13 เมนูกล้วยไม่อ้วน สูตรขนมแคลอรีต่ำทำง่ายเอาใจสายเฮลธ์ตี้

     1. ปอกเปลือกกล้วย และหั่นกล้วยให้เป็นแนวยาว แบ่งเป็น 4 ส่วน วางกระดาษรองอบในถาด จากนั้นนำกล้วยมาวางเรียงกัน โรยงาขาว
     2. นำเข้าเตาอบโดยใช้ไฟอ่อนที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส อบเป็นเวลา 70-90 นาที

     1. ตัดกล้วยออกเป็นหวี นำวางลงบนใบตอง ปิดทับด้วยใบตองและกระสอบ หรือนำใส่โอ่ง หรือถัง จากนั้นบ่มทิ้งไว้จนกล้วยสุกดี (บ่มจนผลกลมมน ไม่มีรอยเหลี่ยม และเปลือกตกกระสีดำ)
     2. ปอกเปลือกกล้วยออก เรียงลงบนตะแกรง นำไปตากแดดจนกล้วยเกือบแป้งสนิท นานประมาณ 5 วัน และหมั่นคอยพลิกกลับด้านอยู่เสมอ
     3. ก่อนนำกล้วยไปตากแดดในวันที่ 6 ให้ละลายน้ำกับเกลือให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ทิ้งไว้จนเย็น จากนั้นใช้ขวดน้ำคลึงหรือกดกล้วยให้แบน แล้วนำกล้วยลงไปล้างในน้ำเกลือที่เตรียมไว้ จากนั้นนำกล้วยวางเรียงบนตะแกรง นำไปตากแดดอีก 1-2 วัน จนกล้วยแห้งได้ที่
     4. เมื่อกล้วยแห้งได้ที่แล้ว ใส่กล้วยลงในหม้อ ปิดฝาให้สนิท วางทิ้งไว้ 1 คืน เพื่อให้น้ำตาลจากกล้วยซึมออกมา (กล้วยจะเงาและไม่แห้ง) จากนั้นเก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด
 

เทคนิคการทำกล้วยตากให้อร่อย

• กล้วยที่นำมาทำกล้วยตากให้ได้สีสวยนั้น ถ้าเป็นกล้วยที่สุกงอมจากต้นจะได้กล้วยตากที่สีไม่สวย ต้องนำมาบ่มก่อนสีกล้วยตากที่ได้จะสวยกว่า บ่มจนผลกล้วยไม่มีรอยเหลี่ยม เปลือกตกกระเป็นสีดำ
   

          การเก็บกล้วยตากในขณะที่ยังไม่แห้งดีเพื่อรอตากในวันต่อ ๆ ไป ให้เก็บใส่ถุงพลาสติก ปิดให้แน่น ป้องกันไม่ให้กล้วยดำ ป้องกันแมลง และเพื่อความสะอาด
 

     1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาที เตรียมไว้
     2. ใช้ตะกร้อมือตีไข่ไก่และน้ำตาลให้เข้ากัน พักไว้
     3. หั่นกล้วยหอมเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใช้ส้อมบี้ให้เละ ๆ นำไปใส่ในชามไข่และน้ำตาล ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ใช้ตะกร้อมือคนผสมวน ๆ จนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว
     4. ร่อนแป้งโฮลวีต ผงฟู และเบกกิ้งโซดาลงไปในชามผสม (แป้งโฮลวีตอาจร่อนได้ไม่หมดเพราะเนื้อแป้งจะหยาบ เพราะฉะนั้นแป้งที่เหลือบนที่ร่อนก็ใส่ลงไปเลย)
     5. ตีผสมทุกอย่างให้เข้ากัน (เนื้อจะข้นและหนืดนิด ๆ) เทใส่พิมพ์กระดาษประมาณ 3/4 พิมพ์เพราะเนื้อเค้กจะฟูขึ้นมา จากนั้นนำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 20-25 นาที ใช้ไฟบน-ไฟล่าง อบจนสุก

     1. นำกล้วยสุกมาบดให้ละเอียด ใส่ไข่ไก่ ผงฟู และกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
     2. เทส่วนผสมใส่ภาชนะทนความร้อน นำเข้าไมโครเวฟใช้ไฟแรงสุด 800 วัตต์ ประมาณ 1-1.30 นาที
    3. เมื่ออบเค้กเสร็จก็ตักใส่จาน ราดกรีกโยเกิร์ต ตามด้วยผลไม้สด

      1.วอร์มเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมพิมพ์ขนมปัง ฉีดสเปรย์น้ำมันบาง ๆ ลงไป
      2. นำส่วนผสมของแห้ง ได้แก่ แป้งโฮลวีต เบกกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือ ผสมให้เข้ากัน พักไว้ และนำส่วนผสมของเหลว ได้แก่ ไข่ไก่ กล้วยบด กรีกโยเกิร์ต น้ำผึ้ง และกลิ่นวานิลลา ใส่เครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นให้เข้ากัน
      3. เทส่วนผสมของเหลวลงในส่วนผสมของแห้ง ตะล่อมให้เข้ากัน (อย่าคนนาน เดี๋ยวเนื้อเหนียว)
      4. เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เอาเข้าเตาอบประมาณ 30-40 นาที เช็กความสุกด้วยไม้จิ้มฟันอีกทีเพื่อความชัวร์
      5. ถ้าสุกแล้วเอาออกจากเตา พักไว้สัก 10 นาที แซะออกมาพักต่อให้เย็นบนตะแกรงพักขนม แล้วค่อยจัดการสไลซ์

     1. ผสมทุกอย่างให้เข้ากันด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้
     2. ตั้งกระทะใช้ไฟร้อนปานกลาง (อย่าใช้ไฟแรง เดี๋ยวแพนเค้กหน้าดำ) หยอดส่วนผสมลงไป พอเริ่มเห็นฟองอากาศและขอบแป้งเริ่มเซตตัวก็กลับด้านได้เลย (ในสูตรเอาไม้คนกาแฟมาวางตอนเทแป้งแพนเค้กลงไป ให้มันเป็นแพนเค้กเสียบไม้)  
     3. จัดแพนเค้กใส่ภาชนะ ทานคู่กับน้ำผึ้ง หรือจะไม่ราดก็ได้ เพราะกล้วยหอมก็หอมหวานอยู่แล้ว แถมสตรอว์เบอร์รีและกรีกโยเกิร์ตเย็น ๆ สักนิดก็ฟินเว่อร์

     1. ผสมกล้วยหอม แครอต นมสด ไข่ไก่ เนย น้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน เตรียมไว้
     2. ผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ข้าวโอ๊ต และเบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน ใส่ในส่วนผสมกล้วย คนให้เข้ากัน
     3. ตักใส่ ถ้วยคัพเค้กหรือถาดอบมัฟฟิน ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ โรยช็อกโกแลตชิพ แล้วอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก ยกออกจากเตา พักไว้พออุ่น ๆ จัดใส่จาน

     1. บดกล้วย ไข่ไก่ โยเกิร์ต และผงโกโก้ให้เข้ากัน
     2. เทใส่พิมพ์ นำไปตุ๋นเหมือนการทำพุดดิ้ง โดยปกติจะปล่อยให้สุกทั้งหมด แต่สูตรนี้การตุ๋นใช้เวลาน้อยกว่านิดหน่อยเพื่อให้ข้างในยังมีน้ำอยู่ ส่วนระยะเวลาแล้วแต่ขนาดถ้วยและภาชนะตุ๋น ใช้เวลาประมาณ 10-12 นาที
     3. พอเสร็จก็โรยอัลมอนด์และกราโนลา

     1. ตีแป้งข้าวโอ๊ต กล้วย ไข่ไก่ ไข่ขาว และกลิ่นวานิลลาเข้าด้วยกัน
     2. ปั่นเสร็จแบ่ง 2 ส่วน ส่วนแรกปล่อยไว้ อีกส่วนใส่ผงโกโก้ เทแต่ละสีลงในกระทะทาโกะยากิ สักพักใส่กราโนลาไว้ตรงกลาง แล้วก็พลิกไปมาเหมือนทำทาโกะยากิ ตกแต่งตามชอบ

     1. บดกล้วย ข้าวโอ๊ต น้ำผึ้ง เนยถั่วช็อกโกแลต และผงโกโก้แท้
     2. เทใส่พิมพ์นำเข้าไปอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 15-18 นาที
     3. รอให้หายร้อนสักพัก ตัดแบ่ง จะจิ้มกับกรีกโยเกิร์ตหรือช็อกโกแลตก็อร่อย

     ​​​​► บดกล้วยและไข่ไก่ให้เข้ากันทิ้งไว้ข้ามคืน ตอนเช้าค่อยคนผสมให้เข้ากันแล้วเอาไปย่างในกระทะ ราดน้ำผึ้งเล็กน้อย และเทท็อปปิ้งตามชอบ

     1. ปอกเปลือกกล้วยออกแล้วใส่เนื้อกล้วยลงในเครื่องปั่น เติมแป้งโฮลวีต ตอกไข่ลงไป ตามด้วยน้ำมันมะพร้าว น้ำผึ้ง โยเกิร์ต เบกกิ้งโซดา ผงโกโก้ และผงกาแฟ
     2. ปั่นทุกอย่างเข้าด้วยกัน แล้วเทใส่พิมพ์กระดาษ นำเข้าไปอบใช้ไฟบน-ล่าง ประมาณ 180 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาที
     3. สุกแล้วแกะพิมพ์กระดาษออก จัดใส่จาน โรยไอซิ่งนิดหน่อย วางด้วยเบอร์รีข้าง ๆ แล้วชงลาเต้ด้วยนมไขมันต่ำ และไม่ใส่น้ำตาลมาดื่มเพิ่มความฟิน

          เมนูกล้วยนอกจากทำกินเป็นขนมไม่อ้วนได้แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีกำจัดกล้วยสุกที่กินไม่ทันอีกด้วย เอาเป็นว่าเพื่อน ๆ ชอบสูตรไหนเข้าครัวพร้อมกันเลยค่ะ