ขนมไทยทั่วไปแม้จะอร่อยแต่อุดมด้วยแป้ง น้ำตาล และไขมัน ลองใส่ธัญพืชลงไปเป็นขนมธัญพืชเติมสุขภาพดี ๆ ขึ้นมาอีกนิดสิคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมไทยธัญพืช เช่น ถั่วเขียวต้มน้ำตาล เต้าส่วน ถั่วแปบ ส่วนผสมหาง่ายใคร ๆ ก็ทำได้ อยากทำให้ใครกินคิดไว้ในใจได้เลยนะคะ
ขนมไทยธัญพืชสุดเบสิกอันดับต้น ๆ ที่หลายคนรู้จักดีนั่นคือ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล ใครชอบกินแบบเป็นเมล็ดก็ต้มพอนุ่ม ใครอยากกินแบบเมล็ดบานแตกก็ต้มนานหน่อย เติมความหวานตามชอบนะคะ
ส่วนผสม ถั่วเขียวต้มน้ำตาล
• ถั่วเขียว 1 ถ้วย
• น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย
• น้ำเปล่า 5 ถ้วย
• เกลือป่น เล็กน้อย (สำหรับปรุงรส)
วิธีทำถั่วเขียวต้มน้ำตาล
1. แช่ถั่วเขียวในน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 3 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
2. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่ถั่วเขียวลงต้มจนเดือด ประมาณ 30 นาที จากนั้นเติมน้ำตาลทรายแดงลงไป ต้มจนเดือดถั่วเขียวนุ่มและน้ำตาลทรายละลาย ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ถั่วเขียวต้มน้ำตาล สูตรขนมหวานโปรตีนสูงจากธัญพืชต้นทุนต่ำ
++++++++++++++++++
2. ลูกเดือยเปียก
ตามหาซื้อเมนูลูกเดือยเปียกทั่วตลาดก็ไม่เจอ เอาล่ะ… กลับบ้านไปทำกินเองดีกว่า สูตรนี้ใส่เผือกและธัญพืชอื่น ๆ ตามชอบ เติมเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปหน่อย สุดท้ายราดกะทิตัดเลี่ยน
ส่วนผสม ลูกเดือยเปียก
• ลูกเดือยแห้ง 1 ถ้วย
• น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
• เผือก (หั่นเต๋า) หรือธัญพืชอื่น ๆ ตามชอบ เช่น เม็ดบัว, ถั่วแดงต้มสุก, ฟักทอง
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
• เนื้อมะพร้าวอ่อน
ส่วนผสม กะทิสำหรับราดหน้า (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• กะทิสำเร็จรูป 1/2 กล่อง
• เกลือป่น เล็กน้อย
• แป้งข้าวโพดละลายน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำลูกเดือยเปียก
1. แช่ลูกเดือยในน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืนจนลูกเดือยเริ่มนิ่มขึ้น จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
2. นำลูกเดือยที่แช่น้ำแล้วไปต้มจนสุกและบานออก ประมาณ 10-15 นาที ใส่เผือกที่หั่นไว้ลงไปต้มจนสุกนิ่ม จากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายหมด
3. พอน้ำตาลทรายละลายแล้ว ค่อย ๆ เทแป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไป คนจนส่วนผสมเริ่มเหนียวและใส จากนั้นใส่เนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปคลุกให้เข้ากัน ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้สักครู่ให้ขนมเริ่มเซตตัว ตักใส่ถ้วย
4. ทำกะทิสำหรับราดหน้า โดยต้มกะทิกับเกลือป่นในหม้อพอร้อน ใส่แป้งข้าวโพดละลายน้ำลงไปคนผสมให้เข้ากันจนข้น ยกลงจากเตา ตักราดหน้าลูกเดือยเปียก
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ วิธีทำลูกเดือยเปียก ขนมไทยง่าย ๆ แต่ประโยชน์แน่น
++++++++++++++++++
3. ลูกเดือยต้มน้ำตาล
ลูกเดือยเปียกคงไม่เหมาะสำหรับคนไม่กินกะทิ ขอนำเสนอเมนูลูกเดือยต้มน้ำตาล จับลูกเดือยต้มจนนิ่มแล้วเติมน้ำตาลทราย กินอร่อยจนหยดสุดท้าย
ส่วนผสม ลูกเดือยต้มน้ำตาล
• ลูกเดือยแห้ง 100 กรัม
• น้ำเปล่า (กะพอให้ท่วมลูกเดือย)
• น้ำตาลทราย (ความหวานเลือกตามชอบ)
วิธีทำลูกเดือยต้มน้ำตาล
1. แช่ลูกเดือยในน้ำทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืนจนลูกเดือยเริ่มนิ่มขึ้น แล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นนำไปต้มจนสุกและบานออก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ พักไว้จนเย็น
2. นำลูกเดือยลงไปต้มกับน้ำอีกครั้ง รอจนเดือดและน้ำเริ่มเปลี่ยนสี ใส่น้ำตาลทรายลงไปปริมาณตามชอบ คนผสมจนน้ำตาลทรายละลายและเดือดอีกครั้ง ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ลูกเดือยต้มน้ำตาล เมนูขนมหวานสุขภาพดี คุณประโยชน์อัดแน่นเต็มเม็ด
++++++++++++++++++
4. ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
ไปหาซื้อสาเกเชื่อมเพื่อมาทำขนมไทยธัญพืชโดยเฉพาะ พบกับเมนูข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด สูตรจาก นายหมีพูห์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับข้าวฟ่างต้มกับน้ำอัญชันจนสุกแล้วใส่สาเกเชื่อมลงไป ราดด้วยนมสดรสหวาน
ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
• ข้าวฟ่าง
• นมสดรสหวาน
• ดอกอัญชัน
• สาเกเชื่อม
วิธีทำข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด
1. ต้มข้าวฟ่างด้วยน้ำดอกอัญชันคั้นจนกระทั่งข้าวฟ่างสุกได้ที่
2. หั่นสาเกเชื่อมใส่ก้นถ้วย ตักข้าวฟ่างใส่ลงไปแล้วเกลี่ยให้มีช่องตรงกลาง ใส่สาเกเชื่อมลงไปในหลุม
3. เทนมสดรสหวานราดลงไป โรยด้วยกลีบดอกพวงชมพู
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวฟ่างเปียกสาเกเชื่อมนมสด เมนูของหวาน อร่อย...สุขภาพดี กับเมนู
++++++++++++++++++
5. ข้าวฟ่างเปียกใบเตยกะทิสด
หลังจากกินลูกเดือยเปียกมาแล้ว ลองเปลี่ยนความอร่อยเป็นเมนูข้าวฟ่างเปียก สูตรจาก นิตยสาร Gourmet & Cuisine ต้มข้าวฟ่างกับน้ำใบเตยจนสุก ใส่ลูกชิดและราดหน้าด้วยกะทิฉ่ำ ๆ
ส่วนผสม ข้าวฟ่างเปียก (สำหรับ 2-4 ที่)
• ข้าวฟ่าง 1 ถ้วย
• น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/4 ถ้วย
• ใบเตย 2-3 ใบ
• น้ำเปล่า ประมาณ 2+1/2 ถ้วย
• แป้งเท้ายายม่อม 1-2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
• ลูกชิด ปริมาณตามชอบ
ส่วนผสม หน้ากะทิ
• หัวกะทิ 1 ถ้วย
• เกลือ 1/4 ช้อนชา
• ใบเตย 1-2 ใบ
• แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำข้าวฟ่างเปียก
1. ล้างข้าวฟ่าง 2-3 ครั้งให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
2. ต้มน้ำ 2+1/2 ถ้วยจนเดือด ใส่ใบเตย ใส่ข้าวฟ่างลงต้มจนบาน ใส่น้ำใบเตยคั้น ละลายแป้งเท้ายายม่อมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ คนให้ข้น ปิดไฟ
3. ทำกะทิราดหน้าโดยต้มหัวกะทิใส่เกลือและใบเตยด้วยไฟอ่อนให้พอเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำเพื่อให้ข้น ชิมรสให้ออกเค็ม ยกลง
4. ตักข้าวฟ่างใส่ถ้วย ใส่ลูกชิด ราดหน้าด้วยกะทิ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวฟ่างเปียก ใส่ใบเตยราดกะทิสด ขนมไทยหวานมันอุ่นท้อง
++++++++++++++++++
6. เต้าส่วน
จำไม่ได้ว่ากินเมนูเต้าส่วนครั้งสุดท้ายตอนไหน แต่ที่รู้คือวันนี้ได้กินอีกครั้ง พบกับเมนูเต้าส่วน สูตรจาก คุณ RinS CookBook จับถั่วเขียวเราะเปลือกไปนึ่งจนสุก แล้วต้มกับน้ำเชื่อมผสมแป้งจนเข้ากัน สุดท้ายราดกะทิ
ส่วนผสม เต้าส่วน
• ถั่วเขียวเราะเปลือก (ถั่วทอง) 1+1/4 ถ้วย
• น้ำเปล่า 3+1/2 ถ้วย
• ใบเตย 4-6 ใบ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
• น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
• แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำเปล่า 1 ถ้วย (สำหรับผสมแป้ง)
• หัวกะทิ 1+1/4 ถ้วย
• เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำเต้าส่วน
1. ล้างถั่วเขียวเราะเปลือกให้สะอาดประมาณ 3-4 ครั้งจนน้ำที่ล้างถั่วนั้นใส จากนั้นแช่น้ำทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง
2. นำถั่วเขียวที่แช่น้ำแล้ววางลงในผ้าขาวบางแล้วนำไปนึ่งในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ใช้ไฟปานกลาง นึ่งประมาณ 30-40 นาที พอครบเวลา ปิดเตา พักถั่วเขียวทิ้งไว้
3. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ตามด้วยใบเตยมัดเป็นปม ต้มจนน้ำเดือดพล่าน เติมน้ำตาลทรายลงไป คนให้น้ำตาลทรายละลาย เคี่ยวจนเดือดอีกครั้งแล้วนำใบเตยทิ้ง
4. ผสมแป้งมันสำปะหลังกับแป้งเท้ายายม่อม และน้ำเปล่า คนผสมให้แป้งละลายเข้ากัน เทลงในหม้อน้ำเชื่อมที่เดือด ใช้ไฟอ่อน คนผสมตลอดเวลาจนแป้งเหนียวและใส
5. ใส่ถั่วเขียวนึ่งสุกลงไปคนผสมให้เข้ากัน รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ยกลงจากเตา เตรียมไว้
6. ทำหน้ากะทิ โดยใส่กะทิลงในหม้อ ตามด้วยใบเตย และเกลือป่น นำขึ้นตั้งไฟอ่อนจนน้ำกะทิเริ่มเดือดเล็กน้อยไม่ต้องให้แตกมัน ปิดไฟ
7. ตักส่วนผสมเต้าส่วนลงในถ้วย ราดด้วยหน้ากะทิ พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ เต้าส่วน ขนมไทยทำง่าย อุปกรณ์น้อย อร่อยเหนียว ๆ
++++++++++++++++++
มานั่งพับเพียบทำขนมถั่วแปบอีกสูตรขนมไทยธัญพืชกันดีไหม สูตรนี้แป้งเติมสีสันได้ตามชอบ เนื้อแป้งนุ่มลิ้นเข้ากันดีกับถั่วเขียวเราะเปลือก กินกับน้ำตาลทรายผสมงาคั่ว
ส่วนผสม ถั่วแปบ
• ถั่วเขียวซีกเราะเปลือก 500 กรัม
• มะพร้าวขูดฝอยนึ่งสุก
• แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
• น้ำเดือดสำหรับผสมแป้ง
• สีผสมอาหารตามชอบ 2-3 สี
• งาขาวและงาดำคั่ว
• น้ำตาลทรายละเอียด
• เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีทำถั่วแปบ
1. ล้างถั่วเขียวให้สะอาด แช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 5-6 ชั่วโมง จากนั้นนำไปนึ่งจนสุก พักทิ้งไว้จนเย็น
2. ผสมถั่วเขียวนึ่งสุกกับมะพร้าวขูดนึ่งสุก ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย เคล้าผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
3. ผสมงาขาวและงาดำคั่วกับน้ำตาลทรายและเกลือป่นให้เข้ากัน เตรียมไว้
4. แบ่งแป้งออกเป็นส่วน ๆ ตามจำนวนสี แล้วใส่สีผสมอาหารใส่ลงในแป้ง จากนั้นเทน้ำเดือดใส่ คนผสมเรื่อย ๆ จนแป้งเริ่มอุ่น จากนั้นนวดแป้งให้เข้ากัน ปั้นแป้งเป็นรูปทรงรี คลุมด้วยผ้าชื้น เตรียมไว้
5. ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือด ใส่แป้งลงต้มจนสุกและลอยขึ้น ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ
6. คลุกแป้งนึ่งสุกกับส่วนผสมมะพร้าว จัดใส่จาน เสิร์ฟคู่กับส่วนผสมงาและน้ำตาลทราย
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ถั่วแปบ ขนมไทยเหนียวนุ่มเคี้ยวอร่อย
++++++++++++++++++
8. แกงบวดถั่วดำ
ถั่วดำเยอะแยะถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็จับมาทำเมนูแกงบวดถั่วดำ จับถั่วดำต้มกับกะทิจนสุก เติมน้ำตาลปี๊บลงไปพอหวานเล็กน้อย ถ้าได้ข้าวเหนียวมูนใส่อีกนิดแจ่มเลยจ้า
ส่วนผสม แกงบวดถั่วดำ
• ถั่วดำดิบ 1 ถ้วย
• กะทิ 2-3 ถ้วย
• น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
• เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีทำแกงบวดถั่วดำ
1. แช่ถั่วดำในน้ำประมาณ 3 ชั่วโมง (หรือข้ามคืน) จากนั้นนำมาล้างน้ำจนสะอาด
2. ต้มถั่วดำ ใช้ไฟปานกลาง ประมาณ 40 นาที หรือจนสุก เทน้ำทิ้งแล้วพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
3. ต้มกะทิพอร้อน ใส่ถั่วดำต้มสุกและเกลือลงไป ต้มให้เดือด คนเบา ๆ เป็นระยะ (เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน) รอจนถั่วดำสุกตามชอบ ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ต้มต่อจนน้ำตาลละลาย ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ ยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย พร้อมเสิร์ฟ
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ แกงบวดถั่วดำ ถั่วดำต้มกะทิ หวานละมุนกับเทคนิคต้มถั่วเทพ ๆ
++++++++++++++++++
9. ขนมงาทอดไส้ถั่วเหลือง
แค่เห็นภาพก็อยากลองทำแล้ว พบกับเมนูขนมงาทอดไส้ถั่วเหลือง สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม จับถั่วซีกปรุงรสสอดไส้ในแป้งข้าวเหนียวปั้นก้อนกลม เสร็จแล้วคลุกงาขาวจนทั่วแล้วเอาไปทอดจนแป้งสุก
ส่วนผสม ขนมงาทอด
• ถั่วเหลืองซีก
• กระเทียมสับ 2 ช้อนชา
• เกลือป่น 1 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 160 กรัม
• แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
• ผงฟู 1 ช้อนชา
• งาขาว
วิธีทำขนมงาทอด
1. นำถั่วซีกไปแช่น้ำข้ามคืน ล้างให้สะอาดจนน้ำใส ประมาณ 5 ครั้ง แล้วนำไปนึ่ง ประมาณ 30 นาที พอถั่วซีกสุกก็ใส่ภาชนะผึ่งให้แห้ง
2. ตั้งกระทะใช้ไฟอ่อน เทถั่วซีกนึ่งลงในกระทะ ตามด้วยกระเทียม เกลือ และน้ำตาลทราย 80 กรัม ค่อย ๆ คนให้เข้ากัน เคี่ยวไฟอ่อนจนถั่วซีกเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ปั้นเป็นก้อนกลม
3. แบ่งแป้งข้าวเหนียวออกมา 3 ช้อนโต๊ะ นวดแป้งกับน้ำจนเนื้อเนียนเข้ากัน นำไปต้มให้สุก ผ่านน้ำเย็น และนำแป้งที่เหลือผสมน้ำตาลทรายที่เหลือ กับผงฟู ใส่แป้งสุกลงไปนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน ถ้าแป้งแห้งไปก็ใส่น้ำลงไปหน่อย คลึงแป้งให้เป็นท่อนยาว แล้วตัดแบ่งแป้งตามชอบ เพื่อจะมาห่อไส้
4. คลึงแป้งให้เป็นก้อนกลม แผ่แป้งให้แบน ใส่ไส้ลงไปตรงกลาง ห่อไส้ให้เรียบร้อย จากนั้นคลึงให้เป็นก้อนกลมอีกครั้ง นำไปคลุกบนงาขาวให้ทั่ว
5. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางใส่น้ำมันลงไป ใส่ขนมงาลงไปทอด หมั่นคนตลอด จะได้สุกสีสวยสม่ำเสมอกัน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมงาทอด ไส้ถั่วเหลืองกรอบนอกนุ่มในชวนย้อนวัยอร่อยจัง
++++++++++++++++++
10. ขนมงาทอดไส้ถั่วแดง
หลังจากกินขนมงาทอดไส้ถั่วเหลืองมาแล้ว ก็ลองเปลี่ยนมาทำเมนูขนมงาทอดไส้ถั่วแดง สูตรจาก คุณ Kitty Chef สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้แป้งผสมกะทิเพิ่มความหอมมัน สอดไส้ถั่วแดงบด ปั้นเป็นก้อนกลมแล้วคลุกงาจนทั่ว
ส่วนผสม ขนมงาทอด
• แป้งข้าวเหนียว 150 กรัม
• แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
• น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
• เกลือ 1 ช้อนชา
• กะทิ 80 มิลลิลิตร
• น้ำ 80 มิลลิลิตร
• ถั่วแดงกวน
• งาขาวและงาดำ
วิธีทำขนมงาทอด
1. นำแป้งข้าวเหนียว แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลปี๊บ เกลือ กะทิ และน้ำใส่อ่างผสม นวดให้เข้ากันจนแป้งเนื้อเนียน
2. นำไส้ถั่วแดงกวนปั้นให้กลมและนำแป้งมาห่อ โดยปั้นแป้งให้กลมแล้วรีดแป้งให้แบนก่อนจึงใส่ไส้ถั่วแดงลงไป
3. หุ้มแป้งแล้วค่อยคลึงเป็นก้อนกลม คลุกงาที่เตรียมไว้ให้ทั่วแป้ง
4. นำไปทอดไฟกลาง ต้องหมั่นคนตลอดเวลาให้แป้งสุกทั่วกัน
+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมงาทอดไส้ถั่วแดง สูตรแป้งกรอบเหนียวนุ่มทำง่ายอร่อยเพลิน
จบไปแล้วสำหรับขนมไทยธัญพืช ใครชอบเมนูไหนก็ลงมือทำกันเลยค่ะ สำหรับเราขอทำเมนูข้าวฟ่างเปียกก่อนเลย เพราะไม่เคยกินเลยในชีวิต