x close

17 สูตรขนมไทยสีเหลือง เติมความมงคลหวานอร่อยแบบไทย

          นี่แหละคือขนมไทยสีมงคลที่ตามหา พบกับขนมไทยสีเหลืองทอง สูตรขนมไทยหวานอร่อยเหมาะกับงานมงคลต่าง ๆ สามารถเพิ่มหรือลดความหวานตามชอบ ใคร ๆ ก็ทำได้ไม่ยากเลย
          ขนมไทยสีพาสเทลก็สวยดี แต่ดูมุ้งมิ้งไปหน่อยไม่ค่อยเหมาะกับงานมงคลเท่าไร ต้องนี่เลยขนมไทยสีออกเหลืองทองเหมาะกับโอกาสพิเศษหรือมอบให้ผู้หลักผู้ใหญ่ที่สุด กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมไทยสีเหลืองทอง เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ขนมฟักทอง ใครอยู่บ้านว่าง ๆ มาลองทำกันเถอะ
 

1. ฝอยทอง

ขนมไทยสีเหลือง

ฝอยทอง 1 แพ
ให้พลังงานประมาณ 146 กิโลแคลอรี
          ใครไม่กลัวอ้วนต้องจัดเมนูฝอยทอง มาพร้อมวิธีทำน้ำเชื่อมและวิธีโรยเส้นฝอยทองทั้งเส้นเล็กและเส้นใหญ่ พอทำเสร็จจะกินเปล่า ๆ หรือทำเป็นไส้ขนมปังหรือไส้ขนมเปี๊ยะก็อร่อยจ้า
 

ส่วนผสม ฝอยทอง

  • ไข่เป็ด 6 ฟอง
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • น้ำตาลทรายขาว 1 กิโลกรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 มิลลิลิตร (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
  • ใบเตย (มัดรวมกัน) 4 ใบ
     

อุปกรณ์

  • กระทะทองเหลือง
  • กรวยใบตองหรือกรวยโลหะ
  • ไม้แหลม ยาวประมาณ 1 ฟุต
  • ตะแกรง
  • ถาดรองน้ำเชื่อม
     

วิธีทำฝอยทอง

     1. แยกไข่แดงกับไข่ขาวออกจากกันและรีดไข่น้ำค้าง (ไข่ขาวที่เป็นน้ำใส ๆ เหมือนน้ำค้างติดอยู่ภายในเปลือกไข่) ลงไปในไข่แดง (ไข่น้ำค้างทำให้เส้นฝอยทองเหนียวนุ่ม ไม่ขาดง่าย) ตีผสมไข่แดงให้พอเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่ต้องตีให้ขึ้นฟู เพราะจะทำให้เส้นขาดเวลาโรยลงในกระทะ) จากนั้นนำไปกรองในผ้าขาวบาง เตรียมไว้
     2. ทำน้ำเชื่อมโดยใส่น้ำลอยดอกมะลิ น้ำตาลทราย และใบเตยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลางรอจนน้ำตาลละลาย จากนั้นนำไปกรองแล้วเทใส่ลงกระทะทองเหลือง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนอีกครั้งจนเป็นเหนียวข้น
     3. ตักส่วนผสมไข่แดงลงในกรวยแล้วค่อย ๆ โรยไข่แดงลงไปในน้ำเชื่อมที่เดือด (ใช้ไฟกลาง) วนให้รอบกระทะทองเหลืองประมาณ 20-30 รอบต่อชิ้น จากนั้นยกกรวยขึ้น
เคล็ดลับ : ถ้าต้องการฝอยทองเส้นเล็กให้ยกกรวยสูงจากน้ำเชื่อม แต่ถ้าต้องการฝอยทองเส้นใหญ่ ก็ให้ถือกรวยต่ำ ๆ
     4. พอไข่แดงสุกให้ใช้ไม้ปลายแหลมพับครึ่งเส้นฝอยทองแล้วเอามาพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเชื่อม

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ฝอยทอง สีสวยเงาวับพร้อมเทคนิคโรยฝอยทองเส้นยาวไม่ขาด

2. ทองหยิบ

ขนมไทยสีเหลือง

ทองหยิบ 1 ดอก
ให้พลังงานประมาณ 105 กิโลแคลอรี
           มาต่อกันที่เมนูทองหยิบ ขนมไทยสีเหลืองทอง เคี้ยวอร่อยหวานฉ่ำ พอหยอดขนมในน้ำเชื่อมเรียบร้อยก็เอาขึ้นมาจับจีบให้สวยงาม
 

ส่วนผสม ทองหยิบ

  • ไข่แดงของไข่เป็ด 4 ฟอง
  • น้ำเปล่า 3 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วย
     

วิธีทำทองหยิบ

     1. เติมน้ำและน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟอ่อน คนจนละลาย ปิดไฟ พักทิ้งไว้จนเย็นแล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
     2. เทน้ำเชื่อมลงในกระทะทองเหลือง ใช้ไฟกลางพอน้ำเชื่อมร้อน แต่ไม่ให้เดือดพล่าน
     3. ตีผสมไข่แดงจนขึ้นฟู ตักหยอดลงในน้ำเชื่อม พอสุกทั้งสองด้านตักขึ้น พักไว้ให้เย็นแล้วจับจีบให้สวยงาม วางใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำทองหยิบ ขนมไทยเนื้อนิ่มหวานฉ่ำเป็นมันเงาจับจีบสวย ๆ

3. ทองหยอด

ขนมไทยสีเหลือง

ทองหยอด 100 กรัม
ให้พลังงานประมาณ 299 กิโลแคลอรี
          ชอบเม็ดเล็กหรือเม็ดใหญ่ก็จัดไป สำหรับขนมทองหยอด จับแป้งทองหยอดตีผสมกับไข่แดงแล้วปั้นเป็นก้อนกลม หยอดลงในน้ำเชื่อมจนสุก
 

ส่วนผสม ทองหยอด

  • ไข่แดงของไข่เป็ด 9 ฟอง
  • แป้งทองหยอด 1/2 ถ้วย (หรือแป้งข้าวเจ้า)
  • น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 2+1/2 ถ้วย (ไม่ใส่ก็ได้)
     

วิธีทำทองหยอด

     1. เทน้ำลอยดอกมะลิกับน้ำตาลทรายลงในกระทะทองเหลือง นำไปตั้งไฟแรงจนเดือดปุด ๆ และเคี่ยวต่ออีกประมาณ 10-15 นาทีหรือจนน้ำเชื่อมข้น ตักส่วนหนึ่งออกมาสำหรับแช่ทองหยอดที่สุกแล้ว อีกส่วนหนึ่งตั้งไฟไว้
     2. นำไข่แดงไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ตีจนขึ้นฟู ใส่แป้งลงไป คนผสมจนเข้ากัน เสร็จแล้วนำไปหยอดในน้ำเชื่อมเดือด วิธีหยอดทำโดยใช้ปลายช้อนแกงตักส่วนผสมขึ้นมาแล้วใช้ปลายนิ้วโป้งดันลงไปในกระทะ หรือใช้นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลางหยิบส่วนผสมขึ้นมาเป็นลูกพอเหมาะ แล้วสะบัดลงในน้ำเชื่อม พอสุกจะลอยขึ้นแล้วใช้กระชอนตักขึ้นมาพักไว้ในชามน้ำเชื่อม จัดใส่ภาชนะเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ทองหยอด วิธีทำขนมไทยโบราณสีสวย สูตรหวานน้อยอร่อยเพลิน

4. ขนมฟักทอง สูตรเฮลธ์ตี้

ขนมไทยสีเหลือง

          เตรียมนึ่งฟักทองให้สุกเพื่อเอามาทำขนมฟักทองสูตรเฮลธ์ตี้ สูตรจาก คุณ @sseeri_sirirattana สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับแป้งผสมเนื้อฟักทอง ใส่นมสดและเติมน้ำตาลเล็กน้อย สุดท้ายเทใส่พิมพ์แล้วเอาไปนึ่งจนสุก
 

ส่วนผสม ขนมฟักทอง

  • ฟักทองนึ่งสุก (ไม่ต้องเละมาก) 2 ถ้วยตวง
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
  • แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วยตวง
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  • นมสดแบบพาสเจอร์ไรส์ 3/4 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
     

วิธีทำขนมฟักทอง

     1. ตวงส่วนผสมทุกอย่างตามสูตร
     2. บดฟักทองให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ แต่ไม่ต้องละเอียดมาก ในสูตรใช้ส้อมกด ๆ ให้แหลก
     3. เทแป้งทั้ง 2 ชนิด และเกลือใส่ในชามผสม ตามด้วยนมสดประมาณครึ่งหนึ่งก่อน
     4. นวดเป็นเนื้อเดียวกัน ประมาณ 2 นาที (นวดเพื่อให้แป้งเหนียวนุ่ม ไม่นวดก็ได้ ใส่นมทีเดียวคน ๆ กับแป้งจนเข้ากัน แล้วข้ามไปขั้นตอน 6 เลย จะได้เร็วขึ้น)
     5. ละลายแป้งโดยการเติมนมส่วนที่เหลือลงไปจนหมด ตามด้วยน้ำตาลทราย
     6. ใส่ฟักทองที่บดแล้วคนให้เข้ากับแป้ง
     7. ตักใส่พิมพ์ โรยมะพร้าวอ่อน เอาไปนึ่งไฟแรงจนสุก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที แล้วแต่ว่าใครใช้พิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมฟักทอง สูตรเฮลธ์ตี้หวานน้อยแคลอรีต่ำทำไม่ยาก

5. สาลี่ทิพย์ฝอยทอง

ขนมไทยสีเหลือง

          ขนมสาลี่กรอบหรือสาลี่ทิพย์หากินยากมาก วันหยุดขอลองทำเองสักครั้ง พบกับสาลี่ทิพย์ฝอยทอง สูตรจาก คุณ MedIEviL สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เนื้อแป้งผสมผสานความหวานจากฝอยทอง อบจนหน้ากรอบและเนื้อนุ่ม
 

ส่วนผสม สาลี่ทิพย์ฝอยทอง

(สูตรสำหรับ 9 ชิ้น ดัดแปลงสูตรมาจาก หนังสือ “ขนมไทย” สำนักพิมพ์แสงแดด)
 
  • กะทิ 1 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วยตวง (ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ใส่ฝอยทอง ให้เพิ่มน้ำตาลทรายเป็น 3/4 ถ้วยตวง)
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง
  • ฝอยทอง ประมาณ 2-3 แพ
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 3) 2 ฟอง
  • น้ำมะนาวคั้นสด 1/4 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (สำหรับโรยหน้าขนม)
  • น้ำมันพืช เล็กน้อย (สำหรับทาถาดขนม)
  • กลิ่นมะลิ ตามชอบ
  • ลูกเกด (สำหรับตกแต่ง)
     

วิธีทำสาลี่ทิพย์ฝอยทอง

     1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เตรียมไว้
     2. อุ่นกะทิด้วยไมโครเวฟ ใช้ไฟกลาง ประมาณ 2 นาที จากนั้นนำออกมาใส่น้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลายแล้วนำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟกลางอีก 2 นาที นำออกมาคนอีกครั้ง พักทิ้งไว้ให้เย็น เตรียมไว้
     3. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เตรียมไว้
     4. เตรียมถาดอบ โดยทาน้ำมันพืชให้ทั่ว รองด้วยกระดาษรองอบ แล้วทาน้ำมันพืชบาง ๆ อีกครั้ง ใส่ฝอยทองลงในถาดอบให้ทั่ว
     5. ตีไข่และน้ำมะนาวในอ่างผสม โดยใช้เครื่องตีไฟฟ้า ค่อย ๆ เพิ่มระดับจากความเร็วต่ำไปความเร็วสูง ตีจนขึ้นฟูเป็นครีม และตั้งยอดอ่อน ค่อย ๆ ใส่แป้งที่ร่อนแล้ว สลับกับน้ำกะทิ โดยแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน แบ่งน้ำกะทิเป็น 2 ส่วน ใส่แป้งก่อนแล้วตะล่อมให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำกะทิ คนให้เข้ากัน แล้วใส่แป้งและน้ำกะทิสลับกันไปจนหมด (จะจบด้วยการใส่แป้ง) ตะล่อมเบา ๆ ให้เข้ากัน ใส่กลิ่นมะลิ ตะล่อมให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่ลงในถาดอบ โรยด้วยน้ำตาลทรายให้ทั่ว
     6. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 25 นาที หรือจนสุกเหลือง นำออกมาพักให้เย็น แล้วจึงนำมาตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟกับลูกเกด

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สาลี่ทิพย์ฝอยทอง สูตรขนมไทยหน้ากรอบหวานหอมชิ้นพอคำ

6. สังขยาฟักทอง

ขนมไทยสีเหลือง

สังขยาฟักทอง 1 ชิ้นเล็ก
ให้พลังงานประมาณ 288 กิโลแคลอรี
          ฟักทองนึ่งกินเพียว ๆ ก็จืดชืด จับมาทำสังขยาฟักทอง หรือ ฟักทองสังขยา สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เริ่มจากเอาเม็ดและไส้ฟักทองออกจากลูกฟักทองให้หมดแล้วเทส่วนผสมสังขยาลงไป พอนึ่งจนสุกก็หั่นชิ้นแบ่งเสิร์ฟ
 

ส่วนผสม สังขยาฟักทอง

  • ฟักทอง (พันธุ์ศรีเมือง) ลูกเล็กไม่เกิน 1 กิโลกรัม จำนวน 2 ลูก
  • หัวกะทิ 250 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ (น้ำตาลโตนด) 500 กรัม
  • ไข่ไก่ 3 ฟอง
  • ไข่เป็ด 3 ฟอง
  • ใบเตย 5 ใบ
  • เกลือ (เล็กน้อย)
     

วิธีทำสังขยาฟักทอง

     1. ใช้มีดเจาะไปที่ขั้วฟักทองเป็นวงกลมหรือสี่เหลี่ยมก็ได้ ใช้ช้อนขูดเอาเมล็ดและไส้ฟักทองออก แล้วนำไปล้างให้สะอาดผึ่งให้แห้ง
     2. เทหัวกะทิ น้ำตาลปี๊บ ตอกไข่ และใส่เกลือลงไป ใช้ใบเตยขยำให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน กรองด้วยกระชอนแล้วเทใส่ในลูกฟักทอง (ส่วนผสมสังขยาสูตรนี้จะทำได้กับฟักทอง 2 ลูก)
     3. นำไปนึ่งในน้ำเดือด จากนั้นก็ลดเป็นไฟอ่อน ใช้เวลานึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง (หมั่นเปิดฝาดูทุก ๆ 20 นาที) พอครบเวลาแล้ว พักสังขยาฟักทองให้เย็น แล้วจึงนำมาผ่าครึ่ง แบ่งเป็นชิ้นเล็ก ๆ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สังขยาฟักทอง ขนมไทยหวานหอมทำง่ายไส้เนียนนุ่ม

7. ข้าวฟ่างเปียก

ขนมไทยสีเหลือง

          เกิดมาต้องลองสักครั้งกับข้าวฟ่างเปียก สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine ขนมไทยสีเหลืองทองแบบโบราณ ใส่ข้าวฟ่างต้มกับน้ำใบเตย สุดท้ายราดกะทิและใส่ลูกชิด
 

ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียก (สำหรับ 2-4 ที่)

  • ข้าวฟ่าง 1 ถ้วย
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/4 ถ้วย
  • ใบเตย 2-3 ใบ
  • น้ำเปล่า ประมาณ 2+1/2 ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกชิด ปริมาณตามชอบ
     

ส่วนผสม หน้ากะทิ

  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ใบเตย 1-2 ใบ
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
     

วิธีทำข้าวฟ่างเปียก

     1. ล้างข้าวฟ่าง 2-3 ครั้งให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
     2. ต้มน้ำ 2+1/2 ถ้วยจนเดือด ใส่ใบเตย ใส่ข้าวฟ่างลงต้มจนบาน ใส่น้ำใบเตยคั้น ละลายแป้งเท้ายายม่อมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ คนให้ข้น ปิดไฟ
     3. ทำกะทิราดหน้าโดยต้มหัวกะทิใส่เกลือและใบเตยด้วยไฟอ่อนให้พอเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำเพื่อให้ข้น ชิมรสให้ออกเค็ม ยกลง
     4. ตักข้าวฟ่างใส่ถ้วย ใส่ลูกชิด ราดหน้าด้วยกะทิ

หมายเหตุ : ข้าวฟ่างซื้อชนิดที่ใช้ทำขนมเม็ดเล็ก หรือเรียกว่า Foxtail Millet ส่วนใหญ่มีขายในร้านขายอาหารสุขภาพก่อนต้มข้าวฟ่างต้องล้างให้สะอาด เพราะจะมีฝุ่นและกลิ่นของข้าวฟ่างที่เก็บไว้ ทำให้เมื่อต้มแล้วมีกลิ่นเมื่อต้มสุกแล้วข้าวฟ่างมักจะอืดเร็ว ให้นำหม้อไปแช่ในน้ำเย็นไว้

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวฟ่างเปียก ใส่ใบเตยราดกะทิสด ขนมไทยหวานมันอุ่นท้อง

8. ฟักทองนึ่ง

ขนมไทยสีเหลือง

          ใครกลัวอ้วนอยากให้ลองทำฟักทองนึ่ง จับฟักทองหั่นเป็นชิ้นแล้วเอาไปนึ่งจนสุก ถ้าจะทำให้คุณหนู ๆ กิน ลองบดให้เละแล้วป้อนเอาเลยนะคะ
 

ส่วนผสม ฟักทองนึ่ง

  • ฟักทอง (หั่นเป็นชิ้นหนา)
  • น้ำเปล่า
     

วิธีทำฟักทองนึ่ง

     1. นำฟักทองมาหั่นเป็นชิ้นหนา ๆ หน่อย อย่าหั่นให้เล็กมากเพราะตอนนึ่งจะเละไม่อร่อย จากนั้นใช้มีดคว้านเอาไส้ตรงกลางออกให้สวยงาม
     2. ต้มน้ำในชุดนึ่งให้เดือดพล่าน แล้วเอาฟักทองที่หั่นไว้วางเรียงลงไปแล้วปิดฝานึ่งประมาณ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับว่าขนาดของชิ้นฟักทองที่หั่นนั้นใหญ่ขนาดไหน

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ฟักทองนึ่ง อร่อยง่าย ๆ ดีต่อสุขภาพพร้อมวิธีนึ่งฟักทองให้นุ่ม

9. ฟักทองเชื่อม

ขนมไทยสีเหลือง

ฟักทองเชื่อม 1 จาน
ให้พลังงานประมาณ 167 กิโลแคลอรี
          ถ้าทำขนมไทยสีเหลืองทองอย่างทองหยอดหรือทองหยิบแล้วน้ำเชื่อมเหลือ จับมาทำเมนูฟักทองเชื่อมกันต่อเลยจ้า จับฟักทองใส่ลงไปในหม้อน้ำเชื่อมรอจนฟักทองสุก
 

ส่วนผสม ฟักทองเชื่อม

  • ฟักทอง 1/2 ลูก (เลือกที่เนื้อแน่นจะทำให้ฟักทองเชื่อมมีเนื้อเหนียว)
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 5 ใบ

วิธีทำฟักทองเชื่อม

     1. หั่นฟักทองออกเป็นชิ้นหนา ๆ ใช้มีดคว้านไส้ออกให้สวยงาม (ถ้ามีน้ำปูนใสให้นำฟักทองไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำเตรียมไว้)
     2. ใส่น้ำตาลทรายลงในหม้อเชื่อม ตามด้วยน้ำเปล่า และใบเตย นำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนให้น้ำตาลทรายละลายหมด
     3. ใส่ฟักทองลงไปในหม้อแล้วเร่งเป็นไฟแรงสุด จากนั้นรอจนเดือดแล้วลดเป็นไฟอ่อน (ใช้ความร้อนแค่พอเดือดปุด ๆ) เชื่อมฟักทองไปเรื่อย ๆ (ไม่ต้องคนเพราะจะทำให้น้ำตาลเกาะกันเป็นก้อน) ประมาณ 1 ชั่วโมง และหมั่นตักน้ำเชื่อมในหม้อราดลงบนชิ้นฟักทองที่ไม่โดนน้ำเชื่อมด้วย เชื่อมจนฟักทองสุกและใส ปิดไฟ พักไว้จนเย็น ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ฟักทองเชื่อม สูตรขนมไทยเชื่อมเนื้อแน่นหนึบหวานฉ่ำ

10. ขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม

ขนมไทยสีเหลือง

          จากที่เคยซื้อขนมเปี๊ยะจากร้านดัง ลองมาทำเองดีไหม พบกับขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม สูตรจาก คุณ sokheang14 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แป้งนุ่มห่อไส้ถั่วหวานมากหรือหวานน้อยตามชอบ กับไข่เค็มผ่า 8 ส่วนต่อลูก อบด้วยควันเทียนเพิ่มความหอม
 

ส่วนผสม ไส้ถั่วไข่เค็ม

  • ถั่วเขียวเราะเปลือก 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 320 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
  • ไข่เค็มต้มสุก
     

ส่วนผสม แป้งชั้นนอก

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 250 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 175 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
  • น้ำมันพืช 150 กรัม
  • น้ำเย็น 180 กรัม
     

ส่วนผสม แป้งชั้นใน

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 150 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 125 กรัม
  • น้ำมันพืช 100 กรัม
     

วิธีทำไส้ถั่วกวน

     1. แช่ถั่วเขียวในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง) จนถั่วพองตัว
     2. นำถั่วที่แช่แล้วไปต้มจนนิ่ม ประมาณ 30 นาที แล้วนำไปปั่นในโถปั่นจนเนียนละเอียด
     3. เทถั่วที่ปั่นละเอียดแล้วลงในกระทะทองเหลืองแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป
     4. นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มข้น ใส่น้ำมันพืชลงไป กวนต่อจนได้ส่วนผสมถั่วข้นและแห้งพอที่จะปั้นเป็นก้อนได้ ยกลงจากเตา พักไว้จนเย็น
     5. ผ่าไข่เค็มแล้วคว้านเอาเฉพาะไข่แดงออกแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (8 ชิ้น ต่อ 1 ฟอง) แบ่งถั่วให้ได้เท่าจำนวนลูกที่จะทำ (ลูกละ 12 กรัม) แล้วแผ่เป็นแผ่นแล้ววางไข่แดงลงบนถั่วที่แผ่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ทำจนหมด เตรียมไว้
 

วิธีทำแป้งชั้นนอก

     1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน
     2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชและน้ำเย็นลงไปในหลุม
     3.  ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอก คนผสมไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวเป็นก้อน (จะได้ออกมาเป็นแป้งขยุกขยุย ตัวแป้งนอกนี้จะนิ่ม ๆ มัน ๆ ลื่น ๆ) พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
 

วิธีทำแป้งชั้นใน

     1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน
     2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในหลุม
     3. ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน (แป้งในนี้จะมีลักษณะเนียน ๆ แข็ง ๆ) พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที
 

วิธีห่อขนมเปี๊ยะ

     1. แบ่งแป้งชั้นนอกออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 นะคะ จะได้ก้อนละประมาณ 38 กรัม)
     2. แบ่งแป้งชั้นในออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 18 กรัม) แป้งที่ได้จะขาวและเนียน
     3. แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่นแล้ววางแป้งชั้นในไว้ตรงกลาง
     4. จับมุมแป้งชั้นนอกขึ้นมาก่อแป้งชั้นในให้มิด ใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) จะได้แป้งแบน ๆ ยาว ๆ
     5. พับแป้งด้านบนลงมาโดยให้ปลายมาจรดตรงกลางแผ่นแล้วพับปลายด้านล่างขึ้นไป จากนั้นหมุนแป้งที่พับไว้ 90 องศา
     6. จากนั้นใช้ใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลงอีกครั้ง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) ม้วนแป้งจากปลายด้านใดด้านหนึ่ง (เหมือนม้วนเสื่อ) ตัดแบ่งให้ได้ส่วนตามต้องการ (ในสูตรแบ่ง 4 ส่วน)
     7. วางแป้งให้ระนาบที่กลมลงบนพื้นโต๊ะ (แบบแถวซ้าย ส่วนด้านขวาเราจะทดลองดูว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร) แล้วกดแป้งลงไปให้แบนราบ
     8. จากนั้นนำมารีดเฉพาะขอบให้บางแล้ววางไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ลงไป
     9. ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ เก็บรอยบีบไว้ด้านล่าง (จะเห็นเป็นลายวน ๆ)
     10. วางเรียงแป้งใส่ถาดอบที่ทาน้ำมันไว้ เตรียมอบ (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นถาดที่ใช้ใส่แป้งชั้นนอกตอนพัก จึงไม่ต้องทาน้ำมันเพิ่มเลย เนื่องจากมีน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมาจากแป้งชั้นนอกแล้วบ้าง)
     11. ทาส่วนผสมไข่แดงผสมน้ำลงบนหน้าขนม แต้มสีผสมอาหารสีส้มลงบนหน้าขนมให้เป็นจุด ๆ
     12. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (อุ่นเตาไว้ก่อนแล้ว) ประมาณ 20-25 นาที (แล้วแต่ขนาดของขนม) อบเสร็จแป้งจะแห้ง ๆ หน่อยนำขนมออกจากถาดใส่ลงในหม้อสำหรับอบควันเทียน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมเปี๊ยะ ไส้ถั่วไข่เค็ม ลูกกลม ๆ น่ารักชวนหม่ำ

11. ขนมมัน

ขนมไทยสีเหลือง

          ย้อนรำลึกถึงความอร่อยของขนมมันสักหน่อย สูตรนี้ใส่เนื้อมันผสมกับน้ำตาลและน้ำใบเตย พอนวดจนเข้ากันก็เอาไปนึ่งจนสุก
 

ส่วนผสม ขนมมัน

  • เนื้อมันสำปะหลัง (ขูดละเอียด) 400 กรัม  
  • น้ำตาลทรายขาว 200 กรัม
  • น้ำใบเตย 1 ถ้วย
  • เนื้อมะพร้าวทึนทึกขูด 1 ถ้วย
  • เกลือป่นเล็กน้อย
  • ถ้วยตะไล (สำหรับนึ่ง)
     

วิธีทำขนมมันนึ่ง

     1. ผสมเนื้อมันสำปะหลังขูดกับน้ำตาลทราย ค่อย ๆ เทน้ำใบเตยลงนวดให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
     2. ตักส่วนผสมใส่ถ้วยตะไลแล้วนำไปวางเรียงในชุดนึ่ง
     3. นำชุดนึ่งที่ใส่น้ำแล้วขึ้นตั้งไฟรอจนน้ำเดือด ยกชุดนึ่งที่ใส่ขนมวางลงไปนึ่งประมาณ 10-15 นาที หรือจนขนมสุก นำออกมาพักไว้ให้เย็น
     4. นำเนื้อมะพร้าวขูดไปนึ่งประมาณ 5 นาที แล้วนำออกมาคลุกกับเกลือป่นเล็กน้อย
     5. แคะขนมมันออกจากพิมพ์ นำไปคลุกกับมะพร้าวขูดที่เตรียมไว้ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมมันสำปะหลัง ขนมไทยไร้แป้งเคี้ยวนุ่มหนึบอร่อยปาก

12. ลูกตาลเชื่อม

ขนมไทยสีเหลือง

          ใครไปจ่ายตลาดเห็นจาวตาลหรือลูกตาลลองซื้อมาทำลูกตาลเชื่อมกันดีไหม เริ่มจากปอกเปลือกจาวตาลออกแล้วแช่ด้วยน้ำสารส้ม เสร็จแล้วก็เอาไปต้มกับน้ำเปล่ารอบหนึ่ง แล้วค่อยเอามาเคี่ยวกับน้ำเชื่อมจนแห้ง
 

ส่วนผสม ลูกตาลเชื่อม จาวตาลเชื่อม

  • จาวตาล 1 กิโลกรัม
  • สารส้มผสมน้ำ (สำหรับล้างจาวตาล)
  • น้ำตาลทราย 500 กรัม
  • น้ำเปล่า (สำหรับต้ม)
     

วิธีทำลูกตาลเชื่อม

      1. ปอกเปลือกจาวตาลแล้วออกล้างให้สะอาด นำไปแช่ในน้ำผสมสารส้มทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำไปล้างน้ำเปล่าอีกครั้งให้สะอาด สะเด็ดน้ำเตรียมไว้
      2. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่จาวตาลลงไปลวกประมาณ 10-15 นาทีหรือจนจาวตาลเริ่มสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้สักครู่
      3. ใส่จาวตาลลงในหม้อ แบ่งน้ำตาลทรายครึ่งหนึ่ง (ประมาณ 250 กรัม) ใส่ลงไป เติมน้ำเปล่าลงไปพอท่วม ปิดฝา ตั้งไฟรอจนเดือดประมาณ 15 นาที
      4. เปิดฝาแล้วพรมน้ำสะอาดด้านบนจาวตาลที่เชื่อมไว้ ใส่น้ำตาลทรายที่เหลืออีกลงไป ปิดฝา ตั้งไฟต่อรอจนเดือดอีกครั้ง
      5. กลับด้านจาวตาลจากบนลงล่างเพื่อให้จาวตาลดูดซึมน้ำเชื่อมเท่า ๆ กัน เคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ จนน้ำเชื่อมเดือดและเหนียว (หมั่นช้อนฟองออก) ปิดไฟ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลูกตาลเชื่อม จาวตาลเชื่อม ขนมไทยเชื่อมหวานฉ่ำอร่อยกินเพลิน

13. บัวลอยฟักทองไข่หวาน

ขนมไทยสีเหลือง

บัวลอย 1 ถ้วยเล็ก
ให้พลังงานประมาณ 223 กิโลแคลอรี
          บัวลอยเผือกสีม่วงแม้จะอร่อยแต่ทำบ่อยก็เบื่อ ลองเปลี่ยนมาทำบัวลอยฟักทองสักหม้อกันเถอะ จับฟักทองนึ่งบดผสมกับแป้งและน้ำร้อน นวดจนเข้ากันแล้วปั้นเป็นก้อนกลม เสร็จแล้วเอาไปต้มกับน้ำเปล่าจนสุก กินกับกะทิและไข่หวาน
 

ส่วนผสม บัวลอยฟักทอง

  • แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วยตวง
  • ฟักทอง (นึ่งสุกบดละเอียด) 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำร้อน 6 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวเหนียว (สำหรับทำแป้งนวล)
  • น้ำสำหรับต้มแป้ง
  • น้ำเย็น (สำหรับแช่เม็ดแป้ง)
  • กะทิ (ความเข้มข้นปานกลาง) 2 ถ้วยตวง
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 6 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่นหยาบ 3/4 ช้อนชา
  • เนื้อมะพร้าวเผา หรือเนื้อมะพร้าวอ่อน (หั่นเป็นเส้น) 1/2 ถ้วยตวง
  • ใบเตย 2 ใบ
  • หัวกะทิ 1/4 ถ้วยตวง
  • ไข่ไก่
     

วิธีทำบัวลอยฟักทอง

     1. ผสมแป้งข้าวเหนียวกับฟักทองบดละเอียด และน้ำร้อน นวดเข้าด้วยกันจนเนียนและปั้นเป็นก้อนได้
     2. ปั้นแป้งเป็นก้อนกลม โรยแป้งนวลลงไปเล็กน้อย ปั้นจนหมด (เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน)
     3. ต้มน้ำพอเดือด นำเม็ดแป้งลงต้มจนสุกลอยขึ้นมา ตักขึ้นแล้วนำไปแช่ในน้ำเย็นพอคลายความร้อน เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
     4. ใส่กะทิลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เกลือป่น เนื้อมะพร้าวเผา และใบเตยลงไปต้มพอเดือด เติมหัวกะทิลงไป
     5. ใส่แป้งบัวลอยลงในหม้อคนให้เข้ากัน พอเดือดเล็กน้อยยกลง ตักใส่ถ้วย
     6. ตอกไข่ไก่ใส่ถ้วย ค่อย ๆ เทลงในหม้อน้ำกะทิ รอจนไข่สุกตามชอบ จากนั้นตักใส่ลงในถ้วยบัวลอย พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ บัวลอยฟักทองไข่หวาน เอาใจสายหวานด้วยขนมไทยถ้วยโปรด

14. เม็ดขนุนเผือก

ขนมไทยสีเหลือง

          เม็ดขนุนถั่วใคร ๆ ก็ทำกันเยอะแล้ว ขอเปลี่ยนมาทำเม็ดขนุนเผือก สูตรจาก คุณ Phorn_Kitchen สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มาพร้อมสูตรเผือกกวนหวานอร่อย ปั้นเป็นก้อนแล้วชุบไข่ และเอาไปต้มในน้ำเชื่อมจนไข่สุก
 

ส่วนผสม ไส้เผือกกวน

  • เผือกนึ่งสุก 500 กรัม
  • หัวกะทิ 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 200 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
     

ส่วนผสม น้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 1 กิโลกรัม
  • น้ำ 1 ลิตร
  • ไข่แดงของไข่เป็ด 5 ฟอง (สำหรับชุบขนม)
     

วิธีทำเม็ดขนุนเผือก

     1. บดเผือกให้ละเอียด ใส่น้ำตาลทราย หัวกะทิ และเกลือลงในเผือกบด กวนด้วยไฟอ่อนจนแห้งและเหนียวหน่อย ๆ พักไว้ให้เย็นเตรียมปั้น ปั้นในแบบที่ต้องการ และเตรียมตีไข่แดงไว้ชุบ
     2. ตั้งน้ำเชื่อมจนเดือดเบา ๆ ตักเผือกปั้นหยอดในน้ำเชื่อม พอไข่สุกตักขึ้น

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เม็ดขนุนเผือก ขนมไทยมงคลเม็ดจิ๋วเงาวับหวานฉ่ำ

15. มันเชื่อม

ขนมไทยสีเหลือง

          อย่างที่รู้กันดีว่าขนมไทยสีเหลืองทองอย่างเมนูมันเชื่อม ถ้าหากทำเองจะเสียเวลาหน่อยแต่อร่อยแน่นอน มาพร้อมวิธีทำกะทิรสเค็มตัดเลี่ยน
 

ส่วนผสม มันสำปะหลังเชื่อม

  • มันสำปะหลัง 1 หัว
  • น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 5 ถ้วย (หรือน้ำผสมกลิ่นมะลิ)
     

ส่วนผสม กะทิสำหรับราด

  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
     

วิธีทำมันสำปะหลังเชื่อม

     1. หั่นมันสำปะหลังเป็นท่อนสั้น ๆ ปอกเปลือกแล้วล้างให้สะอาด เตรียมไว้
     2. ใส่น้ำตาลทรายลงในกระทะเทฟลอน (หรือกระทะทองเหลืองถ้ามี) ตามด้วยน้ำลอยดอกมะลิ ใช้ไฟกลางเคี่ยวจนน้ำตาลทรายละลายหมด
     3. เมื่อน้ำเชื่อมเดือดแล้วใส่มันสำปะหลังลงไปต้มจนมันเริ่มสุกบางส่วนแล้วลดเป็นไฟอ่อน จากนั้นเชื่อมมันไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1-2 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับขนาดของมันสำปะหลังที่เราหั่น) จนน้ำเชื่อมซึมเข้าไปในเนื้อมัน และเนื้อมันมีลักษณะใส ปิดไฟ พักไว้
     4. ทำกะทิสำหรับราด โดยละลายแป้งข้าวโพดกับหัวกะทิเล็กน้อย ใส่เกลือป่นลงไปคนให้แป้งละลายหมดแล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนคนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมข้นและเหนียว ปิดเตา พักไว้จนเย็น
     5. ตักมันสำปะหลังเชื่อมใส่ถ้วย ราดด้วยกะทิ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ มันเชื่อม ขนมไทยเชื่อมเนื้อเงาวับนิ่มหนึบหวานอร่อยไม่แคร์พุง

16. กล้วยไข่บวชชี

ขนมไทยสีเหลือง

กล้วยบวชชี 1 ถ้วยเล็ก
ให้พลังงานประมาณ 152 กิโลแคลอรี
          ขอบายกล้วยบวชชีแบบเดิม ๆ เพราะตอนนี้อยากทำกล้วยไข่บวชชีเท่านั้น จับกล้วยไข่ปอกเปลือกแล้วต้มกับกะทิใบเตยจนเดือด หน้าตาดีน่าลองเนอะ
 

ส่วนผสม กล้วยไข่บวชชี

  • กล้วยไข่ 8 ลูก
  • หางกะทิ (หรือนมสด) 250 มิลลิลิตร
  • ใบเตย 2 ใบ
  • น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น เล็กน้อย
  • หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
  • น้ำเปล่าผสมเกลือ (สำหรับแช่กล้วย)
     

วิธีทำกล้วยบวชชี

     1. ปอกเปลือกกล้วยไข่ หั่นเป็นชิ้นพอดีคำแล้วนำแช่ลงในน้ำเปล่าผสมเกลือ
     2. ต้มหางกะทิกับใบเตยจนเดือด ใส่เกลือป่น น้ำตาลทราย และน้ำตาลปี๊บลงไป คนให้ละลายรอจนเดือดอีกครั้ง
     3. ลดไฟลงแล้วช้อนกล้วยไข่จากน้ำใส่ลงไป รอจนเดือดอีกครั้งและกล้วยสุกนิ่ม ใส่หัวกะทิลงไป ต้มจนเดือดประมาณ 3 นาที ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ กล้วยไข่บวชชี เติมความหวานจากเมนูกล้วยไม่ซ้ำเดิม

17. แกงบวดฟักทองนมอัลมอนด์

ขนมไทยสีเหลือง

ฟักทองแกงบวดกะทิ 1 ถ้วย
ให้พลังงานประมาณ 185 กิโลแคลอรี
          แกงบวดฟักทองกะทิคงไม่เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก ขอนำเสนอแกงบวดฟักทองนมอัลมอนด์ สูตรจาก คุณ Kat Bake Club สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม แกงบวดแบบคลีน ๆ ใส่นมแทนกะทิ เพิ่มความหอมจากใบเตย เติมรสหวานจากน้ำตาลโตนด
 

ส่วนผสม แกงบวดฟักทองนมอัลมอนด์

  • ฟักทอง หั่นเป็นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
  • นมอัลมอนด์ 2 ถ้วย
  • ใบเตย 1 ใบ
  • น้ำตาลโตนด 1 ช้อนชา (ปรับรสได้ตามใจชอบ)
  • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา (ปรับรสได้ตามใจชอบ)
     

วิธีทำแกงบวดฟักทองนมอัลมอนด์

     1. นำใส่นมอัลมอนด์ ฟักทอง และใบเตยลงไปในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟกลาง ต้มจนเนื้อฟักทองสุก
     2. จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลโตนดและเกลือป่น คนให้ละลาย ปิดไฟ พร้อมเสิร์ฟ

 

ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 4 เมนูของหวานคลีน ๆ สำหรับคนรักสุขภาพ ทำง่ายกินง่ายสุขภาพดี

          อยากกินขนมไทยสีเหลืองทองขึ้นมาแล้วสิ โดยเฉพาะขนมฟักทองและแกงบวดฟักทองนมอัลมอนด์ที่ดูอ้วนน้อยหน่อย ใครอาสามาช่วยจ่ายตลาดจะให้กินฟรีนะคะ รีบสมัครด่วน ๆ เลยจ้า

 

สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing คลิกเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
17 สูตรขนมไทยสีเหลือง เติมความมงคลหวานอร่อยแบบไทย โพสต์เมื่อ 10 พฤษภาคม 2562 เวลา 17:12:34 54,118 อ่าน
TOP