แป้งมันทำอะไรได้บ้าง ? จับมาทำเมนูขนมไทยจากแป้งมันกันดีไหม เคี้ยวเหนียวนุ่มทุกสัมผัส อร่อยหลากหลายทำวนไปไม่น่าเบื่อ
แป้งมัน หรือแป้งมันสำปะหลัง หรือแป้งมันสิงคโปร์ ทำมาจากมันสำปะหลัง มีลักษณะเป็นผงสีขาว จับแล้วลื่นมือ เมื่อโดนความร้อนหรือทำให้สุกจะมีความเหนียวและเหลว เมื่อพักให้เย็นจะเหนียวหนืด
แป้งมันสามารถเอามาทำอาหาร อย่างเช่น น้ำราดหน้า กระเพาะปลาน้ำแดง แป้งหอยทอด แป้งกุยช่าย เป็นต้น รวมทั้งทำขนมได้หลากหลาย เช่น บัวลอย ทับทิมกรอบ ขนมชั้น ขนมฟักทอง ครองแครง ไข่เต่า เป็นต้น
แหม… จะว่าไปแป้งมันเอามาทำได้ทั้งอาหารและขนมเลยเนอะ สำหรับสายหวานคงอยากลองทำขนมไทยกันแล้วสิ เอาปากกามาจดแล้วลุยกันได้เลยจ้า
1. ขนมกล้วย
ส่วนผสม ขนมกล้วย
-
กล้วยน้ำว้าสุก (บดละเอียด) 500 กรัม
-
น้ำตาลทราย 100 กรัม
-
เกลือป่น 1 ช้อนชา
-
แป้งข้าวเจ้า 100 กรัม
-
แป้งมันสำปะหลัง 5 ช้อนโต๊ะ
-
หัวกะทิ 200 มิลลิลิตร
-
มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย
-
ใบตองสำหรับห่อ (ถ้าไม่มีใบตองสามารถใช้ถ้วยตะไลได้)
วิธีทำขนมกล้วย
-
ผสมกล้วยน้ำว้ากับน้ำตาลทราย เกลือป่น แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง หัวกะทิ และมะพร้าวขูด คนผสมให้เข้ากันดี
-
ตักส่วนผสมขนมกล้วยลงบนใบตอง แผ่บาง ๆ หรือจะทำเป็นทรงกรวยห่อเป็นทรงให้สวยงาม (หรือตักใส่ถ้วยตะไล) วางเรียงบนชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด นึ่งประมาณ 20 นาที จนขนมสุก จากนั้นนำออกจากชุดนึ่ง พร้อมรับประทาน
2. ขนมฟักทอง
ถ้าเบื่อฟักทองนึ่ง ลองเปลี่ยนสไตล์มาทำขนมฟักทอง สูตรจาก คุณนัทจัง สบายดี สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ใส่แป้งมัน เนื้อฟักทอง มะพร้าวขูด และน้ำตาล จับไปห่อใบตองหรือใส่ถ้วยทนความร้อนนึ่งจนสุก
ส่วนผสม ขนมฟักทอง
-
แป้งข้าวเจ้า 50 กรัม
-
แป้งมัน 40 กรัม
-
แป้งเท้ายายม่อม 50 กรัม
-
หัวกะทิ 200 กรัม
-
เนื้อฟักทองนึ่งสุก 300 กรัม
-
น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
-
น้ำตาลทราย 90 กรัม
-
เกลือป่น 1 ช้อนชา
-
มะพร้าวทึนทึกขูด 100 กรัม
วิธีทำขนมฟักทอง
-
ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และแป้งเท้ายายม่อมลงในภาชนะ ใส่กะทิลงในแป้ง จะใช้กะทิประมาณ 60-80 กรัม แล้วนวด ขั้นตอนนี้จะใช้เวลานานประมาณ 15 นาที แป้งต้องนวดเพราะจะทำให้แป้งเหนียวหนึบหนับ
-
นำกะทิที่เหลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย เนื้อฟักทอง และเกลือป่น ใส่ลงในเครื่องปั่นเพื่อให้เนื้อละเอียด เสร็จแล้วเทผสมลงในแป้ง ใช้มือหรือตะกร้อมือคนเพื่อให้ส่วนผสมเข้ากัน
-
ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งหนึ่ง
-
เมื่อเสร็จแล้วนำไปห่อใบตองหรือใส่ถ้วยและนำไปนึ่งประมาณ 15 นาที ใครชอบมะพร้าวขูดสามารถโรยเพิ่มเวลากินได้
3. ขนมชั้น
ส่วนผสม ขนมชั้น
-
น้ำตาลทราย 2+1/2 ถ้วย
-
น้ำกะทิ 4 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
-
แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
-
แป้งเท้ายายม่อม 1+1/2 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
-
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
-
น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
-
ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10x10 นิ้ว หรือ 8x8 นิ้ว)
วิธีทำขนมชั้น
-
ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น
-
นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้
-
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งเท้ายายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง
-
แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้
-
ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง)
-
นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
4. ลอดช่อง
อากาศร้อน ๆ มาหาขนมไทยกินเย็น ๆ สักถ้วย นี่ไงลอดช่อง สูตรจาก RinS Cook Book (#Rinscookcook) ใส่แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า และแป้งถั่วเขียว เติมน้ำใบเตย มาพร้อมน้ำราดกะทิ
ส่วนผสม ลอดช่อง
-
ใบเตยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 1 ปอนด์ (ประมาณ 450 กรัม)
-
น้ำปูนใส 9+1/2 -10 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 3 ถ้วย
-
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
-
แป้งถั่วเขียว 4 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำเย็นจัด
-
น้ำแข็งทุบ
ส่วนผสม น้ำกะทิ
-
น้ำตาลปี๊บ 3+1/2 -4 ถ้วย
-
เกลือป่น 1 ช้อนชา
-
กะทิ 5 ถ้วย
วิธีทำลอดช่อง
-
ทำน้ำกะทิ โดยใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และกะทิลงในอ่างผสม ใช้มือขยำส่วนผสมเข้าด้วยกันจนน้ำตาลปี๊บละลายเข้ากันดี กรองด้วยตะแกรง
-
นำส่วนผสมน้ำกะทิขึ้นตั้งไฟปานกลาง เคี่ยวจนน้ำกะทิใกล้เดือด (ให้ส่วนผสมเดือดเฉพาะตรงกลาง ไม่เดือดพล่าน เพื่อไม่ให้กะทิแตกมัน) ประมาณ 10-15 นาที ปิดไฟ ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น เตรียมไว้ (สามารถทำไว้ล่วงหน้าหรือทำทิ้งไว้ข้ามคืนได้)
-
ใส่ใบเตยลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำปูนใส 6-7 ถ้วย ปั่นจนละเอียด จากนั้นคั้นเอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้
-
ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งถั่วเขียวลงไปในน้ำใบเตย โดยปล่อยให้แป้งค่อย ๆ จมลงไปในน้ำจนหมด (เทคนิค : ปล่อยให้แป้งจมลงไปในน้ำเอง รอประมาณ 1 นาที โดยไม่ต้องคน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า แป้งจะได้ไม่จับตัวเป็นก้อน และละลายเข้ากับน้ำทั้งหมด) พอแป้งจมลงหมดแล้ว ค่อย ๆ คนผสมจนเข้ากันดี จากนั้นกรองด้วยตะแกรง เตรียมไว้
-
ใส่ส่วนผสมลงในกระทะก้นลึกขนาดใหญ่ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง กวนผสมตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง พอแป้งเริ่มเหนียว ค่อย ๆ เทน้ำปูนใสที่เหลือลงไปจนหมด กวนจนส่วนผสมเหนียว และมีสีใส
-
ตักส่วนผสมแป้งใส่เครื่องกดลอดช่อง กดแป้งเป็นเส้น ๆ ลงในน้ำเย็นจัด จากนั้นตักส่วนผสมขึ้น ใส่ลงในถ้วย ตามด้วยน้ำกะทิที่เตรียมไว้ และน้ำแข็ง พร้อมเสิร์ฟ
หมายเหตุ : สูตรนี้ใส่แป้งถั่วเขียว เพื่อทำให้ลอดช่องมีเนื้อเหนียว นุ่ม และสีสวยมากขึ้น เก็บไว้กินนาน ๆ จะไม่คืนตัวและเป็นน้ำ
5. ขนมรวมมิตร
ส่วนผสม ขนมรวมมิตร
-
แป้งมัน 500 กรัม
-
น้ำเปล่า (1) 250 มิลลิลิตร
-
สีผสมอาหารตามชอบ
-
สาคู 150 กรัม
-
น้ำสำหรับต้ม
ส่วนผสม น้ำกะทิ
-
กะทิ 400 มิลลิลิตร
-
น้ำเปล่า (2) 600 มิลลิลิตร
-
น้ำตาลทราย 200 กรัม
-
เกลือ 1/4 ช้อนชา
-
ท็อปปิ้งตามชอบ
วิธีทำขนมรวมมิตร
-
ทำแป้งขนมโดยต้มน้ำ (1) ให้เดือด หลังจากนั้นนำน้ำร้อนที่ได้ทยอยเทลงในแป้ง คนให้แป้งจับตัวเป็นก้อน พอเริ่มจับตัวให้นวดจนแป้งเนียน นำแป้งแบ่งเป็นสีตามที่จะใส่ (ตามชอบ) จากที่ทำแบ่งเป็น 4 ส่วน สำหรับ 4 สี
-
นำสีหยดลงในถ้วย ผสมน้ำเล็กน้อย (ปริมาณความเข้มของสีตามชอบ) แล้วคนให้เข้ากัน นำสีที่ได้เทใส่ลงในแป้งที่แบ่งไว้แล้วนวดให้เข้ากัน โดยทำทีละสี ทำแบบนี้จนครบตามที่แบ่งแป้งไว้ หลังจากนั้นแบ่งแป้งแต่ละสีออกเป็น 2 ส่วน เพื่อทำครองแครงและลอดช่อง
-
ปั้นแป้งที่แบ่งไว้เป็นครองแครง และคลึงแป้งส่วนที่เหลือเป็นแผ่นบาง ๆ ตัดเป็นชิ้นตามยาวขนาดกว้างประมาณ 2 นิ้วนำมาช้อนกัน แล้วตัดเป็นชิ้นยาวขนาดเล็กตามภาพเพื่อทำลอดช่อง เมื่อทำครองแครงและลอดช่องเสร็จครบทุกสีแล้ว หาผ้าคลุมแล้วพักไว้สักครู่
-
ต้มน้ำให้เดือด (น้ำส่วนนี้ไม่มีในส่วนผสม) เมื่อเดือดแล้วให้ใส่สาคูลงไปต้มให้สุก แล้วพักไว้ในน้ำเย็น
-
นำน้ำใส่หม้อแล้วต้มน้ำให้เดือด หลังจากนั้นต้มครองแครงให้สุก แล้วตักขึ้นพักในน้ำเย็น และต้มลอดช่องให้สุก แล้วพักในน้ำเย็นเช่นกัน
-
ทำกะทิโดยนำกะทิ น้ำเปล่า น้ำตาลทราย และเกลือใส่ลงหม้อ คนให้เข้ากัน แล้วนำตั้งไฟอ่อนแค่พอเดือดปุด ๆ ที่ขอบหม้อ แล้วปิดไฟ นำขึ้นพักให้เย็น
-
ใส่สาคู ครองแครง และลอดช่องลงในน้ำกะทิ ตามด้วยท็อปปิ้งต่าง ๆ ที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ถ้ามีขนุนใส่ลงไปด้วยจะยิ่งหอม ตักเสิร์ฟเลย หรือจะใส่น้ำแข็งก็อร่อยชื่นใจ
6. ตะโก้
ส่วนผสม ตะโก้
-
น้ำเปล่า 1 ถ้วย
-
น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
-
แป้งมัน 1/4 ถ้วย
-
แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย (หรือน้ำ 2 ถ้วย ผสมน้ำหอมกลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา)
-
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 2 ช้อนโต๊ะ
-
แห้วต้มสุก (หั่นเต๋าเล็ก) 1 ถ้วย
ส่วนผสม หน้ากะทิ
-
แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วยตวง
-
กะทิ 2 ถ้วยตวง
-
เกลือป่น 1 ช้อนชา
-
กระทงใบเตย
วิธีทำหน้ากะทิตะโก้
- ใส่แป้งข้าวเจ้า กะทิ และเกลือป่นลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟใช้ความร้อนปานกลาง คนผสมจนข้น และเหนียว ยกลงจากเตา เตรียมไว้หยอดลงบนขนมตะโก้
วิธีทำตะโก้แห้ว
-
ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย ต้มจนเดือดและเหนียวเป็นน้ำเชื่อม พักไว้จนเย็น
-
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งถั่วเขียว น้ำลอยดอกมะลิ และน้ำใบเตยจนละลายเข้ากันดี เทใส่ลงในส่วนผสมน้ำเชื่อม กวนผสมจนแป้งสุกเหนียวและใส จากนั้นใส่แห้วลงคนผสมให้เข้ากัน ยกลงจากเตา
-
ตักใส่กระทงใบเตยที่เตรียมไว้ประมาณ 3/4 ของกระทง ตามด้วยหน้ากะทิจนเต็มพิมพ์ พักทิ้งไว้จนอุ่น จัดใส่จาน
7. ขนมเปียกปูน
ส่วนผสม ขนมเปียกปูน
-
แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
-
แป้งมัน หรือแป้งเท้ายายม่อม 150 กรัม
-
น้ำปูนใส
-
น้ำตาลปี๊บ 1+1/2 กิโลกรัม (ปรับเพิ่ม-ลดความหวานได้ตามชอบ)
-
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น
-
มะพร้าวทึนทึกขูดเป็นเส้น สำหรับโรยหน้า
วิธีทำขนมเปียกปูน
-
ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม และน้ำปูนใสเล็กน้อยพอให้เหลว ๆ คนให้ละลายเข้าด้วยกัน
-
ใส่น้ำใบเตยลงไปคนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาลปี๊บคนให้ละลาย จากนั้นนำน้ำนำไปกรองผ่านกระชอน
-
เทส่วนผสมลงในกระทะทองเหลืองหรือกระทะเทฟลอน นำขึ้นตั้งกวนด้วยไฟแรงจนส่วนผสมงวดและแห้งเหนียว
-
ตักส่วนผสมใส่พิมพ์ พักทิ้งไว้จนส่วนผสมเซตตัว ตัดเป็นชิ้น ๆ โรยมะพร้าวขูด พร้อมเสิร์ฟ
8. ขนมเปียกปูนกะทิสด
ส่วนผสม ขนมเปียกปูนกะทิสด
-
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง
-
แป้งมัน 1/4 ถ้วยตวง
-
น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
-
น้ำใบเตย 2 ถ้วยตวง
-
เกลือเล็กน้อย
-
น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วยตวง
-
น้ำตาลปี๊บ 120 กรัม
ส่วนผสม กะทิราดหน้าขนม
-
กะทิ 500 กรัม
-
เกลือแค่หยิบมือ
-
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ใส่เพื่อให้น้ำกะทิข้น)
-
งาขาวคั่ว
วิธีทำขนมเปียกปูนกะทิสด
-
นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำปูนใส และน้ำใบเตย ผสมกันและนวดจนเข้ากันดี
-
ใส่เกลือ น้ำตาลทรายแดง และน้ำตาลปี๊บ นวดต่อจนเข้ากันดี
-
กรองส่วนผสมแป้งด้วยตะแกรง 1 รอบ
-
ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่แป้งลงไปกวน พอแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนให้ลดเป็นไฟอ่อน ค่อย ๆ กวนต่อจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี สังเกตจากการเอาไม้พายตักแป้งขึ้นมา ถ้าแป้งเหนียวติดไม้พายก็ใช้ได้แล้ว ตักขนมเปียกปูนใส่ถุงบีบ และใช้หัวบีบแต่งหน้าเค้ก บีบใส่ถ้วย
วิธีทำกะทิราดหน้าขนม
-
ใส่หัวกะทิลงในหม้อ ตามด้วยเกลือ ใส่แป้งข้าวเจ้า คนผสมจนเดือด
-
เสร็จแล้วตักกะทิราดหน้าขนมเปียกปูน โรยงาขาวคั่วหอม
9. ขนมดอกจอก
ส่วนผสม ขนมดอกจอก
-
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม
-
แป้งข้าวเจ้า 150 กรัม
-
แป้งมันสำปะหลัง 50 กรัม
-
น้ำปูนใส 250 กรัม
-
ไข่ไก่ 2 ฟอง
-
เกลือ 1/2 ช้อนชา
-
น้ำตาลทราย 50 กรัม
-
หัวกะทิ 500 กรัม
-
งาดำ
วิธีทำขนมดอกจอก
-
นำแป้งสาลี แป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน เทรวมกัน ตามด้วยน้ำปูนใส นวดไปเรื่อย ใส่ไข่ไก่นวดต่อไปเรื่อย ๆ
-
ใส่เกลือและน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากัน เทกะทิแล้วนวดให้ส่วนผสมเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลานวดค่อนข้างนานกว่าส่วนผสมจะเข้ากันดี กรองด้วยกระชอนตาถี่ แป้งจะละเอียดเนียนสวย ใส่งาดำตามชอบ หรือจะใส่งาขาวด้วยก็ได้
วิธีทอดขนมดอกจอก
- นำพิมพ์ไปแช่ทิ้งไว้ในน้ำมันที่ร้อนประมาณ 10 นาที
-
พอพิมพ์ร้อนได้ที่แล้วก็ซับด้วยน้ำมันก่อนที่จะไปชุบแป้ง จุ่มพิมพ์ลงไปในแป้ง แต่อย่าจุ่มจนมิด (เพราะถ้าจุ่มมิดแป้งจะติดพิมพ์ ไม่หลุด)
-
นำพิมพ์ชุบแป้งเสร็จแล้วลงไปทอดในน้ำมันที่ร้อน ใช้ไฟกลาง พอเอาพิมพ์จุ่มลงในน้ำมันแล้วค่อย ๆ เขย่าพิมพ์ แป้งก็จะหลุดออกจากพิมพ์ ทอดให้สุกเหลือง เอาขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน พอพักจนเย็นก็กินได้แล้ว
10. ขนมมันม่วง
ส่วนผสม ขนมมันม่วง
-
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
-
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วย
-
แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
-
เกลือ 1 ช้อนชา
-
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
-
กะทิ 2 ถ้วย
-
มันม่วงนึ่งและบด 1,000 กรัม
ส่วนผสม สำหรับโรยหน้าขนม
-
มะพร้าวขูดฝอย 1 ถ้วย
-
เกลือ 2/4 ช้อนชา
วิธีนึ่งมันม่วง
-
ล้างมันม่วงให้สะอาด ใช้แปรงขัดโดยรอบ อย่าให้มีเศษสกปรกหรือเศษดินติดอยู่
-
ตั้งลังถึง ใส่น้ำลงไปต้มจนเดือด เปิดฝา ใส่มันม่วงลงไป นึ่งประมาณ 20-30 นาที เช็กความสุกโดยใช้ไม้หรือส้อมจิ้มลงไป ถ้าจิ้มทะลุแสดงว่าสุกแล้ว
วิธีทำขนมมันม่วง
-
ใส่แป้ง เกลือ น้ำตาลทราย และกะทิ ลงในอ่างผสม นวดผสมจนทุกอย่างเนียนเข้ากัน
-
ใส่มันม่วงลงไป นวดจนเข้ากัน ไม่ต้องบี้มันม่วงละเอียดมาก เวลากินจะได้รสสัมผัสของเนื้อมันม่วง พักไว้ 15 นาที
วิธีทำมะพร้าวโรยหน้าขนม
- ผสมมะพร้าวขูดกับเกลือ คลุกให้เข้ากัน เตรียมไว้
วิธีนึ่งขนมมันม่วง
-
พอพักขนมจนครบเวลา 15 นาที ตักแป้งขนมใส่ถ้วยพิมพ์จนเต็ม โรยมะพร้าวขูด นำไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที เช็กความสุกด้วยไม้แหลมจิ้มลงไป ถ้าไม่มีเศษแป้งติดขึ้นมาเป็นอันใช้ได้
-
ยกออกจากเตามาผึ่งไว้จนคลายร้อน แคะออกใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ
11. ขนมผิงน้ำตาลโตนด
ส่วนผสม ขนมผิงน้ำตาลโตนด
-
แป้งมันสำปะหลัง 250 กรัม
-
เทียมหอม เอาไว้อบควันเทียน (ไม่ใส่ก็ได้ หรือกลิ่นอื่น)
-
กะทิ 250 กรัม
-
น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลทรายขาว 100-125 กรัม (ไม่ควรลดต่ำกว่า 100 กรัม เดี๋ยวจะเคี่ยวน้ำเชื่อมไม่ได้)
-
ไข่แดง 1 ฟอง
วิธีทำขนมผิงน้ำตาลโตนด
-
เริ่มจากคั่วแป้งไล่ความชื้น จะทำให้ขนมกรอบนานขึ้น ใครไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย แป้งที่คั่วจะมีสีน้ำตาลอ่อน หลังจากคั่วเสร็จแล้วก็ให้อบควันเทียนทิ้งไว้ 1 คืน ถ้าใครไม่มีเทียมหอมก็สามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้เลย ไปใส่กลิ่นอย่างอื่นทีหลัง
-
ใส่กะทิและน้ำตาลโตนด ใช้ไฟอ่อนเคี่ยวประมาณ 30 นาที ให้กลายเป็นน้ำเชื่อม เมื่อพักไว้ให้เย็นแล้วจะหนืดเป็นยางมะตูม ถ้าใช้น้ำตาลทรายขาวทำน้ำเชื่อมแนะนำให้ใส่ใบเตยลงไปต้มด้วยจะได้หอม หลังจากน้ำเชื่อมเย็นแล้วให้ใส่ไข่แดงลงไป คนให้เข้ากัน
-
เทน้ำเชื่อมลงในแป้ง ค่อย ๆ แบ่งเทประมาณ 3 รอบ ค่อย ๆ นวดแป้งให้เข้ากับน้ำเชื่อม น้ำเชื่อมจะหนืดมากใช้แรงเยอะพอสมควรในการนวดให้เข้ากัน แป้งที่นวดเสร็จแล้วต้องมีเนื้อสัมผัสคล้ายดินน้ำมัน คือไม่แห้งเกินไปจนปั้นไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้เหลวเกินแบบคุกกี้โดว์ เอาเป็นว่าให้มีความรู้สึกว่าปั้นได้ แต่ถ้าออกแรงกดเยอะก็จะเละ ถ้าแป้งเหลวเกินไปอบออกมาแล้วหน้าจะไม่แตก เนื้อข้างในก็จะไม่สุกด้วย
-
เนื่องจากน้ำเชื่อมที่แต่ละคนได้ออกมาจะมีปริมาณไม่เท่ากัน ฉะนั้นถ้าแห้งเกินให้ใส่น้ำเพิ่ม แนะนำใช้ฟ็อกกี้ที่เอาไว้ฉีดน้ำรีดผ้า ถ้าเหลวไปก็ใส่แป้งเพิ่มเท่านั้นเอง จากนั้นพักแป้งไว้ 2-3 ชั่วโมง พอครบเวลาก็ปั้นเป็นก้อนกลม เอาไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-20 นาที ใช้ไฟบน-ล่าง อย่าอบเกิน ไม่งั้นกรอบจนฟันหักแน่นอนและไหม้ด้วย ถ้าอยากให้กรอบมากขึ้นแนะนำให้ทิ้งไว้ในเตาอบหลังอบเสร็จสักพัก
12. ขนมไข่นกกระทา
ส่วนผสม ขนมไข่นกกระทา
-
แป้งมันสำปะหลัง 100 กรัม
-
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 25 กรัม (ถ้าชอบแบบเหนียวนุ่ม ก็สามารถใช้แป้งข้าวโพดแทนได้)
-
ผงฟู 1 ช้อนชา
-
น้ำตาลทราย 100 กรัม
-
เกลือ 1/2+1/4 ช้อนชา
-
มันเทศนึ่งบดละเอียด 350 กรัม
-
น้ำปูนใสประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะ (ค่อย ๆ ใส่แล้วนวดจนแป้งไม่ร่วนและปั้นเป็นลูกได้ จะน้อยหรือมาก บวก-ลบน้ำเอาได้เลย)
วิธีทำขนมไข่นกกระทา
-
ร่อนแป้งมันสำปะหลัง แป้งสาลีอเนกประสงค์ และผงฟู หลังจากนั้นใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
-
นำแป้งที่ผสมแล้วใส่ลงไปในมันเทศที่นึ่งบดแล้ว แบ่งแป้งใส่สัก 3 รอบ นวดขยำจนเข้ากัน หลังจากนั้นค่อย ๆ ใส่น้ำปูนใสลงไปทีละ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วนวดจนแป้งเนียนไม่ร่วน สามารถปั้นเป็นก้อนได้ เสร็จแล้วปั้นเป็นลูกกลม ๆ
-
ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วนำไข่นกกระทาลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ๆ คนไปด้วยขนมจะได้ไม่ไหม้ค่ะ พอทอดจนขนมเริ่มเหลืองฟูขึ้น ก็นำตะหลิวกดยีขนม เพื่อให้ขนมฟูขึ้นจากขนาดเดิมประมาณ 1.5-2 เท่า ฟูมากก็กลวงมาก พอพองเหลืองแล้วก็ต้องทอดต่อไปอีกสัก 4-5 นาที เพื่อให้ผิวขนมเซตตัวกรอบดีก่อน ถ้าตักขึ้นมาเร็วก็จะยุบและแฟบ พอสุกพองเหลืองได้ที่แล้วก็ตักมาพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน
13. ขนมอินทนิล
มาต่อกันที่ขนมไทยโบราณอีกสูตรนั่นคือ ขนมอินทนิล สูตรจาก คุณ lennon forever ตัวขนมทำจากแป้งมันและน้ำใบเตย ราดด้วยกะทิอบควันเทียน
ส่วนผสม น้ำกะทิ
-
น้ำกะทิ 4 ถ้วย (หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง หางกะทิ 3 ถ้วยตวง) *เราใช้กะทิกระป๋อง 4 ถ้วยตวง
-
น้ำตาลทราย 1+1/2 ถ้วยตวง
-
เกลือป่น 1 ช้อนชา
-
เทียนอบขนม
ส่วนผสม แป้งขนมอินทนิล
-
แป้งมันสำปะหลัง 2 ถ้วย
-
น้ำใบเตย 4 ถ้วย
วิธีทำน้ำกะทิอบควันเทียน
-
เทน้ำกะทิใส่ลงอ่าง จุดเทียนอบขนมให้ไฟลามถึงตรงขี้ผึ้งแล้วดับเทียน
-
ใส่เทียนลงในถ้วยเล็ก ๆ แล้วเอาใส่อ่างน้ำกะทิ ปิดฝา อบน้ำกะทิไว้ประมาณ 30 นาที แล้วจุดเทียนอบซ้ำอีก 1-2 ครั้ง ถ้ามีดอกกระดังงาก็เอาไปอบพร้อมเทียนเลย
-
พอได้น้ำกะทิที่อบควันเทียนแล้ว นำขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนผสมให้ละลาย รอจนเดือดแล้วยกลง
วิธีทำขนมอินทนิล
-
มาทำตัวขนมกันต่อ ผสมแป้งกับน้ำใบเตย คนให้แป้งละลายเข้ากับน้ำใบเตย
-
นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ใช้พายกวนตลอด ระวังอย่าให้ก้นหม้อไหม้ กวนจนขนมสุก ตัวแป้งจะเหนียวและใส พอแป้งสุกทั่วกัน เอาหม้อลงแช่ในอ่างน้ำแข็งเพื่อลงอุณหภูมิตัวขนมไม่ให้ร้อนเกินไป เดี๋ยวจะจับเป็นตัวไม่ได้
-
เตรียมถ้วยใส่น้ำไว้คอยจุ่ม ป้องกันขนมติดมือ ใช้นิ้วเปียก ๆ หยิบขนมขนาดพอดีคำ แล้วหย่อนลงน้ำกะทิที่เตรียมไว้ ตอนหยิบขนมก็ใช้นิ้วปั้น ๆ ให้กลม ๆ หน่อย ทำจนแป้งหมด ตัวขนมอินทนิลที่ดี ต้องไม่แข็งเป็นไตตรงกลาง พอสุกเอาขนมใส่ถ้วย ใส่น้ำกะทิ เติมน้ำแข็งทุบ
14. ขนมครกใบเตย
ถ้าชอบกินลงทุนซื้อเตาขนมครกมารอเลย ชวนทำขนมครกใบเตย สูตรจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน ตัวแป้งสีเขียวจากน้ำใบเตย เติมความหอมมันจากกะทิ ใส่ความหวานจากน้ำตาลทราย
ส่วนผสม ขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์ (สำหรับ 18-20 ชิ้น)
-
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย + 2 ช้อนโต๊ะ
-
แป้งมัน 1/4 ถ้วย
-
ผงฟู 1ช้อนชา
-
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
-
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
-
ไข่ไก่ 1 ฟอง
-
น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/3 ถ้วย
-
กะทิ 1/4 ถ้วย
-
น้ำมันพืช สำหรับทาพิมพ์
-
เตาขนมครกสิงคโปร์ (หรือใช้พิมพ์รูปอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปดอกไม้)
-
ผ้าสำหรับชุบน้ำมันทาเตา
วิธีทำขนมครกใบเตย ขนมครกสิงคโปร์
-
ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แป้งมัน และผงฟู เข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไป คนผสมเข้าด้วยกัน
-
ใส่ไข่ไก่ลงไปตีผสมให้เข้ากัน
-
เทกะทิลงไปตีผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำใบเตย คนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นเนื้อเนียนละเอียด พักแป้งไว้ 10 นาที
-
นำเตาขนมครกวางบนเตาแก๊ส ใช้ไฟอ่อนที่สุด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมันทาเตาบาง ๆ จากนั้นตักแป้งหยอดลงในเตาไม่ต้องเต็ม (เพราะเดี๋ยวขนมจะฟูขึ้นมาเอง) ปิดฝา (เพื่อให้ขนมสุกเร็วขึ้น)
-
เมื่อขนมสุกแล้วใช้ไม้ปลายแหลมหรือไม้จิ้มฟันแซะขึ้นมาจากพิมพ์ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ
15. ทับทิมกรอบ
คลายร้อนกันด้วยเมนูทับทิมกรอบ สูตรจาก คุณ BlackPiano สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตัวทับทิมทำจากแห้วใส่สีผสมอาหารสีแดง คลุกแป้งมันแล้วเอาไปลวกจนแป้งสุก
ส่วนผสม ทับทิมกรอบ
-
น้ำลอยดอกมะลิ
-
กะทิสำเร็จรูป 1 กล่อง
-
เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
-
ใบเตยมัดเป็นปม
-
เทียนสำหรับอบขนม
-
แห้ว
-
สีผสมอาหารสีแดงผสมน้ำ
-
สีผสมอาหารสีเขียวผสมน้ำ
-
แป้งมัน
-
น้ำตาลทราย (ไม่ขัดสี)
-
น้ำแข็งบด
วิธีทำกะทิอบควันเทียน
-
ผสมน้ำกะทิกับเกลือ ใส่ใบเตยมัดเป็นปมลงไป นำขึ้นตั้งไฟ ต้มแค่พอร้อน
-
จุดเทียนสำหรับอบขนมแล้วเป่าให้ดับ ใส่ลงในถ้วยเล็ก ๆ นำไปลอยในน้ำกะทิ ปิดฝาหม้อ อบทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำเทียนขึ้นมาจุดใหม่แล้วใส่ลงไปอบซ้ำหลาย ๆ ครั้ง (ยิ่งนานยิ่งดี) เตรียมไว้
วิธีทำทับทิมกรอบ
-
หั่นแห้วเป็นชิ้นเล็ก ๆ (ซื้อแห้วกระป๋องมา แห้วสด ๆ ก็ยิ่งดี เพราะราคาถูกกว่ากระป๋อง แต่แบบกระป๋องจะหอมหวานกว่าเพราะเขาแช่ในน้ำเชื่อมมาแล้ว บางคนก็ใช้มันแกว แต่บอกเลยว่าไม่อร่อยเท่าแห้วหรอก มันแกวนาน ๆ ไปจะแห้ง ความกรอบก็สู้แห้วไม่ได้)
-
ผสมน้ำกับสีผสมอาหาร ใส่แห้วที่หั่นแล้วลงไปคลุกในสีผสมอาหารให้เข้ากัน พักไว้ รอจนได้สีตามชอบ ใส่แห้วลงคลุกในแป้งมัน (บางคนก็ใส่แป้งท้าวลงไปนิดนึง) คลุกให้แป้งเคลือบดี แล้วร่อนแป้งส่วนเกินออก นำไปลวกในน้ำเดือดจนแห้วลอยขึ้นมา ตักใส่ลงในน้ำเย็น พักไว้
วิธีทำน้ำเชื่อมใส่ทับทิมกรอบ
-
นำดอกมะลิมาลอยในน้ำทิ้งไว้ตามชอบ เตรียมไว้สำหรับทำน้ำเชื่อมเพื่อความหอมสดชื่น
-
ต้มน้ำลอยดอกมะลิที่เตรียมไว้กับน้ำตาลทรายไม่ขัดสี และใบเตย เคี่ยวให้เหนียวเล็กน้อย เตรียมไว้
-
ตักทับทิมกรอบใส่ถ้วย ตามด้วยน้ำเชื่อม กะทิ และน้ำแข็งบด พร้อมเสิร์ฟ
16. ขนมครองแครงน้ำกะทิ
ปิดท้ายกันด้วยขนมครองแครงน้ำกะทิ สูตรจาก คุณ Fifa-girl สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตัวขนมทำจากแป้งมันผสมแป้งข้าวเจ้า เติมสีจากน้ำดอกอัญชัน ราดด้วยกะทิ และโรยงาคั่ว
ส่วนผสม ขนมครองแครง
-
แป้งมัน 4 ถ้วย
-
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
-
ดอกอัญชัน 20 ดอก
-
กะทิ 2 กล่อง
-
เกลือ 1 ช้อนชา
-
น้ำตาลทรายขาว
-
ใบเตย
-
งาขาวคั่ว
วิธีทำขนมครองแครง
-
ทำตัวครองแครง 2 สี คือสีน้ำเงินและสีฟ้า แบ่งครึ่งแป้งทั้ง 2 ชนิด นำแป้งมันผสมกับแป้งข้าวเจ้าแบ่งใส่กะละมังไว้ 2 ใบ ต้มน้ำให้เดือดแล้วใส่ดอกอัญชันลงไป รอจนน้ำเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มแล้วจึงตักดอกอัญชันออก
-
นำน้ำดอกอัญชันที่ต้มเดือดแล้วครึ่งหนึ่งมาเทลงไปในกะละมังแป้งใบแรก มือหนึ่งค่อย ๆ เทน้ำดอกอัญชัน เพราะกลัวแป้งจะเหลวเกินไป อีกมือหนึ่งคน ต้องรีบ ๆ คนเพราะถ้าคนช้าแป้งจะสุกเกินไป คนเสร็จก็ใช้มือนวดต่อ อย่าลืมเอาแป้งมันมาทาที่มือด้วย เพราะแป้งจะติดมือ แบ่งเป็นก้อนเล็ก ๆ
-
ส่วนแป้งอีกครึ่งที่เหลือก็ทำเหมือนกัน นำน้ำดอกอัญชันที่เหลือมาเติมน้ำเปล่าแล้วตั้งไฟให้เดือดอีกรอบ เทลงไปในแป้ง นวดจนเข้ากัน
-
นำก้อนแป้งที่เตรียมไว้มาคลึงให้เป็นเส้นยาว ๆ เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ควรเกิน 1 เซนติเมตร เพราะครองแครงจะตัวใหญ่เกินไป พอคลึงแล้วก็ตัด หน้าตาจะออกมาคล้าย ๆ มาร์ชเมลโล่ พอได้แป้งเป็นชิ้นมาแล้วก็เอามากดลงบนพิมพ์กดทำครองแครง เอานิ้วมือถูแป้งไปด้านหน้า แป้งก็จะม้วนตามนิ้วเรา ถ้าไม่มีพิมพ์ครองแครงใช้ช้อนส้อมแทนได้
-
นำหม้อมาใส่น้ำแล้วตั้งไฟกลางไปทางแรง เพื่อต้มตัวครองแครง อาจจะใส่ใบเตยไปด้วย เตาแรกต้มตัวครองแครง พอใส่ตัวครองแครงลงไปต้ม ให้คนด้วย กันแป้งติดก้นหม้อ สังเกตถ้าแป้งสุก ตัวครองแครงจะลอยขึ้นมา รอสัก 30 วินาทีเป็นอันใช้ได้ พอตักขึ้นมาแล้วก็ไปล้างน้ำ เสร็จแล้วพักไว้ ต้มแป้งต่อจนหมด
-
อีกเตาตั้งหม้ออีกใบใช้ไฟอ่อน ๆ ใส่กะทิ เกลือ น้ำตาลทราย และใบเตย พอกะทิเดือดใช้ได้ก็นำตัวแป้งที่พักไว้มาใส่หม้อกะทิ คน ๆ แล้วชิมตามชอบ รอเดือดสักนิดแล้วก็ปิดไฟ โรยงาคั่ว ตักเสิร์ฟ
แนะนำเมนูขนมจากแป้งข้าวเหนียว ขนมจากแป้งข้าวเจ้า และขนมไทยสูตรอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ใครอยากทำเมนูไหนคลิกเลยจ้า
◇ 15 สูตรขนมจากแป้งข้าวเจ้า สูตรทำกินทำขายอร่อยสไตล์ไทย
◇ 19 สูตรขนมจากแป้งข้าวเหนียว อร่อยนุ่มโดนใจสายหนึบ
◇ 15 สูตรขนมไทยยอดนิยม ทำง่าย ขายได้ กินเพลิน
◇ 7 สูตรบัวลอย ขนมไทยปั้นความสนุกใส่หม้อ เติมความหวานเข้าเส้น