ใครพร้อมลุยเลย ! ชวนทำเมนูขนมคีโตหลากหลายแบบ สูตรขนมแคลอรีต่ำ ไม่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล ลองทำดูไม่ยากและอร่อยด้วยนะ
หลังจากอิ่มกับเมนูอาหารคีโตกันแล้ว ลองมาทำของหวานคีโตบ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมคีโต เช่น บราวนี่คีโต ชีสเค้กคีโต พุดดิ้งคีโต คุกกี้คีโต เป็นต้น ชอบเมนูไหนลองหาเวลาทำกันดูนะคะ
1. บราวนี่ชีสหน้าไหม้
บอกเลยว่าถ้าได้ทำเมนูบราวนี่ชีสหน้าไหม้สูตรนี้คุ้มจริง ๆ เพราะทำเมนูเดียวแต่ได้กินถึงสองอย่างทั้งชีสเค้กหน้าไหม้และบราวนี่ เอาไปแช่เย็นยิ่งอร่อย
ส่วนผสม บราวนี่
- เนย 30 กรัม
- ดาร์กช็อกโกแลต 10 กรัม
- ผงโกโก้ 20 กรัม
- ผงกาแฟ 1/2 ช้อนชา
- อิริทริทอล (สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) 50 กรัม
- เกลือ
- ไข่ 1 ฟอง
- แป้งอัลมอนด์ 20 กรัม
ส่วนผสม ชีสเค้กหน้าไหม้
- ครีมชีส 250 กรัม
- อิริทริทอล 80 กรัม
- ไข่ 2 ฟอง
- วิปปิ้งครีม 120 มิลลิลิตร
วิธีทำบราวนี่ชีสหน้าไหม้
- เตรียมพิมพ์ทรงกลมขนาด 15 เซนติเมตร ทาเนยให้รอบพิมพ์แล้วกรุด้วยกระดาษไข รีดให้เรียบทั้งก้นพิมพ์และด้านข้าง
- เริ่มต้นทำบราวนี่ด้วยการละลายเนยและช็อกโกแลตในไมโครเวฟ แล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นเติมกาแฟ ผงโกโก้ อิริทริทอล และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ ผสมให้เข้ากัน เติมแป้งอัลมอนด์ คนให้เข้ากันแล้วตักลงพิมพ์ ปาดหน้าให้เรียบแล้วพักไว้
- ทำส่วนผสมของครีมชีส เริ่มด้วยผสมครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) กับอิริทริทอลให้เข้ากัน ตามด้วยไข่และวิปปิ้งครีม ตีให้ส่วนผสมเนียนแล้วเทลงบนส่วนผสมของบราวนี่ นำไปอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส ประมาณ 40 นาที พักให้เย็นแล้วนำเข้าตู้เย็นข้ามคืน เมื่อเค้กเซตตัวแล้วก็พร้อมตัดเสิร์ฟ
2. ชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่
ตามกระแสกันหน่อยกับเมนูชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่สไตล์คีโต ฐานทำจากแป้งอัลมอนด์ผสมกับผงโกโก้ ส่วนครีมชีสใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก
- แป้งอัลมอนด์ 20 กรัม
- ผงโกโก้ 10 กรัม
- อิริทริทอล (สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) 15 กรัม
- เนยละลาย 20 กรัม
ส่วนผสม ครีมชีส
- แผ่นเจลาติน 1/2 แผ่น
- น้ำอุ่น
- ครีมชีส 50 กรัม
- อิริทริทอล (สารให้ความหวานแทนน้ำตาล) 25 กรัม
- วิปปิ้งครีม 100 กรัม
- สีผสมอาหารตามชอบ
วิธีทำชีสเค้กทอมแอนด์เจอร์รี่
- เริ่มทำฐานเค้กก่อนโดยผสมแป้งอัลมอนด์ โกโก้ และอิริทริทอล เข้าด้วยกัน แล้วตามด้วยเนยละลาย นำไปกรุก้นพิมพ์แล้วแช่เย็นประมาณ 30 นาที
- ระหว่างนั้นทำตัวชีสเค้ก เริ่มจากแช่แผ่นเจลาตินในน้ำอุ่นทิ้งไว้
- ผสมครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) กับอิริทริทอล คนให้เนียน ตามด้วยเจลาติน คนให้เข้ากัน ใส่สีผสมอาหารและใส่เจลาตินที่ละลายแล้ว คนจนเข้ากัน อีกถ้วยหนึ่งตีวิปปิ้งครีมให้ตั้งยอดอ่อน เทวิปปิ้งครีมลงไปในส่วนผสมครีมชีส คนจนเข้ากัน ใส่สีผสมอาหารเพิ่ม คนให้เข้ากัน
- แกะฐานช็อกโกแลตที่เซตตัวแล้วออกมา หยอดตัวชีสเค้กลงในพิมพ์ และวางทับด้วยตัวฐานช็อกโกแลต แล้วนำไปแช่ช่องแข็งประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เซตตัว พอครบเวลาค่อย ๆ แกะออกจากพิมพ์
3. ชีสเค้กญี่ปุ่น
ใครอยากกินชีสเค้กญี่ปุ่นคีโตเหมือนกันบ้าง สูตรนี้ใส่ครีมชีสและเนย ที่ขาดไม่ได้เลยคือชีส และใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทั้งนี้สามารถแปลงร่างเป็นชีสเค้กช็อกโกแลตญี่ปุ่นคีโตได้นะคะ
ส่วนผสม ชีสเค้กญี่ปุ่นคีโต
- ครีมชีส 200 กรัม
- เนย 20 กรัม
- วิปปิ้งครีม 50 มิลลิลิตร
- เชดดาร์ชีส 40 กรัม
- ไข่ 4 ฟอง
- อิริทริทอล (สารให้ความหวาน) 100 กรัม
วิธีทำชีสเค้กญี่ปุ่นคีโต
- เตรียมพิมพ์ด้วยการทาเนยลงบนพิมพ์แล้ววางกระดาษรองอบทุกด้าน แนะนำให้ทำสูงขึ้นมาเกินพิมพ์เพราะเค้กจะฟูขึ้นระหว่างอบ เริ่มด้วยการแยกไข่ขาวกับไข่แดงไว้รอเลย
- นำครีมชีส เนย วิปปิ้งครีม และเชดดาร์ชีส ไปตุ๋นบนหม้อน้ำร้อน คนให้ละลายจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ยกออกจากหม้อน้ำร้อน แล้วค่อย ๆ ใส่ไข่แดงลงอ่างผสมชีสทีละฟอง คนให้เข้ากัน พักไว้
- ตีไข่ขาวในอีกชามผสมหนึ่ง ตีให้ขึ้นฟองหยาบและค่อย ๆ ใส่อิริทริทอลลงไป ตีจนตั้งยอด ตักไข่ขาวลงอ่างผสมไข่แดง ตะล่อมโฟมไข่ขาวจนเข้ากัน ขั้นตอนนี้เบา ๆ มือ
- ห่อพิมพ์ด้วยกระดาษฟอยล์กดให้แน่นกันน้ำเข้าเพราะจะอบแบบรองน้ำร้อน เทส่วนผสมลงพิมพ์ และยกไปใส่ถาดที่มีน้ำร้อนอยู่ครึ่งหนึ่ง นำไปอบที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 ชั่วโมง และเพิ่มอุณหภูมิเป็น 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที นำออกจากเตาอบ พักให้เย็น และแช่เย็นข้ามคืน
4. เค้กไข่ไต้หวัน
เค้กไข่ไต้หวันสูตรนี้เหมาะกับสายคีโตมาก ใช้ผงอัลมอนด์แทนแป้งและใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพิ่มกลิ่นวานิลลาลงไปหน่อย รับรองความนุ่มเลยจ้า
ส่วนผสม เค้กไข่ไต้หวัน (สำหรับถาดสี่เหลี่ยมขนาด 7x7 นิ้ว)
- ไข่ 5 ฟอง
- เนย 70 กรัม
- วิปปิ้งครีม 70 กรัม
- ผงอัลมอนด์ 70 กรัม
- อิริทริทอล (สารให้ความหวาน) 100 กรัม
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
วิธีทำเค้กไข่ไต้หวัน
- แยกไข่ขาวและไข่แดงออกจากกัน พักไว้
- ผสมเนยกับวิปปิ้งครีมลงในชามเดียวกันแล้วเอาไปเข้าไมโครเวฟพอให้ละลาย ใส่ผงอัลมอนด์ คนให้เข้ากัน ตามด้วยไข่แดง คนให้เข้ากัน พักไว้
- อีกชามหนึ่งตีไข่ขาวกับสารให้ความหวาน โดยแบ่งใส่ 3 ครั้ง ตีให้ตั้งยอด ค่อย ๆ ผสมโฟมไข่ขาวลงในอ่างผสมไข่แดง คนให้เนื้อเข้ากันดีแล้วเทกลับไปในชามไข่ขาว คนให้เข้ากันแล้วเทลงพิมพ์ที่ห้อก้นด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ เพราะจะอบแบบรองน้ำร้อน
- เทน้ำร้อนลงในถาดรองอบและอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนสุก
5. พานาคอตต้า
แอบตาลุกวาวพอเห็นพานาคอตต้าคีโต ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล แบ่งเป็นเลเยอร์สวยงาม มีทั้งส่วนของซอสสตรอว์เบอรี น้ำซอสบลูเบอร์รี และพานาคอตต้าครีม กินแบบแช่เย็นชื่นใจที่สุดเลยค่ะ
ส่วนผสม พานาคอตต้า (สำหรับ 3 แก้ว)
ส่วนที่ 1 ส่วนน้ำซอสสตรอว์เบอร์รี
- สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 60 กรัม
- น้ำเปล่า 180 มิลลิลิตร
- สารให้ความหวาน (อิริทริทอล) 40 กรัม
- เจลาติน 2 แผ่น
ส่วนที่ 2 ส่วนน้ำซอสบลูเบอร์รี
- บลูเบอร์รี 50 กรัม
- น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร
- สารให้ความหวาน (อิริทริทอล) 20 กรัม
- เจลาติน 1 แผ่น
ส่วนที่ 3 ส่วนพานาคอตต้าครีม
- นมอัลมอนด์ 150 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 200 มิลลิลิตร
- สารให้ความหวาน (อิริทริทอล) 40 กรัม
- เจลาติน 3 แผ่น
วิธีทำพานาคอตต้า
- ก่อนเริ่มทำแช่แผ่นเจลาติน 6 แผ่นในน้ำ ถ้าจะให้ดีให้แยกถ้วยแช่ ถ้วยหนึ่ง 3 แผ่น อีกถ้วย 2 แผ่น และถ้วยสุดท้าย 1 แผ่น เพราะเวลาเจลาตินละลายมันจะแยกกันไม่ออก หรือหากใครจะใช้เจลาตินแบบผงก็ละลายในน้ำก่อน
- เริ่มทำชั้นที่ 1 ชั้นซอสสตรอว์เบอร์รี โดยตั้งไฟอ่อน เทสตรอว์เบอร์รี น้ำ และอิริทริทอล คนให้เข้ากันจนอิริทริทอลละลาย สตรอว์เบอร์รีนิ่ม และน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นใช้กระชอนตาถี่กรองเอาแต่ส่วนน้ำ หากใครมีผ้าขาวบางก็จะดีมาก
- ในขณะที่น้ำสตรอว์เบอร์รียังอุ่นอยู่ ใส่แผ่นเจลาตินที่นิ่มแล้ว 2 แผ่นลงไป คนให้เจลาตินละลายเข้ากันกับน้ำ
- ตะแคงภาชนะประมาณ 45 องศา แล้วค่อย ๆ หยอดชั้นที่ 1 ลงในแก้วประมาณ 1/4 ส่วน แล้วนำไปแช่เย็นจนเซตตัว ถึงจะหยอดชั้นที่ 2 ได้
- ทำชั้นที่ 2 ส่วนซอสบลูเบอร์รี ทำเช่นเดียวกับชั้นที่ 1 โดยตั้งไฟอ่อน ผสมบลูเบอร์รี น้ำ และอิริทริทอล คนให้เข้ากันจนอิริทละลายและน้ำเปลี่ยนสี กรองเอาแต่น้ำ แล้วใส่เจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป 1 แผ่น คนให้เข้ากัน
- เมื่อชั้นสตรอว์เบอร์รีเซตตัวแล้วก็เริ่มหยอดชั้นที่ 2 ชั้นนี้ไม่ต้องหนามาก ในสูตรหยอดแค่ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วนำไปแช่เย็นจนเซตตัว (ซอสบลูเบอร์รีที่เหลือให้นำไปผสมกับกากบลูเบอร์รีที่กรองออกไป เอาไว้ราดตกแต่งภายหลัง)
- ทำพานาคอตต้าครีม โดยเทนมอัลมอนด์กับวิปปิ้งครีมลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ตามด้วยอิริทริทอล (แค่อุ่น ๆ ห้ามเดือดเด็ดขาด)
- พออิริทริทอลละลายแล้วก็ใส่แผ่นเจลาตินที่นิ่มแล้วลงไป 3 แผ่น คนให้เข้ากันและหยอดเป็นชั้นที่ 3 เสร็จแล้วนำไปแช่เย็นให้เซตตัว ก่อนเสิร์ฟราดซอสบลูเบอร์รี ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี
6. เอแคลร์
เกิดมาต้องลองสักครั้งกับเอแคลร์คีโต ความพิเศษคือแป้งทำจากผงอัลมอนด์ ใส่เนยกับไข่ มาพร้อมส่วนผสมไส้ครีมไม่ใส่น้ำตาล
ส่วนผสม แป้งชูหรือเปลือกขนม (ประมาณ 24 ชิ้น)
- น้ำเปล่า 35 มิลลิลิตร
- วิปปิ้งครีม 35 มิลลิลิตร
- เนย 30 กรัม
- แป้งอัลมอนด์ 35 กรัม
- แซนแทนกัม 1/2 ช้อนชา (สารให้ความหนืดใช้แทนกลูเตน)
- ผงฟู 1 ช้อนชา
- ไข่ 2 ฟอง
ส่วนผสม ไส้ครีมคัสตาร์ด
- ไข่แดง 2 ฟอง
- อิริทริทอล 30 กรัม (สารให้ความหวาน)
- นมอัลมอนด์อุ่น 200 มิลลิลิตร
- แซนแทนกัม 1/2 ช้อนชา
- วิปครีมที่ตีแล้ว (วิปปิ้งครีม 100 มิลลิลิตร กับอิริทริทอล 10 กรัม)
วิธีทำเอแคลร์คีโต
- เริ่มกวนไส้ก่อนเพราะส่วนผสมต้องมีการพักทิ้งไว้ให้เย็นก่อนนำมาใช้ โดยตีไข่แดง 2 ฟองกับอิริทริทอลให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ เติมนมอัลมอนด์อุ่นแล้วตีให้เข้ากัน นำไปเคี่ยวไฟอ่อน เติมแซนแทนกัม เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนหนืดและข้น ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 5-7 นาที เทลงถ้วย ห่อด้วยพลาสติกถนอมอาหาร (ให้พลาสติกคลุมที่หน้าครีมนะคะ) แล้วนำไปแช่เย็น
- ทำตัวเปลือกขนม โดยเทน้ำ วิปปิ้งครีม และเนยลงในหม้อ ใช้ไฟอ่อน พอเนยละลายและเริ่มมีฟองที่บริเวณขอบ ๆ ใส่แป้งอัลมอนด์ คนให้เข้ากันแล้วตามด้วยแซนแทนกัมกับผงฟู ใช้ตะกร้อมือกวนแป้งไปเรื่อย ๆ จนแป้งเริ่มเกาะตัวกันเป็นก้อน ไหลจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งของหม้อได้ นำออกมาพักไว้ในชามให้เย็นลงสัก 10 นาที
- พอแป้งเย็นลงแล้วตีไข่ให้แตกแล้วค่อย ๆ เทผสมลงในแป้งที่กวนไว้ ตีด้วยความเร็วต่ำ (ในสูตรใส่ 2 รอบ) ตีจนแป้งเนียนและไหลลงจากสเปตูล่าได้ ถือเป็นอันใช้ได้ จากนั้นเทแป้งลงในถุงบีบ หยอดแป้งลงบนกระดาษไข ใครชอบขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่บีบตามใจได้เลย
- ใช้นิ้วหรือหลังช้อนจุ่มน้ำ ทาลงบนผิวด้านหน้าของขนมเพื่อลบยอดแหลมและเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของแป้งขณะอบ แล้วนำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาที
- ระหว่างรอเปลือกขนมสุก เรามาเตรียมไส้คัสตาร์ดครีมให้พร้อมค่ะ นำตัวคัสตาร์ดออกมาจากตู้เย็น ตีให้เนื้อเนียนเข้ากัน ผสมกับวิปครีมที่ตีเอาไว้แล้ว ตีให้เป็นเนื้อเดียวกันแล้วเทลงถุงบีบ ใช้มีดปลายแหลมเจาะรูที่ฐานแล้วบีบครีมเข้าไป ใครชอบครีมหนัก ๆ ก็บีบเข้าไปตูม ๆ เลย จากนั้นก็ตกแต่งด้วยคัสตาร์ดครีมอีกชั้นหนึ่ง และใบมินต์
7. พุดดิ้งมะพร้าวคั่ว
มาต่อกันที่เมนูพุดดิ้งมะพร้าวคั่ว ใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ใส่นมอัลมอนด์กับกะทิเพิ่มความหอมมัน ที่ขาดไม่ได้เลยคือ มะพร้าวคั่ว
ส่วนผสม พุดดิ้งมะพร้าวคั่ว
- มะพร้าวคั่ว 100 กรัม
- เจลาตินผง 10 กรัม หรือ 2 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
- กะทิ 500 มิลลิลิตร
- นมอัลมอนด์ 200 มิลลิลิตร
- อิริทริทอลป่น (สารให้ความหวาน) 90 กรัม
วิธีทำพุดดิ้งมะพร้าวคั่ว
- นำมะพร้าวขูดไปคั่วไฟอ่อนจนมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ ระวังอย่าให้ไหม้ เสร็จแล้วพักไว้ให้เย็น
- บลูมเจลาตินโดยใช้น้ำเปล่าเทลงไปในเจลาติน แล้วทิ้งไว้ให้ละลาย
- ตั้งหม้อด้วยไฟอ่อน เทกะทิและนมอัลมอนด์ลงไป ตามด้วยอิริทริทอลและเจลาตินที่ละลายดีแล้ว คนให้เข้ากันจนเจลาตินละลาย ระวังอย่าให้เดือด ยกออกจากเตา เทลงพิมพ์ที่รองด้วยกระชอนเพื่อความเนียนเด้ง สูตรนี้ใช้พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 7x7 นิ้ว นำไปแช่เย็นค้างคืนหรือขั้นต่ำ 4 ชั่วโมง เมื่อเจลาตินเซตตัวดีแล้ว แกะพุดดิ้งออกจากพิมพ์ ตัดเป็นชิ้นตามชอบ คลุกด้วยมะพร้าวคั่ว จัดเสิร์ฟ
8. อัลมอนด์ตูเล่
ลองทำอัลมอนด์ตูเล่เอาไว้เคี้ยวเพลิน ๆ ระหว่างดูหนังดูละครกันดีไหมคะ ใช้ไข่ขาวกับอัลมอนด์สไลซ์ เติมชีสลงไปหน่อย เกลี่ยเป็นแผ่นบางกรอบแล้วเอาไปอบจนสุก
ส่วนผสม อัลมอนด์ตูเล่
- ไข่ขาว 2 ฟอง
- น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ
- สารให้ความหวาน (สตีเวีย) 1 ช้อนโต๊ะ
- กลิ่นอัลมอนด์ 1 ช้อนชา
- สารให้ความหนืด (แซนแทนกัม) 1 ช้อนชา
- พาร์มีซานชีส 30 กรัม
- อัลมอนสไลซ์ 100 กรัม
วิธีทำอัลมอนด์ตูเล่
- ตีไข่ขาว น้ำมันมะพร้าว สตีเวีย และกลิ่นอัลมอนด์ ให้เข้ากัน ใส่แซนแทนกัม ตีให้เนียนไม่เป็นเม็ด ใส่พาร์มีซานชีส คนให้เข้ากัน ใส่อัลมอนด์สไลซ์ คลุกให้เข้ากัน
- เกลี่ยลงถาดอบ พยายามเกลี่ยให้บางที่สุด ในสูตรตักชิ้นละ 15 กรัม
- นำไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาที หรือจนขอบมีสีน้ำตาลอ่อน
9. สาคูน้ำกะทิ
ใครพอมีเวลาว่างและอยากกินขนมไทยไม่อ้วน อยากให้ลองมาทำสาคูน้ำกะทิสูตรนี้กันค่ะ สาคูทำจากผงวุ้นใส่สีผสมอาหาร น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รีใส่สารให้ความหวานแทนน้ำตาล เพิ่มความฟรุ้งฟริ้งจากวุ้นกาแฟกับวุ้นแดง
ส่วนผสม น้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี
- สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 200 กรัม
- น้ำเปล่า 500 มิลลิลิตร
- อิริทริทอล 300 กรัม (สารให้ความหวานที่ไม่กระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือด)
ส่วนผสม วุ้นสาคู
- น้ำมันพืช แช่เย็นจัด
- น้ำเปล่า 350 มิลลิลิตร
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- อิริทริทอล 50 กรัม
- สีผสมอาหารตามชอบ สำหรับทำวุ้นสาคู
ส่วนผสม วุ้นกาแฟกับวุ้นแดง
- น้ำเปล่า 350 มิลลิลิตร
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- อิริทริทอล 50 กรัม
- น้ำกาแฟ
- สีผสมอาหารสีแดง
ส่วนผสม น้ำกะทิมะพร้าวอ่อน
- เนื้อมะพร้าวอ่อน 100 กรัม
- น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร
- กะทิ 200 มิลลิลิตร (สามารถใช้นมอัลมอนด์แทนเพื่อลดไขมันและแคลอรี)
วิธีทำสาคูน้ำกะทิ
- ทำน้ำเชื่อมสตรอว์เบอร์รี โดยต้มสตรอว์เบอร์รีแช่แข็งในน้ำเปล่า ปล่อยให้เดือดสักพัก เพื่อเอารสและกลิ่นของสตรอว์เบอร์รีออกมา ขั้นตอนนี้ใครขี้เกียจล้างหม้อก็สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ เมื่อสตรอว์เบอร์รีเปื่อยยุ่ยแล้วก็นำมากรองเอากากออก และเทน้ำสตรอว์เบอร์รีกลับเข้าไปในหม้อเดิม เติมสารให้ความหวาน เมื่อสารให้ความหวานละลายหมดก็เทใส่ภาชนะไว้ และสามารถเก็บไว้ใช้เป็นไซรัปกินกับโซดาอร่อยแบบไร้แคลอรีไปอีก
- ทำสาคู (ปลอม) โดยนำน้ำมันพืชชนิดใดก็ได้ไปแช่เย็นโดยใส่ภาชนะที่มีทรงสูงสักหน่อย เพื่อให้วุ้นมีเวลาเซตตัวขณะหยดลงถึงก้นภาชนะ เตรียมไว้
- ตั้งหม้อเปิดไฟ ใส่ผงวุ้นกับน้ำเปล่าลงไป รอจนร้อนและมีลักษณะข้น ใช้ไซริงค์หรือขวดบีบหยดวุ้นลงบนน้ำมันพืชที่เย็นจัด นำไปล้างน้ำมันออกให้สะอาด พักส่วนสาคูไว้ หากใครต้องการสีก็สามารถนำไปแช่ในน้ำที่ผสมสีผสมอาหารได้ ส่วนต่อมาคือทำวุ้นรสกาแฟและวุ้นแดง โดยผสมผงวุ้นลงในน้ำเปล่า เติมสารให้ความหวาน ต้มให้เดือดและเทลงภาชนะ แบ่งเป็น 2 ถ้วย ถ้วยหนึ่งใช้กาแฟชง 1 ช้อนโต๊ะ และอีกถ้วยใช้สีผสมอาหารแดง หรือใครจะเติมสตรอว์เบอร์รีไซรัปลงไปเพื่อเพิ่มความหอมก็ได้ ปล่อยให้เซตตัวแล้วตัดให้เป็นลูกเต๋า
- ตักวุ้นกาแฟและวุ้นแดงลงในอ่างผสม พร้อมสาคู (ปลอม) น้ำเปล่า น้ำกะทิ (หากใครต้องการลดแคลอรีลงสามารถใช้นมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอ นมถั่วเหลืองสำหรับสายคลีนแทนกะทิได้) เนื้อมะพร้าวอ่อน และสตรอว์เบอร์รีไซรัป คนให้เข้ากัน แช่เย็นแล้วจัดเสิร์ฟ
10. ไอศกรีมมอคค่า
เอาใจคอกาแฟสักหน่อยกับไอศกรีมมอคค่า ไม่ต้องใช้เครื่อง ไม่ใส่น้ำตาล ใส่ผงโกโก้เพิ่มความหอมและสีสัน ก่อนเสิร์ฟโปะหน้าด้วยวิปครีมและผงโกโก้
ส่วนผสม ไอศกรีมมอคค่า
- วิปปิ้งครีม 200 มิลลิลิตร
- ไข่แดง (ขนาดเล็ก) 5 ฟอง
- สตีเวีย (แบบน้ำ) 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
- ผงกาแฟ 2 ช้อนชา (ใครชอบเข้ม ๆ เพิ่มได้)
- ผงโกโก้ 2 ช้อนชา
- วิปครีม สำหรับแต่ง
- ผงโกโก้ สำหรับแต่ง
วิธีทำไอศกรีมมอคค่า
- เทครีมลงในอ่างผสม ตีจนตั้งยอดแข็งแล้วพักไว้
- บนหม้อ double boiler ตีไข่แดงและสตีเวียให้เข้ากัน ตามด้วยผงกาแฟและผงโกโก้ ตีให้เข้ากันจนส่วนผสมข้น เทลงผสมในวิปครีมที่ตีไว้
- ตักใส่แก้ว นำไปแช่แข็งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเสิร์ฟโปะหน้าด้วยวิปครีมและผงโกโก้
จบไปแล้วสำหรับเมนูขนมคีโต แต่ละเมนูน่าโดนทั้งนั้นเลย ใครที่กลัวอ้วนแต่อยากกินขนมลองทำกันดูนะคะ จะกินตบท้ายอาหารคาวหรือจะกินเพลิน ๆ ก็ตามสะดวกเลยจ้า คลิกเข้าไปดูสูตรอาหารคีโตอีกมากมายกันได้เลย