15 เมนูขนมวัยเด็ก กับรสชาติที่คุ้นเคยชวนรำลึกครั้งเยาว์วัย

           วันเด็กปีนี้คนโต ๆ อย่างเราก็นึกอยากทำขนมวัยเด็กที่คุ้นปาก รวมทั้งเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ขาดไม่ได้ ลองทำกินเล่นเพลิน ๆ กันดูสิ อ้อ… อย่าลืมชวนเพื่อนสนิทมาปาร์ตี้ย้อนวัยด้วยกันนะ
          ใกล้วันเด็กแห่งชาติ 2563 ก็แอบนึกถึงวัยเด็กที่ได้กินขนมเด็กอร่อย ๆ เหมือนกันเนอะ สำหรับใครที่ชอบเข้าครัวมาย้อนความหลังกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมวัยเด็ก เช่น โตเกียว โป๊งเหน่ง ไข่หงส์ ขนมถังแตก ขนมไข่ เป็นต้น มีเครื่องดื่มสุดฮิตด้วยนะ เตรียมลิสต์เมนูพร้อมเข้าครัวกันเลยจ้า
 

1. โตเกียว

          ต่อจากนี้คงไม่ต้องรอดักรอรถเข็นโตเกียวกันแล้วเพราะทำเองได้ที่บ้าน สูตรนี้ใช้กระทะเทฟลอนแสนง่าย มาพร้อมวิธีทำแป้งโตเกียว ใส่ไส้กรอกและไส้หมูสับ หรือใครจะใส่ไส้สังขยาใบเตยหรือไส้ครีมก็ตามชอบนะคะ

ส่วนผสม แป้งโตเกียว

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม
  • เบกกิ้งโซดา
  • ผงฟู
  • น้ำตาลทราย
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำเปล่า หรือน้ำปูนใส 40 มิลลิลิตร
  • น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม ไส้กรอกและไส้หมูสับ

  • หมูสับ
  • รากผักชี
  • กระเทียม
  • ซอสหอยนางรม
  • ไส้กรอก

วิธีทำขนมโตเกียว

     1. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์กับเบกกิ้งโซดา ผงฟู น้ำตาลทราย ไข่ไก่ น้ำเปล่า และน้ำผึ้ง ตีผสมเข้าด้วยกันเป็นเนื้อเดียว เตรียมไว้
     2. โขลกรากผักชีกับกระเทียมเข้าด้วยกัน จากนั้นนำไปผัดพอหอม ใส่หมูสับลงผัด ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ตักขึ้น จากนั้นนำไส้กรอกไปผัดในกระทะให้พอร้อน ๆ เตรียมไว้
     3. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ ตักส่วนผสมแป้งประมาณครึ่งทัพพี หยอดลงในกระทะ ใช้ช้อนละเลงให้เป็นวงรี
     4. แบ่งแป้งบางส่วนใส่ในถุงพลาสติกแล้วตัดปลายถุง จากนั้นบีบแป้งเป็นเส้น ๆ ลงในกระทะ รอจนแป้งสุก สังเกตจากแป้งเริ่มมีฟองอากาศหยาบ ๆ แสดงว่าเริ่มสุกแล้ว
     5. ใส่ไส้หมูสับและไส้กรอกลงไป จากนั้นม้วนโตเกียว ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ โตเกียว เพิ่มเติมคลิก

2. วาฟเฟิลไส้กรอก

          แอบนึกถึงตอนเด็กที่เดินถือวาฟเฟิลไส้กรอกกินในโรงเรียน ว่าแล้วก็อย่าช้าลงมือทำกินเองเลยดีกว่า โดยอุปกรณ์ที่ต้องมีคือเครื่องทำวาฟเฟิลไส้กรอก และความพิเศษของแป้งวาฟเฟิลสูตรนี้คือใส่เนยสดกลิ่นหอม ถ้าต้องการความสะดวกสามารถใช้แป้งวาฟเฟิลสำเร็จรูปได้เช่นกัน ยิ่งกินตอนร้อน ๆ จะกรอบนอกนุ่มในมากเลยค่ะ

ส่วนผสม วาฟเฟิลไส้กรอก

  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 5 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 180 กรัม
  • สารเสริมเอสพี (SP) 1 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1+1/2 ช้อนชา
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (แป้งว่าว) 250 กรัม
  • แป้งบัวแดง (แป้งเค้ก) 250 กรัม
  • ผงฟู 2 ช้อนชา
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • นมจืด 600 มิลลิลิตร
  • เนยสด 100 กรัม (ละลายแล้วพักให้อุ่นลง)
  • ไส้กรอก

วิธีทำวาฟเฟิลไส้กรอก

     1. ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย สารเสริมเอสพี และกลิ่นวานิลลาจนขึ้นฟู จากนั้นค่อย ๆ ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ที่ร่อนพร้อมแป้งบัวแดง ผงฟู และเกลือป่นลงไป แบ่งใส่สลับกับนม ประมาณ 3-4 รอบ พอตีเข้ากันดีแล้ว ค่อย ๆ ทยอยใส่เนยละลาย (ที่อุ่นแล้ว) ลงไปหยอดเป็นสาย จากนั้นตีต่ออีก 3-5 นาที เตรียมไว้
     2. อุ่นพิมพ์วาฟเฟิลจนร้อน จากนั้นทาด้วยน้ำมันรำข้าว เทแป้งลงไป 3/4 ส่วนของพิมพ์ วางไส้กรอกลงไป อบประมาณ 4 นาที
     3. พอครบ 4 นาที ยกไม้ออกมาเพราะวาฟเฟิลอาจจะยังไม่ฟูเต็มพิมพ์ สามารถหยอดแป้งลงไปในพิมพ์เพิ่มอีกเกือบครึ่งพิมพ์ จากนั้นเอาด้านที่แป้งไม่เต็มคว่ำหน้าลงไป อบต่อประมาณ 4 นาที
 

ดูวิธีทำ วาฟเฟิลไส้กรอก เพิ่มเติมคลิก

3. ขนมโป๊งเหน่ง

          เป็นอันรู้กันดีว่าขนมโป๊งเหน่งส่วนใหญ่จะมีขายตามงานวัด แหม… ถ้าอยากกินตอนนี้เลยใครล่ะจะไปรอไหว ขอจัดสักไม้สองไม้พอหอมปากหอมคอกันก่อน สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำแป้งง่าย ๆ แค่เสียเวลาตรงชุบแป้งและทอดต่อเท่านั้น รับรองถ้าได้กินแล้วจะติดใจอยากทำซ้ำแน่นอนค่ะ

ส่วนผสม โป๊งเหน่ง

  • แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • ไส้กรอก
  • น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำโป๊งเหน่ง

     1. เริ่มจากการนำแป้งอเนกประสงค์ ผงฟู และเกลือมาร่อน
     2. ตีไข่ไก่จนเกิดฟอง ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย
     3. นำแป้งที่ร่อนไว้ทยอยใส่ลงไปในส่วนผสมไข่ สลับกับน้ำเปล่า ประมาณ 2-3 รอบ และคนจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกันและมีความเนียน ใส่กลิ่นวานิลลาลงไป คนจนเข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็น 15-20 นาที
     4. หั่นไส้กรอกเป็นชิ้นเล็ก ๆ และเสียบไม้ เตรียมไว้
     5. พอครบเวลาพักแป้งแล้วให้นำแป้งมาใส่ในภาชนะทรงสูงเพื่อสะดวกต่อการชุบแป้ง
     6. ตั้งน้ำมันให้ร้อนโดยใช้ไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน พอน้ำมันร้อนแล้วนำไส้กรอกที่เสียบไม้ไว้มาชุบแป้ง แล้วนำไปทอดให้สีเหลืองสวย พักไว้ให้อุ่น
     7. เมื่ออุ่นแล้วนำมาชุบแป้งและทอดต่อ เราจะทำแบบนี้ไปจนได้ความอ้วนของแป้งตามต้องการ ปกติจะทำประมาณ 3-4 ชั้นก็อ้วนแล้ว จัดเสิร์ฟ
 

หมายเหตุ : ภาชนะที่ใช้ทอดควรเป็นหม้อทรงสูงเพื่อประหยัดน้ำมัน
เวลาเสียบไส้กรอกควรให้ปลายแหลมของไม้โผล่ออกมานิดหน่อยเพื่อป้องกันขนมโป๊งเหน่งหลุดจากไม้
เวลาชุบแป้งควรค่อย ๆ หมุนแป้งเพื่อให้แป้งกลมและไม่หยด

 

ดูวิธีทำ ขนมโป๊งเหน่ง เพิ่มเติมคลิก

4. ขนมถังแตก

          จู่ ๆ ก็อยากกินขนมถังแตก ขนมวัยเด็กหากินยาก สูตรนี้ทำง่าย ๆ ด้วยกระทะเทฟลอน มาพร้อมวิธีทำแป้งถังแตกและไส้มะพร้าวงาน้ำตาล ทั้งนี้สามารถดัดแปลงเป็นถังแตกไส้ฝอยทอง ถังแตกไส้ถั่วทอง ถังแตกไส้ข้าวโพดหรือไส้ขนมอื่น ๆ ตามชอบ

ส่วนผสม แป้งถังแตก

  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
  • ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • น้ำสะอาด 1+1/2 ถ้วยตวง
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • ผงฟู 1/4 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช หรือเนยสด สำหรับทากระทะ

ส่วนผสม ไส้ขนมถังแตก

  • น้ำตาลทราย
  • เกลือป่น
  • งาขาว
  • งาดำคั่ว
  • มะพร้าวอ่อนหรือมะพร้าวทึนทึกขูด

วิธีทำขนมถังแตก

    1. ทำแป้งขนมถังแตก โดยใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
     2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟอง พักไว้
     3. ทำไส้ขนม โดยผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาว และงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
     4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
     5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป (ใครชอบหวานมากหวานน้อยใส่ตามชอบเลยค่ะ) จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ
 

หมายเหตุ : การใส่น้ำตาลทรายลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อน รอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าวและใส่งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไป
 

ดูวิธีทำ ขนมถังแตก เพิ่มเติมคลิก

5. วุ้นถ้วยเม็ดแมงลัก

ขนมวัยเด็ก

          ใครกำลังคิดถึงเมนูวุ้นถ้วยเม็ดแมงลักหลากสีเมื่อครั้งวัยเด็ก วันหยุดนี้มาทำกินกันดีไหม ส่วนผสมหลัก ๆ มีแค่ผงวุ้นกับเม็ดแมงลัก ที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำหวานสีสันตามชอบ เทใส่พิมพ์ถ้วยหรือพิมพ์น่ารัก ๆ ยิ่งเพิ่มความน่ากินนะคะ

ส่วนผสม วุ้นเม็ดแมงลัก

  • ผงวุ้น 2 ช้อนชา
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง (สำหรับผสมทำตัววุ้น)
  • น้ำหวานเข้มข้น (เลือกตามชอบ) 2 ถ้วยตวง
  • เม็ดแมงลัก 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • พิมพ์วุ้น

วิธีทำวุ้นเม็ดแมงลัก

     1. แช่เม็ดแมงลักในน้ำเปล่าจนพอง เตรียมไว้
     2. ต้มน้ำจนเดือดแล้วใส่ผงวุ้นลงไปต้มจนละลาย ยกลงจากเตา พักไว้สักครู่พอให้คลายความร้อน
     3. ใส่น้ำหวานตามชอบลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยเม็ดแมงลักที่แช่น้ำไว้แล้วตักใส่พิมพ์ นำไปแช่เย็นจนวุ้นเซตตัว
 

ดูวิธีทำ วุ้นถ้วยเม็ดแมงลัก เพิ่มเติมคลิก

6. วุ้นถ้วยใบเตย

ขนมวัยเด็ก

          เมนูวุ้นถ้วยใบเตยเป็นอีกหนึ่งเมนูขนมวัยเด็กแสนอร่อย จำได้ว่าสมัยเด็กเคยแข่งกินกับเพื่อน บีบเข้าปากเอา ๆ นี่ฟินสุดเลย สูตรนี้มีทั้งวุ้นกะทิและใบเตยสลับสีกันสวยงามและตัดเลี่ยน หรือใครจะทำแค่วุ้นใบเตยอย่างเดียวก็ตามสบายเลยจ้า

ส่วนผสม วุ้นใบเตย

  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้าต้องการความหอมให้ผสมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา)
  • ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย ถึง 1 ถ้วย

ส่วนผสม วุ้นกะทิ

  • กะทิ 2+1/2 ถ้วย
  • ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น ปลายช้อนชา

วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย

     1. ใส่น้ำและผงวุ้นลงในหม้อ คนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ และไม่เป็นก้อน พักทิ้งไว้สักครู่
     2. นำส่วนผสมขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนผสมเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือดและผงวุ้นละลายหมด จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย
     3. ใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลงจากเตาแล้วนำส่วนผสมไปกรอง
     4. เทส่วนผสมวุ้นใบเตยใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนเซตตัว เตรียมไว้
     5. ใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยผงวุ้น จากนั้นคนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนจนผงวุ้นละลาย และกะทิเริ่มเดือด (แต่ไม่ต้องแตกมัน) จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา
     6. ตักส่วนผสมวุ้นกะทิหยอดลงในพิมพ์ทับวุ้นใบเตยจนเต็มพิมพ์ (ต้องแน่ใจว่าวุ้นใบเตยด้านล่างเซตตัวดีแล้ว)
     7. นำวุ้นไปแช่เย็นจนเซตตัว นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ วุ้นถ้วยใบเตย เพิ่มเติมคลิก

7. ขนมครกใบเตย

          แค่เห็นภาพก็น้ำย่อยเดินแล้วสำหรับเมนูขนมครกใบเตย เนื้อแป้งสีเขียวเหนียวนุ่มหวานมันกะทิ หยอดลงในพิมพ์ขนมครก หรือถ้าใครอุปกรณ์ไม่พร้อมสามารถหยอดใส่กระทะเทฟลอนได้นะคะ กินแบบแผ่น ๆ ก็อร่อยไปอีกแบบเนอะ

ส่วนผสม ขนมครกใบเตย

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งมัน 1/4 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • กะทิ 1/4 ถ้วย
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
  • น้ำมันพืชสำหรับทาพิมพ์

อุปกรณ์

  • เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
  • ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา

วิธีทำขนมครกใบเตย

     1. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
     2. ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
     3. เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
     4. นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
     5. เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ขนมครกใบเตย เพิ่มเติมคลิก

8. ขนมไข่

ขนมวัยเด็ก

          ใครมีเตาอบเตรียมปัดฝุ่นรอได้เลย ชวนทำขนมไข่ สูตรขนมวัยเด็กส่วนผสมน้อยแต่อร่อยมาก ถ้าอยากเพิ่มความเก๋สามารถใส่ลูกเกด ช็อกโกแลตชิพ หรือสอดไส้แยมดูสิคะ

ส่วนผสม ขนมไข่

  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 3 ฟอง (อุณหภูมิห้อง)
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา (หรือครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา)

วิธีทำขนมไข่

     1. ร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน 2 ครั้ง เตรียมไว้
     2. ตีไข่ไก่ด้วยความเร็วสูงสุดจนขึ้นฟู
     3. ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำตาลทรายลงไป ตีต่อเร็วสูงจนตั้งยอดอ่อน (เป็นรอยตะกร้อ) จากนั้นใส่น้ำมะนาวลงไปตีต่อให้เข้ากันอีกครั้ง
     4. ค่อย ๆ แบ่งแป้งที่ร่อนไว้ลงไปคนตะล่อมเบา ๆ จนแป้งไม่เป็นเม็ด สุดท้ายเติมกลิ่นวานิลลาลงไปคนเบา ๆ ให้เข้ากันอีกครั้ง ตักส่วนผสมใส่ลงพิมพ์ประมาณ 3/4 พิมพ์
     5. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 15-20 นาทีหรือจนขนมเป็นสีน้ำตาลและกรอบ นำออกจากเตา พักทิ้งไว้จนอุ่น นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ขนมไข่ เพิ่มเติมคลิก

9. ขนมดอกจอก

          ใครอยากกินขนมดอกจอกอาจต้องไปหาตามตลาดนัดหรืองานวัดซึ่งมีบ้างไม่มีบ้าง ถ้าไม่อยากรอคอยไปซื้อพิมพ์ดอกจอกรอได้เลยค่ะ สูตรนี้มีความพิเศษที่แป้งเติมสีสันตามชอบ

ส่วนผสม ขนมดอกจอก

  • แป้งข้าวเจ้า 225 กรัม
  • แป้งมัน 75 กรัม
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำปูนใส 115 มิลลิลิตร
  • หัวกะทิ 225 มิลลิลิตร
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • สีผสมอาหารตามชอบ
  • งาดำ หรืองาขาว

วิธีทำขนมดอกจอก

     1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำปูนใส หัวกะทิ และไข่ไก่ แล้วตีให้เข้ากันนำมากรอง จากนั้นแบ่งผสมสีตามชอบ ใส่งาดำหรืองาขาวเพิ่มความหอม แล้วคนให้เข้ากัน
     2. ตั้งกระทะ รอให้น้ำมันเดือด พร้อมกับนำพิมพ์ดอกจอกใส่ลงไป เพื่อให้พิมพ์ร้อน
     3. พอน้ำมันเดือดปรับเป็นไฟกลาง ๆ นำพิมพ์ที่ร้อนแล้วจุ่มลงไปในแป้ง อย่าให้แป้งมิดพิมพ์ เพราะจะทำให้ขนมเขย่าไม่ออก จากนั้นจุ่มลงไปในกระทะ รอให้เซตตัวสัก 2-3 วินาที แล้วค่อย ๆ เขย่าขนมจนขนมหลุดออก ทอดจนด้านหนึ่งสุก (จากนั้นก็นำพิมพ์แช่น้ำมันในกระทะ เพื่อให้พิมพ์ร้อนอยู่ตลอด ถ้าพิมพ์ไม่ร้อนจะจุ่มขนมไม่ติด) จากนั้นก็กลับด้าน พอสุกทั้ง 2 ด้าน ก็นำขึ้นมาสะเด็ดน้ำมัน
     4. นำมาจัดทรง โดยการใช้ก้นถ้วยในการช่วยจัดรูปทรงให้บานเป็นดอก จากนั้นพักให้เซตตัวสัก 5 นาที แล้วนำไปพักบนตะแกรง
 

ดูวิธีทำ ขนมดอกจอก เพิ่มเติมคลิก

10. ถั่วทอดแผ่น

ขนมวัยเด็ก

          ซื้อถั่วลิสงรอได้เลยสำหรับใครที่อยากจะทำเมนูถั่วทอดแผ่น โดยอุปกรณ์ที่ต้องมีคือพิมพ์ถั่วทอด สูตรแป้งเพิ่มความอร่อยด้วยกะทิ ใครจะดัดแปลงเป็นถั่วทอดกลอยก็ตามชอบเลยนะคะ

ส่วนผสม ถั่วทอดแผ่น

  • ถั่วลิสงดิบ 6 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย
  • แป้งมันสำปะหลัง 4 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำปูนใส 1 ถ้วย
  • น้ำกะทิ 1 ถ้วย
  • น้ำมันสำหรับทอด
  • พิมพ์ถั่วทอด

วิธีทำถั่วทอดแผ่น

     1. เตรียมอ่างผสม ใส่แป้ง ไข่ น้ำตาลทราย และเกลือ คนพอเข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำปูนใสลงไป นวดจนส่วนผสมเข้ากันดี เติมน้ำกะทิลงไป คนให้เข้ากัน แล้วนำไปกรองด้วยกระชอนถี่ ๆ หรือผ้าขาวบาง
     2. ใส่น้ำมันลงในกระทะหรือหม้อสำหรับทอด พอน้ำมันร้อน นำพิมพ์ลงแช่ในน้ำมันพอร้อนแล้วนำขึ้นมา (เพื่อให้ขนมไม่ติดพิมพ์) เทน้ำมันออก
     3. ตักแป้งใส่พิมพ์ความหนาบางตามชอบ โรยถั่วลงไปพอทั่ว นำพิมพ์ลงทอดในน้ำมันที่ร้อน ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน พอแป้งสุกจะลอยตัวหลุดพิมพ์ออกมาเอง ถ้ายังไม่หลุดก็ให้ช้อนหรือใช้ไม้ปลายแหลมช่วยแงะออก ทำจนแป้งหมด
     4. ทอดจนแผ่นถั่วเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พอขนมเย็นตัวลง จัดเสิร์ฟหรือเก็บใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิท
 

ดูวิธีทำ ถั่วทอดแผ่น เพิ่มเติมคลิก

11. ขนมโก๋

          นานมาแล้วที่ไม่ได้กินขนมโก๋ ก็เลยนึกอยากทำสักหน่อย สูตรนี้ใช้แป้งขนมโก๋สำเร็จรูปนวดกับน้ำตาลไอซิ่งผสมน้ำร้อน มาพร้อมวิธีทำไส้ถั่วกวน

ส่วนผสม ขนมโก๋ (ใช้พิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ 100 กรัม)

  • แป้งขนมโก๋ 300 กรัม (หรือแป้งข้าวเหนียว เอาไปผัดไฟอ่อนจนแป้งสุก)
  • น้ำตาลไอซิ่ง 360 มิลลิลิตร
  • น้ำร้อน 100 กรัม

ส่วนผสม ไส้ถั่วกวน

  • ถั่วเขียวเราะเปลือก 250 กรัม
  • น้ำตาลทราย 230 กรัม
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำไส้ถั่วกวน

     1. นำถั่วเขียวเราะเปลือกล้างน้ำให้สะอาดแล้วแช่ไว้ประมาณ 5 ชั่วโมง นำถั่วไปนึ่งจนสุกและบดให้ละเอียด
     2. ใส่ถั่วลงไปในกระทะ ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำมันพืช กวนด้วยไฟอ่อนจนเริ่มงวด และถั่วร่อนจากกระทะ จากนั้นพักให้เย็นลง

วิธีทำขนมโก๋

     1. ผสมน้ำร้อนกับน้ำตาลไอซิ่ง คนให้เข้ากัน พักจนเย็นลง เทใส่ในแป้งขนมโก๋ เอามือนวดเคล้าจนเข้ากัน จากนั้นก็นำไปร่อนให้เนื้อขนมละเอียดขึ้น
     2. เตรียมไส้ ปั้นเป็นลูกกลม ๆ
     3. ตักขนมโก๋ลงไปประมาณเกือบครึ่งพิมพ์แล้วกดให้แน่น จากนั้นวางไส้ถั่วลงไปแล้วแผ่ไว้ให้เป็นแผ่นวงกลม แล้วกดให้แน่น ตักแป้งลงไปจนเต็มแล้วกดให้แน่น กดพิมพ์ลงไป
 

ดูวิธีทำ ขนมโก๋ เพิ่มเติมคลิก

12. ไข่หงส์

          ใครสนใจอยากทำเมนูไข่หงส์แป้งนุ่ม ๆ เคลือบน้ำตาลทรายเหมือนกันบ้าง มาพร้อมวิธีทำแป้งขนมใส่มันเทศและไส้ถั่วเหลืองเค็ม สุดท้ายเคลือบด้วยน้ำตาลทราย

ส่วนผสม แป้งขนมไข่หงส์

  • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
  • มันเทศ (ต้มสุกแล้วบด) 1/3 ถ้วย (หรือใช้มันฝรั่งแทนได้)
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
  • กะทิสำเร็จรูปกล่องเล็ก 1 กล่อง
  • น้ำเย็น

ส่วนผสม ไส้ขนมไข่หงส์

  • ถั่วทองนึ่งบด (ปริมาณตามชอบ)
  • เกลือป่น (ปริมาณตามชอบ)
  • น้ำตาลทราย (ปริมาณตามชอบ)
  • รากผักชี กระเทียม และพริกไทย โขลกเข้าด้วยกัน (ปริมาณตามชอบ)
  • หอมแดงเจียว (อย่าทิ้งน้ำมันที่ใช้เจียว)

ส่วนผสม น้ำตาลสำหรับเคลือบ

  • น้ำ 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย

วิธีทำแป้งขนมไข่หงส์

     1. ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า มันเทศ และน้ำตาลปี๊บให้เข้ากัน (หมายเหตุ : ถ้าจะให้น้ำตาลปี๊บละลายง่าย ให้เอาเข้าไมโครเวฟอุ่นให้น้ำตาลนิ่มก่อน)
     2. ค่อย ๆ ใส่กะทิลงไป นวดแป้งให้เข้ากัน (หมายเหตุ : ถ้ากะทิหมดแต่ส่วนผสมยังแห้งอยู่ให้เติมน้ำเพิ่มได้)
     3. พักแป้งเป็นเวลา 1 ชั่วโมงขึ้นไป ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะการพักแป้งทิ้งไว้จะทำให้น้ำตาลกับแป้งเชื่อมโครงสร้างผสานตัวเข้าหากัน ทำให้เวลาทอดไม่ระเบิดนั่นเอง

วิธีทำไส้ขนมไข่หงส์

     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันที่เจียวหอมลงไป
     2. ใส่รากผักชี กระเทียม และพริกไทยที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม ระวังอย่าให้ไหม้ พอได้กลิ่นหอมแล้วใส่ถั่วทองลงไปผัด
     3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายและเกลือป่น
     4. ใส่หอมแดงเจียว ผัดให้เข้ากัน ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น

วิธีทำขนมไข่หงส์

     1. ปั้นไส้ โดยบีบไส้ให้พอแน่น แล้วค่อยคลึงให้เป็นลูกกลม เตรียมไว้
     2. ห่อไส้ด้วยแป้ง
     3. ใช้น้ำมันทาที่มือและทาถาด ขนมจะได้ไม่ติดกัน นำแป้งที่เราพักไว้มาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ แล้วกดให้เป็นลักษณะแบน ๆ วางไส้ใส่ลงไป แล้วห่อให้มิด จากนั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมอีกครั้ง
     4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟแรงรอให้น้ำมันร้อนจัด ลดลงเป็นไฟปานกลาง (ก่อนทอดให้คลึงแป้งอีกครั้งเพื่อเช็กรอยแตกและจะทำให้รอยกดทับบนถาดหายไป) ใส่ไข่หงส์ลงไปทอดจนได้สีเหลืองนวล ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พักไว้
     5. ทำน้ำตาลเคลือบ โดยใส่น้ำกับน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง คนผสมจนน้ำตาลละลายจนเป็นน้ำเชื่อมและตกทราย (ตกผลึก) ข้าง ๆ กระทะ
     6. ใส่ไข่หงส์ที่ทอดแล้วลงไป คนจนน้ำตาลเริ่มเคลือบไข่หงส์ และตกทราย (ตกผลึก) จากนั้นตักขึ้นพักไว้ รอให้เย็น
 

ดูวิธีทำ ไข่หงส์ เพิ่มเติมคลิก

13. ไมโลโรงเรียน

ขนมวัยเด็ก

          ย้อนวัยใสกับเครื่องดื่มไมโลโรงเรียนกันไหมคะ ส่วนผสมมีผงไมโลแบบ 3 in 1 ชงกับน้ำร้อนจนละลาย สุดท้ายใส่น้ำแข็งลงไป และราดนมสด

ส่วนผสม ไมโลโรงเรียน

  • น้ำร้อน
  • ไมโล (3 in 1) 1 ซอง
  • น้ำแข็ง
  • นมสด (สำหรับราดหน้า)

วิธีทำไมโลสูตรรถโรงเรียน

     1. เทน้ำร้อนลงในแก้วประมาณ 1/4 ของแก้ว
     2. เทไมโล 3 in 1 ลงไป คนผสมให้ละลายจนเข้ากันดี
     3. เทน้ำแข็งลงไปประมาณ 3/4 ของแก้ว คนจนกว่าไมโลทั้งแก้วจะเย็นทั่ว
 

ดูวิธีทำ ไมโลโรงเรียน เพิ่มเติมคลิก

14. โอวัลตินภูเขาไฟ

ขนมวัยเด็ก

          และแล้วก็ถึงเครื่องดื่มวัยเด็กที่รอคอยนั่นคือโอวัลตินภูเขาไฟ เริ่มต้นจากชงผงโอวัลตินกับน้ำร้อน เติมนมข้นหวานตามชอบ เสร็จแล้วเทลงในแก้วที่มีน้ำแข็ง สุดท้ายโปะผงโอวัลตินลงไปแบบพูน ๆ

ส่วนผสม โอวัลตินภูเขาไฟ

  • ผงโอวัลติน 8 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำแข็ง 1 แก้ว
  • เกล็ดน้ำแข็ง 1/2 ถ้วย
  • น้ำเปล่า

วิธีทำโอวัลตินภูเขาไฟ

     1. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด เตรียมไว้
     2. ใส่โอวัลติน 5 ช้อนโต๊ะลงในแก้วทนความร้อน เติมนมข้นหวาน และใส่น้ำร้อนลงไปประมาณ 1/2 แก้ว จากนั้นคนให้เข้ากันดี
     3. ตักเกล็ดน้ำแข็งใส่ในแก้วทรงสูงให้เต็มแก้ว เทโอวัลตินที่ชงไว้ลงไป โปะผงโอวันตินที่เหลือด้านบน
 

ดูวิธีทำ โอวัลตินภูเขาไฟ เพิ่มเติมคลิก

15. ไอศกรีมโบราณ (ไอติมตัด)

          ยังจำรสชาติของไอศกรีมโบราณกันได้ไหมเอ่ย ถ้าอยากรื้อฟื้นความทรงจำมาลงมือทำกันเลยดีกว่า พบกับวิธีทำไอศกรีมโบราณ มีทั้งไอศกรีมชาเขียว ไอศกรีมมะม่วง และไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีมิลค์เชค หยอกใส่พิมพ์น้ำแข็งชิ้นพอคำกินง่าย

ส่วนผสม ไอศกรีมชาเขียวมัทฉะ (สีเขียว)

  • ผงชาเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเดือด 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย
  • เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/2 ถ้วย

ส่วนผสม ไอศกรีมแมงโก้ลาสซี่ (สีเหลือง)

  • มะม่วงสุกปั่น (หรือบดละเอียด) 1/4 ถ้วย
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ หรือกรีกโยเกิร์ต 1/4 ถ้วย
  • น้ำเชื่อม 1/4 ถ้วย
  • เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/4 ถ้วย

ส่วนผสม ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รีมิลค์เชค (สีชมพู)

  • ซอสสตรอว์เบอร์รี 1/4 ถ้วย
  • นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
  • เฮฟวี่ครีม หรือฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ 1/2 ถ้วย

อุปกรณ์

  • พิมพ์น้ำแข็งรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส

วิธีทำไอศกรีมชาเขียว

     1. ใส่ผงชาเขียวผสมกับน้ำร้อนแล้วตีด้วยเครื่องตีฟองนม (FOSTER) จนขึ้นฟู หรือใช้ช้อนหรือส้อมคนจนชาเขียวละลาย
     2. ใส่น้ำตาลทรายและนมข้นหวานลงไปแล้วตีหรือคนให้เข้ากันอีกรอบ
     3. ใส่เฮฟวี่ครีมลงไปผสม (เพื่อทำให้ไอศกรีมเข้มข้นมากขึ้น)
     4. คนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้

วิธีทำไอศกรีมรสแมงโก้ลาสซี่

     ► ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปคนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้

วิธีทำไอศกรีมรสสตรอว์เบอร์รีมิลค์เชค

     ► ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปปั่นผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้

วิธีทำไอศกรีมคิวบ์

     1. นำส่วนผสมไอศกรีมแต่ละรสชาติเทใส่พิมพ์น้ำแข็ง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารก่อนนำไปแช่ช่องแข็ง ประมาณ 4-5 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
     2. พอไอศกรีมแข็งแล้วนำออกมาจากตู้เย็น ลอกพลาสติกถนอมอาหารออก แกะออกมาใส่ภาชนะ หรือใช้ไม้เสียบ พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ไอศกรีมโบราณ (ไอติมตัด) เพิ่มเติมคลิก

          อูย… แอบท้องร้อง สงสัยต้องลองทำขนมวัยเด็กสักอย่างสองอย่างพอหายอยากกันหน่อยแล้ว โดยเฉพาะโตเกียวกับวุ้นถ้วยใบเตยของโปรด เพื่อน ๆ ชอบเมนูไหนลองทำกันเลยนะคะ
 

สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing คลิกเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
15 เมนูขนมวัยเด็ก กับรสชาติที่คุ้นเคยชวนรำลึกครั้งเยาว์วัย อัปเดตล่าสุด 8 มกราคม 2563 เวลา 21:01:27 50,446 อ่าน
TOP
x close