10 สูตรขนมจากชาไทย ชานม เมนูอร่อยที่เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม

     ชาไทย หรือชานมเย็นหอม ๆ มีดีมากกว่าเป็นเครื่องดื่มนะคะ จับมาแปลงร่างเป็นขนมหลากสไตล์สีคัลเลอร์ฟูล หอมกรุ่นเข้มแรง ถูกใจใช่เลย !

สูตรขนมจากชาไทย

     จากที่เคยชงชานมเย็นเป็นเครื่องดื่ม ลองแบ่งออกมาทำเมนูขนมอร่อย ๆ จากชาไทยก็ดีเหมือนกันนะคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ 10 เมนูขนมจากชาไทย ชานม เริ่มตั้งแต่วิธีชงชาเย็นจนถึงการประยุกต์เอาผงชาไทยมาทำอาหารว่างหลากสไตล์ ถูกปากทั้งครอบครัวแน่นอนค่ะ

สูตรขนมจากชาไทย

1. ชาเย็น ชาไทย

     มาเริ่มต้นชงเครื่องดื่มชาเย็น ชาไทยอร่อย ๆ กันก่อน หอมหวานเข้มข้น สูตรจาก คุณ Rin\'s Cookbook (#rinscookbook) ใช้วิธีชงแบบโบราณ ทำให้หอมกลิ่นชาสุด ๆ ใส่น้ำแข็งดื่มชื่นใจ

ส่วนผสม ชาเย็น ชาไทย (ประมาณ 2 แก้ว)

     • ผงชาไทย Thai Tea 5 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำต้มเดือด 2+1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
     • นมข้นหวาน 3 ช้อนโต๊ะ
     • นมข้นจืด หรือ half & half ครีม (สำหรับราดหน้า)
     • น้ำแข็ง
     • ถุงกรองชา
     • เหยือกสูงทนความร้อน

วิธีทำชาเย็น ชาไทย


     1. ใส่ผงชาไทยลงในถุงกรองชาที่รองด้วยเหยือกสูงทนความร้อน จากนั้นเทน้ำร้อนใส่ลงไปจนท่วมใบชา เขย่าถุงกรองชาไปมาเพื่อให้ใบชาโดนน้ำจนทั่วแล้วพักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
     2. ใส่น้ำตาลทรายและนมข้นหวานลงในแก้วผสม เตรียมไว้
     3. ครบ 15 นาที ขยับถุงชาเล็กน้อย จากนั้นยกขึ้นแล้วเทน้ำชาไทยที่กรองแล้วในน้ำตาลทรายคนให้เข้ากันจนละลาย พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีเพื่อให้เย็นลง
     4. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทชาไทยลงไปประมาณ 3/4 ส่วน ราดนมข้นจืดลงไป พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ชาเย็น สูตรชาไทยแท้รสเข้มหวานมัน ชงสด ๆ อร่อยเต็มอึก

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

2. ไอศกรีมชาไทย

     น้ำชาเย็นที่เหลือ ๆ จับมาทำเมนูไอศกรีมชาไทย สูตรจาก คุณอ้อมกอดของความเหงา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรง่ายใช้เครื่องปั่นน้ำผลไม้ กินกับท็อปปิ้งตามชอบ

ส่วนผสม ไอศกรีมชาไทย

     • น้ำชาเย็น 1+1/2 ถ้วย
     • วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย (หรือ Fresh Whipping Cream)

วิธีทำไอศกรีมชาไทย

     1. ต้มผงชากับน้ำ น้ำตาลทราย และใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย (เพื่อความกลมกล่อม)

     เคล็ดลับ : ใครอยากได้สีเข้มหรือสีอ่อนแค่ไหนก็แล้วแต่จะใส่ผงชาลงไป มากหรือน้อยแค่ไหน แต่เราชอบสีเข้ม ๆ หน่อยสวยดี

     2. ยกลงกรองเอากากชาออกพักให้เย็นแล้วนำไปแช่ในช่องแช่แข็งให้พอเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
     3. นำส่วนผสมออกจากช่องแช่แข็ง ใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ตามด้วยวิปปิ้งครีม ปั่นจนเนียนแล้วเทใส่ลงในภาชนะ นำเข้าแช่แข็ง แล้วนำออกมาอีกครั้ง ปั่นประมาณ 2-3 รอบให้ได้เนื้อเนียน

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไอศกรีมชาไทย ทำง่ายไม่ต้องใช้เครื่อง สีสวยเว่อร์

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

3. ชานมบอนไซ

     เครื่องดื่มชานมเย็นดื่มบ่อยก็เบื่อลองหันมาทำเครื่องดื่มชานมกันดีกว่า ทีเด็ดคือเสิร์ฟให้เหมือนกระถางต้นบอนไซ สูตรจาก RinS CookBook สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม นอกจากได้ดื่มชาดำเข้มข้นแล้วยังมีวิปครีมและโอรีโอ้บดอีกด้วย แก้วนี้หน้าตาครีเอทสุด ๆ

ส่วนผสม ชานมบอนไซ

     • ชาดำแบบซองพร้อมชง 2 ซอง (หรือชาชนิดอื่นตามชอบ)
     • น้ำเดือด 10 ออนซ์
     • น้ำตาลทรายแดง 2-3 ช้อนโต๊ะ
     • ครีมเทียม (ไร้ไขมันนม) 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำแข็ง
     • วิปปิ้งครีม
     • โอรีโอ้บดละเอียด 4-5 ชิ้น
     • เกลือสมุทร (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
     • ใบสะระแหน่ (ตกแต่ง)

     หมายเหตุ : อุณหภูมิของน้ำร้อนในการนำมาชงชาแต่ละชนิดจะใช้อุณหภูมิที่แตกต่างกันต้องทำการศึกษาให้เข้าใจ ถ้าน้ำร้อนหรือเดือดเกินไปจะทำให้ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำระเหยออกไป จะทำให้กลิ่นและรสชาติของชาเปลี่ยนไป ซึ่งชาดำจะใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิ 208-212 องศาฟาเรนไฮต์

วิธีทำชานมบอนไซ

     1. ชงชาดำ โดยใส่น้ำร้อนลงในแก้วหรือภาชนะทนความร้อน ใส่ถุงชาดำลงไป แช่ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที (อย่าแช่นานจะทำให้ขม) พอครบเวลาให้นำถุงชาทิ้งไป
     2. ใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป (น้ำตาลทรายแดงจะมีกลิ่นจะหอมกว่าน้ำตาลทรายขาว) คนผสมให้เข้ากัน พักไว้
     3. ใส่น้ำแข็งลงในขวดเชคเกอร์ ตามด้วยครีมเทียม เทน้ำชาที่ชงไว้ลงไป ปิดฝาแล้วเขย่าให้ส่วนผสมเข้ากันและเชคเกอร์เย็น (เพื่อให้ทำให้ส่วนผสมนุ่มลิ้น)
     4. ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เทส่วนผสมชาลงไปประมาณ 3/4 แก้ว บีบวิปปิ้งครีมลงไป ตามด้วยโอรีโอ้บดละเอียด สุดท้ายแต่งด้วยยอดสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ชานมบอนไซ ชานมรสละมุนสุดฮอตจากไต้หวัน

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

4. พุดดิ้งชาไทย

     เคยกินแต่พุดดิ้งชาเขียวสไตล์ญี่ปุ่นจนเอียน ลองเปลี่ยนไอเดียเอาชาไทยมาทำเมนูพุดดิ้งดีกว่า สูตรจาก คุณ tukata001 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อพุดดิ้งสีส้มเด้งดึ๋ง ทำกินเองก็อร่อย ทำเสิร์ฟแขกในงานปาร์ตี้ก็ปังนะคะ

ส่วนผสม พุดดิ้งชาไทย

     • ผงชาไทย 1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • นมข้นหวาน 1/3 ถ้วย
     • นมข้นจืด 1/3 ถ้วย
     • ผงเจลาติน 2 ช้อนโต๊ะ (2 ซอง)
     • น้ำเปล่า 2 ถ้วย (สำหรับต้มชา)
     • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย (สำหรับผสมเจลาติน)

วิธีทำพุดดิ้งชาไทย

     1. นำเจลาตินแผ่นไปแช่ในน้ำเย็น อย่างน้อย 5-7 นาทีค่ะ ถ้าเป็นผงก็ให้นำผงเจลาตินมาใส่ในน้ำเปล่า คนเจลาตินผสมในน้ำให้เข้ากันดี แล้ววางไว้ในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 5 นาที เจนเซตตัวเป็นเหมือนวุ้นนิ่ม ๆ
     2. ทำน้ำชาไทย โดยต้มน้ำให้เดือดหรือเอาเข้าไมโครเวฟทำให้น้ำเดือด เทใส่ผงชาที่ใส่ไว้ในถุงชงชา (อาจใช้ที่กรองกาแฟ ผ้าขาวบาง หรือกระชอนตาถี่ก็ได้) ให้แช่ชาในน้ำร้อนเดือดจัด อย่างน้อย 5 นาที เทน้ำชาออกมาใช้ให้ได้ประมาณ 1 + 1/2 ถ้วย
     3. ใส่น้ำตาลทรายกับนมข้นหวาน คนผสมนมข้นหวานให้เข้ากับชา ใส่นมข้นจืด คนผสมให้เข้ากัน
     4. ใส่เจลาติน คนให้เจลาตินละลายเข้ากับชา เทใส่แก้วที่เตรียมไว้ ประมาณ 3/4 แก้ว นำเข้าตู้เย็น ประมาณ 2-3 ชั่วโมง นำออกมา ใส่วิปปิ้งครีมด้านบน แต่งด้วยใบมินต์

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พุดดิ้งชาไทย เนื้อเด้งดึ๋งเติมสีสันรับปาร์ตี้

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

5. เต้าฮวยชาเย็น

     เต้าฮวยฟรุตสลัดก็อร่อย แต่ถ้าได้เติมน้ำชาเย็นลงไปรับรองเจิดกว่าเดิม พบกับเมนูเต้าฮวยชาเย็น ผสมผสานความหวานของเต้าฮวยกับความหอมของชาเย็น ตัดเลี่ยนด้วยผลไม้รสเปรี้ยว

ส่วนผสม เต้าฮวยชาเย็น

     • น้ำเปล่า 1 ลิตร
     • ผงชาไทย 20 กรัม
     • นมสดรสจืด 500 มิลลิลิตร
     • นมข้นหวาน 150 มิลลิลิตร
     • ผงวุ้น1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทราย 40 กรัม
     • นมข้นจืด 75 มิลลิลิตร
     • มะม่วงสุกหั่นเต๋า (ตกแต่ง)
     • สตรอว์เบอร์รีผ่าครึ่ง (ตกแต่ง)
     • กีวีหั่นบาง (ตกแต่ง)

วิธีทำเต้าฮวยชาเย็น

     1. ต้มน้ำกับผงชาไทยจนเดือด และน้ำเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น กรองเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
     2. ผสมนมสดกับนมข้นหวาน คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
     3. นำน้ำชาไทยขึ้นตั้งไฟ ใส่ผงวุ้น และน้ำตาลทราย คนให้ละลายเข้ากันจนเดือด และน้ำใสขึ้น ลดไฟลง เติมส่วนผสมนมข้น หมั่นคนตลอดเวลา ประมาณ 5 นาที ยกลงจากเตา พักไว้ให้อุ่นสักครู่
     4. เทน้ำชาไทยรองไว้ที่ก้นแก้วเล็กน้อย จากนั้นส่วนผสมเต้าฮวยลงในแก้วประมาณ 3/4 แก้ว นำเข้าแช่เย็นจนแข็งตัว นำออกจากตู้เย็น เทนมข้นจืดด้านบน ใส่มะม่วง สตรอว์เบอร์รี และกีวี

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เต้าฮวยชาเย็นฟรุตสลัด ขนมหวานนุ่มลิ้นหอมกลิ่นชาไทย

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

6. บลอนดี้ชาไทย

     จากเมนูบราวนี่ผงโกโก้ลองเติมความเป็นไทยด้วยผงชาไทยลงไปดีไหมคะ กลายเป็นเมนูบลอนดี้ชาไทย สูตรจาก คุณ Rita_Bunny สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ขนมหวานเนื้อหนึบสีส้ม อร่อยหอมกลิ่นชาทุกคำ

ส่วนผสม บลอนดี้ชาไทย

     • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
     • ผงชาไทย 3 ช้อนโต๊ะ
     • ไวท์ช็อกโกแลต 40 กรัม
     • เนยเค็ม 1/3 ถ้วยตวง
     • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
     • ไข่ไก่ 1 ฟอง (ในสูตรใส่ 2 ฟอง เพราะเบิ้ลสูตร)
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง
     • นมผง 1/4 ถ้วยตวง
     • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
     • ผงฟู 1/4 ช้อนชา
     • แมคคาเดเมีย หรือถั่วชนิดต่าง ๆ ตามใจชอบ

วิธีทำบลอนดี้ชาไทย

     1. นำน้ำเปล่าใส่ถ้วย ใส่ผงชาไทยลงไปแล้วนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงสุด 2 นาที นำออกมารอจนเย็นแล้วกรองให้เหลือ 1/4 ถ้วยตวง เตรียมไว้
     2. นำไวท์ช็อกโกแลต เนยสด และน้ำตาลทรายเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงสุด 1 นาที แล้วคนให้กัน พักไว้จนเย็น
     3. ตอกไข่ไก่ลงไปในส่วนผสมไวท์ช็อกโกแลตคนให้เข้ากัน
     4. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ นมผง เบกกิ้งโซดา และผงฟูลงไปคนให้เข้ากัน
     5. ใส่น้ำชาไทยลงไปคนให้เข้ากัน
     6. เทใส่พิมพ์ที่ปูด้วยกระดาษไข แล้วโรยหน้าด้วยถั่วตามใจชอบ
     7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบนและไฟล่าง เวลาประมาณ 10 นาที
     8. จากนั้นให้หาถาดมาปิดด้านบน (กันหน้าเกรียม) อบต่อไปอีก 20-30 นาที เป็นอันเสร็จ

     หมายเหตุ : กลิ่นชาจะแรงหรือเข้มขึ้นอยู่กับผงชาที่เราใช้ หากใช้ผงชาสำเร็จรูปชนิดชงดื่มได้เลย หากมีน้ำตาลทรายในผงชายี่ห้อนั้น ๆ ให้ลดน้ำตาลทรายในสูตรลงแล้วให้ใส่ผงชาในขั้นตอนที่ 2 เลยนะคะ และให้เปลี่ยนจากน้ำเปล่าเป็นนมสด

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บลอนดี้ชาไทย ฉีกกรอบเดิมเติมความเป็นไทย

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย


7. สังขยาชานม

     ติดใจสังขยาชานมจิ้มขนมปัง ครั้นจะหาซื้อก็ยากยิ่งกว่างมเข็ม ถ้าอย่างนั้นลองทำกินเองดีกว่า แค่ชงน้ำชาไทยตีผสมกับไข่ไก่ นำไปกวนจนเนื้อเนียน เตรียมขนมปังนึ่งรอเลยค่ะ

ส่วนผสม สังขยาชานม

     • ผงชาไทย 5 ช้อนโต๊ะ (ชงกับน้ำร้อนให้ได้ 1 ถ้วย)
     • ไข่ไก่ 5 ฟอง
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/3 ถ้วย
     • นมสด 500 มิลลิลิตร (หรือกะทิ)
     • น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
     • เกลือป่น 1 ช้อนชา
     • นมข้นจืด 1 ถ้วย

วิธีทำสังขยาชาไทย


     1. เทผงชาใส่ชามทนความร้อน เติมน้ำร้อนจัดลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำชา พักไว้
     2. ตีผสมไข่ไก่ 5 ฟอง ให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ พักไว้
     3. ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไปในอ่างผสม เทน้ำชาที่ชงไว้ลงไปคนด้วยตะกร้อมือจนแป้งละลาย ใส่นมสด น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปตีจนน้ำตาลละลาย เทไข่ไก่ที่ตีไว้แล้วลงไปตีผสมให้เข้ากันอีกครั้ง นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
     4. ใส่ส่วนผสมลงในหม้อสำหรับตุ๋น กวนจนส่วนผสมเริ่มเหนียว และข้น ประมาณ 25-30 นาที ปิดไฟ เทนมข้นจืดลงไป ใช้ตะกร้อมือคนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสังขยาเนียน ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟคู่กับขนมปังตามชอบ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 6 วิธีทำสังขยา จิ้มขนมปังสูตรใช้นมสด หวานหอมอร่อย

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

8. ซาลาเปาไส้ชาไทย

      เอาใจคนชอบกินติ่มซำยามเช้ากันด้วยเมนูซาลาเปาไส้ชาไทย มาพร้อมสูตรแป้งนุ่ม ๆ กับไส้สังขยาชาไทยสีส้ม นึ่งร้อน ๆ กินกับเครื่องดื่มแก้วโปรด 

ส่วนผสม แป้งเชื้อ

     • แป้งเค้ก 350 กรัม
     • ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำเปล่า 240 กรัม

ส่วนผสม แป้งโด

     • แป้งเค้ก 180 กรัม
     • ผงฟู 1+1/2 ช้อนชา
     • แป้งเชื้อที่ผสมไว้
     • น้ำตาลทราย 125 กรัม
     • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
     • น้ำเปล่า 4 ช้อนชา
     • เนยขาว 40 กรัม

ส่วนผสม ไส้สังขยาชาไทย

     • นมข้นจืด 2+1/2 ถ้วยตวง
     • แป้งข้าวโพด 70 กรัม
     • ไข่แดง (ตีพอแตก) 2 ฟอง
     • น้ำตาลทราย 160 กรัม
     • นมข้นจืด 2 ถ้วยตวง
     • น้ำชาดำ 1/2 ถ้วยตวง
     • ผงวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
     • กระดาษรองซาลาเปา

วิธีทำแป้งเชื้อ

     1. ร่อนแป้งเค้ก 2 รอบแล้วใส่ลงในอ่างผสม ใส่ยีสต์ตามลงไปคนให้ผสมเข้ากัน 
     2. ทำหลุมแป้งตรงกลางแล้วค่อย ๆ เทน้ำเปล่าลงไป ใช้หัวตีรูปตะขอนวดแป้งจนส่วนผสมเริ่มเป็นก้อน 
     3. นำส่วนผสมแป้งใส่ภาชนะแล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารหรือผ้าขาวบาง พักแป้งไว้ประมาณ 30-40 นาทีจนแป้งขึ้นฟูเป็นสองเท่า

วิธีทำแป้งโด

     • 1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน 2 รอบ เตรียมไว้
     • 2. ใส่แป้งเชื้อที่ขึ้นฟูแล้วลงในเครื่องตีแป้ง ตามด้วยน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเปล่า ตีด้วยหัวตีรูปตะขอใช้ความเร็วปานกลางนวดแป้งพอเข้ากัน 
     • 3. ค่อย ๆ ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ตีจนพอจับตัวเป็นก้อน 
     • 4. ใส่เนยขาวลงไปนวดจนแป้งมีเนื้อเนียนและนุ่ม
     • 5. นำก้อนแป้งออกมาคลึงเป็นก้อนกลม ใส่ภาชนะแล้วใช้พลาสติกถนอมอาหารคลุมแป้งพักไว้ประมาณ 5-10 นาที 
     • 6. แบ่งแป้งออกเป็นก้อนขนาดตามต้องการ จากนั้นคลึงเป็นก้อนกลม ๆ แล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารทิ้งไว้อีกประมาณ 10 นาที หรือจนส่วนผสมฟูขึ้นเป็นสองเท่าแล้วจึงนำไปห่อไส้ที่ต้องการ

วิธีทำซาลาเปาไส้ชาไทย

     1. ผสมนมข้นจืดกับแป้งข้าวโพดเข้าด้วยกันในหม้อ จากนั้นใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย นมข้นจืด น้ำชาดำ และผงวานิลลาลงไปในหม้อ จากนั้นนำไปตุ๋นบนน้ำเดือดและคนด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมข้นเป็นรอยตะกร้อมือ ยกลงจากเตาพักไว้ให้เย็นสนิท เตรียมไว้
     2. แผ่แป้งซาลาเปาที่ขึ้นฟูแล้วเป็นแผ่นบาง ๆ ตักไส้สังขยาชาไทยลงไปแล้วห่อให้สวยงาม วางลงบนกระดาษ พักไว้จนขึ้นฟูเป็นสองเท่า
     3. นำซาลาเปาไปนึ่งบนน้ำเดือดโดยใช้ไฟปานกลางประมาณ 8-10 นาทีจนสุกยกลง นำออกจากที่นึ่ง จัดเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 10 วิธีทำซาลาเปา เนื้อนุ่มแน่น สาวกติ่มซำต้องฟิน

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

9. ชิฟฟอนหน้าสังขยาชาไทย 

     ชิฟฟอนเป็นอีกหนึ่งอาหารว่างสุดฮอต ถ้าใครเบื่อกับชิฟฟอนแบบเดิม ๆ ก็มาลองทำเมนูชิฟฟอนหน้าสังขยาชาไทย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน เนื้อชิฟฟอนชาไทยเข้ากันกับสังขยาชาไทย กินได้บ่อยไม่มีเบื่อ

ส่วนผสม หน้าสังขยาชาไทย

     • ไข่แดง 7 ฟอง
     • น้ำตาลทราย 120 กรัม
     • นมข้นจืด 1 ถ้วย
     • น้ำชาดำ 6 ช้อนโต๊ะ
     • ผงวานิลลา 1+1/2 ช้อนชา
     • เนยขาว (สำหรับทาพิมพ์)
     • น้ำเชื่อมคาราเมล (สำหรับทาพิมพ์)

วิธีทำหน้าสังขยาชาไทย


     1. ตีผสมไข่แดงกับน้ำตาลทรายด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน
     2. ใส่นมข้นจืด น้ำชาดำ และผงวานิลลาคนพอเข้ากันแล้วกรองด้วยกระชอน
     3. ตักส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์ที่ทาด้วยเนยขาวและน้ำเชื่อมคาราเมล เตรียมไว้

ส่วนผสม ชิฟฟอนชาไทย

     • แป้งเค้ก 120 กรัม
     • ผงฟู 1 ช้อนชา
     • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
     • ผงวานิลลา 2 ช้อนชา
     • ไข่แดง 4 ฟอง
     • น้ำตาลทราย (1) 75 กรัม
     • น้ำเปล่า 50 กรัม
     • น้ำมันพืช 50 กรัม
     • น้ำชาดำ 40 กรัม
     • เกลือป่นละเอียด 1/2 ช้อนชา
     • ไข่ขาว 4 ฟอง
     • ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย (2) 75 กรัม

วิธีทำชิฟฟอนหน้าสังขยาชาไทย

     1. ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู แป้งข้าวโพด และผงวานิลลาเข้าด้วยกันในอ่างผสม เตรียมไว้
     2. ตีผสมไข่แดง น้ำตาลทราย (1) น้ำเปล่า น้ำมันพืช น้ำชาดำ และเกลือป่นด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน จากนั้นเทลงผสมในส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้ คนให้เข้ากัน พักไว้
     3. ตีผสมไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ด้วยหัวตีตะกร้อโดยใช้ความเร็วสูงสุด พอไข่เริ่มฟูค่อย ๆ เติมน้ำตาลทราย (2) ทีละน้อยจนหมด ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน จากนั้นค่อย ๆ แบ่งใส่ลงผสมกับส่วนผสมแป้ง ใช้ตะกร้อมือและพายยางตะล่อมเบา ๆ จนส่วนผสมเข้ากันดี 
     4. เทส่วนผสมที่ได้ลงทับหน้าสังขยาชาไทย นำเข้าเตาอบแบบรองน้ำที่อุณหภูมิ 360 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40-50 นาทีหรือจนสุก นำออกมาพักไว้สักครู่ นำออกจากถาด พักไว้ให้เย็นสนิท ตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 9 สูตรเค้กชิฟฟอน เค้กเนื้อฟูนุ่มรสชาติเทพทำเองได้

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

สูตรขนมจากชาไทย

10. วุ้นขนมไหว้พระจันทร์ชาไทย

     ไม่ต้องรอให้ถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ชวนทำเมนูวุ้นขนมไหว้พระจันทร์ชาไทย สูตรจาก คุณ Rin\'s Cookbook (#Rinscookbook) เปลือกนอกทำจากวุ้นชาไทย กัดเข้าไปเจอไส้วุ้นกะทิลอดช่อง แถมไข่แดงก็ทำจากวุ้นด้วย แหม... น่าลองจริง ๆ 

ส่วนผสม วุ้นชาไทย (เปลือกนอก)

     • ชาไทย 3/4 ถ้วย (คลิกดูวิธีทำ "ชาไทย")
     • นมข้นจืด (ฮาฟแอนด์ฮาฟหรือนมสด) 1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • ผงวุ้น 3/4 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม วุ้นไข่แดง 

     • น้ำชาไทย (หรือน้ำแครอท หรือกะทิใส่สีผสมอาหาร) 1+1/3 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • ผงวุ้น 3/4 ช้อนโต๊ะ
     • พิมพ์วุ้นแบบวงกลม

ส่วนผสม ไส้วุ้นกะทิลอดช่อง

     • ลอดช่อง 1/3 ถ้วย (คลิกดูวิธีทำ "ลอดช่อง") 
     • กะทิ 1 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • ผงวุ้น 3/4 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

วิธีทำวุ้นขนมไหว้พระจันทร์ชาไทย

     1. ทำวุ้นไข่แดง โดยใส่ผงวุ้นลงไปผสมกับน้ำแครอท คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ผงวุ้นดูดซึมน้ำได้อย่างเต็มที่ เทลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลางสูง คนไปในทิศทางเดียวกันจนไม่มีผงวุ้นติดช้อน 
     2. ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนไปในทิศทางเดียวกัน ประมาณ 7 นาทีหรือจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน พอเริ่มเดือดปิดเตาไฟ พักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีหรือจนเย็นตัวลง 
     3. เทวุ้นไข่แดงใส่พิมพ์วุ้นลูกแก้ว โดยเทใส่ลงไปจนถึงขอบ ปิดฝาพิมพ์วุ้นลูกแก้วทับลงไป หาอะไรหนัก ๆ มาทับ ปล่อยทิ้งไว้จนเย็นสนิทประมาณ 1 ชั่วโมง หรือถ้าอยากย่นเวลาก็เอาไปใส่ในตู้เย็น 
     4. พอวุ้นเซตตัวแล้วเปิดพิมพ์ออก แกะลูกวุ้นออกจากพิมพ์ ใส่ภาชนะ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นจนกว่าจะใช้
     5. ทำตัวไส้วุ้นกะทิลอดช่อง โดยใส่ผงวุ้นลงในกะทิ คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เทใส่หม้อนำไปตั้งบนเตาใช้ไฟกลางอ่อน หมั่นคนในทิศทางเดียวกันจนเริ่มเดือดเล็กน้อย ถ้าช้อนไม่มีเกล็ดวุ้นแล้วให้ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมให้เข้ากันจนทุกอย่างละลาย รอจนกะทิเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ พักไว้ประมาณ 10 นาที กรองด้วยกระชอน เทใส่ลงในลอดช่อง คนให้เข้ากัน 
     6. เทส่วนผสมวุ้นกะทิลอดช่องใส่พิมพ์ถ้วยพลาสติกที่สามารถใส่ลงไปในพิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ได้ เทใส่ประมาณ 1/2 ถ้วย ตามด้วยวุ้นไข่แดงลงไปตรงกลางตามชอบ เสร็จแล้วเทส่วนผสมวุ้นกะทิลงไปเพื่อกลบไข่แดง พักทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีเพื่อให้เย็นตัวลง แล้วเอาไปใส่ตู้เย็นเพื่อให้แข็งตัว
     7. ทำวุ้นชาไทยเปลือกนอก โดยใส่ผงวุ้นลงไปในชาไทย คนให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที 
     8. เทใส่หม้อใช้ไฟกลางสูง พอเริ่มเดือดและวุ้นไม่เป็นเกล็ดติดช้อนแล้ว ใส่น้ำตาลทรายและนมข้นจืด คนให้เข้ากัน พอเริ่มเดือด ปิดไฟ พักทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีจนวุ้นเย็นตัวลง
     9. เทส่วนผสมชาไทยใส่ลงไปในพิมพ์ขนมไหว้พระจันทร์ ประมาณ 1/4 ของตัวพิมพ์ พักทิ้งไว้ประมาณ 3 นาทีจนวุ้นเริ่มแข็งตัวเล็กน้อย วิธีสังเกตคือเอานิ้วสะอาดจิ้มลงไปบนผิววุ้น ถ้ามีเยื่อบาง ๆ ยังไม่แข็งก็ใส่ไส้ลงไปได้เลย 
     10. ใส่ไส้วุ้นกะทิลอดช่องลงไปตรงกลาง ราดด้วยวุ้นชาไทยที่เหลือลงไป ราดให้ท่วมตัวไส้ ถ้ามีส่วนวุ้นเลอะออกมาเกินตัวพิมพ์อย่าเพิ่งทำความสะอาดตอนนี้ เอาไว้ทำทีหลังได้ พักทิ้งไว้จนเริ่มแข็ง คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง 
     11. แกะพลาสติกออก ตัดแต่งขอบให้สวยงามด้วยมีด แกะออกจากพิมพ์ โดยใช้ไม้จิ้มฟันแซะตรงขอบพิมพ์เล็กน้อยเพื่อให้มีอากาศเข้าไปในตัวพิมพ์ จะได้เอาออกจากพิมพ์ได้ง่ายขึ้น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วุ้นขนมไหว้พระจันทร์ รสชาไทยเสริมมงคลอร่อยนอกกรอบ

     ขอหยิกตัวเองแป๊บ ! แทบไม่อยากเชื่อสายตาเลยว่า เครื่องดื่มชาเย็นจะเอาไปสร้างสรรค์เมนูขนมได้เยอะเพียงนี้ โชคดีที่ยังมีผงชาไทยจัดเลยสักเมนู
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
10 สูตรขนมจากชาไทย ชานม เมนูอร่อยที่เป็นมากกว่าเครื่องดื่ม อัปเดตล่าสุด 12 มิถุนายน 2565 เวลา 17:57:38 82,820 อ่าน
TOP
x close