จู่ ๆ ก็คิดถึงเมนูขนมวัยเด็ก พวกเมนูขนมไทยหน้าโรงเรียนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นเมนูไข่นกกระทาทอด เมนูขนมโตเกียว หรือเมนูขนมถังแตก ถ้าวันหยุดนี้ไม่ได้ออกไปไหนอยากชวนมาทำของกินสมัยก่อนกันค่ะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 17 วิธีทำขนมไทยวัยเด็ก เมนูขนมง่าย ๆ ทำกินได้ทั้งครอบครัว แหม… เห็นภาพแล้วอยากกลับไปเป็นเด็กจัง
1. ขนมถังแตก
เริ่มที่ขนมไทยวัยเด็กที่คุ้นตากันอย่างเมนูขนมถังแตก หรือ ขนมถังทอง สูตรจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน สูตรนี้ใช้กระทะเทฟลอนแทนเตาหลุมสีดำที่คุ้นเคย ใครอยากดัดแปลงเป็นไส้ฝอยทอง ไส้ข้าวโพด หรือไส้อื่น ๆ ก็จัดไปเลยจ้า
ส่วนผสม แป้งถังแตก
• แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
• ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• น้ำสะอาด 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
• ผงฟู 1/4 ช้อนชา
• น้ำมันพืช หรือเนยสด สำหรับทากระทะ
ส่วนผสม ไส้ขนมถังแตก
• น้ำตาลทราย
• เกลือป่น
• งาขาว
• งาดำคั่ว
• มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวทึนทึกขูด
วิธีทำขนมถังแตก
• 1. ทำแป้งขนมถังแตก โดยใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
• 2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟอง พักไว้
• 3. ทำไส้ขนม โดยผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาว และงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
• 4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
• 5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป (ใครชอบหวานมากหวานน้อยใส่ตามชอบเลยค่ะ) จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ
หมายเหตุ : การใส่น้ำทรายตาลลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อน รอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าวและใส่งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไปค่ะ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมถังแตก กระทะเทฟลอน ทำขนมโบราณแต่วิธีการสมัยใหม่
++++++++++++++++++++
แค่นึกถึงขนมโตเกียวก็น้ำลายสอ ถ้าใครอยากทำขนมวัยเด็กเมนูนี้ก็ลงมือเลยค่ะ สูตรนี้ใช้กระทะเทฟลอนทอดแป้ง โปะไส้กรอกกับหมูสับปรุงรส ใครอยากเพิ่มไข่นกกระทาลงไปด้วยก็ไม่ว่ากัน หรือจะใส่ไส้หวานอย่างไส้สังขยาหรือไส้ครีมก็เอาที่สบายใจเลยจ้า
ส่วนผสม แป้งโตเกียว
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
• เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• น้ำเปล่า (หรือน้ำปูนใส) พอประมาณ
• น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม ไส้กรอกและไส้หมูสับ
• เนื้อหมูสับ
• รากผักชี
• กระเทียม
• ซอสหอยนางรม
• ไส้กรอก (ตามชอบ)
วิธีทำแป้งโตเกียว
• 1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเบกกิ้งโซดา ผงฟู และน้ำตาลทรายคนให้เข้ากันเล็กน้อย
• 2. เติมน้ำผึ้ง น้ำเปล่า และตอกไข่ไก่ใส่ลงไป คนให้เข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเดียว (แบ่งส่วนผสมแป้งใส่ขวดเล็กน้อยเตรียมไว้สำหรับบีบเป็นเส้น ๆ ด้วย) พักส่วนผสมแป้งไว้สักครู่
วิธีทำโตเกียว
• 1. ผัดไส้โตเกียว โดยโขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกัน พักไว้ก่อน
• 2. นำไส้กรอกลงไปผัดในกระทะให้พอร้อนแล้วตักขึ้นพักไว้
• 3. นำเครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดในกระทะ ตามด้วยหมูสับ ผัดจนหมูสุกและหอม ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ผัดให้เครื่องปรุงกับหมูสับเข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้
• 4. ทอดขนมโตเกียว โดยนำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ตักส่วนผสมแป้งหยอดลงในกระทะ ละเลงแป้งให้เป็นแผ่นวงรี
• 5. บีบแป้งเป็นเส้น ๆ ลงไปด้านบนให้สวยงามตามชอบ
• 6. พอแป้งเริ่มสุกและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองแล้ว วางไส้กรอกและหมูสับที่ผัดไว้ลงไปบนแป้ง ม้วนแป้งให้สวยงาม พร้อมรับประทาน
classicdessert2
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สูตรขนมโตเกียว ขนมนี้ไทยแลนด์โอนลี่เท่านั้น
++++++++++++++++++++
3. ขนมเบื้อง
ใครเคยนึกเล่น ๆ ว่าอยากทำเมนูขนมเบื้องบ้างคะ ต่อไปนี้มาลองของจริงกันเลยดีกว่า พบกับสูตรแป้งขนมเบื้องและครีม พ่วงสูตรไส้หวานและไส้เค็ม วันหยุดมาละเลงขนมเบื้องกันเถอะ
ส่วนผสม แป้งขนมเบื้อง
• แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
• ถั่วเขียวคั่วป่นละเอียด 1 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• ไข่ไก่ 2 ฟอง
• น้ำปูนใส 2 ถ้วย (หรือน้ำเปล่า)
ส่วนผสม ครีมขนมเบื้อง
• ไข่ขาว (ไข่เป็ด) แช่เย็นจัด 2 ฟอง
• น้ำตาลปี๊บ 400 กรัม
ส่วนผสม ไส้หวาน
• ฝอยทอง 2 ถ้วย
• งาขาวคั่ว (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม ไส้เค็ม
• รากผักชี 2 ราก
• กระเทียม 5 กลีบ
• พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
• มะพร้าวขาวขูด 1 ถ้วย
• กุ้งสดสับละเอียด 1/2 ถ้วย
• สีผสมอาหารสีส้ม เล็กน้อย
• เกลือป่น 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำมันพืชสำหรับผัด
อุปกรณ์ที่ควรมี
• เครื่องตีแป้ง
• กระจ่า
• เตาขนมเบื้อง (ถ้าไม่มีใช้กระทะเทฟลอน)
วิธีทำแป้งขนมเบื้อง
• 1. ผสมแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียวคั่วป่น น้ำตาลทราย และไข่ไก่เข้าด้วยกัน
• 2. ค่อย ๆ เทน้ำปูนใสลงไปทีละน้อยแล้วสลับกับนวดแป้งไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแป้งเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ประมาณ 10 นาที และน้ำตาลทรายละลายหมด เตรียมไว้
วิธีทำครีมขนมเบื้อง
• ตีไข่ขาวกับน้ำตาลปี๊บด้วยความเร็วสูงสุดจนขึ้นฟูและตั้งยอด ประมาณ 10-15 นาที
หมายเหตุ : ถ้าไม่มีเครื่องตีแป้งให้ใช้ตะกร้อมือแทนได้ แต่ต้องใช้ความเร็วสูง และตีพอส่วนผสมเป็นเนื้อครีมเป็นอันใช้ได้
วิธีทำไส้เค็ม
• 1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด
• 2. ใส่น้ำมันลงในกระทะ ใช้ไฟปานกลาง ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงผัดจนหอม
• 3. ใส่กุ้งและมะพร้าวขูดลงไปผัดจนสุก เติมสีผสมอาหารสีส้มลงไปเล็กน้อย (พอให้สีสวย) ผัดให้เข้ากัน
• 4. ปรุงรสด้วยเกลือป่นและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ผัดให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ เตรียมไว้
วิธีทำขนมเบื้อง
• 1. เปิดเตาขนมเบื้อง (หรือกระทะเทฟลอน) ใช้ไฟอ่อน ๆ แล้วใช้กระจ่าตักแป้งขนมเบื้องแล้วละเลงเป็นแผ่นบาง ๆ (ขนาดตามต้องการ) ลงบนเตารอจนแป้งสุก (จะเป็นสีขาว)
• 2. ใช้กระจ่าตักส่วนผสมครีมทาลงบนแป้ง รอจนครีมร้อนจะเป็นฟองอากาศ
• 3. ตักส่วนผสมไส้หวานหรือไส้เค็มวางลงครีมตามชอบ
• 4. พอแป้งเกรียมและเริ่มกรอบแล้ว ใช้เกียงแซะแป้งขึ้นแล้วพับเป็นครึ่งวงกลม แซะขึ้นจากเตา จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สูตรขนมเบื้อง ขนมไทยวัยเด็กที่อยากลองทำเล่น
++++++++++++++++++++
4. ลูกชุบ
ยังจำได้สมัยเด็กคุณแม่สอนวิธีทำลูกชุบ ปั้นเป็นรูปพริก ชมพู่ มะละกอ แหม… นึกไปนึกมาก็คันไม้คันมืออยากทำลูกชุบแพ็กสวย ๆ ไปเยี่ยมท่านจัง เอาล่ะ… ไปซื้อส่วนผสมเตรียมพร้อมเลยดีกว่าเนอะ
ส่วนผสม ลูกชุบ
• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 400-500 กรัม
• น้ำตาลทราย 300 กรัม
• กะทิ 400 มิลลิลิตร
• เกลือป่นเล็กน้อยสำหรับปรุงรส
• สีผสมอาหารตามชอบ
• น้ำ 2 ถ้วย
• ผงวุ้นสำหรับทำขนม 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลูกชุบ
• 1. แช่ถั่วเขียวเราะเปลือกทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือ 1 คืน จากนั้นนำถั่วเขียวไปนึ่งให้สุก ประมาณ 20-30 นาที พักทิ้งไว้จนเย็น
• 2. ใส่ถั่วเขียวนึ่งสุกแล้วลงในเครื่องปั่น เติมน้ำตาลทราย กะทิ และเกลือป่นเล็กน้อย ปั่นจนส่วนผสมทั้งหมดละเอียดเข้ากันดี
• 3. ตักส่วนผสมลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนส่วนผสมนานประมาณ 30 นาที จนส่วนผสมร่อนออกจากกระทะ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้ คลุมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำ จนส่วนผสมเย็นตัวลง
• 4. นวดถั่วกวนจนเนื้อเนียนดี แบ่งถั่วกวนปั้นเป็นรูปทรงตามชอบ ลงสีให้สวยงาม เสียบด้วยไม้จิ้มฟัน เตรียมไว้
• 5. ใส่น้ำ ผงวุ้น และน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนจนส่วนผสมเดือด ลดไฟอ่อนลง ชุบถั่วกวนลงในวุ้นจนทั่ว พักไว้จนแห้งแล้วนำมาชุบซ้ำ 3 ครั้ง รอจนแห้ง แต่งให้สวยงาม พร้อมรับประทาน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลูกชุบหลากสี ขนมไทยสีสวยชวนรับประทาน
++++++++++++++++++++
5. วุ้นลูกชุบ
ลูกชุบเปล่า ๆ กินบ่อยก็เบื่อ ลองเพิ่มความเก๋ด้วยการทำเป็นวุ้นลูกชุบ สูตรจาก คุณ Three days before Valentine\'s สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้จับลูกชุบไปวางลงบนวุ้น คราวนี้อร่อยสองต่อได้กินควบทั้งวุ้นกับลูกชุบ
ส่วนผสม ลูกชุบ
• ถั่วเขียวซีกเราเปลือก 220 กรัม (นึ่งสุกบดละเอียด)
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
• น้ำกะทิ 1 ถ้วย
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
อุปกรณ์
• ไม้เสียบลูกชิ้น (ขนาดเล็ก)
• แผ่นโฟม
• พู่กันทาสี
• สีผสมอาหาร
ส่วนผสม วุ้นสำหรับชุบ
• ผงวุ้น 2 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 2 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
วิธีทำลูกชุบ
• 1. นำถั่วนึ่งสุก น้ำตาลทราย กะทิ และเกลือ ใส่เครื่องปั่น ปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
• 2. เทใส่กระทะกวนด้วยไฟปานกลางจนขนมล่อนจากกระทะ ลดความร้อนลงเป็นไฟอ่อน
• 3. กวนเนื้อขนมให้เนียนและเหนียวพอปั้นได้ ปิดไฟ วางผึ่งให้เย็น นำมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ เสียบไม้ ปักทิ้งไว้แล้วค่อย ๆ ระบายสี
• 4. ทำวุ้นชุบ โดยผสมผงวุ้นกับน้ำเปล่า เคี่ยวไฟอ่อน ๆ ประมาณ 25 นาที พอวุ้นละลายใสจนได้ที่แล้วก็ให้ใส่น้ำตาลทราย เคี่ยวต่ออีกสักพักประมาณ 15 นาที จึงจะนำมาชุบลูกชุบได้
• 5. พอสีลูกชุบแห้งจึงนำไปชุบวุ้น วิธีการชุบให้ชุบเพียง 1 ครั้ง แล้วหมุนไม้ขึ้น จากนั้นรอให้แห้ง แล้วชุบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อชุบเสร็จแล้วให้ปักทิ้งไว้ห่าง ๆ กัน ไม่เช่นนั้นวุ้นจะติดกัน
• 6. พอวุ้นเซตตัวแล้วให้ดึงออกจากไม้
ส่วนผสม วุ้นน้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพร
• น้ำเปล่า 3 ถ้วย
• ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย (ถ้าหากชอบหวานให้เพิ่มอีก 2 ช้อนโต๊ะ)
• น้ำผลไม้หรือน้ำสมุนไพร 1 ถ้วย
วิธีทำวุ้นน้ำผลไม้
• 1. ให้ผสมน้ำกับวุ้นเข้าด้วยกัน นำไปตั้งไฟความร้อนปานกลาง เคี่ยววุ้นให้ละลาย
• 2. ใส่น้ำตาลทราย ลดไฟลงให้อ่อน ๆ เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 5 นาที
• 3. เมื่อวุ้นใสได้ที่ให้เติมน้ำสมุนไพรแล้วเคี่ยวต่ออีก 5 นาที เสร็จแล้วจึงนำไปหล่อในน้ำร้อน เพื่อเตรียมไว้สำหรับหยอดใส่ถ้วย
วิธีทำวุ้นลูกชุบ
• 1. หยอดวุ้นเพียง 3 ใน 4 ส่วนของถ้วยเท่านั้น แล้วปล่อยให้วุ้นในถ้วยเย็นตัวลง
• 2. หยอดน้ำวุ้นลงไปเพิ่มอีกนิดหน่อย เพื่อเป็นตัวเชื่อมลูกชุบกับวุ้น
• 3. นำลูกชุบวางบนวุ้นที่หยอดไว้ให้ติดกัน
• 4. ตักน้ำวุ้นราดลงบนลูกชุบให้สวยงาม พอดีขอบถ้วย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วุ้นลูกชุบ ขนมหวานหลากสีสัน น่าทานสุด ๆ
++++++++++++++++++++
6. วุ้นกะทิใบเตย
วุ้นกะทิมีขายทั่วไป แต่ถ้าเป็นวุ้นกะทิใบเตยหากินยากเหมือนกันเนอะ ถ้าใครอยากทำกินเองเตรียมผงวุ้น กะทิ และใบเตยให้พร้อมเลยค่ะ พอทำเสร็จจับไปแช่เย็นฟิน
ส่วนผสม วุ้นใบเตย
• น้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้าต้องการความหอมให้ผสมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา)
• ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย ถึง 1 ถ้วย
• น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม วุ้นกะทิ
• กะทิ 2 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• เกลือป่น ปลายช้อนชา
วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย
• 1. ทำวุ้นใบเตย โดยใส่น้ำและผงวุ้นลงในหม้อ คนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ และไม่เป็นก้อน พักทิ้งไว้สักครู่
• 2. นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนผสมเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือดและผงวุ้นละลายหมด จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลละลาย
• 3. ใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลงจากเตาแล้วนำส่วนผสมไปกรอง
• 4. เทส่วนผสมวุ้นใบเตยใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนเซตตัว เตรียมไว้
• 5. ทำวุ้นกะทิ โดยใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยผงวุ้น จากนั้นคนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนจนผงวุ้นละลาย และกะทิเริ่มเดือด (แต่ไม่ต้องแตกมัน) จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา
• 6. ตักส่วนผสมวุ้นกะทิหยอดลงในพิมพ์ทับวุ้นใบเตยจนเต็มพิมพ์ นำวุ้นไปแช่เย็นจนเซตตัว นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 5 เมนูวุ้นกะทิ ขนมไทยหวานหอมกรุบกรอบรับร้อนสุดฟิน
++++++++++++++++++++
7. วุ้นเม็ดแมงลัก
วุ้นเม็ดแมงลัก เมนูขนมไทยวัยเด็กที่น่าสนใจ ขอบอกว่าทำง่ายเว่อร์ มีเม็ดแมงลักกับผงวุ้นก็พอ เพิ่มสีสันและความหวานจากน้ำหวานตามชอบ ทำเยอะ ๆ แช่เย็นกินตอนบ่ายได้เลยจ้า
ส่วนผสม วุ้นเม็ดแมงลัก
• ผงวุ้น 2 ช้อนชา
• น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (สำหรับผสมทำตัววุ้น)
• น้ำหวาน (ตามชอบ) 2 ถ้วยตวง
• เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนโต๊ะ
• พิมพ์วุ้น
วิธีทำวุ้นเม็ดแมงลัก
• 1. แช่เม็ดแมงลักในน้ำเปล่าจนพอง เตรียมไว้
• 2. ต้มน้ำจนเดือดแล้วใส่ผงวุ้นลงไปต้มจนละลาย ยกลงจากเตา พักไว้สักครู่พอให้คลายความร้อน
• 3. ใส่น้ำหวานตามชอบลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยเม็ดแมงลักที่แช่น้ำไว้แล้วตักใส่พิมพ์ นำไปแช่เย็นจนวุ้นเซตตัว
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 15 เมนูเม็ดแมงลัก อร่อยหลากสไตล์จากธัญพืชมากประโยชน์
++++++++++++++++++++
8. ไข่นกกระทาทอด
จำได้เมื่อตอนเด็กชอบกินเมนูไข่นกกระทาทอดมาก เพราะทั้งกรอบและเคี้ยวเพลิน พอเข้าสู่วัยทำงานถ้าอยากกินก็ต้องไปซื้อหน้าโรงเรียน เอาล่ะ… ต่อไปนี้ไม่ต้องไปแย่งเด็กกินแล้วค่ะ มาทำกินเองตามสูตรด้านล่างจนจุใจกันเลย
ส่วนผสม ไข่นกกระทาทอด
• มันเทศ ปอกเปลือกหั่นชิ้นเล็ก 300 กรัม
• แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 20 กรัม
• ผงฟู 1/2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• น้ำมันพืชสำหรับทอด
วิธีทำไข่นกกระทาทอด
• 1. นึ่งมันเทศในชุดนึ่งจนสุกนิ่ม พักทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นนำใส่อ่างผสม บดมันผ่านตะแกรงให้ละเอียดจนเนื้อเนียน
• 2. ใส่แป้งมัน แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในมันบด นวดผสมจนเนื้อเนียน ปั้นแป้งเป็นลูกกลม ๆ ขนาดเท่า ๆ กัน เตรียมไว้
• 3.เทน้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟกลางจนน้ำมันร้อน ใส่แป้งลงทอดจนสุกเหลือง และกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้ พร้อมรับประทาน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไข่นกกระทาทอด ลูกกลม ๆ หวาน ๆ เคี้ยวเพลิน
++++++++++++++++++++
9. ขนมไข่หงส์
แม้ขนมไข่หงส์จะมีขายทั่วไปแต่หาอร่อยยาก เพื่อตัดปัญหามาทำเองดีกว่า สูตรจาก คุณแม่หญิงกระจิดริด สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ไข่หงส์ทอดกรอบ ๆ เคลือบน้ำตาลเข้ากันดีกับไส้เค็ม ของดีแบบนี้ต้องเบิ้ล
ส่วนผสม แป้งขนมไข่หงส์
• แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
• มันเทศ (ต้มสุกแล้วบด) 1/3 ถ้วย (หรือใช้มันฝรั่งแทนได้)
• น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
• กะทิสำเร็จรูปกล่องเล็ก 1 กล่อง
• น้ำเย็น
ส่วนผสม ไส้ขนมไข่หงส์
• ถั่วทองนึ่งบด (ปริมาณตามชอบ)
• เกลือป่น (ปริมาณตามชอบ)
• น้ำตาลทราย (ปริมาณตามชอบ)
• รากผักชี กระเทียม และพริกไทย โขลกเข้าด้วยกัน (ปริมาณตามชอบ)
• หอมแดงเจียว (อย่าทิ้งน้ำมันที่ใช้เจียว)
ส่วนผสม น้ำตาลสำหรับเคลือบ
• น้ำ 1/4 ถ้วย
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
วิธีทำแป้งขนมไข่หงส์
• 1. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า มันเทศ และน้ำตาลปี๊บให้เข้ากัน (หมายเหตุ : ถ้าจะให้น้ำตาลปี๊บละลายง่าย ให้เอาเข้าไมโครเวฟอุ่นให้น้ำตาลนิ่มก่อน)
• 2. ค่อย ๆ ใส่กะทิลงไป นวดแป้งให้เข้ากัน (หมายเหตุ : ถ้ากะทิหมดแต่ส่วนผสมยังแห้งอยู่ให้เติมน้ำเพิ่มได้)
• 3. พักแป้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะการพักแป้งทิ้งไว้จะทำให้น้ำตาลกับแป้งเชื่อมโครงสร้างผสานตัวเข้าหากัน ทำให้เวลาทอดไม่ระเบิดนั่นเอง
วิธีทำไส้ขนมไข่หงส์
• 1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันที่เจียวหอมลงไป
• 2. ใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้ พอได้กลิ่นหอมแล้วใส่ถั่วทองลงไปผัด
• 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่น
• 4. ใส่หอมแดงเจียว ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
วิธีทำขนมไข่หงส์
• 1. ปั้นไส้ โดยบีบไส้ให้พอแน่น แล้วค่อยคลึงให้เป็นลูกกลม เตรียมไว้
• 2. ห่อไส้ด้วยแป้ง
• 3. ใช้น้ำมันทาที่มือและทาถาด ขนมจะได้ไม่ติดกัน นำแป้งที่เราพักไว้มาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วกดให้เป็นลักษณะแบน ๆ วางไส้ใส่ลงไป แล้วห่อให้มิด จากนั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมอีกครั้ง
• 4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟแรงรอให้น้ำมันร้อนจัด ลดลงเป็นไฟปานกลาง (ก่อนทอดให้คลึงแป้งอีกครั้งเพื่อเช็กรอยแตกและจะทำให้รอยกดทับบนถาดหายไป) ใส่ไข่หงส์ลงไปทอดจนได้สีเหลืองนวล ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้
• 5. ทำน้ำตาลเคลือบ โดยใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลละลายจนเป็นน้ำเชื่อมและตกทราย (ตกผลึก) ข้าง ๆ กระทะ
• 6. ใส่ไข่หงส์ที่ทอดแล้วลงไป คนจนน้ำตาลเริ่มเคลือบไข่หงส์ และตกทราย (ตกผลึก) จากนั้นตักขึ้นพักไว้ รอให้เย็น
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมไข่หงส์ ขนมไทยอร่อย ๆ มาแล้วจ้า
++++++++++++++++++++
10. ขนมลูกเต๋า
เจอขนมลูกเต๋าแป้งเยอะไม่ถูกปาก ต้องมาเจอสูตรแป้งบาง จาก คุณ Moo Nuy & The Bird สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งขนมบางกรอบไส้หวานน้อยกำลังดี ทำง่าย ๆ ด้วยการจี่กับกระทะเทฟลอน กินไม่หมดเก็บไว้กินวันหลังได้ด้วย
ส่วนผสม ไส้ถั่วกวน
• ถั่วเขียวเราะเปลือก 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• กะทิ 2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
ส่วนผสม ตัวแป้ง
• กะทิ 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำปูนใส 1 ช้อนชา
• ไข่แดง 1 ฟอง
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• งาดำคั่ว ตามชอบ (ไว้สำหรับตกแต่งหน้าขนม)
วิธีทำขนมลูกเต๋า
• 1. ล้างถั่วเขียวเราะเปลือกหลาย ๆ ครั้งให้สะอาด หรือจนน้ำที่ล้างใส
• 2. นำถั่วใส่ลงในหม้อหุงข้าว เติมน้ำสะอาดลงไป เอาพอให้ท่วมหลังมือมากกว่าการหุงข้าวสวยเล็กน้อย กดปุ่มหุงข้าวใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที จนถั่วสุกได้ที่ (วิธีนี้ไม่ต้องเสียเวลาไปแช่ถั่วนานถึง 6-8 ชั่วโมง และไม่ต้องเสียเวลาเอาไปนึ่งอีก 20-25 นาที)
• 3. นำถั่วที่นึ่งสุกแล้วไปปั่นรวมกับน้ำกะทิจนเนื้อเนียนละเอียดดี เทใส่กระทะเทฟลอน เติมน้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันให้หมด ชิมรสชาติตามชอบ
• 4. เปิดเตาโดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน กวนถั่วไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30 นาที จนถั่วเริ่มล่อนไม่ติดกระทะ พักทิ้งไว้จนเย็น
• 5. เริ่มทำตัวแป้งโดยผสมกะทิกับน้ำตาลปี๊บคนผสมให้พอละลาย เทใส่ภาชนะที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้แล้วนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรง (ประมาณ 800 วัตต์) นานประมาณ 2 นาที นำออกจากเตา คนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี
• 6. ใส่น้ำมันพืช น้ำปูนใส และไข่แดงลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้ง
• 7. ร่อนแป้ง 1 รอบ ใส่ลงในอ่างผสม ค่อย ๆ เติมส่วนผสมกะทิเมื่อครู่ลงไป ใช้พายค่อย ๆ คนผสมให้เข้ากันแล้วนวดต่อจนแป้งเนียนนุ่ม สามารถปั้นเป็นก้อนได้ (ไม่เหลวหรือแข็งจนเกินไป) เสร็จแล้วนำแป้งไปพักไว้ในไมโครเวฟประมาณ 30 นาที (หรือในภาชนะมิดชิด)
• 8. ปั้นไส้ถั่วกวนให้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดตามที่ต้องการ (สูตรนี้ปั้นได้ 51 ลูก ขนาดประมาณไข่แดงที่ต้มแล้ว)
• 9. แบ่งแป้งให้มีขนาดเท่า ๆ กัน ตามจำนวนของไส้ที่เราปั้นเอาไว้ โดยแป้งที่แบ่งแล้วจะมีขนาดประมาณ 2/3 ของตัวไส้ (สูตรนี้แป้งบาง) จากนั้นคลึงแป้งแล้วแผ่แป้งให้แบน ใส่ไส้ที่ปั้นไว้ ห่อให้มิด แล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ จนหมด
• 10. นำแป้งที่ห่อไส้แล้วมาตบแป้งให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า โดยใช้มือหรือไม้พาย หรือวัสดุที่มีความเรียบแบนช่วยขึ้นรูป เมื่อได้รูปร่างเหมือนลูกเต๋าแล้ว แปะงาดำคั่วไว้ด้านบนขนม
• 11. นำขนมไปจี่ในกระทะเทฟลอนโดยใช้ไฟอ่อน จี่ให้เหลืองสุกทั่วกันทุกด้าน วางพักให้เย็น จัดเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำขนมลูกเต๋า ขนมไทยโบราณทำเองได้ ยิ่งกินยิ่งเพลิน
++++++++++++++++++++
11. ขนมครกใบเตย
กะทิพร้อม ใบเตยพร้อม ลงมือทำเมนูขนมครกใบเตยกันเลยค่ะ สูตรจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน ขนมสีเขียวเนื้อเหนียวนุ่ม ทำกินเพลิน ๆ กับครอบครัว ไปปัดฝุ่นเตาขนมครกรอเลยค่ะ
ส่วนผสม ขนมครกใบเตย
• แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งมัน 1/4 ถ้วย
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
• ไข่ไก่ 1 ฟอง
• กะทิ 1/4 ถ้วย
• น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
• น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
อุปกรณ์
• เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
• ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา
วิธีทำขนมครกใบเตย
• 1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
• 2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
• 3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
• 4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
• 5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมครกใบเตย เหนียว ๆ นุ่ม ๆ สีสันสดใส ใคร ๆ ก็ชอบกิน
++++++++++++++++++++
12. กล้วยเชื่อมแดง
กินกล้วยเชื่อมแดงครั้งสุดท้ายก็ตอนเด็กโน้น แหม… จำไม่ค่อยได้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร มาทำกินเอง ณ บัดนาวเลย เนื้อกล้วยสีแดงธรรมชาติ รสชาติหวานหอม ไปซื้อกล้วยน้ำว้าเตรียมพร้อมเลยจ้า รับรองรสชาติเลิศไม่ผิดหวัง
ส่วนผสม กล้วยเชื่อมแดง
• กล้วยน้ำว้าห่าม ๆ 12 หวี (ประมาณ 8-10 ลูก)
• น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย) **ถ้าไม่มีน้ำปูนใสให้ใช้น้ำเปล่าผสมเกลือป่นได้
• น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
• ใบเตย 3 ใบ
• น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
• น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
• น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำกล้วยเชื่อมแดง
• 1. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าออกแล้วหั่นเป็น 4 ชิ้น นำไปแช่ทิ้งไว้ในน้ำปูนใส (หรือน้ำผสมเกลือ) ประมาณ 1 ชั่วโมง พอครบเวลานำไปล้างจนหมดกลิ่นปูน
• 2. ใส่น้ำเปล่า ใบเตย น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทรายลงในหม้อ พอเดือดใส่กล้วยน้ำว้าลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว รอให้เดือดอีกครั้งแล้วช้อนฟองทิ้งจนหมด เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกล้วยเปลี่ยนเป็นสีแดง ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยเชื่อมแดง ขนมไทยโบราณหากินยากแต่เราทำเองได้
++++++++++++++++++++
13. ขนมไข่
ขนมไข่ ขนมไทยวัยเด็กที่กินประจำ พอโตมาก็เริ่มหากินยากขึ้นเรื่อย ๆ อยากบอกว่าสูตรขนมไข่ทำง่ายกว่าที่คิดนะคะ ที่สำคัญสามารถใส่ไส้ลงไปในขนมได้ด้วย เก๋ใช่ไหมล่ะ ลองเลยเจ๋งจริง
ส่วนผสม ขนมไข่
• แป้งเค้ก 90 กรัม
• ผงฟู 1/2 ช้อนชา
• ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง (อุณหภูมิห้อง)
• น้ำตาลทราย 100 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
• น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา (หรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา)
วิธีทำขนมไข่
• 1. ร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน 2 ครั้ง เตรียมไว้
• 2. ตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงสุดจนขึ้นฟู
• 3. ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อน (เป็นรอยตะกร้อ) จากนั้นใส่น้ำมะนาวลงไปตีต่อให้เข้ากันอีกครั้ง
• 4. ค่อย ๆ แบ่งแป้งที่ร่อนไว้ลงไปคนตะล่อมเบา ๆ จนแป้งไม่เป็นเม็ด สุดท้ายเติมกลิ่นวานิลลาลงไปคนเบา ๆ ให้เข้ากันอีกครั้ง ตักส่วนผสมใส่ลงพิมพ์ประมาณ 3/4 พิมพ์
• 5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 15-20 นาทีจนขนมเป็นสีน้ำตาลและกรอบ นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนอุ่น นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมไข่ ขนมไทยโบราณกรอบนุ่มทำง่ายกว่าที่คิด
++++++++++++++++++++
14. ขนมเหนียว
ขนมเหนียว ขนมไทยโบราณหาทานยากมาก ๆ ทำกินเองง่ายกว่าเยอะ สูตรจาก นิตยสาร Foodstylist ขนมใส่สีสันได้ตามชอบ จับไปคลุกกับมะพร้าว โรยข้าวตัง ราดคาราเมล เพิ่มออปชั่นเสริมอย่างไอศกรีมกะทิ อูย… ท้องร้อง
ส่วนผสม ขนมเหนียว
• แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วยตวง
• แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
• มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง + 1/2 ถ้วยตวง
• สีผสมอาหารตามชอบ
• ข้าวตัง (สำหรับเสิร์ฟคู่)
• คาราเมล (สำหรับเสิร์ฟคู่)
• ไอศกรีมกะทิ (สำหรับเสิร์ฟคู่)
วิธีทำขนมเหนียว
• 1. นำมะพร้าวขูดคลุกเกลือและนำไปนึ่งประมาณ 15 นาที
• 2. ผสมแป้งข้าวเหนียว และแป้งข้าวเจ้านวดให้เข้ากันและไม่ติดมือ แบ่งแป้งใส่สีผสมอาหารตามชอบ
• 3. จากนั้นนำมาปั้นชิ้นพอคำ แล้วนำลงต้มในน้ำเดือด พอแป้งรอยขึ้นตักแช่น้ำเย็น
• 4. นำไปคลุกมะพร้าวที่นึ่งไว้
• 5. เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกะทิ ข้าวตัง และคาราเมล
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมเหนียวไอศกรีมกะทิ ขนมไทยโบราณเหนียวนุ่มหอมมะพร้าว
++++++++++++++++++++
15. ขนมใส่ไส้
และแล้วก็ถึงเมนูขนมใส่ไส้ที่รอคอย อยากให้มาทำเป็นอาหารว่างล้างปากกันเถอะ หน้าขนมเนื้อเนียนกับหน้ากระฉีกหวานหอม ถ้าไม่มีใบตองก็ใช้ภาชนะอื่น ๆ แทนได้เช่นกัน
ส่วนผสม ขนมใส่ไส้
• มะพร้าวขูดขาว 2 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• น้ำต้มสุก
• เทียนอบ (สำหรับอบควันเทียน) *ใช้หรือไม่ใช่ก็ได้ตามความสะดวก
• แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย
• น้ำเย็น 1/3 ถ้วย (หรือน้ำใบเตย, น้ำอัญชันแช่เย็น หากต้องการเพิ่มสีสัน)
• แป้งข้าวเจ้า 1/3 ถ้วย
• เกลือป่น 2 ช้อนชา
• หัวกะทิ 3 ถ้วย + 1/3 ถ้วย
อุปกรณ์สำหรับห่อขนม
• ใบตอง
• ใบมะพร้าว
• ไม้กลัด
เตรียมใบตอง
• ตัดใบตองเป็น 2 ขนาด แผ่นใหญ่ขนาดประมาณ 5X9 เซนติเมตร และแผ่นเล็กขนาดประมาณ 4X6 เซนติเมตร แล้วตัดหัว-ท้ายเป็นสามเหลี่ยม เช็ดให้สะอาดทั้ง 2 ด้าน นำไปตากแดดทิ้งไว้สักครู่ (เพื่อไม่ให้ใบตองแตกขณะห่อขนม)
วิธีทำหน้ากระฉีก (ส่วนผสมไส้)
• 1. กวนมะพร้าวขูดกับน้ำตาลมะพร้าว และน้ำต้มสุกในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ จนส่วนผสมเหนียวและแห้ง ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
• 2. พอส่วนผสมเย็นสนิทแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ประมาณ 1 นิ้วใส่ในภาชนะที่มีฝาปิด
• 3. นำส่วนผสมไส้ไปอบด้วยควันเทียน เตรียมไว้
วิธีทำแป้ง
• นวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำเย็นจนพอปั้นได้ จากนั้นปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเดียวกับหน้ากระฉีก เตรียมไว้
วิธีทำส่วนผสมหน้าขนม
• ผสมแป้งข้าวเจ้า เกลือป่น และกะทิคนให้ละลายเข้าด้วยกัน เทใส่ในกระทะทองเหลือง (หรือกระทะเทฟลอน) ใช้ไฟปานกลางกวนจนข้นและเดือดทั่ว ยกลงจากเตา เตรียมไว้
วิธีทำขนมใส่ไส้แบบห่อใบตอง
• 1. แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบาง ๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้กระฉีกวางลงไปตรงกลางแล้วหุ้มแป้งให้มิด วางขนมลงบนใบตองที่ซ้อนกัน
• 2. หงายใบตองแผ่นใหญ่ขึ้น (ด้านนวล) แล้ววางทับด้วยใบตองแผ่นเล็ก วางไส้ขนมลงไป จากนั้นตักหน้าขนมประมาณ 1/2 ช้อนชา ใส่ด้านบนไส้
• 3. ห่อใบตองเป็นทรงสูง ใช้ใบมะพร้าวที่เตรียมไว้คาดและกลัดด้วยไม้กลัดให้เรียบร้อย ตัดปลายเตี่ยวให้เฉียงและยาวพองาม วางเรียงห่อขนมลงในชุดนึ่ง
• 4. นำขนมไปนึ่งในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือดพล่านประมาณ 10 นาที ยกลงจากเตา
วิธีทำขนมใส่ไส้สูตรประยุกต์
• 1. ตักส่วนผสมหน้ากะทิใส่ลงในถ้วยขนาดเล็ก (หรือพิมพ์พลาสติก) ประมาณ 1/2 ของพิมพ์ เตรียมไว้
• 2. แผ่แป้งข้าวเหนียวที่ปั้นไว้เป็นแผ่นบาง ๆ (กะให้พอหุ้มไส้ได้มิด) จากนั้นหยิบไส้กระฉีกวางลงไปตรงกลางแล้วหุ้มแป้งให้มิด จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดจนลอยขึ้นมา ตักขึ้นใส่จาน เตรียมไว้
• 3. ค่อย ๆ นำส่วนผสมไส้วางลงในพิมพ์อย่างเบามือให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมใส่ไส้ ขนมไทยสุดคลาสสิก เนื้อเนียนไส้นุ่มละมุนทุกสัมผัส
++++++++++++++++++++
16. ข้าวเหนียวแดง
ถ้ามีข้าวเหนียวดิบเหลือแบ่งมาทำขนมข้าวเหนียวแดงกันดีกว่า เป็นอีกหนึ่งขนมไทยวัยเด็กที่น่าลองทำ จับข้าวเหนียวสุกไปกวนกับกะทิคาราเมล สีสันสวยงาม เนื้อจะกรุบ ๆ หอมอร่อยมากเลยจ้า
ส่วนผสม ข้าวเหนียวแดง
• ข้าวเหนียวนึ่งสุก 5 ถ้วย
• กะทิ 3 ถ้วยตวง
• น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
• งาขาวคั่ว 1/2 ถ้วย
วิธีทำข้าวเหนียวแดง
• 1. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวจนน้ำตาลละลายเป็นคาราเมล และมีสีเข้มขึ้น จากนั้นค่อย ๆ เทกะทิและใส่เกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากันดี
• 2. ใส่ข้าวเหนียวลงกวนกับส่วนผสมน้ำตาล ใช้พายไม้กวนเรื่อย ๆ จนข้าวเหนียวเริ่มแห้ง และร่อนออกจากกระทะ หรือประมาณ 15 นาที พักทิ้งไว้สักครู่ให้ขนมจับตัวกันเป็นก้อน
• 3. ตักขนมใส่ลงในถาดที่ทาน้ำมันพืชบาง ๆ เกลี่ยหน้าขนมให้เรียบ โรยงาขาวคั่ว ตัดเป็นชิ้น พร้อมรับประทาน
เทคนิคในการทำข้าวเหนียวแดง
- ถ้าอยากให้ขนมขึ้นเงาสวย หลังจากที่ตักขนมใส่ถาด ให้ใช้ใบตองวางลงบนหน้าขนมก่อนโรยงา แล้วเกลี่ยให้เรียบ จากนั้นนำใบตองออก แล้วค่อยโรยงา
- ถ้าใช้กระทะทองเหลือง สีของขนมจะเข้มกว่าใช้กระทะเทฟล่อน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวเหนียวแดง ขนมไทยหอมอร่อยเคี้ยวมันกินเพลิน
++++++++++++++++++++
17. กล้วยบวชชี
ปิดท้ายกันด้วยขนมไทยแสนอร่อยอย่างกล้วยบวชชี ขนมไทยวัยเด็กเมนูนี้หากินง่ายแต่ถ้าทำเองคุ้มกว่า มาพร้อมเคล็ดลับต้มกล้วยไม่ฝาด ไปซื้อกล้วยน้ำว้าพร้อมกันเลยจ้า
ส่วนผสม กล้วยบวชชี
• กล้วยน้ำว้าห่าม 8 ลูก
• หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
• ใบเตย 2 ใบ
• น้ำตาลปี๊บ 4 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
• เกลือเล็กน้อย
• หัวกะทิ 400 มิลลิลิตร
วิธีทำกล้วยบวชชี
• 1. ต้มกล้วยน้ำในน้ำเดือด นานประมาณ 3-5 นาที จนผิวกล้วยเริ่มแตกออก ตักขึ้น ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
• 2. ต้มหางกะทิกับใบเตยจนเดือด ใส่กล้วยตามด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และเกลือ ต้มจนเดือดอีกครั้ง ใส่หัวกะทิลงไป ต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ตักใส่ถ้วย พร้อมรับประทาน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยบวชชี ขนมไทยพื้นบ้าน หอมกลิ่นกะทิชวนรับประทาน
เชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องคุ้นหน้าค่าตากับ 17 เมนูขนมไทยวัยเด็กกันบ้างล่ะ บางเมนูก็ยังหากินง่าย แต่บางเมนูก็ไม่ค่อยมีให้เห็น หรือหากินยากมาก ๆ วันหยุดนี้มาย้อนวัยไปกับการทำขนมอร่อย ๆ ด้านบนกันดีกว่า ลุย !