20 สูตรขนมไทยรถเข็น เมนูสร้างอาชีพจากขนมหวานในตำนาน

          แจกฟรี ! เมนูขนมไทยรถเข็น สูตรขนมไทยหวานละมุนทุกคำ ขายเป็นชิ้นหรือขายเป็นชุดก็ตามสะดวก กินอร่อยทุกวัย ซื้อง่ายขายคล่องทุกวัน
          ใครที่กำลังมองหาสูตรขนมทำขาย หรือใครที่อยากหารายได้เสริมด้วยการทำอาชีพขายขนมหวาน นอกจากขายตามตลาดนัดแล้วก็สามารถเข็นขายได้ด้วย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมไทยรถเข็น เช่น ข้าวเหนียวสังขยา ขนมชั้น ฝอยทอง เปียกปูน วุ้นกะทิใบเตย เป็นต้น ลองฝึกฝีมือกันเลย ถ้าพร้อมเมื่อไรเปิดร้านขนมรถเข็นกันเลยค่ะ
 

1. ข้าวเหนียวสังขยา

          เปิดกันที่เมนูข้าวเหนียวสังขยา สูตรขนมหวานที่คุ้นปาก สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำสังขยาไข่ไร้แป้ง กับวิธีทำข้าวเหนียวมูนเม็ดสวยเงาหอมหวานมัน ถ้าห่อใบตองแบบโบราณยิ่งเพิ่มความน่ากินมากเลยค่ะ
 

ส่วนผสม สังขยาไข่

  • ไข่เป็ด 3 ฟอง
  • น้ำตาลปึก 4 ก้อน
  • กะทิ 1/2 กระป๋อง
  • ใบเตย 3-4 ใบ
     

ส่วนผสม ข้าวเหนียวมูน

  • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู
  • สารส้ม
  • กะทิ
  • น้ำตาลทราย
  • เกลือป่น
  • ใบเตย
     

วิธีทำสังขยาไข่

     1. ตอกไข่เป็ดและน้ำตาลปึกใส่ชาม ผสมใส่ใบเตยหอมที่ล้างสะอาดดีแล้ว ใช้มือขยำไข่กับน้ำตาลจนน้ำตาลละลาย โดยใช้ใบเตยช่วย (สวมมือลงในถุงพลาสติกขณะขยำ)
     2. เติมกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางใส่ในถ้วย ชาม หรือถาดก้นลึก
     3. นำขึ้นนึ่งในหม้อน้ำเดือด ใช้ไฟแรงเปิดฝาขณะนึ่งจนสุกใช้เวลาประมาณ 45 นาที (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับขนาดของภาชนะ) เสิร์ฟกับข้าวเหนียวมูน ทั้งข้าวเหนียวขาว ข้าวเหนียวดำ และข้าวเหนียวเหลือง
 

วิธีทำข้าวเหนียวมูน

     1. แช่ข้าวเหนียวในน้ำกวนสารส้ม 5 นาที แล้วเทน้ำออก จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 3 ชั่วโมง หรือแช่ค้างคืน ทั้งนี้ หากอยากได้ข้าวเหนียวสีสันต่าง ๆ ให้ผสมสีผสมอาหาร หรือสีจากธรรมชาติลงไปในน้ำด้วย
     2. เมื่อครบเวลาให้เทน้ำออก แล้วนำเข้าเหนียวไปนึ่ง ตั้งไฟแรงจนสุก แล้วเทพักไว้รอน้ำกะทิ
     3. ตั้งหม้อใส่กะทิ น้ำตาลทราย เกลือป่น และใบเตยลงไป ต้มพอเดือด
     4. นำน้ำกะทิที่ได้เทใส่ข้าวเหนียวแล้วคนให้ทั่ว ปิดฝาพักไว้สักประมาณ 10-15 นาที และคนข้าวเหนียวอีกครั้ง
     5. ตักข้าวเหนียวใส่จาน เสิร์ฟพร้อมสังขยาเนื้อนวล แค่นี้ก็อร่อยแล้ว

 

ดูวิธีทำ ข้าวเหนียวสังขยา เพิ่มเติมคลิก

2. สังขยาฟักทอง

          อยากชวนต่อยอดเมนูสังขยา ด้วยการเอามาทำเมนูสังขยาฟักทอง จับฟักทองลูกเล็กเอาเมล็ดและไส้ออก ล้างให้สะอาดแล้วผึ่งให้แห้ง สุดท้ายเทสังขยาลงไปนึ่งจนสุก เวลาขายก็หั่นแบ่งชิ้นขาย หรือขายเป็นลูกก็ตามสะดวกค่ะ
 

ส่วนผสม สังขยาฟักทอง

  • ฟักทอง (พันธุ์ศรีเมือง) ลูกเล็กไม่เกิน 1 กิโลกรัม จำนวน 2 ลูก
  • หัวกะทิ 250 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ (น้ำตาลโตนด) 500 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ไข่เป็ด 3 ฟอง
  • ใบเตย 5 ใบ
  • เกลือ (เล็กน้อย)
     

วิธีทำสังขยาฟักทอง

     1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้ ใช้ช้อนขูดเอาเมล็ดและไส้ฟักทองออก แล้วนำไปล้างให้สะอาดผึ่งให้แห้ง
     2. เทหัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ ตอกไข่ และใส่เกลือลงไปในอ่างผสม ใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน กรองด้วยกระชอนแล้วเทใส่ในลูกฟักทอง
     3. นำไปนึ่งในน้ำเดือด จากนั้นก็ลดเป็นไฟอ่อน ใช้เวลานึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง (หมั่นเปิดฝาดูทุก ๆ 20 นาที) พักสังขยาฟักทองให้เย็น แล้วจึงนำมาผ่าครึ่ง แบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ

 

ดูวิธีทำ สังขยาฟักทอง เพิ่มเติมคลิก

3. ขนมชั้น

          เมนูขนมชั้นเป็นเมนูขนมไทยรถเข็นสุดคลาสสิก สูตรนี้เป็นสูตรขนมชั้นใบเตย แป้งนุ่มหอมกะทิ เติมกลิ่นมะลิเพิ่มความหอม ใครจะดัดแปลงเป็นขนมชั้นอัญชันหรือขนมชั้นสีชมพูเป็นตัวเลือกให้กับลูกค้าก็ได้เช่นกันจ้า
 

ส่วนผสม ขนมชั้น

  • น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วย
  • น้ำกะทิ 4 ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
  • แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม 1+1/2 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
  • น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
  • ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10x10 นิ้ว หรือ 8x8 นิ้ว)
     

วิธีทำขนมชั้น

     1. ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
     2. นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้
     3. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง
     4. แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
     5. ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง)
     6. นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ ขนมชั้น เพิ่มเติมคลิก

4. ข้าวเหนียวแดง

ข้าวเหนียวแดง

          เมนูข้าวเหนียวมูนขายทุกวันลูกค้าคงเบื่อ ลองเปลี่ยนมาทำเมนูข้าวเหนียวแดงบ้างดีไหม ส่วนผสมไม่เยอะแต่ต้องออกแรงกวนสักหน่อย แต่พอทำเสร็จหายเหนื่อยเลยเพราะได้หลายชิ้นมาก ๆ ทำขายได้กำไรเยอะอยู่ค่ะ
 

ส่วนผสม ข้าวเหนียวแดง

  • ข้าวเหนียวนึ่งสุก 5 ถ้วย
  • กะทิ 3 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • งาขาวคั่ว 1/2 ถ้วย
     

วิธีทำข้าวเหนียวแดง

     1. ใส่น้ำตาลปี๊บลงในกระทะทองเหลือง หรือกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน เคี่ยวจนน้ำตาลละลายเป็นคาราเมล และมีสีเข้มขึ้น จากนั้นค่อย ๆ เทกะทิและใส่เกลือป่นลงไป คนผสมให้เข้ากันดี
     2. ใส่ข้าวเหนียวลงกวนกับส่วนผสมน้ำตาล ใช้พายไม้กวนเรื่อย ๆ จนข้าวเหนียวเริ่มแห้ง และร่อนออกจากกระทะ หรือประมาณ 15 นาที พักทิ้งไว้สักครู่ให้ขนมจับตัวกันเป็นก้อน
     3. ตักขนมใส่ลงในถาดที่ทาน้ำมันพืชบาง ๆ เกลี่ยหน้าขนมให้เรียบ โรยงาขาวคั่ว ตัดเป็นชิ้น พร้อมเสิร์ฟ
 

เทคนิคในการทำข้าวเหนียวแดง

  • ถ้าอยากให้ขนมขึ้นเงาสวย หลังจากที่ตักขนมใส่ถาด ให้ใช้ใบตองวางลงบนหน้าขนมก่อนโรยงา แล้วเกลี่ยให้เรียบ จากนั้นนำใบตองออก แล้วค่อยโรยงา
  • ถ้าใช้กระทะทองเหลือง สีของขนมจะเข้มกว่าใช้กระทะเทฟลอน
     

ดูวิธีทำ ข้าวเหนียวแดง เพิ่มเติมคลิก

5. ข้าวเหนียวแก้ว

          เมนูข้าวเหนียวแดงก็ทำขายไปเมื่อวาน วันนี้ลองเปลี่ยนมาทำเมนูข้าวเหนียวแก้วบ้างเถอะ ข้าวเหนียวสีเขียวจากน้ำใบเตย เทใส่ถาดหั่นชิ้นขายโรยงาคั่วกลิ่นหอม
 

ส่วนผสม ข้าวเหนียวแก้ว

  • ข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง (แช่น้ำอย่างน้อย 4 ชั่วโมง)
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง
  • วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วยตวง
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำใบเตย 1/4 ถ้วยตวง
  • งาขาวกับงาดำ
     

วิธีทำข้าวเหนียวแก้ว

     1. เทน้ำตาลทราย วิปปิ้งครีม เกลือ น้ำปูนใส และน้ำใบเตยลงในกระทะ คนไปเรื่อย ๆ จนน้ำตาลละลายหมดแล้วก็เคี่ยวต่ออีกสักครู่
     2. ใส่ข้าวเหนียวลงไปแล้วคนให้เข้ากัน คนเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มแห้ง และเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน ปิดไฟ โรยงาขาวกับงาดำคั่ว

 

ดูวิธีทำ ข้าวเหนียวแก้ว เพิ่มเติมคลิก

6. ขนมหม้อแกงถั่ว

          สำหรับใครที่อยากขายเมนูขนมหม้อแกงถั่ว รีบมาจดสูตรกันเลยค่ะ สูตรนี้ขยำใบเตยกับไข่จนขึ้นฟูแล้วเติมกะทิและถั่วเขียวบดขยำจนเข้ากัน เสร็จแล้วก็เอาไปกวนจนข้นและหอม พออบจนสุกก็โรยหอมเจียว 
 

ส่วนผสม ขนมหม้อแกง

  • ถั่วเขียวนึ่งบดละเอียด  200 กรัม
  • ไข่เป็ด (ขนาดใหญ่) 5 ฟอง
  • ใบเตย
  • น้ำตาลปี๊บ 250 กรัม
  • หัวกะทิ 400 กรัม
  • หอมแดงซอย 50 กรัม (หรือมากน้อยตามชอบ)
  • น้ำมันพืช
     

วิธีทำขนมหม้อแกง

     1. เริ่มต้นที่เจียวหอมแดงก่อน โดยใส่น้ำมันพืชลงในกระทะตามด้วยหอมแดง เจียวให้เหลือง ตักขึ้น หรือเอาไปกรองน้ำมันออกก็ง่ายดี
     2. ตอกไข่ลงในชาม นำใบเตยที่ล้างทำความสะอาดอย่างดีแล้วใส่ลงไป (เพื่อขยำให้ไข่ขึ้นฟู) ขยำใบเตยจนไข่ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปขยำให้เข้ากันดี แล้วตามด้วยหัวกะทิ ขยำอีกรอบให้เข้ากัน นำไปกรอง อาจจะกรองด้วยผ้าขาวบาง 1 รอบก็ได้ แต่ในสูตรกรองด้วยกระชอน 1 รอบ และกรองด้วยผ้าขาวบางอีก 1 รอบ หลังกรองเสร็จก็ใส่ถั่วเขียวนึ่งและบดลงไป ใช้มือขยำหรือวน ๆ คน ๆ ให้ถั่วไม่เป็นก้อน
     3. นำกระทะไปตั้งไฟเพื่อกวนส่วนผสมขนม เริ่มจากใส่น้ำมันหอมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อให้ขนมมีกลิ่นหอมและชูรสชาติให้อร่อยขึ้น ใส่ส่วนผสมขนมลงไปกวน ประมาณ 5 นาที หรือจนขนมข้นขึ้น พอเนื้อเข้ากันก็ยกลงเทใส่พิมพ์ ขยับ ๆ ส่าย ๆ พิมพ์สักหน่อย ให้หน้าขนมเรียบเสมอกัน
     4. นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ถึง 200 องศาเซลเซียส นาน 40 นาที (แล้วแต่เตาอบด้วยนะ เช็กเตาตัวเองดี ๆ) สุกแล้วเอาออกจากเตา พักให้เย็นสักครู่ค่อยตัดให้เป็นชิ้นสวยงาม ขั้นตอนสุดท้ายโรยหอมเจียว

 

ดูวิธีทำ เพิ่มเติมคลิก

7. วุ้นกะทิใบเตย

วุ้นกะทิใบเตย

          หน้าร้อนอยากให้ลองทำเมนูวุ้นกะทิใบเตยเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้ากันค่ะ สูตรนี้วุ้นใบเตยใส่น้ำใบเตยคั้นสด ไม่ใส่สีผสมอาหาร ส่วนวุ้นกะทิก็เข้มข้นหอมมัน เทใส่พิมพ์ถาดแล้วตัดขายเป็นชิ้นกำไรดี๊ดี
 

ส่วนผสม วุ้นใบเตย

  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย (ถ้าต้องการความหอมให้ผสมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา)
  • ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 3/4-1 ถ้วย
     

ส่วนผสม วุ้นกะทิ

  • กะทิ 2+1/2 ถ้วย
  • ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ + 2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น ปลายช้อนชา
     

วิธีทำวุ้นกะทิใบเตย

     1. ทำวุ้นใบเตย โดยใส่น้ำและผงวุ้นลงในหม้อ คนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ และไม่เป็นก้อน พักทิ้งไว้สักครู่ จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนผสมเรื่อย ๆ จนเริ่มเดือดและผงวุ้นละลายหมด จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย
     2. ใส่น้ำใบเตยคั้นลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลงจากเตาแล้วนำส่วนผสมไปกรอง พักไว้จนเริ่มอุ่น
     3. เทส่วนผสมวุ้นใบเตยใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ประมาณครึ่งพิมพ์ จากนั้นนำไปแช่เย็นจนเซตตัว
     4. ทำวุ้นกะทิ โดยใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยผงวุ้น จากนั้นคนให้ผงวุ้นกระจายทั่ว ๆ นำขึ้นตั้งไฟกลางอ่อน คนจนผงวุ้นละลาย และกะทิเริ่มเดือด (แต่ไม่ต้องแตกมัน) จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักไว้จนเริ่มอุ่น
     5. ตักส่วนผสมวุ้นกะทิหยอดลงในพิมพ์ทับวุ้นใบเตยจนเต็มพิมพ์ (ต้องแน่ใจว่าวุ้นใบเตยด้านล่างเซตตัวดีแล้ว) นำวุ้นไปแช่เย็นจนเซตตัว นำออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ วุ้นกะทิใบเตย เพิ่มเติมคลิก

8. วุ้นไข่

          เอาใจลูกค้าที่อยากกินเมนูวุ้นเก๋ ๆ ขอนำเสนอเมนูวุ้นไข่ จุดเด่นคือวุ้นมีลวดลายสวยงามจากไข่ รสชาติกรอบกรุบไม่คาว เติมกลิ่นวานิลลาเพิ่มความหอม
 

ส่วนผสม วุ้นไข่

  • น้ำ 500 กรัม
  • ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
     

วิธีทำวุ้นไข่

     1. ใส่น้ำเปล่า เติมผงวุ้นกับน้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลายดีและต้มวุ้นให้เดือด
     2. ตีไข่ให้แตก ค่อย ๆ เทไข่ลงไปในวุ้นเป็นเส้นเล็กแล้วใช้ช้อนคนไข่ไม่ให้จับตัวเป็นก้อน
     3. พอไข่สุกดีแล้วก็เทใส่กาน้ำนกหวีด เพื่อที่จะไปเทใส่พิมพ์ได้ง่าย ๆ เทวุ้นใส่ในพิมพ์ที่เตรียมไว้ รอให้วุ้นเซตตัวก็กินได้ ถ้าใครชอบกลิ่นหอม ๆ ก็เติมกลิ่นวานิลลาได้ด้วย

 

ดูวิธีทำ วุ้นไข่ เพิ่มเติมคลิก

9. ทองหยอด

          ลองทำกันเลยดีไหมกับเมนูทองหยอด ขนมไทยรถเข็นสีสวย รูปทรงหยดน้ำรสชาติหวานฉ่ำ มาพร้อมวิธีทำน้ำเชื่อมทองหยอดและน้ำเชื่อมเย็นสำหรับหล่อขนม
 

ส่วนผสม ทองหยอด

  • ไข่แดง ของไข่เป็ด 10-15 ฟอง
  • แป้งข้าวเจ้าหรือแป้งทองหยอด หรือเอาแป้งข้าวเจ้าไปอบควันเทียนทิ้งไว้ 1 คืน
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อมเย็น สำหรับหล่อขนมทองหยอด

  • น้ำลอยดอกมะลิ 500 กรัม (ถ้าไม่ชอบหวานมากก็เติมน้ำลงไป 200-300 กรัมก็ได้)
  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อมทองหยอด

  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 800 กรัม (ถ้าชอบหวาน ๆ ก็ใส่แค่ 500 ก็พอ ถ้าไม่มีมะลิจะใส่กลิ่นมะลิลงไปสัก 1-2 หยดก็ได้)
     
หมายเหตุ : น้ำเชื่อมต้มจนเดือดเป็นฟอง และต้องใช้น้ำเชื่อมที่ผ่านการทำทองหยิบหรือฝอยทองมาแล้วจะทำให้เดือดฟู ถ้าน้ำเชื่อมไม่เดือดฟู ทองหยอดจะแบนไม่เป็นลูกกลมหรือเป็นหยดน้ำ
 

วิธีทำทองหยอด

     1. ทำทองหยอดโดยตีไข่แดงให้ขึ้นฟู แบ่งไข่ใส่ถ้วย ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ค่อย ๆ ใส่ทีละช้อน แล้วตะล่อมเบา ๆ จนเข้ากัน การใส่แป้งจะทำให้ไข่ไม่เหลว และอยู่ตัวขึ้นรูปง่ายเวลาหยอด พอเข้ากันแล้วก็เตรียมนำมาหยอดได้
     2. ต้มน้ำเชื่อมจนเดือดเป็นฟองฟู แล้วจึงหยอดไข่ลงไป (ในสูตรใช้น้ำเชื่อมที่ทำทองหยิบ แล้วเติมน้ำไปอีก 200-300 กรัม) การหยอดสำหรับมือใหม่ จะตักไข่ประมาณปลายช้อน ใช้นิ้วชี้ปาด แล้วเอาช้อนปาดรวบใต้นิ้วอีกที เพื่อทำเป็นหยดน้ำ หยอดแบบนี้เราจะกะขนาดลูกได้ง่าย ทองหยอดออกมาเป็นหยดน้ำสวยงาม เวลาหยอดถ้าไข่เหลวไปก็สามารถเติมแป้งได้ค่ะ น้ำเชื่อมควรเป็นน้ำเชื่อมที่ผ่านการทำขนมหรือผ่านไข่มาบ้าง จะทำให้เดือดเป็นฟองฟูแบบนี้ (ช้อนที่ใช้หยอดไข่จะเป็นช้อนกาแฟ ลูกเล็กใหญ่แล้วแต่ชอบเลย ในสูตรตักประมาณ เกือบ 1/2 ช้อน)
     3. ต้มประมาณ 2-3 นาที เหยาะน้ำลงไปเล็กน้อยเพื่อเช็กว่าทองหยอดสุกหรือยัง ถ้าทองหยอดลอยและสีเข้มขึ้นแสดงว่าสุกแล้ว ตักขึ้นได้เลย พักในน้ำเชื่อมเย็น แช่ไว้ประมาณ 2-3 นาที จากนั้นตักขึ้นสะเด็ดน้ำเชื่อม

 

ดูวิธีทำ ทองหยอด เพิ่มเติมคลิก

10. ทองหยิบ

          ใครวางแผนขายเมนูทองหยอดอยากให้เพิ่มเมนูทองหยิบลงไปด้วย เพราะใช้ส่วนผสมเดียวกัน ต่างกันแค่การขึ้นรูปเท่านั้น อุปกรณ์มีแค่ถ้วยตะไลทรงลึก หรือพิมพ์ถ้วยทรงลึก
 

ส่วนผสม ทองหยิบ

  • ไข่แดง ของไข่เป็ด 12 ฟอง
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อมเย็น สำหรับหล่อขนมทองหยิบ

  • น้ำลอยดอกมะลิ 500-800 กรัม (ถ้าไม่ชอบหวานก็ใส่ 1 กิโลกรัม)
  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อมทองหยิบ

  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 500 กรัม (หรือจะใส่กลิ่นมะลิลงไปในน้ำเชื่อมสัก 1-2 หยดก็ได้)
     

วิธีทำทองหยิบ

     1. ทำน้ำเชื่อมสำหรับหล่อขนมโดยใส่น้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทราย เปิดเตา และคนจนน้ำตาลละลาย พอเดือดดับเตาแล้วพักน้ำเชื่อมไว้จนเย็น
     2. ตอกไข่ใส่ในชามผสม แยกไข่แดง เอาไข่ขาวออกจนหมดหรือให้เหลือน้อยที่สุด
     3. ตีไข่แดงให้เข้ากัน กรองด้วยผ้าขาวบาง เริ่มด้วยตีไข่ให้ขึ้นฟู เตรียมไว้
     4. ทำน้ำเชื่อมสำหรับทำทองหยิบโดยใส่น้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทราย เปิดเตาคนจนน้ำตาลละลาย รอจนเดือด พอน้ำเชื่อมเดือดแล้ว เหยาะน้ำลงไปเล็กน้อยแล้วดับเตา รอจนน้ำเชื่อมนิ่งก็หยอดไข่ลงไป พอหยอดเต็มกระทะก็เปิดเตา
     5. พอขนมฟูขึ้นก็พลิกอีกด้านหนึ่ง พอสีเข้มขึ้นและสุกทั้งสองด้านก็ตักขึ้นได้ ก่อนตักขึ้นให้แกว่ง ๆ ล้างฟองออกให้หมดก่อนนะคะ พักไว้ในน้ำเชื่อมเย็นที่เราเตรียมไว้ เหยาะน้ำลงไปแล้วดับเตา รอจนน้ำเชื่อมนิ่ง หยอดต่อได้เลย พอหยอดเต็มกระทะเปิดเตา รอจนสุกตักขึ้น ทำจนแป้งหมด
     6. แช่แผ่นทองหยิบไว้ในน้ำเชื่อมเย็นประมาณ 5-10 นาที พอครบเวลาขั้นตอนต่อไป เราจะมาจับจีบกัน โดยเอาด้านเรียบไว้ด้านนอก จะจับ 3, 4 หรือ 5 จีบก็แล้วแต่ชอบเลย ใส่ในถ้วยตะไลที่เตรียมไว้ จัดทรงให้สวยงาม จากนั้นรอให้เซตตัวสัก 1 ชั่วโมง

 

ดูวิธีทำ ทองหยิบ เพิ่มเติมคลิก

11. ฝอยทอง

ฝอยทอง

          อยากที่รู้กันดีว่าเมนูฝอยทองยากตรงการโรยไข่แดง แต่ถ้าใครใจถึงอยากทำขายก็จัดไป เริ่มจากทำน้ำเชื่อมสำหรับต้มเส้นฝอยทอง และพอสุกก็พับครึ่งรอจนสะเด็ดน้ำเชื่อม
 

ส่วนผสม ฝอยทอง

  • ไข่เป็ด 6 ฟอง
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 มิลลิลิตร (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
  • ใบเตย (มัดรวมกัน) 4 ใบ
     

อุปกรณ์

  • กระทะทองเหลือง
  • กรวยใบตองหรือกรวยโลหะ
  • ไม้แหลม ยาวประมาณ 1 ฟุต
  • ตะแกรง
  • ถาดรองน้ำเชื่อม
     

วิธีทำฝอยทอง

     1. แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกันและรีดไข่น้ำค้าง (ไข่ขาวที่เป็นน้ำใส ๆ เหมือนน้ำค้างติดอยู่ภายในเปลือกไข่) ลงไปในไข่แดง (ไข่น้ำค้างทำให้เส้นฝอยทองเหนียวนุ่ม ไม่ขาดง่าย) ตีผสมไข่แดงให้พอเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟู เพราะจะทำให้เส้นขาดเวลาโรยลงในกระทะ) จากนั้นนำไปกรองในผ้าขาวบาง เตรียมไว้
     2. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทราย และใบเตยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลางรอจนน้ำตาลละลาย จากนั้นนำไปกรองแล้วเทใส่ลงกระทะทองเหลือง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนอีกครั้งจนเป็นเหนียวข้น
     3. ตักส่วนผสมไข่แดงลงในกรวยแล้วค่อย ๆ โรยไข่แดงลงไปในน้ำเชื่อมที่เดือด (ใช้ไฟกลาง) วนให้รอบกระทะทองเหลืองประมาณ 20-30 รอบต่อชิ้น จากนั้นยกกรวยขึ้น
เคล็ดลับ : ถ้าต้องการฝอยทองเส้นเล็กให้ยกกรวยสูงจากน้ำเชื่อม แต่ถ้าต้องการฝอยทองเส้นใหญ่ ก็ให้ถือกรวยต่ำ ๆ
     4. พอไข่แดงสุกให้ใช้ไม้ปลายแหลมพับครึ่งเส้นฝอยทองแล้วเอามาพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อม

 

ดูวิธีทำ ฝอยทอง เพิ่มเติมคลิก

12. เปียกปูน

เปียกปูน

         ขนมเปียกปูนสีดำใคร ๆ ก็ทำขาย ลองเปลี่ยนมาทำขนมเปียกปูนใบเตยบ้างดีไหม ขนมสีเขียวหอมกลิ่นใบเตย โรยมะพร้าวขูดเพิ่มความสวยงาม
 

ส่วนผสม เปียกปูน

  • แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
  • แป้งเท้ายายม่อม (หรือแป้งมัน) 150 กรัม
  • น้ำปูนใส
  • น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 กิโลกรัม (ปรับเพิ่ม-ลดความหวานได้ตามชอบ)
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น
  • มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า
     

วิธีทำเปียกปูน

     1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม และน้ำปูนใสเล็กน้อยพอให้เหลว ๆ คนให้ละลายเข้าด้วยกัน
     2. ใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลปี๊บคนให้ละลาย จากนั้นนำน้ำนำไปกรองผ่านกระชอน
     3. เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งกวนด้วยไฟแรงจนส่วนผสมงวดและแห้งเหนียว
     4. ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ พักทิ้งไว้จนส่วนผสมเซตตัว ตัดเป็นชิ้น ๆ โรยมะพร้าวขูด พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ เปียกปูน เพิ่มเติมคลิก

13. เม็ดขนุน

          เมนูเม็ดขนุนไส้ถั่วก็ทำขายบ่อยแล้ว ลองเพิ่มเมนูเม็ดขนุนไส้เผือกบ้างดีไหม สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำไส้เผือกกวน เอาไว้ชุบไข่ก่อนนำไปต้มในน้ำเชื่อมจนสุก
 

ส่วนผสม ไส้เผือกกวน

  • เผือกนึ่งสุก 500 กรัม
  • หัวกะทิ 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำ 1 ลิตร
  • ไข่แดงของไข่เป็ด 5 ฟอง (สำหรับชุบขนม)
     

วิธีทำเม็ดขนุนเผือก

     1. บดเผือกให้ละเอียด ใส่น้ำตาลทราย หัวกะทิ และเกลือลงในเผือกบด กวนด้วยไฟอ่อนให้เข้ากัน กวนจนแห้งและเหนียวหน่อย ๆ พักไว้ให้เย็นเตรียมปั้น
     2. ปั้นในแบบที่ต้องการเลย  เตรียมไข่แดงไว้ชุบ ระหว่างนี้ตั้งน้ำเชื่อม ค่อย ๆ ตักหยอดในน้ำเชื่อมที่เดือดเบา ๆ พอไข่สุกตักขึ้น แบ่งใส่กล่องไปให้เพื่อนช่วยชิม

 

ดูวิธีทำ เม็ดขนุน เพิ่มเติมคลิก

14. เผือกกวน

          เตรียมซื้อเผือกเพื่อทำเมนูเผือกกวนขายกันเถอะ แต่กระซิบว่าหน้าตาไม่ธรรมดาเพราะกดเป็นลายต่าง ๆ สวยงาม ชิ้นพอคำ กินเพลินเพราะหวานไม่มากจ้า
 

ส่วนผสม เผือกกวน

  • เผือกหั่นเป็นชิ้น 500 กรัม (หั่นขนาดเท่ากันจะได้สุกพร้อมกัน)
  • หัวกะทิ 2 ถ้วย (ถ้าคั้นกะทิเองควรใช้น้ำลอยดอกมะลิในการคั้นเพราะจะทำให้กะทิมีกลิ่นหอมมากขึ้น)
  • ใบเตย
  • น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลปึก 1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
     

วิธีทำเผือกกวน

     1. ใส่เผือกลงไปในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือดพล่าน ใช้เวลานึ่งประมาณ 30-35 นาที (แล้วแต่ปริมาณของเผือก)
     2. ใส่หัวกะทิและใบเตยลงไปในหม้อ นำไปต้มด้วยไฟกลางอ่อนรอจนเดือดพล่านและมีกลิ่นของใบเตยออกมา พอได้กลิ่นหอมแล้วตักใบเตยออก
     3. ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทรายลงไป ตามด้วยเกลือป่นคนให้เข้ากัน แล้วลดเป็นไฟอ่อนคนจนกว่าทุกอย่างจะละลายเข้ากัน เตรียมไว้
     4. นำเผือกใส่กระทะ (แนะนำให้ใช้กระทะเทฟลอน) บดเผือกด้วยที่กดมันฝรั่ง หรือช้อนส้อมให้ละเอียด (ยังไม่ต้องเปิดเตา)
     5. พอเผือกละเอียดแล้วใส่ส่วนผสมกะทิลงไปคนให้เข้ากันจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
     6. เปิดเตาใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อนแล้วเริ่มกวนเผือกไปเรื่อย ๆ ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที หรือจนแห้งและล่อนไม่ติดกระทะและมีลักษณะเป็นก้อน และถ้าจะเอาไปทำเป็นไส้ขนมให้ใช้เวลากวนประมาณ 7 นาทีพอ เพราะส่วนผสมค่อนข้างจะเหลวตัวหน่อย
     7. เมื่อกวนไปเรื่อย ๆ จะสังเกตเห็นว่าเผือกจะเริ่มแห้งตัวลงแล้ว อย่ากวนจนแข็งตัวเกินไปเพราะเวลาเย็นลงแล้วจะแข็งตัวมากขึ้น
     8. นำเผือกกวนมาใส่ถาด หรือภาชนะที่ไม่ติด
     9. ทิ้งเผือกกวนไว้ให้เย็นสนิท จากนั้นนำมาตัดเป็นชิ้น ๆ หรือกดเป็นลายต่าง ๆ ตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ เผือกกวน เพิ่มเติมคลิก

15. ถั่วกวน

         เมนูเผือกกวนก็มา ดังนั้นเมนูถั่วกวนก็ต้องมาบ้าง เริ่มจากทำถั่วนึ่งสุกแล้วนำไปบดจนละเอียด เสร็จแล้วก็ไปกวนกับน้ำตาลและกะทิจนแห้ง เทใส่ถาดหั่นชิ้นหรือกดใส่พิมพ์ก็ตามสะดวกเลยจ้า
 

ส่วนผสม ถั่วกวน

  • ถั่วเขียวเราะเปลือก 1+1/4 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1+1/4 ถ้วย
  • กะทิ 2+1/4 ถ้วย
  • ใบเตย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
     

วิธีทำถั่วกวน

     1. ล้างถั่วเขียวหลาย ๆ ครั้งจนน้ำที่ล้างใส จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้สักครู่
     2. เทถั่วเขียวที่สะเด็ดน้ำแล้วใส่ลงในผ้าขาวบาง ตามด้วยใบเตย จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรงสูงประมาณ 15-20 นาที หรือนำไปต้มประมาณ 15 นาทีจนถั่วสุก นำออกจากชุดนึ่งแล้วเกลี่ยบาง ๆ พักทิ้งไว้จนเย็นสนิท
     3. นำถั่วนึ่งสุกไปปั่นหรือตำให้ละเอียด
     4. ใส่ถั่วบดลงในกระทะ ตามด้วยน้ำตาล และกะทิ คนผสมให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนผสมไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมแห้งและไม่ติดกระทะ
     5. ตักใส่ถาดแล้วเกลี่ยให้เรียบ ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (ป้องกันหน้าขนมแห้ง) พักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจนเย็นและแห้ง ตัดเป็นชิ้น ๆ หรือกดเป็นรูปต่าง ๆ พร้อมเสิร์ฟ
             
เคล็ดลับ : ถ้าต้องการความหอมสามารถนำไปอบควันเทียนประมาณ 15 นาทีหรือจนควันเทียนหมดก่อนเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ ถั่วกวน เพิ่มเติมคลิก

16. ขนมน้ำดอกไม้

          เมนูขนมน้ำดอกไม้ สูตรขนมไทยรถเข็นสีสวยถ้ามีประดับไว้ก็มีคนซื้อแน่นอน เพราะเป็นขนมโบราณหากินยาก ใส่สีสวยหวานหลากสี พักไว้ให้เย็นแคะออกจากพิมพ์ก็ขายได้แล้วค่ะ
 

ส่วนผสม ขนมน้ำดอกไม้

  • น้ำตาลทราย 225 กรัม
  • น้ำร้อน 450 มิลลิลิตร
  • แป้งข้าวเจ้า 200 กรัม
  • แป้งเท้ายายม่อม 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหาร
     

วิธีทำขนมน้ำดอกไม้

     1. ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำร้อน แล้วคนจนน้ำตาลทรายละลาย จากนั้นพักให้เย็นลง
     2. ผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งเท้ายายม่อม ค่อย ๆ เทน้ำที่ผสมน้ำตาลลงไป แล้วใช้มือขยำจนแป้งละลายหมด พอผสมเข้ากันดีก็เทน้ำส่วนที่เหลือลงไปแล้วตามด้วยกลิ่นมะลิ (ถ้าไม่ชอบไม่ต้องใส่กลิ่นก็ได้)
    3. แบ่งใส่ถ้วย ใส่สีตามชอบใจ สีอย่าใส่มาก ให้ใส่ถ้วยละหยดพอ พอขนมสุกสีจะเข้มขึ้นอีก
     4. นึ่งถ้วยให้ร้อนประมาณ 15 นาที จากนั้นเทขนมลงไปให้เต็มถ้วย นึ่งด้วยไฟแรง 15 นาที พอขนมสุกให้เอามาพักไว้ในน้ำเย็นจัดก่อนนำขนมออกจากถ้วย พอขนมเย็นแล้วก็แคะเอาออกจากถ้วย

 

ดูวิธีทำ ขนมน้ำดอกไม้ เพิ่มเติมคลิก

17. กล้วยเชื่อมแดง

กล้วยเชื่อมแดง

           ไปซื้อกล้วยน้ำว้าเตรียมไว้ทำเมนูกล้วยเชื่อมแดงกันเถอะ เริ่มจากเอากล้วยน้ำว้าปอกเปลือกแช่น้ำปูนใสเพื่อให้รัดตัว เสร็จแล้วเอาไปเคี่ยวกับน้ำเชื่อมจนเปลี่ยนเป็นสีแดง
 

ส่วนผสม กล้วยเชื่อมแดง

  • กล้วยน้ำว้าห่าม ๆ 1-2 หวี (ประมาณ  8-10 ลูก)
  • น้ำปูนใส (สำหรับแช่กล้วย) **ถ้าไม่มีน้ำปูนใสให้ใช้น้ำเปล่าผสมเกลือป่นได้
  • น้ำเปล่า 3 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 3 ใบ
  • น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
     

วิธีทำกล้วยเชื่อมแดง

     1. ปอกเปลือกกล้วยน้ำว้าออกแล้วหั่นเป็น 4 ชิ้น นำไปแช่ทิ้งไว้ในน้ำปูนใส (หรือน้ำผสมเกลือ) ประมาณ 1 ชั่วโมง พอครบเวลานำไปล้างจนหมดกลิ่นปูน
     2. ใส่น้ำเปล่า ใบเตย น้ำตาลปี๊บ และน้ำตาลทรายแดงลงในหม้อ พอเดือดใส่กล้วยน้ำว้าลงไป ตามด้วยน้ำมะนาว รอให้เดือดอีกครั้งแล้วช้อนฟองทิ้งจนหมด เคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อนประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกล้วยเปลี่ยนเป็นสีแดง ตักใส่ภาชนะ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ กล้วยเชื่อมแดง เพิ่มเติมคลิก

18. ขนมมัน

ขนมมัน

          พร้อมลุยทำขนมมันกันหรือยังเอ่ย สูตรนี้ไม่ใส่แป้ง ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำใบเตย นวดจนเข้ากันแล้วตักใส่พิมพ์ เอาไปนึ่งจนสุก พอเย็นแล้วก็คลุกกับมะพร้าวขูดและเกลือป่น
 

ส่วนผสม ขนมมัน

  • เนื้อมันสำปะหลัง (ขูดละเอียด) 400 กรัม  
  • น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
  • น้ำใบเตย 1 ถ้วย
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูด 1 ถ้วย
  • เกลือป่นเล็กน้อย
  • ถ้วยตะไล (สำหรับนึ่ง)
     

วิธีทำขนมมันนึ่ง

     1. ผสมเนื้อมันสำปะหลังขูดกับน้ำตาลทราย ค่อย ๆ เทน้ำใบเตยลงนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
     2. ตักส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนำไปวางเรียงในชุดนึ่ง
     3. นำชุดนึ่งที่ใส่น้ำแล้วขึ้นตั้งไฟรอจนน้ำเดือด ยกชุดนึ่งที่ใส่ขนมวางลงไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมสุก นำออกมาพักไว้ให้เย็น
     4. นำเนื้อมะพร้าวขูดไปนึ่งประมาณ 5 นาที แล้วนำออกมาคลุกกับเกลือป่นเล็กน้อย
     5. แคะขนมมันออกจากพิมพ์ นำไปคลุกกับมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ ขนมมัน เพิ่มเติมคลิก

19. ฟักทองเชื่อม

ฟักทองเชื่อม

          ใครจะไปรู้ว่าฟักทองก็เอามาทำขนมหวานได้นอกจากฟักทองสังขยานั่นคือ ฟักทองเชื่อม สูตรนี้จะแช่น้ำปูนใสหรือไม่ก็ได้ เสร็จแล้วเอาไปต้มในน้ำเชื่อมจนฟักทองสุกและใส
 

ส่วนผสม ฟักทองเชื่อม

  • ฟักทอง 1/2 ลูก (เลือกที่เนื้อแน่นจะทำให้ฟักทองเชื่อมมีเนื้อเหนียว)
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 5 ใบ
     

วิธีทำฟักทองเชื่อม

     1. หั่นฟักทองออกเป็นชิ้นหนา ๆ ใช้มีดคว้านไส้ออกให้สวยงาม (ถ้ามีน้ำปูนใสให้นำฟักทองไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำเตรียมไว้)
     2. ใส่น้ำตาลทรายลงในหม้อเชื่อม ตามด้วยน้ำเปล่า และใบเตย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนให้น้ำตาลทรายละลายหมด
     3. ใส่ฟักทองลงไปในหม้อแล้วเร่งเป็นไฟแรงสุด จากนั้นรอจนเดือดแล้วลดเป็นไฟอ่อน (ใช้ความร้อนแค่พอเดือดปุด ๆ) เชื่อมฟักทองไปเรื่อย ๆ (ไม่ต้องคนเพราะจะทำให้น้ำตาลเกาะกันเป็นก้อน) ประมาณ 1 ชั่วโมง และหมั่นตักน้ำเชื่อมในหม้อราดลงบนชิ้นฟักทองที่ไม่โดนน้ำเชื่อมด้วย เชื่อมจนฟักทองสุกและใส ปิดไฟ พักไว้จนเย็น ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ ฟักทองเชื่อม เพิ่มเติมคลิก

20. ลูกตาลเชื่อม

ลูกตาลเชื่อม

          ช่วงลูกตาลราคาถูก อยากให้มาลองทำเมนูลูกตาลเชื่อม จับจาวตาลไปแช่น้ำสารส้มแล้วล้างออกให้สะอาด จากนั้นนำไปลวกสักครู่ และนำไปต้มในน้ำเชื่อมจนเดือดและเหนียว
 

ส่วนผสม ลูกตาลเชื่อม จาวตาลเชื่อม

  • จาวตาล 1 กิโลกรัม
  • สารส้มผสมน้ำ (สำหรับล้างจาวตาล)
  • น้ำตาลทราย 500 กรัม
  • น้ำเปล่า (สำหรับต้ม)
     

วิธีทำลูกตาลเชื่อม

     1. ปอกเปลือกจาวตาลแล้วออกล้างให้สะอาด นำไปแช่ในน้ำผสมสารส้มทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำไปล้างน้ำเปล่าอีกครั้งให้สะอาด สะเด็ดน้ำเตรียมไว้
     2. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่จาวตาลลงไปลวกประมาณ 10-15 นาที จนจาวตาลเริ่มสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้สักครู่
     3. ใส่จาวตาลลงในหม้อ แบ่งน้ำตาลทรายครึ่งหนึ่ง (ประมาณ 250 กรัม) ใส่ลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม ปิดฝา ตั้งไฟรอจนเดือดประมาณ 15 นาที
     4. เปิดฝาแล้วพรมน้ำสะอาดด้านบนจาวตาลที่เชื่อมไว้ ใส่น้ำตาลทรายที่เหลืออีกลงไป ปิดฝา ตั้งไฟต่อรอจนเดือดอีกครั้ง
     5. กลับด้านจาวตาลจากบนลงล่างเพื่อให้จาวตาลดูดซึมน้ำเชื่อมเท่า ๆ กัน เคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำเชื่อมเดือดและเหนียว (หมั่นช้อนฟองออก) ปิดไฟ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำ ลูกตาลเชื่อม เพิ่มเติมคลิก

          จบไปแล้วสำหรับเมนูขนมไทยรถเข็น เหมาะทั้งสำหรับทำเป็นอาชีพหลักหรือทำเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับงานประจำ ขอให้ขายดิบขายดีกันทุกคนนะคะ
 

สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing

คลิกเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
20 สูตรขนมไทยรถเข็น เมนูสร้างอาชีพจากขนมหวานในตำนาน โพสต์เมื่อ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 18:07:42 87,192 อ่าน
TOP
x close