้าอยู่ทำไม เคลียร์พุงให้ว่างแล้วเข้าครัวกัน

        จากที่เคยเดินทางไปหาอาหารสตรีทฟู้ดจากร้านดัง นอกจากเหนื่อยแล้วยังต้องต่อคิวอีกต่างหาก คงจะดีกว่าถ้าลองทำกินเองที่บ้านเนอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอเมนูสตรีทฟู้ด ทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน เลือกที่ชอบแล้วไปช้อปปิ้งส่วนผสมกัน

สตรีทฟู้ด

1. ผัดไทยกุ้งสด

     เอ่ยถึงผัดไทยเจ้าดัง หลายคนคงนึกถึงผัดไทยประตูผีด้วยเป็นร้านเก่าแก่เปิดมานานกว่า 5 ทศวรรษ และเครื่องเคราแน่นรสชาติถูกปาก สำหรับใครที่ไม่อยากไปเข้าคิวก็มาลองทำเองได้นะคะ ใส่กุ้งให้แน่นตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ผัดไทยกุ้งสด

     • ซอสผัดไทย
     • กุ้งสด (แกะเปลือกผ่าหลังเอาเส้นดำออก) 3-5 ตัว
     • เต้าหู้เหลือง (หั่นเต๋า) 3 ช้อนโต๊ะ
     • ไชโป๊ (สับละเอียด) 2 ช้อนโต๊ะ
     • ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก (หรือเส้นจันท์) แช่น้ำจนนิ่ม
     • ถั่วงอกดิบ
     • ใบกุยช่าย (หั่นท่อน)
     • ไข่ไก่ 1 ฟอง
     • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
     • ถั่วลิสงคั่วบด (ตามชอบ)
     • ผักสด (สำหรับทานคู่)

ส่วนผสม ซอสผัดไทย

     • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
     • พริกป่น 1 ช้อนชา (หรือความเผ็ดตามชอบ)

วิธีทำซอสผัดไทย

     1. ผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และพริกป่นเข้าด้วยกัน
     2. นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟจนส่วนผสมเริ่มร้อนและน้ำตาลปี๊บละลาย ปิดไฟ เตรียมไว้ (ถ้าต้องการเก็บไว้หลายวันให้รอจนเดือดแล้วเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด)

วิธีทำผัดไทยกุ้งสด

     1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอน้ำมันร้อนใส่กุ้งสดลงไปผัดให้โดนความร้อนจนกุ้งเริ่มสุก ตักขึ้นใส่จานเตรียมไว้
     2. ใส่เต้าหู้ลงไปผัดในกระทะใบเดิมพอให้เหลืองหอม ตามด้วยไชโป๊สับ ผัดพอเข้ากัน ใส่น้ำซอสผัดไทยที่เตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากันจนเริ่มเดือด
     3. ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่แช่น้ำแล้วลงไปผัดให้เข้ากันเบา ๆ แล้วใช้ตะหลิวเขี่ยเส้นไปไว้ข้างกระทะ
     4. ตอกไข่ไก่ลงไป ยีให้พอแตก รอจนไข่เริ่มสุกแล้วนำส่วนผสมเส้นมาผัดให้เข้ากัน ตามด้วยกุ้งที่เตรียมไว้ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมผักสด ถั่วลิสงคั่วบด พริกป่น และมะนาว

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 เมนูร้านผัดไทย หอยทอด สูตรเด็ดพร้อมเปิดร้าน

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+


2. มาม่าโอ้โห

     ใครติดใจเมนูมาม่าโอ้โห ร้านดังจากสามย่าน ที่ใส่เครื่องจัดเต็มจนต้องร้องโอ้โหตามชื่อบ้างคะ ถ้าให้ไปหลังเลิกงานไปคงหิวเป็นลมก่อนถึงที่หมาย ทำเองกันดีกว่าเนอะ เตรียมมาม่าให้พร้อม โปะเครื่องเคราตามชอบ ปรุงรสให้แซ่บจี๊ด เตรียมตะเกียบรอเลยจ้า

ส่วนผสม มาม่าโอ้โห

     • เนื้ออกไก่ เนื้อหมู หรือกุ้ง
     • เกลือป่น เล็กน้อย
     • พริกไทยป่น เล็กน้อย
     • หมูบด 200 กรัม
     • น้ำมันหอย
     • ซีอิ๊วขาว
     • น้ำตาลทราย
     • ไข่ไก่ 4 ฟอง
     • บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มยำกุ้ง
     • น้ำมันพืชสำหรับทอด
     • แป้งชุบทอด
     • กะหล่ำปลีซอย (ผักบุ้งหรือผักกาดขาว ตามชอบ)
     • ผักชีฝรั่งซอย (โรยหน้า)
     • มะนาว

วิธีทำมาม่าโอ้โห

     1. ทำหมูทอด โดยหั่นเป็นแผ่นค่อนข้างหนาและใหญ่ (เวลาหั่นออกมาเป็นแผงจะได้เรียงสวย ๆ ) นำไปหมักกับเกลือป่นและพริกไทยป่นให้พอมีรสชาติ (ระวังอย่าเค็มเกินไป) หมักเตรียมไว้
     2. ผสมหมูบดกับน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และไข่ไก่ 1 ฟองเข้าด้วยกัน นำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 20 นาที
     3. ต้มน้ำจนเดือด ตักเนื้อหมูบดหมักเครื่องเป็นก้อน ๆ ลงไปลวกจนสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้
     4. ตีไข่ไก่อีก 1 ฟองพอแตก เตรียมไว้สำหรับชุบทอด และเตรียมแป้งชุบทอดใส่จานไว้ให้พร้อม จากนั้นใส่น้ำมันลงในกระทะแล้วนำขึ้นตั้งไฟ พอน้ำมันร้อน นำหมูที่หมักไว้ลงไปคลุกกับแป้งชุบทอดให้ทั่ว แล้วนำไปชุบไข่ไก่ให้ทั่ว สุดท้ายชุบแป้งอีกครั้ง และทำแบบเดียวกันกับกุ้ง
     5. นำหมูกับกุ้งชุบแป้งลงไปทอด ด้วยไฟกลาง ค่อย ๆ ทอดจนเหลืองดีแล้วก็ตักขึ้นพักไว้
     6. ใส่น้ำลงในหม้ออีกใบ ต้มจนเดือดแล้วใส่ผักและเส้นมาม่าลงไปลวกตามชอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำเตรียมไว้
     7. ใส่เครื่องมาม่าลงในน้ำซุปที่ต้มหมูบดไว้ บีบมะนาวลงไปเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน
     8. นำเส้นมาม่าลวกสุกใส่ลงในชาม ตามด้วยผักลวก หมูบดลวก จากนั้นตักน้ำซุปต้มยำร้อน ๆ ลงไป ตามด้วยหมูทอดหั่นเป็นชิ้น ๆ ตอกไข่ไก่ดิบลงไปโรยด้วยผักชีฝรั่งซอย และมะนาวฝานบาง ๆ พร้อมเสิร์ฟ

สตรีทฟู้ด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำมาม่าโอ้โห เมนูมาม่าต้มยำทรงเครื่องที่เห็นแล้วร้องไห้หนักมาก

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

3. หมูสะเต๊ะ

     จู่ ๆ ก็นึกอยากกินหมูสะเต๊ะแปลงนาม เจ้าดังแถวเยาวราช แต่ใครล่ะจะไปซื้อให้ วันหยุดแบบนี้ลงมือทำเองเลยดีกว่า สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อสะเต๊ะนุ่ม ๆ ปิ้งหอมมาก มาพร้อมวิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด

ส่วนผสม หมูสะเต๊ะ

     • สะโพกหมู
     • กระเทียมโขลก 2 กำมือ
     • ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก (**ทัพพีขนาดเล็ก และอย่าใส่ผงขมิ้นเยอะ** เพราะจะทำให้หมูมีรสเฝื่อน ๆ ได้ บางคนก็ไม่ใส่)
     • ผงยี่หร่า 1 ทัพพี
     • ผงกะหรี่ 2+1/2 ทัพพี (ผงกะหรี่อันนี้ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าเป็นขมิ้นกับยี่หร่า บางคนไม่ใส่ก็ได้ แต่ผงกะหรี่ห้ามขาด ใส่ยิ่งเยอะยิ่งหอม)
     • น้ำตาลทราย 2 ทัพพี
     • เมล็ดผักชีโขลก 2 กำมือ
     • กะทิกล่องสำเร็จรูป
     • นมสด
     • ไม้สำหรับเสียบหมูสะเต๊ะ (ควรเลือกซื้อไม้ที่เสียบหมูสะเต๊ะโดยตรง เพราะมันจะมีขนาดเล็กกว่าไม้เสียบลูกชิ้นอยู่หน่อยหนึ่ง ห่อละ 25 บาทเอง หมูประมาณ 1 กิโลกรัม เสียบออกมาได้ 138 ไม้)

ส่วนผสม น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

     • กะทิสด 500 กรัม
     • น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม
     • น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
     • น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
     • เกลือป่นเล็กน้อย
     • ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี

ส่วนผสม น้ำจิ้มอาจาด

     • น้ำส้มสายชู 4 ส่วน
     • น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน
     • เกลือ 1/2 ส่วน
     • น้ำเปล่าเล็กน้อย
     • แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
     • พริกแดงซอย
     • หอมแดงซอย

วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

     1. แบ่งใส่หัวกะทิพอประมาณใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นลงไป จากนั้นเทกะทิที่เหลือลงไปทั้งหมด

     หมายเหตุ : น้ำพริกแกงมัสมั่นใช้แค่ 2 ขีด บางคนลดต้นทุนโดยใช้พริกแกงเผ็ดมาปนเยอะ ๆ เพราะน้ำพริกแกงมัสมั่นจะมีราคาแพงกว่าน้ำพริกแกงเผ็ด เพราะมีส่วนผสมของลูกจันทน์ด้วย

     2. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป (ใส่ประมาณ 3 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะในตอนแรก เดี๋ยวจะหวานเกิน หากยังไม่พอใจค่อยเติมทีหลังเอา) ตามด้วยน้ำมะขามเปียก (อย่าปรุงให้เปรี้ยวเกินไป เพราะน้ำจิ้มชนิดนี้ห้ามเปรี้ยว เวลากินแล้วรสหวานจะออกนำ แทบไม่ได้รสเปรี้ยวเลย) ตัดรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน

     หมายเหตุ : ต้องปรุงให้รสหวานนำ แต่ไม่ใช่หวานมาก ให้ความเปรี้ยวมีแค่ 0.1% พอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้รสเปรี้ยวเลย

     3. สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวมันจะขึ้นอืดเองเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเราเติมภายหลังได้)

     หมายเหตุ : บางคนก็เห็นเขาใส่ขนมปังลงไปด้วย ขอบอกว่าวิธีนั้นเป็นการลดต้นทุนการใช้ถั่วลิสงป่น แต่น้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของขนมปังจะเก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้)

     4. เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้

     หมายเหตุ : น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะจะคล้าย ๆ กับน้ำของขนมจีนน้ำพริก เพียงแต่ขนมจีนน้ำพริกไม่ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่น แต่ใส่พริกแห้งแช่น้ำแล้วคั้นเอาน้ำพริกมาผัดกับกะทิ และผัดกับน้ำมันเอาไว้ลอยหน้า น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและขนมจีนน้ำพริกจะใส่น้ำมะขามเปียกเช่นเดียวกัน แต่ขนมจีนจะเพิ่มดีกรีความเปรี้ยวด้วยน้ำมะกรูด มะนาว และน้ำส้มซ่า แต่โดยรวมแล้ววิธีการจะคล้าย ๆ กัน แล้วน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็สามารถเอาไปทำเป็นเมนู พระรามลงสรง ก็ได้อีกด้วย ตัวน้ำจิ้มหากกินไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน

วิธีทำน้ำจิ้มอาจาด

     1. เติมส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเล็กน้อยใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีความหนืดนิด ๆ (ชิมรสให้ได้ เปรี้ยวนำ หวานตามมาติด ๆ เค็มท้าย ๆ เลยนะ) จากนั้นพักทิ้งไว้จนเย็น
     2. ผสมแตงกวาซอย พริกแดงซอย และหอมแดงซอยเข้าด้วยกันแล้วนำลงไปแช่ในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เตรียมไว้ (หากยังไม่กินก็ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ก็ได้ แต่เราว่าน้ำจิ้มอาจาดจะอร่อยต้องแช่แตงกวาทิ้งไว้นาน ๆ ให้มันเข้าเนื้อ)

วิธีหมักหมูสะเต๊ะ

     1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ ใส่กระเทียมโขลกลงไป ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชีโขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย (หมักให้มันนุ่ม ๆ ไม่ถึงกับแฉะ) เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน นำมาเสียบไม้
     2. ก่อนปิ้งนำหมูไปชุบในน้ำกะทิให้ทั่ว พอหมูเริ่มสุกให้ทากะทิซ้ำลงไปอีกครั้ง (เพื่อความนุ่มและไม่กระด้าง) ปิ้งจนสุก จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้งกรอบ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ หมูสะเต๊ะ แบบครบเซตครบเครื่อง ภาพสวยน่ากิน

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

4. ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

     อยากชวนคนพิเศษไปกินก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กระทะร้อนแถวเยาวราช แต่เนื่องจากพิกัดไกลบ้านมาก เลยเปลี่ยนใจไปซื้อส่วนผสมทำเองเลย สูตรจาก เฟซบุ๊ก iCook by KuCook จับเส้นใหญ่ผัดกับไก่ ตอกไข่ไก่ลงไป ใช้ไฟแรงจะยิ่งหอมเชียวล่ะ

ส่วนผสม ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

     • ไข่ไก่
     • น้ำมันสำหรับผัด
     • ไชโป๊หวาน
     • เนื้อไก่
     • ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่
     • น้ำมันหอย
     • ซอสปรุงรส
     • น้ำตาลทราย
     • ผักกาดหอม
     • พริกไทยป่น
     • ซอสพริก

วิธีทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่

     1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ ตอกไข่ใส่ลงไป ยีจนไข่แดงแตก ใส่ไชโป๊หวานและใส่เนื้อไก่ลงไปคลุกเคล้าจนสุก
     2. ใส่เส้นใหญ่ลงผัดจนนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซอสปรุงรส และน้ำตาลทราย หลังจากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
     3. ปิดไฟ ก่อนตักใส่จาน หั่นผัดกาดหอมลงไปคนให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยด้วยพริกไทยป่น พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ คั่วไก่ อาหารจานเดียวทำง่าย คั่ว ๆ มั่ว ๆ ก็อร่อยได้

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

5. หมี่กรอบ

     ถ้าเอ่ยถึงหมี่กรอบสมัยโบราณหลายคนต้องนึกถึงร้านหมี่กรอบเจ้าดังแถวตลาดพลู จุดเด่นคือ ใส่กุ้งสด ไข่ไก่ และเต้าหู้ ใครสนใจอยากทำเอง สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาพร้อมสูตรซอส อร่อยเพลินเกินห้ามใจ

ส่วนผสม หมี่กรอบ

     • ไข่ไก่
     • เต้าหู้เหลือง
     • เส้นหมี่
     • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมันสำหรับทอด
     • กุ้ง (ปอกเปลือก)
     • กระเทียม

ส่วนผสม ซอสหมี่กรอบ

     • น้ำกระเทียมดอง 1/4 ถ้วย
     • น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะขามเปียกคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
     • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
     • ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วย
     • กระเทียมดองสับละเอียด 1หัว
     • เต้าเจี้ยวบด 2 ช้อนโต๊ะ
     • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
     • หอมแดงทอดกรอบ
     • ถั่วงอกดิบ
     • ใบกุยช่าย

วิธีทำหมี่กรอบ

     1. เริ่มจากทอดไข่ฝอย โดยตีไข่ไก่พอแตก จากนั้นเทผ่านตะแกรงลงในน้ำมันร้อน ๆ จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้ (หากอยากให้กรอบขึ้นไปอีก เวลาตีไข่ให้ใส่แป้งมันหรือแป้งข้าวโพดลงไปเล็กน้อย)
     2. หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้งเล็กน้อย (หากหาเต้าหู้เหลืองไม่ได้ก็ใช้แบบขาวก็ได้) จากนั้นนำไปทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
     3. แยกเส้นหมี่แห้งออกจากกัน เตรียมไว้ (เคล็ดลับคือ นำเส้นหมี่จุ่มลงในน้ำแล้วรีบยกขึ้นทันที (ไม่ต้องแช่) พักให้สะเด็ดน้ำ เส้นหมี่ก็จะคลายตัวแยกออกจากกัน)
     4. ใส่พริกป่นลงไปในน้ำมันที่จะทอดเส้นหมี่ (เพื่อเส้นหมี่จะได้รสเผ็ดติดลิ้นนิด ๆ)
     5. ใส่เส้นหมี่ลงทอดจนเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน เตรียมไว้
     6. สับกุ้งให้พอหยาบ จากนั้นนำไปผัดกับกระเทียมจนสุก ตักใส่จานเตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
     7. ผสมน้ำกระเทียมดอง น้ำส้มสายชู น้ำมะขามเปียก เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย ซอสมะเขือเทศ และกระเทียมดองสับละเอียดเข้าด้วยกัน
     8. เทน้ำซอสลงเคี่ยวในกระทะ ตามด้วยเต้าเจี้ยวบด พริกป่น และน้ำมะนาว (ในสูตรหาน้ำส้มซ่าไม่ได้เลยไม่ใส่) เคี่ยวจนเหนียวพอประมาณ
     9. ตักส่วนผสมซอสลงในอ่างผสมแล้วแบ่งเส้นหมี่ใส่ลงไปคลุกให้เข้ากัน (ไม่อยากคลุกหมี่ทั้งหมดทีเดียว ส่วนน้ำซอสเหลือก็สามารถเก็บใส่ตู้เย็นไว้ทำครั้งต่อไปได้อีก)
     10. ตักใส่จานโรยด้วยไข่ฝอย เต้าหู้กรอบ หอมแดงทอดกรอบ และกุ้งผัด เสิร์ฟพร้อมกับถั่วงอก และใบกุยช่าย

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ หมี่กรอบ สูตรโฮมเมด ครบเครื่องครบรส

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

6. เครปญี่ปุ่น

     ใจเย็น ๆ ถ้าอยากไปซื้อเครปป้าเฉื่อย แต่ถ้าทนรอไม่ไหวก็ทำเองสบายใจกว่า สูตรจาก คุณหญิงเจี๊ยบ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม หยอดแป้งลงบนกระทะเทฟลอน ใส่ไส้ตามชอบ พับเป็นสามเหลี่ยม ลองทำกันเลยดีกว่า

ส่วนผสม แป้งเครป

     • แป้งแพนเค้กสำเร็จรูป
     • นมสด
     • ไข่ไก่

ส่วนผสม ไส้เครป

     • เนยสด (สำหรับทากระทะ)
     • น้ำพริกเผา
     • เนื้อสัตว์ตามชอบ เช่น ไส้กรอก, ปูอัด, เนื้อปลาทูน่ากระป๋อง, หมูหย็อง, โบโลน่า และเบคอน
     • กล้วยหอม
     • มายองเนส
     • ซอสพริก
     • น้ำเชื่อมเมเปิล

วิธีทำเครปญี่ปุ่น

     1. ผสมแป้งแพนเค้กสำเร็จรูปกับนมสด และไข่ไก่ตามวิธีทำข้างกล่องให้เข้ากัน (ถ้าทำบางก็เป็นเครปกรอบ ทำหนาหน่อยก็แบบนุ่ม ๆ) ผสมให้เข้ากันจนเนื้อแป้งเนียน ไม่เป็นเม็ด และไม่มีฟองอากาศ เตรียมไว้
     2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลาง ใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อย ทาเนยให้ทั่วกระทะ ตักส่วนผสมแป้งเครปใส่ลงไปแล้วใช้ไม้พายเกลี่ยให้ทั่วกระทะเป็นแผ่นบาง ๆ

     เคล็ดลับ : ถ้าไม่มีไม้ทำเครป ให้ใช้ตะหลิวไม้พายแทน และอย่าใช้ไฟอ่อนเกินไป ให้ใช้ไฟกลาง พอแป้งเริ่มสุกจะปาดง่ายกว่า

     3. รอจนแป้งเริ่มสุกแล้วทาน้ำพริกเผาลงบนแป้งให้ทั่วตามชอบ (ต้องรอจนแป้งเริ่มสุก ไม่อย่างนั้นแป้งจะติดไม้พาย) จากนั้นวางเครื่องที่เตรียมไว้ลงไป บีบมายองเนส ตามด้วยซอสพริก พับเป็นสามเหลี่ยม จัดใส่จาน ราดด้วยน้ำเชื่อมเมเปิล พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำเครปญี่ปุ่น แบบบ้าน ๆ ไม่ต้องมีเตาก็ทำได้

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

7. กุ้งอบวุ้นเส้น

     เคยลองกันยัง ? กุ้งอบวุ้นเส้นเจ้าดัง ถ้ากินคนเดียวก็เสียเงินหลักร้อย แต่ถ้ากินทั้งครอบครัวคงหลักพัน ถ้าสู้ราคาไม่ไหวทำเองคุ้มกว่า สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรทำง่ายด้วยหม้อหุงข้าว กินกันให้พุงปลิ้นเลย

ส่วนผสม กุ้งอบวุ้นเส้น

     • กุ้ง 10 ตัว (หรือกะปริมาณตามกำลังหม้อหุงข้าว)
     • กระเทียม พริกไทยดำเม็ด และรากผักชี (ทุบพอแตก)
     • ขิงแก่หั่นแว่น
     • วุ้นเส้น (แช่น้ำและตัดให้สั้นตามใจชอบ)
     • มันหมูแข็ง
     • น้ำมันหอย
     • พริกไทยป่น
     • ซีอิ๊วดำ
     • น้ำมันงา
     • ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน (ตกแต่ง)
     • ต้นหอมหั่นท่อน (ตกแต่ง)

วิธีทำกุ้งอบวุ้นเส้น

     1. เตรียมน้ำปรุง โดยผสมน้ำมันหอย พริกไทยป่น ซีอิ๊วดำ และน้ำมันงาให้เข้ากัน เทลงในวุ้นเส้น คลุกเคล้าให้เข้ากัน เตรียมไว้
     2. นำมันหมูแข็งรองที่ก้นหม้อ ตามด้วยขิง กระเทียม พริกไทยดำเม็ด รากผักชี กุ้ง และสุดท้ายวุ้นเส้น ปิดฝาหม้อหุงข้าว แล้วกดสตาร์ท ใช้เวลา 15 นาที หรือหุงต่อจนเส้นนิ่ม ตักใส่ภาชนะ ตกแต่งด้วยต้นหอมหั่นและขึ้นฉ่ายหั่น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กุ้งอบวุ้นเส้นหม้อหุงข้าว เมนูเด็กหอแต่อร่อยห้าดาว

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

8. ข้าวมันไก่


     อยากกินข้าวมันไก่เจ้าดังแถวประตูน้ำ แต่แดดเปรี้ยงขนาดนี้ขอยอมแพ้ ไปซื้อส่วนผสมจากตลาดแล้วลงมือทำเองน่าจะเหมาะกว่า สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อไก่ต้มสีขาวโปะบนข้าวมันร้อน ๆ เสิร์ฟกับน้ำซุปฟักและน้ำจิ้มไก่

ส่วนผสม ข้าวมันไก่

     • ไก่ 1 ตัว
     • น้ำเปล่า 8 ถ้วย
     • มันไก่ 1 ถ้วย (เลาะเอาจากตัวไก่)
     • กระเทียม 1 ถ้วย
     • ขิง 1 ถ้วย
     • ข้าวหอมมะลิเก่า 4 ถ้วย (ใช้ถ้วยตวงข้าว)
     • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
     • ฟักเขียว (หั่นเป็นชิ้น)
     • แตงกวา 1 ลูก
     • ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม น้ำจิ้มข้าวมันไก่

     • ขิงสับ 1 ถ้วย
     • รากผักชีหรือก้าน 1/2 ถ้วย
     • กระเทียม 1/2 ถ้วย
     • พริกขี้หนู 1/2 ถ้วย
     • เต้าเจี้ยว 5 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำส้มสายชู 5 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ
     • ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำซุปไก่ 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำข้าวมันไก่

     1. นำไก่มาล้างให้สะอาด ต้มน้ำให้เดือด ใส่ไก่ลงในหม้อแล้วลดไฟให้อ่อนลง เพื่อไม่ให้น้ำเดือดโดยให้น้ำต้มพอนิ่ง ๆ ต้มสัก 15 นาที แล้วก็กลับด้านให้ไก่สุกทั่วถึงกัน (ในสูตรต้ม 45 นาที) พอไก่สุกก็ตักไก่ขึ้นทั้งตัวแล้วใส่ภาชนะ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร ไก่จะได้ไม่แห้ง
     2. เลาะมันไก่ที่อยู่ตามตัวไก่ให้ได้ 1 ถ้วย นำมาใส่กระทะแล้วเจียวให้มันไก่เหลืองกรอบ จะมีน้ำมันไก่ออกมา ตักมันที่กรอบ ๆ ทิ้งไป ถ้าไม่มีมันไก่ก็ใช้น้ำมันพืช รอให้น้ำมันเย็นลงนิดหนึ่งแล้วเอากระเทียมที่ตำมาเจียวให้พอหอม ใส่ขิงฝานเป็นแผ่นบาง ๆ สัก 5 ชิ้น ลงไปผัดกับกระเทียมให้หอม
     3. ซาวข้าวและล้างให้สะอาด (ในสูตรใช้ข้าวหอมมะลิเก่า เพราะหุงแล้วจะไม่เละ แต่ถ้าใครมีข้าวใหม่หุงแล้วจะแฉะ) ใส่ข้าวลงผัดให้หอมใช้เวลา 3-5 นาที เอาข้าวลงใส่หม้อหุงข้าวปกติ ใส่น้ำต้มไก่ลงไปเท่าที่หุงตามปกติ ในสูตรใส่น้ำซุปที่เลข 4 ปิดฝา แล้วกดหุงปกติ ก่อนปิดฝาใส่เกลือไปนิดหน่อย
     4. ทำน้ำซุปฟัก โดยนำน้ำต้มไก่ที่อยู่ในหม้อตั้งไฟ ใส่ฟักลงไป ตามด้วยเกลือ ต้มไป 20 นาที
     5. ทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่ โดยใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในโถปั่น ปั่นตามชอบ จะเอาหยาบหรือละเอียด ตักใส่ถ้วยแล้วก็ใส่น้ำซุปไก่ไปนิดหน่อย
     6. ตักข้าวมันมาวางบนจาน แต่งด้วยผักชี สับไก่ลงไป เคียงด้วยแตงกวาหั่นบาง ๆ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มข้าวมันไก่และน้ำซุปฟัก

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวมันไก่ จากฝีมือคนไทยในต่างแดน ทำง่ายอร่อยครบ

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

9. ก๋วยจั๊บ


     บ้านไม่ได้อยู่แถวบางซื่อครั้นอยากจะแวะไปกินร้านก๋วยจั๊บสามทุ่มก็ไม่มีใครพาไป ถ้าอย่างนั้นทำเองหม้อโตเลยดีกว่า สูตรจาก คุณ isweet สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่เส้นเยอะ ๆ กับหมูกรอบชิ้นหนา ตามด้วยเครื่องในแน่น ๆ โรยกระเทียมเจียวก่อนเสิร์ฟ แค่คิดก็ฟินแล้ว

ส่วนผสม ก๋วยจั๊บ

     • กระเทียมทุบ
     • รากผักชีทุบ
     • กระดูกหมู (สำหรับต้มซุป)
     • เกลือ
     • หมูสามชั้น
     • ไส้ใหญ่หมู
     • ม้ามหมู
     • เต้าหู้ทอดกรอบ
     • ใบกุยช่าย (หั่นเป็นท่อนประมาณ 1 นิ้ว)
     • กระเทียมสับ
     • ถั่วงอก (เด็ดหาง)
     • ผงพะโล้
     • ซีอิ๊วขาว
     • น้ำมันหอย
     • ซีอิ๊วดำหวาน
     • เลือดไก่ (หั่นเป็นชิ้น ๆ)
     • ไข่ไก่หรือไข่เป็ดต้ม (แกะเปลือก)
     • แป้งมันหรือแป้งข้าวโพด (ละลายน้ำ)
     • เส้นก๋วยจั๊บ
     • เกลือป่น

วิธีทำก๋วยจั๊บ

     1. ทำน้ำซุป โดยใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่กระเทียมและรากผักชีทุบลงไป พอน้ำเดือด ใส่กระดูกซุป เกลือ และหมูสามชั้นลงไป
     2. ทำความสะอาดไส้ใหญ่หมู (ในสูตรเอามาทาเกลือ และแป้งมัน ล้างกลับอีก 2-3 รอบ) นำไส้หมูไปคั่วในกระทะให้กลิ่นไส้จางลงไปอีก จากนั้นนำไส้ไปต้มให้เปื่อย ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือเปื่อยในระดับที่พอใจ หั่นเป็นชิ้น ๆ และหั่นม้ามหมูเป็นชิ้น ๆ (ไม่ต้องต้ม) ใส่รวมกับไส้ใหญ่

     เคล็ดลับ : ส่วนน้ำต้มไส้ใหญ่ไม่ต้องทิ้ง เอาไปใส่ในน้ำซุปได้เลย แต่ถ้าไส้มีกลิ่น น้ำต้มก็จะมีกลิ่นเหม็น ลองดมดูก่อน


     3. นำหมูสามชั้นออกจากหม้อน้ำซุป ทาเกลือลงไปนิดหน่อย แล้วนำไปอบ (หรือหม้ออบลมร้อนก็ได้) ใช้ไฟอ่อน ๆ จนเนื้อหมูแห้ง (ถ้าไม่มีจะเอาไปตากแดดแรง ๆ ก็ไม่ว่ากัน แต่ก็จะช้าหน่อยนะ แต่ถ้าไม่มีจริง ๆ ต้มให้สุกแล้วแช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืนให้แห้งก็ได้ค่ะ) จากนั้นนำสามชั้นที่อบแล้วไปทอดในน้ำมันร้อน ใช้ไฟกลาง หั่นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
     4. นำเต้าหู้ทอดมาทอดอีกครั้งให้กรอบ เตรียมไว้
     5. ตั้งกระทะใส่น้ำมันหมูแล้วใส่กระเทียมลงไปเจียว ตามด้วยใบกุยช่ายลงไปผัดพอสุก ตักขึ้นพักไว้

     หมายเหตุ : ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นกุยช่ายให้ใช้ต้นหอมแทน **ทีเด็ดของกวยจั๊บสูตรนี้***

     6. ใช้กระทะใบเดิมใส่น้ำมันหมูเพิ่มลงไป ตามด้วยกระเทียมเจียว พอหอมใส่ผงพะโล้ลงไปผัดให้หอม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และซีอิ๊วดำหวาน (ปรุงรสเข้ม ๆ เพราะเดี๋ยวต้องใส่น้ำซุป) ใส่เลือดไก่ลงไปผัด (เพราะต้องการให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อ วิธีนี้จะทำให้เลือดไก่มีรสชาติ ไม่คาว และจืดชืด)
     7. ใส่ไข่ต้มลงไปผัดเข้าด้วยกัน ใส่ซีอิ๊วดำเพิ่มลงไปอีกนิดเพื่อให้สีสวย จากนั้นใส่ไส้ใหญ่ต้มและม้ามที่หั่นเตรียมไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน นำเครื่องที่ผัดไว้เทใส่หม้อน้ำซุปที่ต้มไว้ ตามด้วยเต้าหู้ทอด คนผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟเคี่ยวต่อประมาณ 30-60 นาที

     เคล็ดลับ : ชิมรสน้ำซุปดูถ้าจืดไปปรุงเพิ่มให้พอดี สังเกตดูว่า อ้อจะไม่ได้ใส่น้ำตาลทรายเลยนะคะ แต่น้ำซุปกลมกล่อม หวานจากน้ำซุปกระดูกหมูและความหอมมันจากน้ำต้มไส้หมู ตั้งไฟเคี่ยวต่อสัก 1 ชั่วโมง แต่ถ้าหิวแล้ว 1/2 ชั่วโมงก็พอ อร่อยเหมือนกันเพราะไส้ต้มจนเปื่อยแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เหนียวเคี้ยวได้สบาย ๆ

     8. ต้มน้ำให้เดือด ใส่เส้นก๋วยจั๊บลงไปต้มจนเส้นม้วนสวย และสุก จากนั้นใส่แป้งมันหรือแป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไปให้น้ำข้น ๆ พักไว้

     เคล็ดลับ : มีหลายคนเคยบ่นว่า เส้นกวยจั๊บไม่ม้วน หรือม้วนไม่สวย ให้ใส่ทีละน้อย ๆ แล้วตักออกมาพักใส่ชามไว้จนได้ปริมาณตามที่ต้องการ แล้วค่อยลงใส่หม้ออีกครั้ง แล้วจึงใส่แป้งมันผสมน้ำลงไปให้น้ำข้น

     9. จัดเสิร์ฟโดยตักเส้นใส่ชาม ตามด้วยส่วนผสมน้ำซุป และเครื่องตามชอบ โรยหน้าด้วยถั่วงอก กุยช่ายผัด กระเทียมเจียว ไข่ต้มหั่นครึ่ง พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ก๋วยจั๊บ สูตรโบราณ ส่งตรงจากนครปฐม ครบเครื่องความอร่อย

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

10. โจ๊ก


     ตอนเช้าอยากกินโจ๊กสามย่าน แต่คงลำบากเพราะเป็นคนตื่นสาย ถ้าจะไปซื้อก็คงไปทำงานสายแน่นอน สูตรจาก เฟซบุ๊ก กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา จุดเด่นคือ ใส่เครื่องในชิ้นใหญ่ กับหมูบดก้อนโต

ส่วนผสม เครื่องในสำหรับใส่โจ๊ก

     • ตับหมู 300 กรัม
     • เซี่ยงจี๊หมู 300 กรัม
     • ไส้อ่อน 500 กรัม
     • กระเพาะหมู
     • แป้งมัน
     • น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่น
     • ขิงแก่ทุบ 1 ท่อน

ส่วนผสม หมูบดหมัก

     • หมูบด 600 กรัม
     • กระเทียมจีนแกะเปลือก 10 กลีบ
     • พริกไทยขาว 40 เม็ด
     • ซีอิ๊วขาว (สูตร 5) 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม น้ำซุป

     • น้ำเปล่า 12 ลิตร
     • กระดูกหมูคาตั้ง ทุบให้หักครึ่ง 4 ท่อน
     • รากผักชี 5 รากใหญ่
     • ขิงแก่ (น้ำหนักชิ้นละ 50 กรัม) 2 ชิ้น

ส่วนผสม หมี่กรอบสำหรับโรยหน้า

     • เส้นหมี่ขาวอบแห้ง
     • น้ำมันพืช

ส่วนผสม ข้าวโจ๊ก

     • ปลายข้าวหอมมะลิใหม่ 450 กรัม (ในสูตรใช้เป็นข้าวกล้องปั่นหยาบ)
     • น้ำซุป 30 ถ้วยตวง
     • เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • ผงปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยว ซองสีเขียวอ่อน 4 ช้อนโต๊ะ (ยี่ห้อไปตามหาเอาที่ตลาดและซูปเปอร์มาร์เกตเอานะคะ)
     • หมูบดปรุงรสที่เตรียมไว้

เครื่องเคียงอื่น ๆ

     • ต้นหอมซอย
     • ขิงซอย
     • ไข่ลวก
     • พริกไทยป่น

การเตรียมเครื่องใส่โจ๊ก

     1. แล่ตับให้เป็นชิ้นบาง ๆ นำไปคลุกเคล้ากับแป้งมัน (สัดส่วนโดยประมาณ ตับ 300 กรัม ต่อแป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะพูน) ขยำให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาทีแล้วนำมาล้างแป้งออกให้สะอาด จากนั้นจึงนำไปลวกรอไว้
     2. นำเซี่ยงจี๊มาผ่าครึ่งตามยาว ใช้ปลายมีดเลาะเอาพังผืดสีขาวด้านในออก ล้างให้สะอาด แล่เป็นชิ้นบาง ๆ นำไปคลุกเคล้ากับแป้งมัน (สัดส่วนโดยประมาณ เซี่ยงจี๊ 300 กรัม ต่อแป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะพูน) ขยำให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็น 30 นาที แล้วนำมาล้างแป้งออกให้สะอาด จากนั้นจึงนำไปลวกรอไว้เช่นเดียวกันกับตับ **หรืออาจจะทำความสะอาดให้เสร็จทีเดียว แล้วตั้งน้ำลวกพร้อม ๆ กัน**
     3. ไส้อ่อน ใช้สายยางสะอาดต่อกับก๊อกน้ำ สวมไส้อ่อนเข้ากับปลายสายยางด้านหนึ่ง บีบให้แน่นแล้วเปิดน้ำแรง ๆ เพื่อให้แรงดันน้ำชะล้างไขมันและความสกปรกออกมาจากไส้ จากนั้นบีบเอาน้ำออก ขยำไส้กับแป้งมันและน้ำส้มสายชู (สัดส่วนโดยประมาณ ไส้อ่อน 1/2 กิโลกรัม ต่อน้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ และแป้งมัน 5 ช้อนโต๊ะ) ขยำทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออกด้วยวิธีใช้สายยางเหมือนครั้งแรกให้สะอาด จากนั้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
     4. ผ่าครึ่งกระเพาะหมูแล้วแบะข้างในออก ล้างน้ำเปล่าให้สะอาด จากนั้นใช้เกลือป่นขัดถูให้ทั่ว ตามด้วยการถูด้วยแป้งมัน จากนั้นล้างน้ำออกให้สะอาด นำไปต้มในน้ำเดือดที่ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย พร้อมกับขิงแก่ทุบ 1 ท่อน โดยอาจต้มพร้อมกับไส้อ่อน พอเปื่อยนุ่มจึงนำขึ้นมาหั่นเป็นชิ้นพอคำ

2. การเตรียมหมูบดหมัก

     โขลกกระเทียมจีนกับพริกไทยขาวให้ละเอียด จากนั้นใส่เนื้อหมูบดลงไปโขลกให้เหนียวเข้ากันดี ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย และเบกกิ้งโซดาลงไป โขลกนวดให้เข้ากัน ใส่ภาชนะปิดฝาหมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง

3. การเตรียมน้ำซุป

     1. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือด
     2. พอน้ำเดือดแล้วใส่กระดูกหมูลงไป ปิดฝาต้มให้เดือดอีกครั้ง ลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ใส่รากผักชีลงไปต้มด้วยไฟอ่อน ๆ ต่อไปอีก 60 นาที
     3. พอครบเวลาจึงใส่ขิงแก่ลงไปแล้วปิดฝาต้มไฟอ่อนต่ออีก 30 นาที (ต้มไปเรื่อย ๆ กะว่าให้น้ำลดลงเหลือประมาณ 8-10 ลิตร) จึงยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ให้เย็น

     หมายเหตุ : สูตรนี้ไม่ใช้น้ำตาลเพราะจะใช้ความหวานจากการเคี่ยวกระดูกหมูแทน แต่ถ้าใครชอบใส่ก็สามารถใส่ได้แต่ไม่ควรเกิน 40 กรัม

4. การเตรียมหมี่กรอบไว้โรยหน้าโจ๊ก

     คลี่เส้นหมี่อบแห้งออกจากกัน จากนั้นนำกระทะตั้งบนเตา ใส่น้ำมันพืชลงไป (ในปริมาณที่ค่อนข้างมากสักหน่อย) รอจนน้ำมันร้อนจัดแล้วหรี่ไฟลง นำเส้นหมี่ลงทอดอย่างรวดเร็ว แล้วนำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักรอไว้

5. การต้มโจ๊ก

     1. ล้างปลายข้าวให้พอหมดฝุ่น จากนั้นตักน้ำซุปที่เย็นแล้วใส่ลงไป 30 ถ้วยตวง นำขึ้นตั้งไฟต้มให้เดือด ระหว่างนี้ให้หมั่นคนเป็นระยะ ๆ พอเดือดแล้วจึงหรี่ไฟอ่อน ตุ๋นข้าวให้เมล็ดบานสุกนุ่มและมีลักษณะเหนียวข้น

     ***หากรู้สึกว่างวดเกินไปไปให้เติมน้ำซุปทีละน้อย เวลาที่โจ๊กข้นแล้วให้คอยหมั่นคน เพราะไม่อย่างนั้นมันจะติดก้นหม้อและไหม้ได้***

     หมายเหตุ : ถ้าเป็นข้าวกล้องแบบเต็มเมล็ดจะต้องล้างข้าวก่อนแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นจึงนำมาปั่นหยาบ ๆ แล้วจึงนำไปต้ม


     2. ใส่เกลือป่นลงไป ตามด้วยผงปรุงน้ำก๋วยเตี๋ยวซองสีเขียว
     3. ปั้นหมูที่เราหมักไว้เป็นก้อน ๆ ใส่ลงไป คอยคนไปเรื่อยจนกระทั่งหมูสุก
     4. ตักโจ๊กใส่ชาม ใส่ตับหมูลวกสุก เซี่ยงจี๊ลวกสุก ไส้อ่อนต้ม กระเพาะต้ม และไข่ลวกลงไป โรยด้วยต้นหอมซอย ขิงซอย พริกไทยป่นเล็กน้อย และหมี่กรอบตามชอบใจ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำโจ๊ก แบบครบเครื่อง วิธีทำชัด ๆ ทุกขั้นตอน

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

11. กุ้งถัง

     คนพิเศษอยากไปกินกุ้งถัง แต่ตอนเที่ยงร้านยังไม่เปิด ถ้าอยากกินตอนนี้ก็ทำกินเองเหมาะกว่า สูตรจาก คุณ pongsj สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม นอกจากมีกุ้งแล้วยังใส่ปลาหมึกกับหอย คลุกกับซอสรสเผ็ด เตรียมล้างไม้ล้างมือจกกันเลย

ส่วนผสม กุ้งถัง

     • กุ้งแชบ๊วย
     • หอยตลับ
     • หอยเชลล์
     • ปลาหมึก
     • ข้าวโพด
     • เห็ด

ส่วนผสม เครื่องปรุง

     • กระเทียบตำหยาบ ๆ
     • น้ำพริกเผา
     • พริกปาปริก้า
     • ออริกาโน่
     • ใบไทม์
     • น้ำตาลทราย
     • เกลือ
     • ซอสปรุงรส หรือน้ำมันหอย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
     • นมข้นจืด หรือกะทิ
     • เนยเค็ม หรือเนยจืด

วิธีทำกุ้งถัง

     1. ผัดซอส โดยใส่น้ำมันลงในกระทะ นำกระเทียมลงไปเจียว ใส่น้ำพริกเผาลงไปผัดให้หอม (ระวังน้ำพริกเผาบางเจ้ามีรสหวานมาก อาจต้องลดน้ำตาล)
     2. เทเครื่องปรุง ได้แก่ ปาปริก้า ออริกาโน่ ไทม์ น้ำตาลทราย และเกลือลงไป อาจใส่ซอสปรุงรส หรือน้ำมันหอยลงไปด้วย ผัดให้เข้ากันจนเดือดปุด ๆ ใส่นมข้นจืด หรือกะทิ ผัดให้เดือดพล่าน เคี่ยวจนน้ำซอสงวด ปิดไฟ (ถ้าเดือดพล่านเนยจะละลายจนใส) ใส่เนย (อุณหภูมิห้อง)
     3. ตั้งน้ำจนเดือด ใส่เนื้อสัตว์ลงไปลวก เริ่มจากปลาหมึก กุ้ง หอยเชลล์กับหอยตลับ ตักขึ้นมาพักไว้ สะเด็ดน้ำออกให้หมด
     4. ลวกข้าวโพดกับลวกเห็ด หรือลวกเห็ดโดยเอาเห็ดใส่หม้อพรมน้ำนิด ๆ เปิดไฟแรง ๆ ปิดฝาอบให้สุก ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำ
     5. ราดซอสลงบนซีฟู้ด ข้าวโพด และเห็ด คลุกให้นัว (แทนการเขย่าในถุง) ถ้านัวไม่พอใส่เนยลงไปเพิ่ม ตักใส่ชาม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เมนูซีฟู้ดสุดฮอตที่ต้องลองทำเองสักที

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

12. ราดหน้ายอดผัก

     บ่ายนี้อยากกินราดหน้ายอดผักร้านดังแถวศาลเจ้าพ่อเสือ ที่ใส่เครื่องแน่น แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจอยู่ดี ๆ ก็ตกลงมา เลยต้องเข้าครัวไปทำเอง น้ำราดใส่เนื้อหมูหมักกับคะน้าราดลงบนเส้นใหญ่ผัดไฟแรง กินชามเดียวคงไม่พอ

ส่วนผสม ราดหน้ายอดผัก

     • เนื้อหมู 300 กรัม
     • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา   
     • แป้งข้าวโพด 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมันพืช และพริกไทยป่นเล็กน้อยสำหรับหมักหมู
     • ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 30 กรัม
     • ซีอิ๊วดำเล็กน้อยสำหรับผัดเส้น
     • กระเทียมสับ 1 ช้อนชา
     • เต้าเจี้ยว 1 ช้อนชา
     • น้ำ 1 ถ้วยตวง
     • ซีอิ๊วขาวสำหรับปรุงรส
     • แป้งมันละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
     • ผักคะน้า 150 กรัม
     • พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้า

วิธีทำราดหน้ายอดผัก

     1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นบางใส่ลงภาชนะ เติมซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย น้ำตาลทรายแดง แป้งข้าวโพด น้ำมันพืช และพริกไทยป่น คลุกผสมให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้สักครู่
     2. ผัดก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ในกระทะ ใส่ซีอิ๊วดำลงไปเล็กน้อย ผัดจนเส้นนุ่ม ตักขึ้นใส่ถ้วย เตรียมไว้
     3. ผัดกระเทียมกับเต้าเจี้ยวในกระทะจนหอม เติมน้ำลงไป เคี่ยวจนเดือด จากนั้นใส่หมูที่หมักไว้ลงผัดจนสุก
     4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ค่อย ๆ เทแป้งมันละลายน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ คนผสมจนเหนียว ใส่ผักคะน้าลงไปผัดจนสุก ตักราดบนเส้นก๋วยเตี๋ยว โรยหน้าด้วยพริกไทยป่น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เส้นใหญ่ราดหน้าหมูนุ่มยอดผัก สูตรเด็ดใคร ๆ ก็ทำได้

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

13. ยำแหนมข้าวทอด

     กินเมนูยำแหนมข้าวทอดเจ้าไหนก็ไม่อร่อย ก็อยากทำกินเอง ขั้นตอนไม่ยุ่งยากแค่ทำข้าวทอดรอไว้ ส่วนแหนมสดก็ไปซื้อแบบสำเร็จมาเลยจ้า

ส่วนผสม แหนมคลุก / ยำแหนมข้าวทอด

     • ข้าวทอด 2 ก้อน
     • แหนมสด 200 กรัม
     • หนังหมูต้มสุก 200 กรัม
     • หอมแขกซอย 1 ลูก
     • ขิงอ่อนซอย
     • ผักชีฝรั่งซอย
     • พริกป่น
     • น้ำปลา
     • น้ำมะนาว
     • น้ำตาลทราย
     • ถั่วลิสงคั่ว
     • ใบชะพลู ผักกาดหอม และผักชีฝรั่ง

ส่วนผสม ข้าวทอด

     • ข้าวหุงสุก 2 ถ้วย
     • น้ำพริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่น 1 ช้อนชา
     • แป้งประกอบอาหาร
     • น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

วิธีทำข้าวทอด

     1. ใส่ข้าวลงในอ่างผสม ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด และเกลือป่นลงเคล้าผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำไปโขลกจนเหนียว ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ กดให้แน่น ๆ เตรียมไว้
     2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางจนร้อน ใส่ข้าวที่ปั้นไว้ลงทอดจนเหลืองกรอบทั่วทั้งก้อน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันเตรียมไว้

วิธีทำยำแหนมข้าวทอด

     1. ใส่ข้าวทอดลงในอ่างผสม ใช้ทัพพียีพอหยาบ ๆ
     2. ใส่แหนมสด ยีพอหยาบ ๆ ตามด้วยหนังหมู หอมแขกซอย ขิงอ่อนซอย และผักชีฝรั่งซอย
     3. ปรุงรสด้วยพริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทราย เคล้าผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ใส่ถั่วลิสงคั่ว เคล้าผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน เสิร์ฟกับผักสด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ยำแหนมข้าวทอด แหนมคลุก เปรี้ยวเผ็ดรสเด็ดสไตล์ไทย ๆ

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

14. เต้าหู้เย็น

     อากาศร้อน ๆ แบบนี้ถ้าได้เต้าหู้เย็นมากินคงชื่นใจ แต่ถ้าออกไปซื้อตอนนี้กว่าจะถึงที่หมายคงหายอยาก สู้มาทำกินเองดีกว่า สูตรจาก คุณโจนส์เปลี่ยนใจ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใช้นมสดแทนน้ำเต้าหู้ ท็อปด้วยผลไม้สดตามชอบ

ส่วนผสม เต้าหู้เย็น (สูตรใช้นมสด)

     • นมสด 2 ถ้วย (หรือน้ำเต้าหู้)
     • นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำหวานเฮลซ์บลูบอย กลิ่นสละ (ใส่จนได้สีที่ชอบ)
     • ผงวุ้น 2+1/2 ช้อนชา (ราคา 30 บาท)

ส่วนผสม สำหรับจัดเสิร์ฟ

     • กีวี หั่นเต๋า
     • ส้ม แกะเป็นกลีบ
     • กล้วยหอม หั่นแว่น
     • แคนตาลูป หั่นชิ้นพอดีคำ
     • เยลลี่ (ตามชอบ)

วิธีทำเต้าหู้เย็น

     1. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางพออุ่น เทนมสด นมข้นหวาน และน้ำหวานเฮลซ์บลูบอยลงไป พอส่วนผสมเริ่มอุ่น เทผงวุ้นลงไป (เคล็ดลับ คือ ให้เทแบบเคาะช้อน ผงวุ้นจะได้กระจาย ละลายง่าย และไม่เป็นก้อน)
     2. คนส่วนผสมไปเรื่อย ๆ จนผงวุ้นไม่เป็นเม็ดเล็ก ๆ ติดปลายช้อน หากผงวุ้นละลายดีแล้วให้เร่งไฟแรงขึ้นเล็กน้อย รอจนส่วนผสมในกระทะเริ่มมีฟอง (แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด) ปิดไฟ พักไว้
     3. นำส่วนผสมมากรองผ่านตะแกรง ประมาณ 2-3 รอบ เทส่วนผสมใส่พิมพ์ทรงกลม หรือถ้วยทรงกลม พักทิ้งไว้จนเย็น (หรือใช้พัดลมช่วยเป่าจนเย็น) จากนั้นจึงนำเข้าตู้เย็น ประมาณ 1 ชั่วโมง
     4. พอครบเวลานำเต้าหู้เย็นออกมาจากถ้วยกลม เทออกมาบั้งเป็นแฉก ๆ เสิร์ฟคู่กับกีวี ส้ม กล้วยหอม แคนตาลูป และเยลลี่

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เต้าหู้เย็น วิธีทำเมนูดังกินเองง่ายกว่า หวานเย็นกลิ่นหอม

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สตรีทฟู้ด

15. ขนมถังแตก

     อยากกินขนมถังแตกเจ้าดังที่วังหลัง แต่ถ้าให้ไปซื้อตอนนี้คงไม่สะดวก ใครอยากทำเองก็จัดไปเลยจ้า สูตรจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน ทำง่าย ๆ ด้วยกระทะเทฟลอน ใส่ไส้น้ำตาลกับงาคั่ว หรือไส้อื่น ๆ ตามชอบ

ส่วนผสม แป้งถังแตก

     • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
     • ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
     • น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วยตวง
     • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
     • ผงฟู 1/4 ช้อนชา
     • น้ำมันพืช หรือเนยสด สำหรับทากระทะ

ส่วนผสม ไส้ขนม

     • น้ำตาลทราย
     • เกลือป่น
     • งาขาว
     • งาดำคั่ว
     • มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวทึนทึกขูด

วิธีทำขนมถังแตก

     1. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
     2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟองขึ้นมา พักไว้
     3. ผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาวและงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
     4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
     5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ

     หมายเหตุ : การใส่น้ำทรายตาลลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อนรอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าว งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไปค่ะ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมถังแตก กระทะเทฟลอน ทำขนมโบราณแต่วิธีการสมัยใหม่

     เมนูสตรีทฟู้ดที่เอ่ยถึงทั้งหมดเชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องเคยลองชิมแน่นอน ใครติดใจเมนูไหนแล้วขี้เกียจเดินทางก็ทำกินเองได้นะคะ รับรองอร่อยไม่แพ้ต้นตำรับเชียวล่ะ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
15 เมนูสตรีทฟู้ดร้านดัง ถอดแบบทำกินเองอร่อยโดนใจ อัปเดตล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2559 เวลา 16:00:24 56,997 อ่าน
TOP