เคล็ดลับเลือกน้ำมันสำหรับทอด
เคล็ดลับทอดอาหารให้กรอบอร่อย
-
วัตถุดิบต้องมีความชื้นน้อยหรือแห้งดีแล้วก่อนนำลงไปทอด โดยอาจซับอาหารให้แห้ง หรือถ้าชุบแป้งหรือเกล็ดขนมปังต้องให้เคลือบผิวจนทั่ว จะช่วยทำให้อาหารกรอบนานขึ้นและช่วยลดน้ำมันกระเด็นได้
-
เลือกน้ำมันที่เหมาะกับการทอด ทนต่อความร้อนสูง สามารถกะเวลาทอดพอเหมาะและกรอบนาน
-
รอให้น้ำมันร้อนจัดก่อนนำอาหารลงไปทอด โดยตั้งไฟปานกลาง รอจนความร้อนประมาณ 170-210 องศาเซลเซียสขึ้นไป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับอาหารและระยะเวลาที่ใช้ในการทอดด้วย ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้จะทำให้ใช้เวลาในการทอดนานและอาจทำให้อาหารอมน้ำมัน และถ้าอุณหภูมิสูงเกินไปน้ำมันที่ใช้ในการทอดจะปล่อยสารก่อมะเร็งออกมาได้
-
ระหว่างทอดอาหารควรรอให้ด้านใดด้านหนึ่งสุกจนเป็นสีเหลืองทองก่อนแล้วค่อยพลิกกลับด้าน จะช่วยให้อาหารทอดกรอบนาน การพลิกกลับด้านบ่อย ๆ จะทำให้อาหารอมน้ำมัน
-
การใช้ส้อมจิ้มระหว่างทอดจะทำให้อาหารเสียความชื้นจนแข็งกระด้าง และอาจทำให้น้ำมันแทรกซึมเข้าไปในเนื้ออาหารและอมน้ำมัน
-
การทอดอาหารแต่ละครั้งควรใส่อาหารปริมาณพอดีลงไปทอด ไม่ควรใส่เยอะเกินไป เพราะจะคุมความสุกยาก ทางที่ดีควรหั่นเป็นชิ้นเท่า ๆ กัน จะช่วยให้สุกพร้อมกัน
-
การหยดน้ำส้มสายชูลงในน้ำมันเล็กน้อย จะช่วยให้เมนูทอดกรอบนานและไม่อมน้ำมัน
-
หากทอดอาหารจนสุกกรอบแล้วสังเกตจากฟองอากาศที่อยู่รอบ ๆ อาหารจะหมดไป และอาหารจะลอยขึ้นบนผิวน้ำมัน ควรตักขึ้นมาวางพักไว้บนตะแกรงหรือวางบนกระดาษซับน้ำมัน เพื่อเอาน้ำมันส่วนเกินออกไป จะทำให้อาหารทอดกรอบนาน ไม่นิ่มเร็ว
-
หากต้องการบรรจุอาหารทอดลงในภาชนะ ควรใช้แบบที่มีรูระบายอากาศ เพื่อให้ไอร้อนระบายออกมาได้ ถ้าหากปิดมิดชิดจะทำให้หยดน้ำโดนอาหาร ทำให้แฉะและนิ่มเร็วขึ้น
เมนูของทอด
1. ลูกชิ้นทอดกรอบ
ส่วนผสม ลูกชิ้นทอดกรอบ
-
แป้งข้าวเจ้า (1)
-
แป้งข้าวเจ้า (2)
-
น้ำเย็นจัด 1 ส่วน
-
น้ำปูนใส 1 ส่วน
-
สีผสมอาหารสีส้ม
-
เกลือป่น เล็กน้อย
-
พริกไทย เล็กน้อย
-
ผงปรุงรส เล็กน้อย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
-
ผงฟู เล็กน้อย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
-
น้ำมันปาล์ม (สำหรับทอด)
-
ลูกชิ้นตามชอบ
ส่วนผสม น้ำจิ้มลูกชิ้น
-
พริกขี้หนู 8-10 เม็ด
-
กระเทียมกลีบใหญ่ 8-10 กลีบ
-
กระเทียมดอง 3 หัว
-
น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 ถ้วย
-
น้ำมะขามเปียก 1+1/2 ถ้วย
-
เกลือ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
-
ซอสพริกศรีราชา 3 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำกระเทียมดอง 3 ช้อนโต๊ะ
-
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ (ละลายน้ำ)
-
ผักชีซอย
วิธีทำน้ำจิ้มลูกชิ้น
-
ปั่นพริกขี้หนู กระเทียม และกระเทียมดอง เข้าด้วยกันพอหยาบ ๆ
-
เคี่ยวน้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียกด้วยไฟอ่อน ๆ จนน้ำตาลปี๊บละลาย ใส่เกลือ ซอสพริก และน้ำกระเทียมดอง ลงไปคนให้เข้ากัน
-
ใส่พริกที่ปั่นไว้ลงไป ตามด้วยแป้งข้าวโพดละลายน้ำ คนจนน้ำจิ้มเหนียว ปิดไฟ พักไว้จนเย็นก่อนโรยผักชีซอย
วิธีทำลูกชิ้นทอดกรอบ
-
ใช้กระดาษซับน้ำจากลูกชิ้นให้แห้งสนิท เตรียมไว้
-
นำลูกชิ้นที่แห้งแล้วไปคลุกในแป้งข้าวเจ้า (1) ให้ทั่ว (เพื่อทำให้แป้งชุบทอดเกาะติดลูกชิ้น)
-
ใส่แป้งข้าวเจ้า (2) ลงในอ่างผสม ค่อย ๆ เทน้ำเย็นจัดสลับกับน้ำปูนใสลงไปในแป้งอย่างละเล็กน้อย คนจนแป้งละลาย แล้วทยอยเติมน้ำลงไปจนหมด คนให้เข้ากันจนแป้งเหลวตามต้องการ
-
เติมเกลือป่น พริกไทย และผงปรุงรส ลงไปเล็กน้อย ตามด้วยสีผสมอาหารสีส้ม คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
-
ใส่น้ำมันลงในกระทะ รอจนน้ำมันร้อนจัด นำลูกชิ้นชุบลงไปในส่วนผสมแป้งเหลวให้ทั่ว แล้วโรยแป้งส่วนเกินลงในกระทะ (เพื่อให้ลูกชิ้นมีเกล็ดแป้งเกาะ) จากนั้นนำลูกชิ้นใส่ทับลงไปตรงที่โรยแป้งเกล็ดเอาไว้ ทอดในกระทะจนสุกเหลืองกรอบ สุดท้ายเร่งไฟแรงสูงสุดทอดต่ออีกสักครู่เพื่อไม่ให้ลูกชิ้นอมน้ำมัน ตักขึ้นใส่ตะแกรง พักไว้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มลูกชิ้น
2. ลูกชิ้นทอดสีส้ม
ส่วนผสม ลูกชิ้นทอดสีส้ม
-
ลูกชิ้นหมู
-
แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม
-
แป้งทอดกรอบ 100 กรัม
-
น้ำปูนใส 150 มิลลิลิตร
-
น้ำเย็นจัด 150 มิลลิลิตร
-
เกลือ 1 ช้อนชา
-
พริกไทย 1 ช้อนชา
-
สีผสมอาหารสีส้ม 1 ช้อนชา
-
น้ำมันปาล์ม (สำหรับทอด)
ส่วนผสม น้ำจิ้มลูกชิ้น
-
น้ำมะขามเปียก 400 มิลลิลิตร
-
น้ำตาลปี๊บ 400 กรัม
-
น้ำตาลทราย 80 กรัม
-
เกลือ 2 ช้อนชา
-
น้ำเปล่า 200 มิลลิลิตร
-
พริกแห้งป่น ปริมาณตามชอบ
-
ถั่วคั่วป่น ปริมาณตามชอบ (ไม่ใส่ก็ได้)
-
ผักชี ปริมาณตามชอบ
วิธีทำน้ำจิ้มลูกชิ้น
- ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ลงในหม้อ และเปิดไฟกลางเคี่ยวจนข้น ใส่พริกป่น ถั่วคั่วป่น และผักชี คนให้เข้ากัน ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น
วิธีทำลูกชิ้นทอดสีส้ม
-
นำลูกชิ้นมาคลุกกับแป้งข้าวเจ้า นำไม้มาเสียบลูกชิ้นและเคาะแป้งออกให้แป้งติดลูกชิ้นบาง ๆ
-
ทำตัวแป้งสำหรับชุบ โดยผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งทอดกรอบ น้ำปูนใส และน้ำเย็น คนให้เข้ากัน เติมเกลือ พริกไทย และสีผสมอาหารสีส้ม คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
-
ตั้งกระทะให้น้ำมันร้อน ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างแรง เมื่อน้ำมันร้อนแล้วนำลูกชิ้นที่เสียบไม้ไว้ชุบน้ำแป้งและทอดให้เหลืองกรอบ จัดเสิร์ฟคู่น้ำจิ้ม
3. ไส้กรอกแดงทอด
ส่วนผสม ไส้กรอกแดงทอด
-
ไส้กรอกแดง
-
น้ำมันพืช
ส่วนผสม น้ำจิ้มไก่
-
พริกชี้ฟ้าแดง
-
กระเทียม
-
น้ำเปล่า
-
น้ำส้มสายชู
-
น้ำตาลทราย
-
เกลือ เล็กน้อย
ส่วนผสม น้ำจิ้มมะขามเปียก
-
น้ำเปล่า
-
พริกป่น
-
น้ำมะขามเปียก
-
น้ำส้มสายชู
-
น้ำปลา
-
น้ำตาลปี๊บ
-
น้ำตาลทราย
-
น้ำกระเทียมดอง
วิธีทำไส้กรอกแดงทอด
-
นำไส้กรอกแดงมาผ่าเพียงด้านเดียวเป็นรูปกากบาท กะให้ลึกแค่ครึ่งหนึ่งของไส้กรอก
-
ตั้งกระทะใส่น้ำมันลงไปกะพอท่วม ใส่น้ำส้มสายชูลงไปเล็กน้อยเพื่อให้ไม่อมน้ำมัน ใช้ไฟอ่อน ไม่ต้องรอให้น้ำมันเดือดก็ใส่ไส้กรอกแดงลงไปทอด เพื่อให้น้ำมันกับไส้กรอกเดือดไปพร้อม ๆ กัน และเป็นการไล่ความชื้นในตัวไส้กรอก จะทำให้ไส้กรอกกรอบนานและไม่ไหม้ด้วย
-
ระหว่างทอดก็คนไปเรื่อย ๆ พอพองกรอบแล้วก็ยังต้องคนไปเรื่อย ๆ อีกประมาณ 8-10 นาที เพื่อไล่ความชื้นออกไปให้หมด เพื่อให้กรอบเซตตัวอย่างแท้จริง หรือสังเกตว่าถ้าเปลือกไส้กรอกเต่งตึงไม่เหี่ยวเวลาลองตักขึ้นมา แสดงว่าเซตตัวแล้ว ปิดไฟ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
วิธีทำน้ำจิ้มไก่
-
โขลกพริกกับกระเทียมให้ละเอียด
-
ตั้งหม้อเติมน้ำ ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำตาล คนจนละลาย พอเดือดใส่พริก-กระเทียมโขลกลงไป เคี่ยวจนข้น ปิดไฟ
วิธีทำน้ำจิ้มมะขามเปียก
-
นำส่วนผสมทุกอย่างใส่ลงในหม้อ ตั้งไฟจนเดือด
4. เฟรนช์ฟรายส์ไส้กรอกแดง
ส่วนผสม เฟรนช์ฟรายส์ไส้กรอกแดง
-
ไส้กรอกแดง
-
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
ส่วนผสม น้ำจิ้มเฟรนช์ฟรายส์ไส้กรอกแดง
-
น้ำเปล่า
-
พริกป่น
-
น้ำมะขามเปียก
-
แป้งมันละลายน้ำ
-
น้ำส้มสายชู
-
น้ำปลา
-
น้ำตาลปี๊บ
-
น้ำตาลทราย
-
น้ำกระเทียมดอง
วิธีทำน้ำจิ้มเฟรนช์ฟรายส์ไส้กรอกแดง
- ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน
วิธีทำเฟรนช์ฟรายส์ไส้กรอกแดง
-
นำไส้กรอกแดงมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ นำลงทอด ใช้ไฟอ่อน ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่ภาชนะ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม
5. เกี๊ยวทอด
ส่วนผสม ไส้หมูสับ
-
หมูสับ 400 กรัม
-
สามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทยโขลก) 1 ช้อนโต๊ะ
-
ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
-
หอมหัวใหญ่สับ 1 ช้อนโต๊ะ
-
ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำมันหอย 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำเกี๊ยวทอด
-
โขลกสามเกลอ และใส่สามเกลอกับส่วนผสมหมักทุกอย่างลงไปในหมูสับ คลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 30 นาที
-
ห่อแผ่นเกี๊ยวใส่ไส้หมูสับให้สวยงาม
-
ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันรอจนร้อน นำเกี๊ยวที่ห่อไว้แล้วลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ
6. เกี๊ยวซ่าทอด
ส่วนผสม เกี๊ยวซ่า
-
หอมหัวใหญ่
-
แครอต
-
ต้นหอม
-
หมูสับ
-
น้ำตาลทราย
-
น้ำมันงา
-
ซีอิ๊วขาวเห็ดหอม
-
แป้งเกี๊ยวซ่า
-
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
-
เครื่องทำเกี๊ยวซ่า
วิธีทำเกี๊ยวซ่า
-
สับหอมใหญ่ แครอต และต้นหอม ผสมให้เข้ากันแล้วบีบน้ำออก
-
ใส่หมูสับ น้ำตาลทราย น้ำมันงา และซีอิ๊วขาวเห็ดหอม ลงไปคลุกผสมให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
-
วางแป้งเกี๊ยวซ่าลงบนเครื่องทำเกี๊ยวซ่า ตักไส้ใส่ตรงกลาง พับเครื่องกดลงไปเบา ๆ นำออกจากพิมพ์ เตรียมไว้
-
นำไปลวกในน้ำเดือดประมาณ 10-15 วินาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปคลุกกับน้ำมันเล็กน้อยเพื่อกันติด
-
ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยลงในกระทะ ใส่เกี๊ยวซ่าลงไปทอดให้สุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
7. โป๊งเหน่ง
ส่วนผสม โป๊งเหน่ง
-
แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
-
ผงฟู 1 ช้อนชา
-
เกลือ 1/2 ช้อนชา
-
ไข่ไก่ 2 ฟอง
-
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
-
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
-
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
-
ไส้กรอกหั่นชิ้น
-
น้ำมัน (สำหรับทอด)
วิธีทำโป๊งเหน่ง
-
นำแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือ มาร่อนลงอ่างผสม เตรียมไว้
-
ตีไข่ไก่จนเกิดฟอง ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย ทยอยใส่แป้งที่ร่อนไว้ลงไป สลับกับน้ำเปล่า ประมาณ 2-3 รอบ และคนจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกันและมีความเนียน ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนจนเข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็น 15-20 นาที
-
พอครบเวลาพักแป้งแล้วให้นำแป้งมาใส่ในภาชนะทรงสูงเพื่อสะดวกต่อการชุบแป้ง
-
ตั้งน้ำมันให้ร้อน โดยใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน พอน้ำมันร้อนแล้วนำไส้กรอกเสียบไม้มาชุบแป้ง แล้วนำไปทอดให้สีเหลืองสวย พักไว้ให้อุ่น
-
เมื่ออุ่นแล้วนำมาชุบแป้งและทอดต่อ เราจะทำแบบนี้ไปจนได้ความอ้วนของแป้งตามที่เราต้องการ ปกติจะทำประมาณ 3-4 ชั้นก็อ้วนแล้ว
8. ขนมฝักบัว
ส่วนผสม ขนมฝักบัว
-
แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
-
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
-
น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
-
กล้วยหอมสุกบดละเอียด 1 ลูก
-
ใบเตย 20 ใบ
-
สีผสมอาหารสีเขียว 1 ช้อนชา
-
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
วิธีทำขนมฝักบัว
-
ล้างใบเตยให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม ปั่นจนละเอียด จากนั้นกรองและคั้นเอาแต่น้ำ เตรียมไว้
-
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว และกล้วยหอม ค่อย ๆ เทน้ำใบเตยลงไปนวดให้เข้ากัน ใส่สีผสมอาหารสีเขียวลงไป
-
ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปนวดกับแป้งให้ละลายจนมีลักษณะข้นเหนียว (เหมือนนมข้นหวาน) พักแป้งทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
-
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะขนาดเล็กสูงประมาณ 1/2 ของกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำมันร้อน กวนแป้งให้เข้ากันแล้วตักหยอดลงตรงกลางกระทะ (ระวังอย่าให้แป้งใต้กระบวยหยดลงในกระทะ) ขนมจะค่อย ๆ พองจากด้านนอกเข้าสู่ด้านในจนปิดสนิท รอจนขนมเหลืองและลอยขึ้นจากน้ำมันแล้วพลิกกลับด้าน จากนั้นตักน้ำมันราดตรงกลางของขนมเพื่อให้ตรงกลางขนมปูดขึ้น ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พร้อมเสิร์ฟ
9. ขนมไข่นกกระทา
ส่วนผสม ขนมไข่นกกระทา
-
แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
-
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 25 กรัม (ถ้าชอบแบบเหนียวนุ่มก็สามารถใช้แป้งข้าวโพดแทนได้)
-
ผงฟู 1 ช้อนชา
-
น้ำตาลทราย 100 กรัม
-
เกลือ 1/2+1/4 ช้อนชา
-
มันเทศนึ่งบดละเอียด 350 กรัม
-
น้ำปูนใสประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ (ค่อย ๆ ใส่แล้วนวดจนแป้งไม่ร่วนและปั้นเป็นลูกได้ จะน้อยหรือมาก บวก-ลบน้ำเอาได้เลย)
วิธีทำขนมไข่นกกระทา
-
ร่อนแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟู หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
-
นำแป้งที่ผสมแล้วใส่ลงไปในมันเทศที่นึ่งบดแล้ว แบ่งแป้งใส่สัก 3 รอบ นวดขยำจนเข้ากัน หลังจากนั้นค่อย ๆ ใส่น้ำปูนใสลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนวดจนแป้งเนียนไม่ร่วน สามารถปั้นเป็นก้อนได้ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ
-
ตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วนำไข่นกกระทาลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ๆ คนไปด้วยขนมจะได้ไม่ไหม้ พอทอดจนขนมเริ่มเหลืองฟูขึ้นก็นำตะหลิวกดยีขนม เพื่อให้ขนมฟูขึ้นจากขนาดเดิมประมาณ 1.5-2 เท่า ฟูมากก็กลวงมาก พอพองเหลืองแล้วก็ต้องทอดต่อไปอีกสัก 4-5 นาที เพื่อให้ผิวขนมเซตตัวกรอบดีก่อน ถ้าตักขึ้นมาเร็วก็จะยุบและแฟบ ตักมาพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
10. ขนมไข่หงส์
ส่วนผสม แป้งขนมไข่หงส์
-
แป้งข้าวเหนียว 1+1/2 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
-
มันเทศ (ต้มสุกแล้วบด) 1/3 ถ้วย (หรือใช้มันฝรั่งแทนได้)
-
น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย (ถ้าจะให้น้ำตาลปี๊บละลายง่าย ให้เอาเข้าไมโครเวฟก่อน)
-
กะทิสำเร็จรูปกล่องเล็ก 1 กล่อง
-
น้ำเย็น
ส่วนผสม ไส้ขนมไข่หงส์
-
ถั่วทองนึ่งบด ปริมาณตามชอบ
-
เกลือป่น ปริมาณตามชอบ
-
น้ำตาลทราย ปริมาณตามชอบ
-
รากผักชี กระเทียม และพริกไทย โขลกเข้าด้วยกัน ปริมาณตามชอบ
-
หอมแดงเจียว (อย่าทิ้งน้ำมันที่ใช้เจียว)
ส่วนผสม น้ำตาลสำหรับเคลือบ
-
น้ำ 1/4 ถ้วย
-
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
วิธีทำแป้งขนมไข่หงส์
-
ผสมส่วนผสมของแห้งทุกอย่างให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ
-
ค่อย ๆ ใส่กะทิลงไปสลับกับนวดแป้ง ถ้ากะทิหมดแต่ส่วนผสมยังแห้งอยู่ให้เติมน้ำเพิ่มได้ แต่ต้องค่อย ๆ เติม เพราะมีส่วนผสมของแป้งข้าวเหนียวอยู่จะเหลวง่าย ถ้าใครทำเหลวไปก็ไม่ต้องเททิ้ง ให้เพิ่มแป้งข้าวเหนียวเข้าไป
-
พักแป้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะการพักแป้งทิ้งไว้จะทำให้น้ำตาลกับแป้งเชื่อมโครงสร้างผสานตัวเข้าหากัน ทำให้เวลาทอดไม่ระเบิดนั่นเอง
วิธีทำไส้ขนมไข่หงส์
-
ตั้งกระทะใส่น้ำมันที่เจียวหอมไว้ ใส่ส่วนผสมรากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้
-
พอได้กลิ่นหอมแล้วใส่ถั่วทองลงไปผัด ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่น ผัดพอเข้ากัน ใส่หอมแดงเจียว
-
จากนั้นตักขึ้นพักไว้ให้เย็นตัวลง ปั้นเป็นก้อนกลม เตรียมไว้
วิธีทำขนมไข่หงส์
- ใช้น้ำมันทาที่มือและทาถาดเพื่อขนมจะได้ไม่ติดกัน นำแป้งที่พักไว้มาปั้นเป็นก้อนกลมแล้วกดให้เป็นลักษณะแบน
- วางไส้ใส่ลงไปแล้วห่อให้มิด จากนั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมอีกครั้ง
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟแรงให้น้ำมันร้อนจัด ก่อนจะทอดให้ลดไฟลงเป็นไฟปานกลาง (ก่อนใส่ให้คลึงแป้งอีกครั้งเพื่อเช็กรอยแตกและจะทำให้รอยกดทับที่วางบนถาดหายไป) แล้วใส่ไข่หงส์ลงไปทอดจนได้สีเหลืองนวล ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้
วิธีทำน้ำตาลเคลือบขนมไข่หงส์
-
โดยใส่น้ำ 1/4 ถ้วย กับน้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายจนเป็นน้ำเชื่อมและตกทราย (ตกผลึก) ข้าง ๆ กระทะ
-
จากนั้นใส่ไข่หงส์ทอดลงไป คนไปสักพักน้ำตาลจะเริ่มเคลือบไข่หงส์และตกทราย (ตกผลึก) จากนั้นตักขึ้นพักไว้รอให้เย็น
11. ปูอัดชุบแป้งทอด
ส่วนผสม ปูอัดชุบแป้งทอด
-
ปูอัด
-
แป้งทอดกรอบ
-
น้ำโซดาแช่เย็น
-
เกล็ดขนมปัง
-
ไข่ไก่
-
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)
-
น้ำจิ้มบ๊วย, ซอสมะเขือเทศ, ซอสพริก หรือน้ำจิ้มไก่ (สำหรับจิ้ม)
วิธีทำปูอัดชุบแป้งทอด
-
ตีไข่ไก่พอแตก เตรียมไว้
-
ผสมแป้งทอดกรอบกับโซดาเย็นจัดเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
-
นำปูอัดลงไปชุบส่วนผสมแป้งทอดกรอบ ชุบไข่และคลุกเกล็ดขนมปัง ใส่จานพักไว้
-
ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ เปิดไฟอ่อน รอจนน้ำมันร้อนจัด ค่อย ๆ ใส่ปูอัดลงไปทอด หมั่นคนไปมาเพื่อให้สุกทั่วและเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มตามชอบ
12. ขนมดอกจอก
ส่วนผสม ขนมดอกจอก
-
แป้งข้าวเจ้า 225 กรัม
-
แป้งมัน 75 กรัม
-
น้ำตาลทราย 100 กรัม
-
เกลือ 1 ช้อนชา
-
น้ำปูนใส 115 มิลลิลิตร
-
หัวกะทิ 225 มิลลิลิตร
-
ไข่ไก่ 2 ฟอง
-
สีผสมอาหารตามชอบ
-
งาดำ หรืองาขาว
วิธีทำขนมดอกจอก
-
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำปูนใส หัวกะทิ และไข่ไก่ แล้วตีให้เข้ากัน นำมากรอง จากนั้นแบ่งผสมสีตามชอบ ใส่งาดำหรืองาขาวเพิ่มความหอม แล้วคนให้เข้ากัน
-
ตั้งกระทะ รอให้น้ำมันเดือด พร้อมกับนำพิมพ์ดอกจอกใส่ลงไป เพื่อให้พิมพ์ร้อน พอน้ำมันเดือดปรับเป็นไฟกลาง ๆ นำพิมพ์ที่ร้อนแล้วจุ่มลงไปในแป้ง อย่าให้แป้งมิดพิมพ์ เพราะจะทำให้ขนมเขย่าไม่ออก
-
จากนั้นจุ่มลงไปในกระทะ รอให้เซตตัวสัก 2-3 วินาที แล้วค่อย ๆ เขย่าขนมจนขนมหลุดออก ทอดจนด้านหนึ่งสุก (จากนั้นนำพิมพ์แช่น้ำมันในกระทะ เพื่อให้พิมพ์ร้อนอยู่ตลอด ถ้าพิมพ์ไม่ร้อนจะจุ่มขนมไม่ติด) จากนั้นก็กลับด้าน พอสุกทั้ง 2 ด้านก็นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
-
นำมาจัดทรง โดยการใช้ก้นถ้วยในการช่วยจัดรูปทรงให้บานเป็นดอก จากนั้นพักให้เซตตัวสัก 5 นาที แล้วนำไปพักบนตะแกรง
13. ถั่วทอดแผ่น
ส่วนผสม ถั่วทอดแผ่น
-
ถั่วลิสงดิบ 6 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
-
แป้งมันสำปะหลัง 4 ช้อนโต๊ะ
-
ไข่ไก่ 2 ฟอง
-
น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
-
เกลือ 1 ช้อนชา
-
น้ำปูนใส 1 ถ้วย
-
น้ำกะทิ 1 ถ้วย
-
น้ำมัน (สำหรับทอด)
-
พิมพ์ถั่วทอด
วิธีทำถั่วทอดแผ่น
-
เตรียมอ่างผสม ใส่แป้ง ไข่ น้ำตาลทราย และเกลือ คนพอเข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำปูนใสลงไป นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมน้ำกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วนำไปกรองด้วยกระชอนถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง
-
ใส่น้ำมันลงในกระทะหรือหม้อสำหรับทอด พอน้ำมันร้อนนำพิมพ์ลงแช่ในน้ำมัน พอร้อนแล้วนำขึ้นมา (เพื่อให้ขนมไม่ติดพิมพ์) เทน้ำมันออก
-
ตักแป้งใส่พิมพ์ความหนาบางตามชอบ โรยถั่วลงไปพอทั่ว นำพิมพ์ลงทอดในน้ำมันที่ร้อน ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน พอแป้งสุกจะลอยตัวหลุดพิมพ์ออกมาเอง ถ้ายังไม่หลุดก็ให้ช้อนหรือใช้ไม้ปลายแหลมช่วยแงะออก ทำจนแป้งหมด
-
ทอดจนแผ่นถั่วเหลืองกรอบทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พอขนมเย็นตัวลงจัดเสิร์ฟหรือเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิท
แนะนำเมนูขนมวัยเด็กและสูตรอาหารอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
★ 15 เมนูขนมวัยเด็ก กับรสชาติที่คุ้นเคยชวนรำลึกครั้งเยาว์วัย
★ 17 วิธีทำขนมไทยในวัยเด็ก เจออีกครั้งต้องจัดเลย
★ ขนมโตเกียว วน ๆ ม้วน ๆ ย้อนวัยเด็กกับขนมคุ้นเคย