x close

13 เมนูอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส สูตรทำง่ายขายกันเพียบ

          อยากกินหรืออยากขายได้หมด กับเมนูอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส สูตรอาหารทำง่ายทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม รับรองความอร่อยและไม่น่าเบื่อด้วย
          วันนี้ทำอะไรกินดี ? ถ้าหากคิดไม่ออกลองมองหาเมนูอาหารในมาร์เกตเพลสกันดีไหม ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาว ขนมหวาน หรือเครื่องดื่ม เลือกได้ตามชอบ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส เช่น หมูแดดเดียว บราวนี่ ชีสเค้กหน้าไหม้ ขนมปัง นมธัญพืช เป็นต้น ลองทำกันดูเลยจ้า

1. บราวนี่

บราวนี่

สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef

          ไม่แปลกใจเลยที่เมนูบราวนี่เป็นสูตรขนมฮิตในมาร์เกตเพลส ด้วยความที่เป็นขนมทำง่ายและรสชาติหวานอร่อย ใครอยากลองทำนี่เลยบราวนี่หน้าฟิล์ม สูตรนี้ใส่ทั้งดาร์กช็อกโกแลตและผงโกโก้ ทีเด็ดอยู่ที่การแต่งหน้าตามชอบ อาจเป็นธัญพืช โอรีโอ้ อัลมอนด์สไลซ์

ส่วนผสม บราวนี่หน้าฟิล์ม

  • ดาร์กช็อกโกแลต 55% 200 กรัม
  • เนยจืด 100 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 2 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดง 70 กรัม
  • แป้งอเนกประสงค์ 50 กรัม
  • ผงโกโก้ 30 กรัม
  • โอรีโอ้ อัลมอนด์สไลซ์ ดาร์กช็อกโกแลต สำหรับแต่งหน้าขนม

วิธีทำบราวนี่หน้าฟิล์ม

     1. นำดาร์กช็อกโกแลตกับเนยมาใส่ในอ่างผสม แล้วนำไปวางบนหม้อน้ำร้อน เพื่อให้เนยและดาร์กช็อกโกแลตละลาย
     2. นำไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายแดง มาใส่ในอ่างผสม โดยตีให้เข้ากันจนไข่ไก่เป็นสีนวลและขึ้นฟู
     3. ใส่เนยและช็อกโกแลตที่ละลายแล้ว แป้งกับผงโกโก้ที่ร่อนแล้วลงในอ่างผสม คนให้เข้ากัน
     4. เทส่วนผสมของบราวนี่ใส่ในถาดอบ 17x17 เซนติเมตร ที่มีกระดาษรองอบ และตกแต่งด้วยโอรีโอ้ อัลมอนด์สไลซ์ และดาร์กช็อกโกแลต
     5. นำไปอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-35 นาที รอให้เย็นแล้วตัดเสิร์ฟได้
 

ดูวิธีทำ บราวนี่ เพิ่มเติมคลิก

2. ซอฟต์คุกกี้

ซอฟต์คุกกี้

สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef

          ซอฟต์คุกกี้ หรือคุกกี้นิ่ม อีกสูตรขนมฮิตในมาร์เกตเพลส มีทั้งความนุ่มและเก็บได้นาน สามารถทำรสชาติได้ตามชอบ สูตรนี้เป็นคุกกี้นิ่มช็อกโกแลตชิพ ตัวคุกกี้ใส่ช็อกโกแลตและตกแต่งด้วยช็อกโกแลต เวลาอบออกมาช็อกโกแลตเยิ้มน่ากินเชียวล่ะ

ส่วนผสม ซอฟต์คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ (ประมาณ 17 ชิ้น)

  • เนยจืด 113 กรัม
  • น้ำตาลทรายป่น 70 กรัม
  • น้ำตาลทรายแดงสีอ่อน 130 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 1 ฟอง
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • แป้งอเนกประสงค์ 200 กรัม
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • ช็อกโกแลต 55% 135 กรัม
  • ช็อกโกแลตชิพ สำหรับตกแต่ง

วิธีทำซอฟต์คุกกี้ช็อกโกแลตชิพ

     1. นำเนย น้ำตาลทราย และน้ำตาลทรายแดงสีอ่อน ใส่ลงในอ่างผสม คนผสมให้เข้ากัน
     2. ค่อย ๆ ใส่ไข่ไก่กับกลิ่นวานิลลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่แป้ง เกลือ และเบกกิ้งโซดาที่ร่อนแล้วลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิพลงไป คนให้เข้ากัน
     3. นำพลาสติกถนอมอาหารมาคลุมไว้ และนำไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาอบ
     4. แบ่งแป้งคุกกี้มาให้ได้ 40 กรัม ต่อคุกกี้ 1 ชิ้น และคลึงให้เป็นก้อนกลม วางคุกกี้ลงบนถาดอบที่มีกระดาษรองอบ โดยวางให้ห่างกันพอประมาณ เพราะเวลาอบแป้งคุกกี้จะละลายไม่ติดกันหลัง อบเสร็จแล้วนำช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งมาวางบนแป้งคุกกี้
     5. อบคุกกี้ที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที และหลังจากนำคุกกี้ออกมาจากเตาอบ กระแทกถาดคุกกี้เพื่อให้คุกกี้ยุบตัวสวย ทิ้งคุกกี้ให้เย็นประมาณ 8-10 นาที แล้วสามารถเสิร์ฟได้
 

ดูวิธีทำ ซอฟต์คุกกี้ เพิ่มเติมคลิก

3. ชีสเค้ก

ชีสเค้ก

สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef

          เมนูของหวานสุดฮิตในมาร์เกตเพลสยังไม่หมดจ้า มาต่อกับเมนูชีสเค้ก โดยเฉพาะชีสเค้กบลูเบอร์รีสุดคลาสสิก ฐานทำจากบิสกิตผสมกับเนย มาพร้อมเนื้อครีมชีสสุดละมุนและซอสบลูเบอร์รีโฮมเมด

ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก

  • เนยจืด 35 กรัม
  • บิสกิตไดเจสทีฟ 70 กรัม

ส่วนผสม ชีสเค้ก

  • แผ่นเจลาติน 6 กรัม
  • ครีมชีส 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 46 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีม 300 กรัม
  • นม 46 กรัม

ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รีโฮมเมด

  • บลูเบอร์รี 100 กรัม
  • น้ำตาลทราย 45 กรัม
  • น้ำส้ม 85 กรัม
  • แป้งข้าวโพด 10 กรัม
  • น้ำ 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก

     1. ทำฐานชีสเค้กโดยนำเนยใส่ในชามทนความร้อนแล้วเอาไปวางลงในหม้อที่มีน้ำร้อน รอให้เนยละลาย
     2. นำบิสกิตมาบดให้ละเอียด เทเนยละลายลงไปผสมให้เข้ากัน นำตัวบิสกิตเข้าไปกรุในตัวพิมพ์เค้กขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 14 เซนติเมตร กดให้แน่น เสร็จแล้วแช่เย็นในตู้เย็น 30 นาที
     3. ทำชีสเค้กโดยนำแผ่นเจลาตินไปแช่ในน้ำเย็นจัด หรือน้ำผสมน้ำแข็งประมาณ 10 นาที
     4. นำครีมชีส น้ำตาลทราย และวานิลลาใส่ลงไปในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ใส่วิปปิ้งครีมลงไปผสมกับครีมชีส ตีให้ขึ้นยอดอ่อน เอานมเข้าไมโครเวฟประมาณ 20 วินาที และรีดนํ้าออกจากเจลาติน แล้วนำไปใส่ในนมที่ร้อน ผสมให้เข้ากัน
     5. นำเจลาตินที่ละลายแล้วลงไปผสมในครีมชีส คนให้เข้ากัน
     6. นำครีมชีสใส่ลงในพิมพ์ที่กรุฐานด้วยบิสกิตที่เตรียมไว้ ปาดให้หน้าชีสเค้กเรียบ แช่ไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2-4 ชั่วโมง ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นพันรอบพิมพ์เค้กเพื่อถอดพิมพ์เค้กออกจากชีสเค้ก
     7. ทำซอสบลูเบอร์รีโดยนำบลูเบอร์รี น้ำส้ม และน้ำตาลทราย ใส่ลงไปในหม้อแล้วนำไปต้ม โดยใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อน เมื่อบลูเบอร์รีที่ต้มไว้เดือด ปิดไฟ ใส่น้ำลงไปในแป้งข้าวโพดที่เตรียมไว้คนให้เข้ากัน เทลงไปในหม้อต้มบลูเบอร์รี คนให้เข้ากันดี แล้วเปิดไฟกลางค่อนไปทางอ่อนต้มซอสบลูเบอร์รีต่อจนเดือดอีกรอบแล้วยกลงจากเตา ใส่น้ำมะนาวที่เตรียมไว้ลงไป คนให้เข้ากัน พักให้เย็น
     8. นำซอสบลูเบอร์รีโฮมเมดมาตกแต่ง จัดเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ชีสเค้ก เพิ่มเติมคลิก

4. ชีสเค้กหน้าไหม้

ชีสเค้กหน้าไหม้

สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef

          ใครอยากทำเมนูชีสเค้กหน้าไหม้ ลองทำตามได้เลยค่ะ สูตรนี้ใส่ครีมชีส วิปปิ้งครีม และน้ำตาลทราย ทำชิ้นเล็กพอดีคำก็อร่อย หรืออยากทำชิ้นใหญ่ก็ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ชีสเค้กหน้าไหม้ (สำหรับ 5 ชิ้นเล็ก)

  • ครีมชีส 150 กรัม  
  • น้ำตาลทราย 50 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
  • วิปปิ้งครีม 60 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 2) 1 ฟอง
  • แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา

วิธีทำชีสเค้กหน้าไหม้

     1. เตรียมพิมพ์คัพเค้ก โดยกรุด้วยกระดาษรองอบ
     2. นำครีมชีสและน้ำตาลทรายใส่ลงในอ่างผสม คนผสมให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลาและวิปปิ้งครีมลงในอ่างผสม ตีให้เข้ากัน ตอกไข่ลงไปผสมกับครีมชีส ตีให้เข้ากัน ใส่แป้งข้าวโพดลงไป ผสมให้เข้ากัน
     3. นำส่วนผสมเทลงในพิมพ์ที่เตรียมไว้ นำไปอบที่อุณหภูมิ 225 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 23-25 นาที หลังจากสุกแล้วรอให้เย็น และนำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ชีสเค้กหน้าไหม้ เพิ่มเติมคลิก

5. ขนมเปี๊ยะ

ขนมเปี๊ยะ

สูตรจาก คุณ sokheang14

        มาต่อกันที่เมนูขนมเปี๊ยะไส้ถั่วไข่เค็ม สูตรนี้มีทั้งแป้งชั้นนอก แป้งชั้นใน และวิธีทำไส้ถั่วกวน ทั้งนี้สามารถใส่ไส้อื่น ๆ ได้ตามชอบ เช่น ไส้ฝอยทอง ไส้ถั่วแดง ไส้งาดำ เป็นต้น ทำเอาไว้กินเพลิน ๆ ก็อร่อยหรือทำขายก็ได้เช่นกันค่ะ

ส่วนผสม ไส้ถั่วไข่เค็ม

  • ถั่วเขียวเราะเปลือก 300 กรัม
  • น้ำตาลทราย 320 กรัม
  • น้ำมันพืช 50 กรัม
  • ไข่เค็มต้มสุก

ส่วนผสม แป้งขนมเปี๊ยะชั้นนอก

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 250 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 175 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 20 กรัม
  • น้ำมันพืช 150 กรัม
  • น้ำเย็น 180 กรัม

ส่วนผสม แป้งชั้นใน

  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราบัวแดง) 150 กรัม
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (ตราว่าว) 125 กรัม
  • น้ำมันพืช 100 กรัม

วิธีทำไส้ถั่วกวน

     1. แช่ถั่วเขียวในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน (หรืออย่างน้อย 2 ชั่วโมง) จนถั่วพองตัว
     2. นำถั่วที่แช่แล้วไปต้มจนนิ่ม ประมาณ 30 นาที แล้วนำไปปั่นในโถปั่นจนเนียนละเอียด
     3. เทถั่วที่ปั่นละเอียดแล้วลงในกระทะทองเหลืองแล้วใส่น้ำตาลทรายลงไป
     4. นำขึ้นตั้งไฟอ่อน กวนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มข้น ใส่น้ำมันพืชลงไป กวนต่อจนได้ส่วนผสมถั่วข้นและแห้งพอที่จะปั้นเป็นก้อนได้ ยกลงจากเตา พักไว้จนเย็น
     5. ผ่าไข่เค็มแล้วคว้านเอาเฉพาะไข่แดงออกแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ (8 ชิ้น ต่อ 1 ฟอง) แบ่งถั่วให้ได้เท่าจำนวนลูกที่จะทำ (ลูกละ 12 กรัม) แล้วแผ่เป็นแผ่นแล้ววางไข่แดงลงบนถั่วที่แผ่ไว้ ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ทำจนหมด เตรียมไว้

วิธีทำแป้งชั้นนอก

     1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิ่งเข้าด้วยกัน
     2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชและน้ำเย็นลงไปในหลุม
     3. ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอก คนผสมไปเรื่อย ๆ จนแป้งจับตัวเป็นก้อน (จะได้ออกมาเป็นแป้งขยุกขยุย ตัวแป้งนอกนี้จะนิ่ม ๆ มัน ๆ ลื่น ๆ) พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที

วิธีทำแป้งชั้นใน

     1. ร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิดเข้าด้วยกัน
     2. ทำหลุมตรงกลางแป้งที่ร่อนไว้ จากนั้นเทน้ำมันพืชลงไปในหลุม
     3. ค่อย ๆ คนผสมเข้าด้วยกัน โดยวนจากด้านในออกไปด้านนอกจนแป้งจับตัวเป็นก้อน (แป้งในนี้จะมีลักษณะเนียน ๆ แข็ง ๆ) พักแป้งไว้อย่างน้อย 30 นาที

วิธีห่อขนมเปี๊ยะ

     1. แบ่งแป้งชั้นนอกออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 นะคะ จะได้ก้อนละประมาณ 38 กรัม)
     2. แบ่งแป้งชั้นในออกเป็น 20 ก้อน ขนาดเท่า ๆ กัน (ใช้วิธีชั่งแป้งทั้งก้อนแล้วหารด้วย 20 จะได้ก้อนละประมาณ 18 กรัม) แป้งที่ได้จะขาวและเนียน
     3. แผ่แป้งชั้นนอกเป็นแผ่นแล้ววางแป้งชั้นในไว้ตรงกลาง
     4. จับมุมแป้งชั้นนอกขึ้นมาก่อแป้งชั้นในให้มิด ใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) จะได้แป้งแบน ๆ ยาว ๆ
     5. พับแป้งด้านบนลงมาโดยให้ปลายมาจรดตรงกลางแผ่นแล้วพับปลายด้านล่างขึ้นไป จากนั้นหมุนแป้งที่พับไว้ 90 องศา
     6. จากนั้นใช้ไม้คลึงแป้ง รีดแป้งขึ้น-ลงอีกครั้ง (ในแนวดิ่งอย่างเดียว) ม้วนแป้งจากปลายด้านใดด้านหนึ่ง (เหมือนม้วนเสื่อ) ตัดแบ่งให้ได้ส่วนตามต้องการ (ในสูตรแบ่ง 4 ส่วน)
     7. วางแป้งให้ระนาบที่กลมลงบนพื้นโต๊ะ (แบบแถวซ้าย ส่วนด้านขวาเราจะทดลองดูว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะออกมาเป็นอย่างไร) แล้วกดแป้งลงไปให้แบนราบ
     8. จากนั้นนำมารีดเฉพาะขอบให้บางแล้ววางไส้ที่ปั้นเตรียมไว้ลงไป
     9. ห่อให้เป็นลูกกลม ๆ เก็บรอยบีบไว้ด้านล่าง (จะเห็นเป็นลายวน ๆ)
     10. วางเรียงแป้งใส่ถาดอบที่ทาน้ำมันไว้ เตรียมอบ (ถ้าสังเกตจะเห็นว่าเป็นถาดที่ใช้ใส่แป้งชั้นนอกตอนพัก จึงไม่ต้องทาน้ำมันเพิ่มเลย เนื่องจากมีน้ำมันเยิ้ม ๆ ออกมาจากแป้งชั้นนอกแล้วบ้าง)
     11. ทาส่วนผสมไข่แดงผสมน้ำลงบนหน้าขนม แต้มสีผสมอาหารสีส้มลงบนหน้าขนมให้เป็นจุด ๆ
     12. นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (อุ่นเตาไว้ก่อนแล้ว) ประมาณ 20-25 นาที (แล้วแต่ขนาดของขนม) อบเสร็จแป้งจะแห้ง ๆ หน่อย นำขนมออกจากถาดใส่ลงในหม้อสำหรับอบควันเทียน พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ ขนมเปี๊ยะ เพิ่มเติมคลิก

6. ขนมปัง

ขนมปัง

สูตรจาก คุณ Little Pastry Chef

          สำหรับใครกำลังมองหาอาหารเช้าหรืออาหารว่างในมาร์เกตเพลส เมนูขนมปังนี่แหละมาแรง สูตรนี้ขอนำเสนอขนมปังปอนด์ สูตรใส่นมผง เพิ่มความหอมจากเนยจืด ทั้งนี้จะแปลงร่างเป็นขนมปังปอนด์ช็อกโกแลตหรือขนมปังปอนด์ชาเขียวก็ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม ขนมปังปอนด์ (พิมพ์ขนมปังขนาด 19x9 ซม.)

  • แป้งขนมปัง 480 กรัม
  • น้ำตาลทราย 20 กรัม
  • นมผง 35 กรัม
  • ยีสต์ 2+1/4 ช้อนชา
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น (อุณหภูมิ 35-40 องศาเซลเซียส) 340 กรัม
  • เนยจืด 25 กรัม
  • ไข่ไก่ สำหรับทาหน้าขนมปัง

วิธีทำขนมปังปอนด์

     1. นำแป้งขนมปัง น้ำตาลทราย นมผง ยีสต์ และเกลือ ใส่ในชามผสม คนให้เข้ากัน
     2. เติมน้ำอุ่นลงไปในชามผสม คนผสมให้เข้ากัน และนวดแป้งประมาณ 10 นาที แป้งจะเปียกมาก ค่อย ๆ นวดไป อย่าเติมแป้งเพิ่ม เพราะจะทำให้ขนมปังแข็ง
     3. ใส่เนยลงไป และนวดอีกประมาณ 20 นาที หรือจนแป้งเนื้อเนียนและสามารถยืดเป็นฟิล์มได้
     4. นำแป้งขนมปังมารวมให้แป้งเป็นกลม ๆ แล้วใส่ในชามอ่างที่สะอาด คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหารหรือผ้าชื้น พักให้แป้งฟูขึ้นประมาณ 40-60 นาที หรือจนแป้งจะฟูขึ้นเป็น 2 เท่า
     5. ขึ้นรูปโดยแบ่งเป็นก้อน 4 ลูก เท่า ๆ กัน ชกไล่ลมออกแล้วคลึงให้เป็นก้อนกลม ๆ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร และพักแป้งไว้อีก 10 นาที
     6. โรยแป้งบนโต๊ะกับโรยแป้งบนแป้งขนมปังเพื่อให้แป้งขนมปังไม่ติดโต๊ะ นำแป้งมารีดด้วยไม้คลึงแล้วม้วนทำเป็นโรล นำแป้งไปใส่พิมพ์ขนมปังขนาด 19x9 เซนติเมตร ที่มีกระดาษรองอบไว้
     7. คลุมด้วยพลาสติกหรือเอาผ้าชุบน้ำหมาด ๆ คลุมไว้และพักแป้งจนขึ้นฟูเป็น 2 เท่า ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที นำไข่มาทาขนมปังก่อนอบ หรือจะใช้แป้งขนมปังโรยก่อนอบก่อนได้
     8. นำขนมปังเข้าอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส อบประมาณ 30-35 นาที หรือจนขนมปังสุก นำออกมาพักไว้ประมาณ 20 นาที แล้วเสิร์ฟได้
 

ดูวิธีทำ ขนมปัง เพิ่มเติมคลิก

7. ทาร์ตไข่

ทาร์ตไข่

สูตรจาก คุณแม่นกกะอันนา

          และแล้วก็ถึงเมนูทาร์ตไข่ สูตรขนมสุดโปรดของใครหลายคน สูตรนี้มาพร้อมวิธีทำแป้งทาร์ตและไส้คัสตาร์ดไข่ กินตอนเอาออกมาจากเตายิ่งอร่อย

ส่วนผสม ไส้คัสตาร์ดไข่

  • ไข่ไก่ (ขนาดกลาง) 2 ฟอง
  • น้ำร้อน 90 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลทราย 35 กรัม
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • นมข้นจืด 30 กรัม (ถ้าไม่อยากชื้อนมข้นจืด ให้ต้มนมสดด้วยไฟปานกลาง ต้มทิ้งไว้ให้น้ำระเหยครึ่งส่วนของจำนวนนมที่ต้ม ก็จะได้นมข้นจืดแล้ว)
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม แป้งทาร์ต

  • แป้งเค้ก 90 กรัม
  • น้ำตาลไอซิ่ง 25 กรัม
  • เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • เนยจืดอุณหภูมิห้อง 50 กรัม
  • ไข่ไก่ที่ตีแล้ว (จากส่วนที่ 1) 1 ช้อนโต๊ะ
  • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
  • เนยสำหรับทาฟอร์ม

วิธีทำแป้งทาร์ต

     1. ทำคัสตาร์ดไข่ เริ่มจากทำน้ำเชื่อม โดยละลายน้ำตาลทรายและเกลือลงในน้ำร้อน คนให้ทุกอย่างละลาย ตั้งไว้ให้เย็นตัวลงสักครู่
     2. ตีไข่ไก่เหมือนทำไข่เจียว ตีจนไข่แดงกับไข่ขาวเข้ากัน แล้วตักแบ่งไข่ 1 ช้อนโต๊ะ แยกออกมาใส่ชามใบเล็กเอาไว้ พักไว้ก่อน
     3. เติมน้ำเชื่อมที่เย็นลงแล้ว นมข้นจืด และกลิ่นวานิลลา ลงไปในชามไข่ไก่ คนให้ทุกอย่างเข้ากัน นำไปกรอง 1-2 ครั้งเพื่อไม่ให้มีฟอง แล้วจึงปิดฝาภาชนะด้วยพลาสติกถนอมอาหาร พักไว้ในตู้เย็น
     4. ทำแป้งทาร์ตโดยเตรียมชามผสมใบใหญ่พร้อมตะแกรงร่อนแป้ง ใส่แป้งเค้ก เกลือ และน้ำตาลไอซิ่ง ลงไปร่อนจนหมด
     5. เติมเนยลงไป ใช้มือคลุกเคล้าให้แป้งกับเนยพอเข้ากัน อย่าบีบมากจนเกินไป เพราะความร้อนในอุ้งมือของเราจะทำให้เนยละลายเกินไป เอาแค่พอแป้งกะเนยเข้ากัน
     6. เติมไข่ไก่ที่แบ่งไว้ตอนทำคัสตาร์ดลงไป พร้อมกับกลิ่นวานิลลา ใช้มือนวดแป้งจนทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแป้งแห้งเกินไปเราก็เอามือทั้งสองประกบแป้งแล้วนวด ๆ แป้งก็จะเนื้อเนียนขึ้น ห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แช่เย็นพักไว้ 30 นาที หรือจะแช่ข้ามคืนก็ได้
     7. เมื่อครบเวลาแล้วเอาแป้งทาร์ตมากลิ้งเป็นแท่งยาว ๆ ใช้มีดตัดแบ่งเป็นชิ้น ๆ เพื่อจะทำเป็นฟอร์ม ทาฟอร์มด้วยเนยให้ทั่ว แป้งทาร์ตจะได้ไม่ติดฟอร์ม
     8. เอาแป้งทาร์ตลงไปจัดในฟอร์ม ใช้นิ้วกด ๆ กระจายแป้งให้ทั่วฟอร์ม กดให้ความหนาเท่ากัน ยกเว้นตรงก้นฟอร์มควรให้แป้งบางหน่อย ใช้มีดตัดตกแต่งขอบฟอร์มด้านบนให้สวยงาม จะใช้ฟอร์มรูปร่างอย่างไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบ
     9. เอาไส้คัสตาร์ดออกจากตู้เย็น คนเบา ๆ ให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันอีกครั้ง แล้วก็เทลงไปในฟอร์ม ประมาณ 80%
     10. เอาเข้าเตาอบใช้ไฟบน-ล่าง อบที่อุณหภูมิ 200 องศาฟาเรนไฮต์ นาน 15-20 นาที เพื่อน ๆ ควรสังเกตขนมเป็นระยะ ๆ เพราะเตาอบแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน ถ้าระหว่างอบ ครีมคัสตาร์ดฟูขึ้นมากจนเกินไป เราก็สามารถลดความร้อนลงได้ หน้าทาร์ตจะได้สวย ๆ อีก 1 เคล็ดลับที่ทำให้รู้ว่า ครีมคัสตาร์ดสุกหรือยังคือการเอาไม้จิ้มฟันลงไปจิ้มดูตรงกลาง ถ้าไม้จิ้มฟันตั้งตรงไม่ล้ม แสดงว่าคัสตาร์ดสุกแล้ว ครบเวลาแล้วเอาออกจากเตา พักไว้สักครู่ ก็สามารถเอาขนมออกจากฟอร์มได้
 

ดูวิธีทำ ทาร์ตไข่ เพิ่มเติมคลิก

8. โกโก้เข้มข้น

โกโก้เข้มข้น

          ยามบ่าย ๆ มาทำเครื่องดื่มกันเถอะนั่นคือ โกโก้เข้มข้น สูตรนี้ใส่ผงโกโก้ผสมกับน้ำร้อน เติมน้ำตาลทรายกับนมข้นหวาน สุดท้ายเติมนมสด ใครจะใส่ซอสช็อกโกแลตเพิ่มความกลมกล่อมก็ตามชอบเลยจ้า

ส่วนผสม โกโก้เข้มข้น

  • น้ำร้อน 60 มิลลิลิตร
  • ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสช็อกโกแลต (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) 15 กรัม
  • น้ำตาลทราย 10 กรัม
  • นมข้นหวาน 45 กรัม
  • นมสด 120 มิลลิลิตร

วิธีทำโกโก้เข้มข้น

     1. เทน้ำร้อนลงในถ้วยทนความร้อน จากนั้นใส่โกโก้ คนให้ละลาย
     2. เติมน้ำตาลทราย คนให้ละลาย จากนั้นเติมนมข้นหวาน คนจนเข้ากัน
     3. เติมนมสด เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง
 

9. นมธัญพืช

นมธัญพืช

สูตรจาก คุณ Kat Bake Club

          สำหรับคนที่รักสุขภาพอยากแนะนำนมธัญพืช สูตรนี้เป็นสูตรนมอัลมอนด์ ใครชอบรสหวานหน่อยก็เติมน้ำผึ้งลงไปได้นะคะ เอาไปราดกับคอนเฟล็กก็อร่อยค่ะ

ส่วนผสม นมอัลมอนด์

  • อัลมอนด์ 1 ถ้วย
  • น้ำสะอาด (สำหรับแช่อัลมอนด์)
  • น้ำต้มสุก 4 ถ้วย
  • น้ำผึ้ง 2-3 ช้อนชา
  • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
  • คอร์นเฟล็ก
  • สตรอว์เบอร์รีอบกรอบ

วิธีทำนมอัลมอนด์

     1. นำอัลมอนด์แช่น้ำสะอาดทิ้งไว้อย่างต่ำ 8 ชั่วโมง (หรือข้ามคืน)
     2. กรองน้ำที่แช่อัลมอนด์ทิ้งไป เอาแต่เมล็ดอัลมอนด์ (เม็ดอวบอ้วน) ใส่ลงไปในโถปั่น เติมน้ำต้มสุกอุณหภูมิห้องลงไป ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เป็นเนื้อเนียนละเอียด (จะได้น้ำลักษณะสีขาวข้นเหมือนน้ำนมและมีกากอัลมอนด์นอนเต็มก้นโถปั่น)
     3. นำน้ำนมอัลมอนด์มากรองผ่านกระชอนตาถี่ (หรือนำผ้าขาวบางมารองก่อนแล้วคั้นน้ำออกจนหมดก็ได้ (ส่วนกากอัลมอนด์ให้เก็บไว้ทำคุกกี้สูตรไร้แป้งได้ด้วย) นมอัลมอนด์ที่ได้จะมีรสจืด หอม และมัน หากชอบหวานสามารถเติมน้ำผึ้ง หรือใส่กลิ่นวานิลลาลงไปเพื่อแต่งกลิ่นได้ตามใจชอบ
     4. ราดนมอัลมอนด์ลงในถ้วยที่มีคอร์นเฟล็ก สตรอว์เบอร์รีอบกรอบ และราดน้ำผึ้งลงไปอีกเล็กน้อย
 

ดูวิธีทำ นมธัญพืช เพิ่มเติมคลิก

10. หมูแดดเดียว

หมูแดดเดียว

สูตรจาก คุณ Kitty Chef

          สำหรับคนที่กำลังมองหาเมนูอาหารคาวสุดฮิต ขอแนะนำเมนูหมูแดดเดียว สูตรไม่ง้อแดดเพราะเอาไปอบในเตาอบจนแห้ง รับรองความอร่อยจากเครื่องเทศและงาขาว

ส่วนผสม หมูแดดเดียว

  • เนื้อหมู (สันคอ) 500 กรัม
  • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
  • งาขาวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำหมูแดดเดียว

     1. นำเนื้อหมูมาล้างทำความสะอาด ซับให้แห้งแล้วหั่นยาวตามสไตล์หมูแดดเดียว
     2. ผสมกระเทียม งาขาว น้ำตาลทราย และพริกไทย คนให้เข้ากัน
     3. ใส่ซีอิ๊วขาวกับน้ำมันหอยลงไป คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี ก็เริ่มหมักหมูกันได้เลย ใส่หมูที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน (พักหมูไว้ในตู้เย็น 2 ชั่วโมง)
     4. พอครบเวลาก็นำหมูออกจากตู้เย็นมาวางเรียงบนตะแกรง เรียงให้ห่างกันเล็กน้อย
     5. นำเข้าเตาอบ เปิดไฟบน-ไฟล่างระบบพัดลมที่อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส อบเนื้อจนแห้งประมาณ 4 ชั่วโมง เสร็จแล้วเอาไปทอดจนสุกเหลืองทั้งชิ้น
 

ดูวิธีทำ หมูแดดเดียว เพิ่มเติมคลิก

11. เนื้อแดดเดียว

เนื้อแดดเดียว

          ใครเบื่อ ๆ เมนูหมูแดดเดียวก็ลองมาทำเมนูเนื้อแดดเดียวกันดู จับเนื้อหั่นเส้นหมักกับเครื่องปรุงรส เสร็จแล้วเอาไปตากแดดจนแห้งแล้วค่อยเอาไปทอดจนสุก

ส่วนผสม เนื้อแดดเดียวทอด

  • เนื้อวัว 500 กรัม
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสหอยนางรม 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ (เล็กน้อย)

วิธีทำเนื้อแดดเดียวทอด

     1. หั่นเนื้อตามเส้นเป็นชิ้นยาวหนาประมาณ 1/2 นิ้ว
     2. ใส่น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม และน้ำตาลทราย ลงไปหมักกับเนื้อ นวดผสมจนซอสซึมเข้าเนื้อ
     3. วางเรียงเนื้อที่หมักไว้บนตะแกรง นำไปตากแดดจนเนื้อแห้งหมาด ๆ เก็บใส่ภาชนะปิดให้สนิท นำเข้าแช่แข็ง
     4. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟกลางค่อนไปทางอ่อนรอจนน้ำมันร้อน จากนั้นใส่เนื้อลงไปทอดจนด้านในเริ่มสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จากนั้นนำลงไปทอดซ้ำอีกครั้งจนสีเข้มขึ้น พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ เนื้อแดดเดียว เพิ่มเติมคลิก

12. บ๊ะจ่าง

บ๊ะจ่าง

          ไม่ใช่หน้าเทศกาลก็ทำกินได้สำหรับบ๊ะจ่าง อีกสูตรอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส มาพร้อมวิธีทำผัดข้าวเหนียวกับเครื่องเครา สุดท้ายก็เอาไปนึ่งจนสุก

ส่วนผสม บ๊ะจ่าง

  • เห็ดหอม (แช่น้ำจนนิ่ม หั่นชิ้น)
  • กุ้งแห้ง
  • ถั่วลิสงดิบ
  • ข้าวเหนียว (แช่น้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง หรือข้ามคืน)
  • ซีอิ๊วขาว (ปรุงรส)
  • ซีอิ๊วดำ (ปรุงรส)
  • น้ำตาลทราย (ปรุงรส)
  • พริกไทยป่น
  • แปะก๊วย
  • ไข่แดงเค็ม
  • กุนเชียง
  • เนื้อหมู (หั่นเป็นชิ้นบาง)
  • ใบไผ่ (แช่น้ำทิ้งไว้จนนิ่ม ประมาณ 1-2 วัน)

วิธีทำไส้บ๊ะจ่าง

     1. ผัดเห็ดหอมกับน้ำมันจนหอม ใส่กุ้งแห้ง ถั่วลิสงดิบ และข้าวเหนียว ลงไปผัด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำเล็กน้อย น้ำตาลทราย และพริกไทยป่น ผัดจนเข้ากันดี ชิมรสให้เข้มข้น (เพราะถ้านำไปนึ่งรสชาติจะอ่อนลง)
     2. หมักหมูกับซีอิ๊วขาว เตรียมไว้
     3. เริ่มห่อบ๊ะจ่างโดยซ้อนใบไผ่ 2 ใบ พับเข้าหากันเป็นทรงกรวย ตักข้าวเหนียวผัดลงไป โปะหน้าด้านบนด้วยเม็ดแปะก๊วย ไข่แดงเค็ม กุนเชียง และหมู จากนั้นทับด้วยข้าวเหนียวผัดอีกครั้ง ห่อให้เป็นทรงสามเหลี่ยม มัดด้วยเชือกฟาง
     4. นำบ๊ะจ่างไปนึ่งประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนข้าวข้างในนิ่ม พร้อมเสิร์ฟ
 

ดูวิธีทำ บ๊ะจ่าง เพิ่มเติมคลิก

13. น้ำพริกกากหมู

น้ำพริกกากหมู

สูตรจาก คุณแม่มณีมีของกิน

          แหม… ถ้าได้น้ำพริกกากหมูเอามาคลุกกับข้าวสวยคงฟินไม่น้อยเลย ชอบกากหมูชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ก็จัดไป เติมหอมแดงกับกระเทียม ปรุงรสเผ็ดจากพริกป่น

ส่วนผสม น้ำพริกกากหมู

  • มันหมู (หั่นเส้น) 2+1/2 กิโลกรัม
  • หอมแดง
  • กระเทียม
  • น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำน้ำพริกกากหมู

     1. เอามันหมูใส่กระทะ เจียวจนเหลืองกรอบ เมื่อได้กากหมูที่เจียวไว้เรียบร้อย ก็นำมาใส่ครกตำเบา ๆ พอแตก แต่ไม่ต้องละเอียด
     2. ซอยหอมแดงกับซอยกระเทียม เสร็จแล้วเอาแต่ละอย่างไปทอดจนกรอบ แล้วพักไว้รอให้เย็น
     3. ใส่หอมเจียวกับกระเทียมเจียวลงในกากหมู คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายกับเกลือ
     4. ส่วนพริกป่น ใช้พริกแห้งเอามาคั่วเองแล้วปั่น ก็เลยใส่ไปแค่ 1 ช้อนโต๊ะ เพราะเผ็ดมาก คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่กระปุกแช่ตู้เย็นไว้ อยากกินเมื่อไรก็เอาออกมาตั้งให้คลายความเย็น หรือจะตักใส่ข้าวสวยร้อน ๆ ก็ดีงาม
 

ดูวิธีทำ น้ำพริกกากหมู เพิ่มเติมคลิก

          จบไปแล้วสำหรับเมนูอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส มีทั้งอาหารคาวและของหวาน รวมทั้งเครื่องดื่มด้วย ลองหาเวลาว่างไปซื้อส่วนผสมแล้วลองทำกันดูนะคะ
 

สนใจให้ Kapook.com แนะนำการทำอาหารด้วยเครื่องปรุง ของใช้ในครัว หรืออื่น ๆ รับทำการตลาดด้วย Social Network, Content Marketing คลิกเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
13 เมนูอาหารฮิตในมาร์เกตเพลส สูตรทำง่ายขายกันเพียบ อัปเดตล่าสุด 16 พฤศจิกายน 2564 เวลา 19:29:26 12,930 อ่าน
TOP