1. โตเกียว
ส่วนผสม แป้งโตเกียว
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
 - เบกกิ้งโซดา
 - ผงฟู
 - น้ำตาลทราย
 - ไข่ไก่ 1 ฟอง
 - น้ำเปล่า หรือน้ำปูนใส 40 มิลลิลิตร
 - น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ
 
ส่วนผสม ไส้กรอกและไส้หมูสับ
- หมูสับ
 - รากผักชี
 - กระเทียม
 - ซอสหอยนางรม
 - ไส้กรอก
 
วิธีทำขนมโตเกียว
     1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเบกกิ้งโซดา ผงฟู น้ำตาลทราย ไข่ไก่ น้ำเปล่า และน้ำผึ้ง ตีผสมเข้าด้วยกันเป็นเนื้อเดียว เตรียมไว้
     2. โขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปผัดพอหอม ใส่หมูสับลงผัด ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ตักขึ้น จากนั้นนำไส้กรอกไปผัดในกระทะให้พอร้อน ๆ เตรียมไว้
     3. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ตักส่วนผสมแป้งประมาณครึ่งทัพพี หยอดลงในกระทะ ใช้ช้อนละเลงให้เป็นวงรี
     4. แบ่งแป้งบางส่วนใส่ในถุงพลาสติกแล้วตัดปลายถุง จากนั้นบีบแป้งเป็นเส้น ๆ ลงในกระทะ รอจนแป้งสุก สังเกตจากแป้งเริ่มมีฟองอากาศหยาบ ๆ แสดงว่าเริ่มสุกแล้ว
     5. ใส่ไส้หมูสับและไส้กรอกลงไป จากนั้นม้วนโตเกียว ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
 
2. วาฟเฟิลไส้กรอก
ส่วนผสม วาฟเฟิลไส้กรอก
- ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 5 ฟอง
 - น้ำตาลทราย 180 กรัม
 - สารเสริมเอสพี (SP) 1 ช้อนโต๊ะ
 - กลิ่นวานิลลา 1+1/2 ช้อนชา
 - แป้งสาลีอเนกประสงค์ (แป้งว่าว) 250 กรัม
 - แป้งบัวแดง (แป้งเค้ก) 250 กรัม
 - ผงฟู 2 ช้อนชา
 - เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
 - นมจืด 600 มิลลิลิตร
 - เนยสด 100 กรัม (ละลายแล้วพักให้อุ่นลง)
 - ไส้กรอก
 
วิธีทำวาฟเฟิลไส้กรอก
     1. ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย สารเสริมเอสพี และกลิ่นวานิลลาจนขึ้นฟู จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ที่ร่อนพร้อมแป้งบัวแดง ผงฟู และเกลือป่นลงไป แบ่งใส่สลับกับนม ประมาณ 3-4 รอบ พอตีเข้ากันดีแล้ว ค่อย ๆ ทยอยใส่เนยละลาย (ที่อุ่นแล้ว) ลงไปหยอดเป็นสาย จากนั้นตีต่ออีก 3-5 นาที เตรียมไว้
     2. อุ่นพิมพ์วาฟเฟิลจนร้อน จากนั้นทาด้วยน้ำมันรำข้าว เทแป้งลงไป 3/4 ส่วนของพิมพ์ วางไส้กรอกลงไป อบประมาณ 4 นาที
     3. พอครบ 4 นาที ยกไม้ออกมาเพราะวาฟเฟิลอาจจะยังไม่ฟูเต็มพิมพ์ สามารถหยอดแป้งลงไปในพิมพ์เพิ่มอีกเกือบครึ่งพิมพ์ จากนั้นเอาด้านที่แป้งไม่เต็มคว่ำหน้าลงไป อบต่อประมาณ 4 นาที
 
3. ขนมโป๊งเหน่ง
ส่วนผสม โป๊งเหน่ง
- แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
 - ผงฟู 1 ช้อนชา
 - เกลือ 1/2 ช้อนชา
 - ไข่ไก่ 2 ฟอง
 - น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
 - น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 - ไส้กรอก
 - น้ำมันสำหรับทอด
 
วิธีทำโป๊งเหน่ง
     1. เริ่มจากการนำแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือมาร่อน
     2. ตีไข่ไก่จนเกิดฟอง ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
     3. นำแป้งที่ร่อนไว้ทยอยใส่ลงไปในส่วนผสมไข่ สลับกับน้ำเปล่า ประมาณ 2-3 รอบ และคนจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกันและมีความเนียน ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนจนเข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็น 15-20 นาที
     4. หั่นไส้กรอกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเสียบไม้ เตรียมไว้
     5. พอครบเวลาพักแป้งแล้วให้นำแป้งมาใส่ในภาชนะทรงสูงเพื่อสะดวกต่อการชุบแป้ง
     6. ตั้งน้ำมันให้ร้อนโดยใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน พอน้ำมันร้อนแล้วนำไส้กรอกที่เสียบไม้ไว้มาชุบแป้ง แล้วนำไปทอดให้สีเหลืองสวย พักไว้ให้อุ่น
     7. เมื่ออุ่นแล้วนำมาชุบแป้งและทอดต่อ เราจะทำแบบนี้ไปจนได้ความอ้วนของแป้งตามต้องการ ปกติจะทำประมาณ 3-4 ชั้นก็อ้วนแล้ว จัดเสิร์ฟ
 
หมายเหตุ : ภาชนะที่ใช้ทอดควรเป็นหม้อทรงสูงเพื่อประหยัดน้ำมัน
เวลาเสียบไส้กรอกควรให้ปลายแหลมของไม้โผล่ออกมานิดหน่อยเพื่อป้องกันขนมโป๊งเหน่งหลุดจากไม้
เวลาชุบแป้งควรค่อย ๆ หมุนแป้งเพื่อให้แป้งกลมและไม่หยด
 
4. ขนมถังแตก
ส่วนผสม แป้งถังแตก
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
 - แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
 - ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
 - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
 - น้ำสะอาด 1+1/2 ถ้วยตวง
 - เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
 - ผงฟู 1/4 ช้อนชา
 - น้ำมันพืช หรือเนยสด สำหรับทากระทะ
 
ส่วนผสม ไส้ขนมถังแตก
- น้ำตาลทราย
 - เกลือป่น
 - งาขาว
 - งาดำคั่ว
 - มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวทึนทึกขูด
 
วิธีทำขนมถังแตก
    1. ทำแป้งขนมถังแตก โดยใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
     2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟอง พักไว้
     3. ทำไส้ขนม โดยผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาว และงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
     4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
     5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป (ใครชอบหวานมากหวานน้อยใส่ตามชอบเลยค่ะ) จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ
 
หมายเหตุ : การใส่น้ำตาลทรายลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อน รอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าวและใส่งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไป
 
5. วุ้นถ้วยเม็ดแมงลัก
        
    ส่วนผสม วุ้นเม็ดแมงลัก
- ผงวุ้น 2 ช้อนชา
 - น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (สำหรับผสมทำตัววุ้น)
 - น้ำหวานเข้มข้น (เลือกตามชอบ) 2 ถ้วยตวง
 - เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนโต๊ะ
 - พิมพ์วุ้น
 
วิธีทำวุ้นเม็ดแมงลัก
     1. แช่เม็ดแมงลักในน้ำเปล่าจนพอง เตรียมไว้
     2. ต้มน้ำจนเดือดแล้วใส่ผงวุ้นลงไปต้มจนละลาย ยกลงจากเตา พักไว้สักครู่พอให้คลายความร้อน
     3. ใส่น้ำหวานตามชอบลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยเม็ดแมงลักที่แช่น้ำไว้แล้วตักใส่พิมพ์ นำไปแช่เย็นจนวุ้นเซตตัว
 
6. วุ้นถ้วยใบเตย
        
    ส่วนผสม วุ้นใบเตย
- น้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้าต้องการความหอมให้ผสมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา)
 - ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
 - น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
 - น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย ถึง 1 ถ้วย
 
ส่วนผสม วุ้นกะทิ
- กะทิ 2+1/2 ถ้วย
 - ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
 - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
 - เกลือป่น ปลายช้อนชา
 
วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย
     1. ใส่น้ำและผงวุ้นลงในหม้อ คนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ และไม่เป็นก้อน พักทิ้งไว้สักครู่
     2. นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนผสมเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือดและผงวุ้นละลายหมด จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย
     3. ใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลงจากเตาแล้วนำส่วนผสมไปกรอง
     4. เทส่วนผสมวุ้นใบเตยใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนเซตตัว เตรียมไว้
     5. ใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยผงวุ้น จากนั้นคนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนจนผงวุ้นละลาย และกะทิเริ่มเดือด (แต่ไม่ต้องแตกมัน) จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา
     6. ตักส่วนผสมวุ้นกะทิหยอดลงในพิมพ์ทับวุ้นใบเตยจนเต็มพิมพ์ (ต้องแน่ใจว่าวุ้นใบเตยด้านล่างเซตตัวดีแล้ว)
     7. นำวุ้นไปแช่เย็นจนเซตตัว นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
 
7. ขนมครกใบเตย
ส่วนผสม ขนมครกใบเตย
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
 - แป้งมัน 1/4 ถ้วย
 - ผงฟู 1 ช้อนชา
 - น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
 - เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
 - ไข่ไก่ 1 ฟอง
 - กะทิ 1/4 ถ้วย
 - น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
 - น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์
 
อุปกรณ์
- เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
 - ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา
 
วิธีทำขนมครกใบเตย
     1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
     2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
     3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
     4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
     5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
 
8. ขนมไข่
        
    ส่วนผสม ขนมไข่
- แป้งเค้ก 90 กรัม
 - ผงฟู 1/2 ช้อนชา
 - ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง (อุณหภูมิห้อง)
 - น้ำตาลทราย 100 กรัม
 - กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
 - น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา (หรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา)
 
วิธีทำขนมไข่
     1. ร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน 2 ครั้ง เตรียมไว้
     2. ตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงสุดจนขึ้นฟู
     3. ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อน (เป็นรอยตะกร้อ) จากนั้นใส่น้ำมะนาวลงไปตีต่อให้เข้ากันอีกครั้ง
     4. ค่อย ๆ แบ่งแป้งที่ร่อนไว้ลงไปคนตะล่อมเบา ๆ จนแป้งไม่เป็นเม็ด สุดท้ายเติมกลิ่นวานิลลาลงไปคนเบา ๆ ให้เข้ากันอีกครั้ง ตักส่วนผสมใส่ลงพิมพ์ประมาณ 3/4 พิมพ์
     5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 15-20 นาทีหรือจนขนมเป็นสีน้ำตาลและกรอบ นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนอุ่น นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
 
9. ขนมดอกจอก
ส่วนผสม ขนมดอกจอก
- แป้งข้าวเจ้า 225 กรัม
 - แป้งมัน 75 กรัม
 - น้ำตาลทราย 100 กรัม
 - เกลือ 1 ช้อนชา
 - น้ำปูนใส 115 มิลลิลิตร
 - หัวกะทิ 225 มิลลิลิตร
 - ไข่ไก่ 2 ฟอง
 - สีผสมอาหารตามชอบ
 - งาดำ หรืองาขาว
 
วิธีทำขนมดอกจอก
2. ตั้งกระทะ รอให้น้ำมันเดือด พร้อมกับนำพิมพ์ดอกจอกใส่ลงไป เพื่อให้พิมพ์ร้อน
3. พอน้ำมันเดือดปรับเป็นไฟกลาง ๆ นำพิมพ์ที่ร้อนแล้วจุ่มลงไปในแป้ง อย่าให้แป้งมิดพิมพ์ เพราะจะทำให้ขนมเขย่าไม่ออก จากนั้นจุ่มลงไปในกระทะ รอให้เซตตัวสัก 2-3 วินาที แล้วค่อย ๆ เขย่าขนมจนขนมหลุดออก ทอดจนด้านหนึ่งสุก (จากนั้นก็นำพิมพ์แช่น้ำมันในกระทะ เพื่อให้พิมพ์ร้อนอยู่ตลอด ถ้าพิมพ์ไม่ร้อนจะจุ่มขนมไม่ติด) จากนั้นก็กลับด้าน พอสุกทั้ง 2 ด้าน ก็นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
4. นำมาจัดทรง โดยการใช้ก้นถ้วยในการช่วยจัดรูปทรงให้บานเป็นดอก จากนั้นพักให้เซตตัวสัก 5 นาที แล้วนำไปพักบนตะแกรง
10. ถั่วทอดแผ่น
        
    ส่วนผสม ถั่วทอดแผ่น
- ถั่วลิสงดิบ 6 ถ้วย
 - แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
 - แป้งมันสำปะหลัง 4 ช้อนโต๊ะ
 - ไข่ไก่ 2 ฟอง
 - น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
 - เกลือ 1 ช้อนชา
 - น้ำปูนใส 1 ถ้วย
 - น้ำกะทิ 1 ถ้วย
 - น้ำมันสำหรับทอด
 - พิมพ์ถั่วทอด
 
วิธีทำถั่วทอดแผ่น
     1. เตรียมอ่างผสม ใส่แป้ง ไข่ น้ำตาลทราย และเกลือ คนพอเข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำปูนใสลงไป นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมน้ำกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วนำไปกรองด้วยกระชอนถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง
     2. ใส่น้ำมันลงในกระทะหรือหม้อสำหรับทอด พอน้ำมันร้อน นำพิมพ์ลงแช่ในน้ำมันพอร้อนแล้วนำขึ้นมา (เพื่อให้ขนมไม่ติดพิมพ์) เทน้ำมันออก
     3. ตักแป้งใส่พิมพ์ความหนาบางตามชอบ โรยถั่วลงไปพอทั่ว นำพิมพ์ลงทอดในน้ำมันที่ร้อน ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน พอแป้งสุกจะลอยตัวหลุดพิมพ์ออกมาเอง ถ้ายังไม่หลุดก็ให้ช้อนหรือใช้ไม้ปลายแหลมช่วยแงะออก ทำจนแป้งหมด
     4. ทอดจนแผ่นถั่วเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พอขนมเย็นตัวลง จัดเสิร์ฟหรือเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิท
 
11. ขนมโก๋
ส่วนผสม ขนมโก๋ (ใช้พิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ 100 กรัม)
- แป้งขนมโก๋ 300 กรัม (หรือแป้งข้าวเหนียว เอาไปผัดไฟอ่อนจนแป้งสุก)
 - น้ำตาลไอซิ่ง 360 มิลลิลิตร
 - น้ำร้อน 100 กรัม
 
ส่วนผสม ไส้ถั่วกวน
- ถั่วเขียวเราะเปลือก 250 กรัม
 - น้ำตาลทราย 230 กรัม
 - เกลือ 1/4 ช้อนชา
 - น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
 
วิธีทำไส้ถั่วกวน
2. ใส่ถั่วลงไปในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำมันพืช กวนด้วยไฟอ่อนจนเริ่มงวด และถั่วร่อนจากกระทะ จากนั้นพักให้เย็นลง
วิธีทำขนมโก๋
     1. ผสมน้ำร้อนกับน้ำตาลไอซิ่ง คนให้เข้ากัน พักจนเย็นลง เทใส่ในแป้งขนมโก๋ เอามือนวดเคล้าจนเข้ากัน จากนั้นก็นำไปร่อนให้เนื้อขนมละเอียดขึ้น
     2. เตรียมไส้ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ
     3. ตักขนมโก๋ลงไปประมาณเกือบครึ่งพิมพ์แล้วกดให้แน่น จากนั้นวางไส้ถั่วลงไปแล้วแผ่ไว้ให้เป็นแผ่นวงกลม แล้วกดให้แน่น ตักแป้งลงไปจนเต็มแล้วกดให้แน่น กดพิมพ์ลงไป
 
12. ไข่หงส์
ส่วนผสม แป้งขนมไข่หงส์
- แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
 - แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
 - มันเทศ (ต้มสุกแล้วบด) 1/3 ถ้วย (หรือใช้มันฝรั่งแทนได้)
 - น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
 - กะทิสำเร็จรูปกล่องเล็ก 1 กล่อง
 - น้ำเย็น
 
ส่วนผสม ไส้ขนมไข่หงส์
- ถั่วทองนึ่งบด (ปริมาณตามชอบ)
 - เกลือป่น (ปริมาณตามชอบ)
 - น้ำตาลทราย (ปริมาณตามชอบ)
 - รากผักชี กระเทียม และพริกไทย โขลกเข้าด้วยกัน (ปริมาณตามชอบ)
 - หอมแดงเจียว (อย่าทิ้งน้ำมันที่ใช้เจียว)
 
ส่วนผสม น้ำตาลสำหรับเคลือบ
- น้ำ 1/4 ถ้วย
 - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
 
วิธีทำแป้งขนมไข่หงส์
2. ค่อย ๆ ใส่กะทิลงไป นวดแป้งให้เข้ากัน (หมายเหตุ : ถ้ากะทิหมดแต่ส่วนผสมยังแห้งอยู่ให้เติมน้ำเพิ่มได้)
3. พักแป้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะการพักแป้งทิ้งไว้จะทำให้น้ำตาลกับแป้งเชื่อมโครงสร้างผสานตัวเข้าหากัน ทำให้เวลาทอดไม่ระเบิดนั่นเอง
วิธีทำไส้ขนมไข่หงส์
2. ใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้ พอได้กลิ่นหอมแล้วใส่ถั่วทองลงไปผัด
3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่น
4. ใส่หอมแดงเจียว ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
วิธีทำขนมไข่หงส์
     1. ปั้นไส้ โดยบีบไส้ให้พอแน่น แล้วค่อยคลึงให้เป็นลูกกลม เตรียมไว้
     2. ห่อไส้ด้วยแป้ง
     3. ใช้น้ำมันทาที่มือและทาถาด ขนมจะได้ไม่ติดกัน นำแป้งที่เราพักไว้มาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วกดให้เป็นลักษณะแบน ๆ วางไส้ใส่ลงไป แล้วห่อให้มิด จากนั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมอีกครั้ง
     4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟแรงรอให้น้ำมันร้อนจัด ลดลงเป็นไฟปานกลาง (ก่อนทอดให้คลึงแป้งอีกครั้งเพื่อเช็กรอยแตกและจะทำให้รอยกดทับบนถาดหายไป) ใส่ไข่หงส์ลงไปทอดจนได้สีเหลืองนวล ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้
     5. ทำน้ำตาลเคลือบ โดยใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลละลายจนเป็นน้ำเชื่อมและตกทราย (ตกผลึก) ข้าง ๆ กระทะ
     6. ใส่ไข่หงส์ที่ทอดแล้วลงไป คนจนน้ำตาลเริ่มเคลือบไข่หงส์ และตกทราย (ตกผลึก) จากนั้นตักขึ้นพักไว้ รอให้เย็น
 
13. ไมโลโรงเรียน
        
    ส่วนผสม ไมโลโรงเรียน
- น้ำร้อน
 - ไมโล (3 in 1) 1 ซอง
 - น้ำแข็ง
 - นมสด (สำหรับราดหน้า)
 
วิธีทำไมโลสูตรรถโรงเรียน
     1. เทน้ำร้อนลงในแก้วประมาณ 1/4 ของแก้ว
     2. เทไมโล 3 in 1 ลงไป คนผสมให้ละลายจนเข้ากันดี
     3. เทน้ำแข็งลงไปประมาณ 3/4 ของแก้ว คนจนกว่าไมโลทั้งแก้วจะเย็นทั่ว
 
14. โอวัลตินภูเขาไฟ
        
    ส่วนผสม โอวัลตินภูเขาไฟ
- ผงโอวัลติน 8 ช้อนโต๊ะ
 - นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
 - น้ำแข็ง 1 แก้ว
 - เกล็ดน้ำแข็ง 1/2 ถ้วย
 - น้ำเปล่า
 
วิธีทำโอวัลตินภูเขาไฟ
     1. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด เตรียมไว้
     2. ใส่โอวัลติน 5 ช้อนโต๊ะลงในแก้วทนความร้อน เติมนมข้นหวาน และใส่น้ำร้อนลงไปประมาณ 1/2 แก้ว จากนั้นคนให้เข้ากันดี
     3. ตักเกล็ดน้ำแข็งใส่ในแก้วทรงสูงให้เต็มแก้ว เทโอวัลตินที่ชงไว้ลงไป โปะผงโอวันตินที่เหลือด้านบน
 
15. ไอศกรีมโบราณ (ไอติมตัด)
ส่วนผสม ไอศกรีมชาเขียวมัทฉะ (สีเขียว)
- ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
 - น้ำเดือด 1/4 ถ้วย
 - น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
 - นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย
 - เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/2 ถ้วย
 
ส่วนผสม ไอศกรีมแมงโก้ลาสซี่ (สีเหลือง)
- มะม่วงสุกปั่น (หรือบดละเอียด) 1/4 ถ้วย
 - โยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ต 1/4 ถ้วย
 - น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
 - เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/4 ถ้วย
 
ส่วนผสม ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีมิลค์เชค (สีชมพู)
- ซอสสตรอว์เบอร์รี 1/4 ถ้วย
 - นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
 - เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/2 ถ้วย
 
อุปกรณ์
- พิมพ์น้ำแข็งรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
 
วิธีทำไอศกรีมชาเขียว
2. ใส่น้ำตาลทรายและนมข้นหวานลงไปแล้วตีหรือคนให้เข้ากันอีกรอบ
3. ใส่เฮฟวี่ครีมลงไปผสม (เพื่อทำให้ไอศกรีมเข้มข้นมากขึ้น)
4. คนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้
วิธีทำไอศกรีมรสแมงโก้ลาสซี่
วิธีทำไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีมิลค์เชค
► ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปปั่นผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้
วิธีทำไอศกรีมคิวบ์
     1. นำส่วนผสมไอศกรีมแต่ละรสชาติเทใส่พิมพ์น้ำแข็ง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารก่อนนำไปแช่ช่องแข็ง ประมาณ 4-5 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
     2. พอไอศกรีมแข็งแล้วนำออกมาจากตู้เย็น ลอกพลาสติกถนอมอาหารออก แกะออกมาใส่ภาชนะ หรือใช้ไม้เสียบ พร้อมเสิร์ฟ
 
อูย… แอบท้องร้อง สงสัยต้องลองทำขนมวัยเด็กสักอย่างสองอย่างพอหายอยากกันหน่อยแล้ว โดยเฉพาะโตเกียวกับวุ้นถ้วยใบเตยของโปรด เพื่อน ๆ ชอบเมนูไหนลองทำกันเลยนะคะ
บทความเกี่ยวกับเมนูขนมวัยเด็กที่น่าสนใจ
17 วิธีทำขนมไทยในวัยเด็ก เจออีกครั้งต้องจัดเลย
สูตรขนมเบื้อง ขนมไทยวัยเด็กที่อยากลองทำเล่น
ลูกชุบ ขนมไทยสีคัลเลอร์ฟูลทำง่ายอร่อยได้ทุกวัย
9 วิธีทำแพนเค้ก สูตรโฮมเมดหนานุ่มหอมหวาน ง่าย ๆ อร่อยยามเช้า
4 สูตรขนมไข่นกกระทาทอด ขนมไข่เต่า ขนมไทยกรอบเหนียวหลากสีเคี้ยวเพลิน
          
        
                            
        
        
        
        
        
        
        
        
        





